ตอนที่ 13 นักช๊อปตัวน้อย
หลังจากที่ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว รวมทั้งการค้าก็ประสบความสำเร็จไปอย่างงดงาม จางอี้หมิงจึงเลือกซื้อเกลือ ข้าวสารคุณภาพปานกลาง ธัญพืชหยาบ ถั่วเขียว แป้งต่าง ๆ เครื่องเทศต่าง ๆ รวมถึงหม้อใบใหญ่และไหเปล่ากลับบ้าน
“เกลือสองจินหนึ่งร้อยสามสิบอีแปะ ข้าวสารสองกระสอบสามร้อยอีแปะ ธัญพืชหยาบสองกระสอบหนึ่งร้อยอีแปะ ถั่วเขียวหนึ่งจินสิบอีแปะ หม้อสามใบใหญ่หนึ่งร้อยห้าสิบอีแปะ ไหขนาดต่าง ๆ แปดสิบอีแปะ เครื่องเทศต่าง ๆ ห้าสิบอีแปะ แป้งสาลีสี่จินแปดสิบอีแปะ แป้งมันสองจินสี่สิบอีแปะ ซีอิ้วสองไหหนึ่งร้อยยี่สิบอีแปะ รวมทั้งหมดหนึ่งตำลึงหกสิบอีแปะ” เถ้าแก่หวังคิดเลข เขาชี้นิ้วไปที่ของแต่ละอย่าง
“หักค่าน้ำตาลผักไปสามร้อยอีแปะ ยอดคงเหลือที่เจ้าต้องจ่ายเพิ่มคือเจ็ดร้อยหกสิบอีแปะ ข้าคิดเพียงเจ็ดร้อยอีแปะเท่านั้น”
“นี่ขอรับ” จางอี้เทานำเงินหนึ่งตำลึงจ่ายให้กับเถ้าแก่หวังและรับเงินทอนมาสามร้อยอีแปะ
“เถ้าแก่หวัง ข้ากับท่านพ่อยังต้องไปซื้ออย่างอื่นอีก ของพวกนี้รบกวนฝากท่านให้คนขนขึ้นรถม้าด้วยได้หรือไม่ขอรับ” อี้หมิงรีบบอก
“ได้สิ เดี๋ยวข้าจะบอกคนขับรถม้าให้”
“ขอบคุณเถ้าแก่มากขอรับ”
จางอี้หมิงสะกิดบอกบิดาให้จ่ายเงินให้กับอาคุนเด็กขายของเพื่อให้ช่วยล้างถ้วยกับช้อนที่เขาหยิบยืมมาใช้เป็นจำนวน 10 อีแปะ อาคุนยิ้มรับทำงานให้ด้วยความเต็มใจ
หลังจากออกจากร้านขายของชำแล้ว สองพ่อลูกบ้านจางจึงเดินไปที่ร้านผ้าแห่งหนึ่ง จางอี้เทาเป็นฝ่ายสอบถาม เนื่องจากเขาเติบโตมากับกิจการค้าผ้า จึงมีความรู้ในเรื่องนี้ไม่น้อย แม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นอาจารย์ก็ตามที
“ผ้าฝ้ายที่นี่ขายอย่างไร”
“ตรงนี้คือฝ้าฝ้ายเนื้อหยาบ ขายพับละ 40 อีแปะ ส่วนที่เจ้าสัมผัสอยู่คือผ้าฝ้ายเนื้อละเอียด ขายพับละ 70 อีแปะ และตรงนี้คือผ้าลายดอก ขายพับละ 80 อีแปะ” พนักงานขายร้านผ้าเอ่ยตอบด้วยความคล่องแคล่ว ไม่มีการดูถูกสองพ่อลูกใด ๆ แม้จะแต่งกายด้วยชุดที่เก่าโทรมก็ตามที
“ข้าต้องการผ้าฝ้ายเนื้อหยาบ 2 พับ ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียด 2 พับ ผ้าลายดอก 1 พับ รบกวนห่อให้ด้วย”
จางอี้เทาคำนวณผ้าที่ต้องใช้อย่างรวดเร็ว เขาต้องการผ้าห่ม 4 ผืน ซึ่งทำจากผ้าฝ้ายเนื้อหยาบ 2 พับ ส่วนชุดของทุกคนก็เอาผ้าฝ้ายเนื้อละเอียด 2 พับ กับผ้าลายดอก 1 พับสำหรับมารดาและภรรยา ผ้าที่เหลือยังเอาไปทำรองเท้า ถุงเท้าได้อีกด้วย
เขาไม่อยากซื้อชุดสำเร็จเนื่องจากมันมีราคาแพง อีกอย่างหลี่อ้าย ภรรยาของเขาก็ตัดชุดได้สวยงามมากอยู่แล้ว สำหรับฟูกนอนนั้นมีขนาดที่ใหญ่ พวกเขาคงขนกลับไปเองไม่ไหว ต้องเป็นคราวหน้า
“ทั้งหมดเป็นเงิน 300 อีแปะขอรับ”
พนักงานขายผ้าจัดการห่อผ้าให้เรียบร้อย จางอี้เทาขอฝากไว้ที่ร้านก่อนเพราะพวกเขายังต้องไปที่ร้านขายเนื้อในตลาดสดเป็นที่สุดท้ายสำหรับวันนี้
เมื่อมองดวงอาทิตย์ก็เห็นว่าเป็นเวลาสายมากแล้ว แต่ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ จางอี้เทาจึงพาเด็กน้อยไปกินบะหมี่น้ำที่ร้านริมทาง เขาสั่งบะหมี่น้ำสองชามให้ตนเองและบุตรชาย ราคาชามละ 5 อีแปะ รวมสองชามเป็น 10 อีแปะ จางอี้หมิงถึงกับน้ำตาไหลพรากเพราะเขาเบื่อที่ต้องกินโจ๊กธัญพืชเต็มที
ช่วงเวลาที่เข้ามาในโลกแห่งนี้ เพิ่งจะเคยได้กินอาหารดีๆครั้งแรก...
หลังจากท้องอิ่ม เรี่ยวแรงก็กลับมา สองพ่อลูกจึงเดินไปที่ตลาดขายเนื้อ ตอนแรกจางอี้เทาจะไม่ซื้อเนื้อแต่ก็ขัดลูกอ้อนของบุตรชายไม่ได้
คนขายเนื้อเป็นชายวัยกลางคนเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง
“พวกเจ้าจะซื้อเนื้อหรือ ต้องการเท่าไหร่”
“เนื้อพวกนี้ขายยังไง” จางอี้เทาชี้นิ้วไปยังเนื้อที่วางอยู่บนถาดไม้
“เนื้อแดง จินละ 45 อีแปะ เนื้อสามชั้น จินละ 25 อีแปะ ส่วนไส้ มันหมู กระดูก ข้าไม่ได้ขาย เพราะข้าจะเอาไปทิ้ง” คนขายเนื้อใช้มีดชี้ไปยังส่วนต่าง ๆตามที่เขาบอกไป
“ข้าเอาเนื้อแดง 2 จิน เนื้อสามชั้น 5 จิน และหากท่านจะเอาพวกกระดูก ไส้และมันหมูไปทิ้ง ข้าขอทั้งหมดเลยขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ย
“พวกเจ้าจะเอาไปทำไม มันกินไม่ได้ พวกเจ้าหิ้วกลับไปก็หนักเสียเปล่า” คนขายเนื้อเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ข้าช่วยท่านเอาขยะไปทิ้งมิดีหรือขอรับ ข้าจ่ายให้ท่าน 5 อีแปะสำหรับของพวกนี้ ครั้งต่อไปให้ท่านเก็บของพวกนี้ไว้ให้ข้าอีกได้หรือไม่” จางอี้หมิงเสนอ
“ได้ ๆ ดียิ่ง”
คนขายเนื้อกุลีกุจอจัดการตัดเนื้อให้กับสองพ่อลูก เขาไม่ต้องเอาของพวกนี้ไปทิ้งให้เสียเวลาแถมยังได้เงินเพิ่มมาอีก 5 อีแปะ ถือว่าโชคสองชั้น
“ทั้งหมด สองร้อยยี่สิบห้าอีแปะ” คนขายห่อเนื้อพร้อมกับไส้ กระดูกและมันหมูยื่นให้จางอี้เทา เขาใส่ลงไปในตะกร้าสะพายหลังและยื่นเงินส่งให้กับคนขายเนื้อ
“พ่อหนุ่ม คราวหลังมาซื้อเนื้อที่ร้านข้าอีกนะ ข้าจะเก็บของพวกนี้ไว้ให้เจ้า” พ่อค้าเนื้อเอ่ยขอบใจพร้อมกับยิ้มให้ด้วยความเป็นกันเอง
“ขอเพียงเนื้อของเจ้าสดใหม่ ข้ากับบุตรชายต้องมาอุดหนุนร้านเจ้าบ่อย ๆ แน่ เพราะลูกชายชอบอาหารจานเนื้อยิ่งนัก อีกอย่างเขาตัวเล็กเกินไปข้าอยากจะขุนให้เขาอ้วนท้วนขึ้นอีกหน่อย”
“หมูร้านข้ารับรองความสดใหม่แน่นอน” พ่อค้าตะโกนบอกเมื่อพวกเขาเริ่มเดินออกมาไกล
ระหว่างทางเดินกลับไปที่ร้านเถ้าแก่หวัง จางอี้เทาพาบุตรชายไปซื้อซาลาเปามา 10 ลูก เขาซื้อไปฝากมารดากับภรรยาด้วย สำหรับจางอี้หมิง เด็กน้อยลงทุนซื้อขนมน้ำตาลปั้น จำนวน 3 ไม้ ไม้ละ 6 อีแปะ เขาอยากเอาไปฝากซุนซูลี่กับซุนหมิงเย่
(ไม้นิดเดียวราคาตั้ง 6 อีแปะ น้ำตาลคงเป็นของแพงจริง ขนมพวกนี้ชาวบ้านทั่วไปคงยากที่จะได้กินบ่อย ๆ แน่)
วันนี้บ้านจางขายน้ำตาลผักได้ 300 อีแปะ และเงินมัดจำค่าน้ำตาลผัก อีก 3 ตำลึง สองพ่อลูกซื้อของไปทั้งหมดจากร้านเถ้าแก่หวัง 1 ตำลึง ร้านผ้าอีก 300 อีแปะ ร้านเนื้อ 225 อีแปะ น้ำตาลปั้นของอี้หมิง 18 อีแปะ บะหมี่น้ำ 10 อีแปะ ซาลาเปา 20 อีแปะ รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1 ตำลึงกับอีก 573 อีแปะ ยังเหลือเงินกลับบ้านอีก 1 ตำลึง 727 อีแปะ
จางอี้เทาไม่คิดเลยว่าบ้านเขาจะมีเงินตำลึงอีกครั้งหลังจากที่โดนโจรปล้นในครั้งนั้น ต้องยกความดีความชอบให้กับบุตรชายตัวเล็ก ตั้งแต่ฟื้นมาจากความเจ็บป่วย จางอี้หมิงก็ทำให้เขาประหลาดใจไม่เว้นวัน อย่างเช่นวันนี้บุตรชายของเขาสามารถค้าขายได้อย่างคล่องแคล่ว
เมื่อได้ทุกอย่างตามที่ต้องการสองพ่อลูกบ้านจางจูงมือกันเดินกลับมาที่ร้านเถ้าแก่หวัง พอดีกับคนขับรถม้าขนไหเปล่ารวมทั้งของที่จางอี้หมิงซื้อไว้ขึ้นรถม้าเสร็จเรียบร้อย เมื่อทุกคนขึ้นรถม้าแล้ว จางอี้เทาจึงบอกให้คนขับรถม้าไปรับผ้าที่ฝากไว้ แล้วออกเดินทางกลับบ้าน ส่วนจางอี้หมิงได้แต่ยิ้มกับตนเองในใจไปตลอดทาง
วันนี้เขาจะได้กินข้าวกับอาหารจานเนื้อแล้ว สวรรค์ น้ำตาจะไหล
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 260
แสดงความคิดเห็น