บทที่ 15...2/3
“เพราะเธออยากถ่ายรูปสติกเกอร์ ฉันอยากตามใจ ไม่ดีหรือไง” มือหนายกขึ้นไปลูบผมนุ่มของคนขี้สงสัยเบาๆ อย่างอ่อนโยนระคนเอ็นดู “ส่วนคนที่แอบถ่ายรูปของฉันไป ตอนนี้รูปพวกนั้นคงเบลอทั้งหมด”
ธามิณีพยักหน้าเพิ่งเข้าใจ “อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณนะคะที่ตามใจธาม”
การถ่ายรูปสติกเกอร์เป็นครั้งแรกของศนิเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ธามิณีกอดคอเขาบ้าง เอาแขนของเขาไปพาดไหล่ของเธอ บอกให้เขาย่อตัวลงแล้วกระโดดขี่หลัง ก่อนจะกอดเขาแล้วหลับตาลง ชายหนุ่มกอดตอบแล้ววางคางบนผมนุ่ม รูปสติกเกอร์ที่ออกมาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและดวงตาที่มองอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย ต่างคนต่างมีสิ่งที่อยู่ในใจ แต่ยังพูดออกมาไม่ได้
ธามิณีถอนใจเบาๆ เพื่อทิ้งทุกอย่างออกไปแล้วจับมือพาศนิไปยังเครื่องเล่นที่เรียกว่าทอร์นาโด หญิงสาวกรี๊ดคอแทบแตก ในขณะที่ศนิยิ้มมุมปากเหมือนชอบใจ แต่ไม่มีความกลัวใดๆ พอหายใจหายคอได้แล้ว ธามิณีก็พาเขาไปสกายโคสเตอร์ เธอหายใจหอบๆ ส่วนศนิกลับยิ้มชอบใจที่เธอหน้าแดงก่ำ ไม่มีอะไรทำให้เขากลัวได้เลยหรือยังไง
เธอพาเขาไปเล่นวิหคสายฟ้าแล้วต่อด้วยแกรนด์แคนยอน การได้ยินเขาหัวเราะและยิ้ม ทำให้เธอมองแล้วมีความสุขพลางยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปไว้ เขาหันมาพอดี รอยยิ้มกว้างของเขาราวกับไอศกรีมที่เธอชอบ
หากหยุดเวลาได้...
เธออยากหยุดเวลานี้ไว้ แล้วมองเขาให้มากจนพอใจเพราะกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นเขาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแบบนี้อีก
“ธามระวัง!” ศนิเอียงตัวมากอดธามิณีไว้เพราะน้ำกำลังกระเซ็นมาใส่เธอ
ธามิณีเก็บโทรศัพท์แล้วยกมือมาบังแก้มทั้งสองข้างของศนิไว้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่เพราะเขาก็เปียกอยู่ดี ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังพลางกอดเธออีกครั้งเมื่อน้ำระลอกใหม่กำลังสาดเข้ามาอีกด้าน การปกป้องเธอแบบมนุษย์ไม่ยากเลย ชายหนุ่มเพิ่งได้คำตอบว่าเขาอยากมีชีวิตแบบนี้ มีคนที่เขารักและแบกรับความทุกข์พร้อมๆ กับยิ้มรับความสุขไปด้วยกัน ทำไมสวรรค์ถึงทำให้เขาพบความรักแล้วกลับจะพรากเธอไป
กลิ่นหอมประหลาดนี้มาจากไหนกันนะ ธามิณีเงยหน้าจากเอกสารในมือที่กำลังอ่านอยู่ ภายในลิฟต์ที่มีคนมากมาย ตอนนี้มีเพียงเธอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมรวบแล้วถักเปียหลวมๆ การแต่งตัวดูภูมิฐานด้วยชุดสูทสีขาว ใส่แว่นตาสีชา มือข้างหนึ่งถือดอกกุหลาบสีแดงมาเพียงดอกเดียว กลิ่นหอมคงมาจากกุหลาบดอกนั้นกระมัง
“เธอเคยฝันเห็นว่าตัวเองตายเพราะอะไรมาก่อนแล้วใช่ไหม”
“อะไรนะคะ คุณพูดว่าอะไรนะคะ” ธามิณีได้ยินชัดเจนทุกคำจากผู้หญิงที่ถือกุหลาบสีแดงมาดอกเดียว หากจะมีใครรู้ว่าเธอเห็นตัวเองในฝันอย่างไรคงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เธอต้องระวังตัวแล้ว ผู้หญิงคนนี้จะมาชิงผลึกกาลอย่างที่เธอเคยเจอมาอีกคนหรือเปล่า
“ฉันต้องการคุยกับเธอ อย่าให้ศนิรู้เด็ดขาด ฉันมาเพื่อช่วยเขา”
ช่วยงั้นหรือ?
เพราะคำพูดนี้ธามิณีถึงได้ยอมเดินตามผู้หญิงคนนั้นไป อีกทั้งเธอยังสงสัย คนที่รู้จักศนิคงมีไม่มาก แล้วยังรู้ว่าเธอฝันเห็นอะไร ยิ่งยากที่จะพบเจอเข้าไปอีก หากผู้หญิงคนนั้นคิดร้ายกับศนิ อย่างน้อยเธอจะได้เตือนเขา แม้ว่าตัวเองจะต้องเสี่ยงก็ไม่เป็นไร
ทำไมมันถึงมืดขนาดนี้นะ หายใจลำบากจนปอดราวกับเต็มไปด้วยฝุ่น ธามิณีหลับตาแล้วลืมตาขึ้นมาเผื่อว่าสิ่งที่เห็นและรู้สึกจะหายไป แต่พอลืมตา เธอยังคงอยู่ในความมืดดังเดิม แขนข้างหนึ่งชาหนึบ ส่วนที่ขาทั้งสองข้างกำลังจะไร้ความรู้สึก เธอพยายามขยับขาเท่าที่พื้นที่แคบๆ จะพอทำได้ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน มือข้างที่ยังพอขยับได้ยกขึ้นมาลูบเบาๆ ตรงขมับ นี่เธอเลือดออกงั้นหรือ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเธอถึงจำไม่ได้ว่ามาอยู่ตรงนี้เพราะอะไร
ตู้ม!?!
ธามิณีสะดุ้งเฮือกพยายามจะออกไปจากตรงนี้ แต่ราวกับเกิดแผ่นดินไหวทำให้เศษปรักหักพักร่วงลงมา จนทำให้โพรงที่พอซ่อนตัวเธอได้กำลังจะยุบลง
ไม่นะ!!!
ธามิณียกมือขึ้นมายันด้านบนไว้ไม่ให้ถล่มลงมาทับร่าง ฝ่ามือของเธอถูกบางอย่างบาด แต่เธอเอาแขนลงยังไม่ได้ มันหนักเหลือเกิน เธอกำลังจะรับน้ำหนักไว้ไม่ได้อีกแล้ว ทุกอย่างกำลังจะถล่มลงมา อย่าเพิ่ง ได้โปรด!!!
ธามิณีสะดุ้งเฮือกลืมตาตื่นพร้อมๆ กับยื่นแขนไปเปิดสวิตซ์ของโคมไฟ ภายในห้องสว่างทันที ร่างของเธอสั่นเทา น้ำตาพลันไหลออกมาพร้อมๆ กับใครคนหนึ่งเข้ามาคว้ากอดไว้แล้วลูบหลังราวกับปลอบโยน อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น ทำไมคราวนี้ถึงเหมือนจริงจนน่ากลัว
“ธามเห็นอะไร ทำไมถึงร้องไห้ด้วยความกลัวแบบนั้น”
ศนิคลายกอดแล้วเช็ดน้ำตาให้ธามิณีอย่างอ่อนโยนและเป็นห่วง คราวนี้เขาไม่สามารถแทรกแซงฝันร้ายของเธอได้และปลุกเธอด้วยเสียงก็ไม่ตื่น เหตุใดกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้
“ธาม...ธามแค่ฝันร้าย ไม่มีอะไร” หากรู้แล้วว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ ธามิณีรู้ดีว่าอย่าได้ทำให้ศนิทำอะไรจนตัวเขาเดือดร้อนเด็ดขาด “ทำไมคุณถึงมาได้ล่ะคะ”
“ความลับแตกแล้วสิ” เรียวปากหนายิ้มบาง แม้ว่าในหัวใจจะหนักอึ้ง “ฉันเป็นห่วงธามน่ะเลยแวะมาดูถึงได้เห็นว่าธามกำลังฝันร้าย”
“คุณทำแบบนี้ครั้งแรกหรือว่า...” คราวก่อนก็แบบนี้สินะ เขาไม่ได้แวะมาใช่ไหม แต่เขาตั้งใจมาเพราะเป็นห่วงเธอ
“ฉันเป็นห่วง ไม่ได้คิดไม่ดีเลย มาดูธามแค่นั้น หลายหนแล้ว พอเห็นว่าธามหลับฝันดีก็กลับ” ศนิบอกตามตรง การที่เธอรู้ว่าเขาห่วงใยย่อมดีกว่าไม่รู้ตัวเลย
ธามิณีกอดเอวของศนิไว้แล้วเอนซบใบหน้ากับอกของเขา ถ้าเขาทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆเธอจะตัดใจยอมปล่อยเขาไปได้ไหมนะ เขาจะรู้ไหมว่าเธอเหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดไว้จะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เธอจะตายในวันที่กุหลาบแดงในแจกันดอกนั้นร่วงโรย เธอไม่ได้กลัวความตาย แต่กลัวว่าหากจากไปแล้ว ความทรงจำที่ศนิมีต่อเธอจะเต็มไปด้วยความสุขหรือความเสียใจเจ็บปวด
“ธามรู้แล้วว่าทำไมถึงได้ฝันดีหลังจากฝันร้าย คุณช่วยธามใช่ไหมคะ”
ศนินั่งลงข้างๆ ร่างอุ่น แล้วเลื่อนแขนมากอดธามิณีเอาไว้หลวมๆ “ฉันเคยบอกธามแล้วไง ฉันอยากให้ธามมีความสุข ตอนนี้แม้แต่ในความฝัน ฉันก็อยากให้ธามมีความสุข”
“คืนนี้ธามจะนอนกอดคุณแบบนี้ อย่าเพิ่งกลับได้ไหมคะ” ธามิณีหลับตาลงซ่อนน้ำตาที่กำลังเอ่อ หากถึงเวลานั้นจริงๆ เธอจะกล้าพอที่จะจากไปอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้เขาทำบางอย่างที่นำมาซึ่งการลงโทษที่หักหนากว่าเดิมได้ไหมนะ เธอจะเห็นแก่ตัวหรือเปล่า
ไม่! เธอขัดขืนชะตากรรมที่เรียกว่าอายุขัยไม่ได้ ต่อให้ศนิทำได้ เธอก็จะไม่ขอร้องให้เขาทำเด็ดขาด
“ไม่รู้ทำไมธามอยากอยู่ใกล้ๆ คุณจัง สงสัยอาการติดแฟนคงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง”
ศนิหัวเราะเบาๆ แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าธามิณีมีเรื่องปิดบังอยู่ “ก็ได้ ธามอยากให้ฉันทำอะไร ถ้าฉันทำได้ ฉันจะทำให้เธอได้ทุกอย่าง”
แขนเล็กกอดเอวของชายที่เธอรักมากเอาไว้แน่น คำว่า ‘ทุกอย่าง’ สำหรับศนิ ธามิณีไม่เคยมีความสงสัย เขาทำได้เสมอ แต่เธอไม่มีทางพูดออกไป
“ทำไมคุณดีกับธามขนาดนี้นะ รู้อย่างนี้ธามน่าจะจีบคุณเป็นแฟนไปตั้งนานแล้ว” ธามิณีเงยหน้ายิ้มให้เขา ก่อนจะหลับตาลง “คุณตัวหอมเหมือนอยู่ในสวนที่เต็มไปด้วยกุหลาบ แล้วก็อุ่นดีจัง”
มือหนาลูบไหล่บางอย่างอ่อนโยนพลางปิดสวิตซ์ที่โคมไฟ ภายในห้องสลัว ทว่าภายในใจของเขายิ่งมืดมิด เขารู้ว่าธามิณีจะจากไปวันไหน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาไม่อยากเลือกเพราะไม่ว่าหนทางใด ธามิณีก็เหมือนติดอยู่ในห้องปิดตายมีแค่จากไปตามอายุขัยหรือเขาทำให้เธอมีชีวิตต่อไป แต่ต้องพบกับความทรมานทั้งกายและใจอย่างแสนสาหัส
เพราะฉะนั้นก่อนธามิณีจะจากไป เธอไม่ควรพบเรื่องราวทำร้ายจิตใจ แต่เขาเองที่ไม่อยากให้เธอจากไป หนทางของเขาก็เหมือนห้องที่ปิดตายเช่นกัน
ชายหนุ่มขยับตัวเพื่อจะโอบกอดร่างอุ่นไว้ในอ้อมอก เปลือกตาของเขาปิดลงเพื่อฟังเสียงลมหายใจ สิ่งแสนธรามดาๆ ทว่าแค่เพียงเสียงลมหายใจกลับมีคุณค่าและน่าฟัง หากตอนนั้นเขาได้พบเธอก่อนจะผ่านประตูยมโลก ตอนนี้เขากับเธออาจเป็นคู่หมั้นหมาย เธอคงไม่ต้องลงมาเป็นมนุษย์เพราะเป็นผู้เปิดประตูบานนั้น
ขอเพียงรักนี้นิรันดร จำหน่ายในรูปแบบ E-Book แล้วนะคะที่เว็บ MEB หมวด นิยายรัก โบว์จะลงนิยายให้อ่านประมาณ 65% ของเรื่องราวทั้งหมด หรือประมาณบทที่ 16 แล้วสิ้นสุดการลงนิยายนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 130
แสดงความคิดเห็น