บทที่ 2...3/3
หลายวันผ่านไปการทำงานซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ของมีนาผ่านไปด้วยดี การมาอยู่คอนโดคนเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไรเช่นกัน มีนามักหาอะไรกินง่ายๆ ก่อนกลับมาคอนโด อาจมีซื้อขนมติดมือมาบ้างเผื่อว่าทำงานในเวลาดึกจะได้ไม่หิว เธอไม่อยากออกไปไหนตอนดึกๆ การอยู่คนเดียวทำให้เธอต้องดูแลตัวเองมากกว่าเดิม
มีนาหยิบคีย์การ์ดมาสแกนด์เข้าตึก แล้วขึ้นลิฟต์ไปชั้น 12 ก่อนจะเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าห้องเหมือนหลายวันที่ผ่านมา เธอกำลังจะกดรหัสที่แป้นตรงประตู แต่เสียงบางอย่างในห้องทำให้เธอชะงักมือ แล้วเปลี่ยนใจเอาหูแนบกับบานประตูแทน
โครม!?!
เสียงอะไร?
มีนาขยับออกมาจากห่างจากประตูแล้วโทรหา รปภ. แต่รออยู่นานก็ไม่มีใครมารับสาย เธอชักร้อนใจ หากเป็นโจรมายกเค้าห้องของเธอจะทำยังไงดี ถ้าเปิดประตูแล้วเธอเข้าไปบวกกับพวกมันคงไม่ดีเท่าไหร่ แม้เธอจะเป็นมวยไทย แต่ก็ไม่ได้ซ้อมมานาน เอายังไงดี
มีนาเดินมาห้องข้างๆ แล้วเอาหูแนบ พอแน่ใจว่ามีคนอยู่ในห้องแน่ๆ จึงไม่รอช้ารีบหาคนช่วย อย่างมากคงแค่หน้าแตกถ้าคนในห้องตะเพิดไล่ เธอเคาะประตูไม่กี่ครั้ง เสียงเปิดประตูก็ราวกับเสียงสวรรค์ แต่พอมีนาเห็นว่าคนในห้องเป็นใคร เธอก็แทบจะหัวใจวายอยู่ตรงนั้น
“พี่...เขม...หรือคะ”
“มีนมาที่นี่ได้ยังไง” เขมินท์ถามสีหน้าประหลาดใจพอกันเพราะเขาสั่งให้เลขาเป็นคนจัดการหาห้อง เพื่อที่เวลามาดูแลบริษัทในเครือทางนี้ เขาจะได้มีที่พักถาวร ไม่ต้องไปนอนโรงแรมอย่างแต่ก่อน
“มีนอยู่ห้องข้างๆ ค่ะ พอดีว่า...พอดีว่า...” มีนาอยากเขกหัวตัวเองที่ดันมาพูดติดอ่างอะไรตอนนี้
“มีอะไรหรือเปล่า ทำหน้าอย่างกับมีเรื่องตกใจ แค่เห็นพี่ มีนก็ตกใจอย่างนั้นหรือ”
“เปล่าค่ะ” มีนาชี้ไปที่ห้องตัวเอง “มันมีเสียงโครมจากข้างในห้อง มีนไม่แน่ใจว่ามีใครเข้าไปหรือเปล่า โทรไปหา รปภ. ก็ไม่มีใครรับสายค่ะ”
เขมินท์มองไปที่ประตูห้องของมีนา แล้วกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบไม้เบสบอลเพื่อใช้เป็นอาวุธ
“มีนอยู่ตรงนี้นะ แล้วโทรหา รปภ. ต่อไป ถ้ามีอะไรเผื่อจะมาช่วยทัน แต่ถ้าไม่มีอะไรจะได้ช่วยกันดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นภายในห้อง” เขมินท์สั่งกำลังจะเดินไป
มีนารีบคว้าแขนของเขมินท์ไว้ “ไปด้วยกันเถอะพี่เขม ถ้ามีอะไรมีนจะจระเข้ฟาดหางใส่มันเองค่ะ”
เขมินท์พยักหน้าจำได้ว่าเคยเห็นมีนาเล่นทโมนกับภาคินมาตั้งแต่เด็ก พอหลายปีผ่านไปก็พากันเรียนชกมวย
“ถ้างั้นมีนหลบข้างหลังพี่ไว้”
มีนาพยักหน้าแล้วทำตามที่เขมินท์สั่งทันที พร้อมกับโทรหา รปภ. ไปด้วย เขมินท์กดรหัสของมีนาตามที่เธอบอก แล้วเปิดประตูทันทีกะว่าถ้ามีโจรมันจะได้ไม่ทันตั้งตัว
ว่างเปล่า...ไม่มีอะไรนอกจาก...นก ใช้แล้ว...นก!
มีนาเดินตามเขมินท์เข้าไปในห้อง ถึงได้รู้สาเหตุของเสียงโครมมันมาจากนาฬิกาที่เธอวางไว้ตรงโทรทัศน์ตกลงมาที่พื้นเพราะนก แล้วนกเข้ามาได้ยังไงล่ะ
“มีนลืมปิดประตูกระจกตรงระเบียง นกเลยบินเข้ามาแล้วคงหาทางออกไม่ได้ จนกระทั่งมันบินไปชนนาฬิกาตกลงมา” เขมินท์คาดการณ์ซึ่งน่าจะไม่ผิดไปจากนี้ หลักฐานมีนกกับขี้นกตรงพื้นนั่นไงล่ะ
มีนายิ้มเขินๆ ที่แท้เพราะความขี้ลืมของเธอนั่นเอง เขมินท์ช่วยไล่นกออกไปก็พอดี รปภ. วิ่งเข้ามาในห้อง
“เกิดอะไรขึ้นครับ น้องเจ้าของห้องโทรไปบอกว่ามีเสียงโครมในห้อง” รปภ. ถาม
มีนากำลังเรียบเรียงเหตุการณ์อยู่ในใจ แต่มันคงช้าเขมินท์เลยช่วยตอบคำถามนั้นของ รปภ. ให้แทน
“พอดีนกบินเข้ามาในห้องน่ะครับ ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณเสียเวลา แต่คราวหน้าควรติดต่อได้ง่ายกว่านี้ ถ้าคราวนี้ไม่ใช่นก แต่เป็นอย่างอื่น เช่น โจร อาจมีคนบาดเจ็บและเรื่องคงบานปลาย”
“ขอโทษด้วยครับ” สีหน้าของ รปภ. เต็มไปด้วยความกังวลไม่สบายใจ หากเป็นเรื่องใหญ่เขาคงถูกตำหนิและอาจเสียงาน “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอตัวไปก่อนนะครับ ตอนนี้ที่ป้อมมีผมอยู่คนเดียว พอดีว่า รปภ. อีกคนอาหารเป็นพิษเพิ่งไปโรงพยาบาล ขอโทษด้วยนะครับที่ผมมาช้า”
รปภ.ไปแล้วก็จะเหลือแค่เธอกับเขมินท์สินะ การที่เห็นเขาห่างๆ แต่ไม่ได้คุยมาเป็นเดือน พอมาเจอแบบเต็มๆ ตาตรงหน้าแบบนี้ มีนาชักใจเต้นแรง ความชอบมันไม่หายไปตามเวลาหรือไงนะ
“พี่เขมมาอยู่ที่คอนโดนี้นานแล้วหรือคะ” เรื่องนี้ละที่เธออยากรู้สุดๆ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้
“ไม่นานหรอก พี่เพิ่งย้ายมาเมื่อวานน่ะ มีนคงเพิ่งมาอยู่ไม่นานเหมือนกันสินะ”
มีนาอยากวิ่งไปกรี๊ดในห้องน้ำ ความสัมพันธ์ใดๆ ก็ตามที่ไม่อาจพัฒนาได้ เธอควรทำยังไง พอ...พอก่อน เธอคิดอะไรไปถึงไหน กลับมาก่อน
“มีนเพิ่งย้ายมาเมื่อวันเสาร์ ก่อนพี่เขม 3 วันมั้งคะ บังเอิญจัง” มีนาหัวเราะชักทำหน้าไม่ถูก ถ้าอยู่กันแบบนี้ เขมินท์คงได้คิ้วขมวดเพราะเธอแน่ๆ
“นั่นสิ บังเอิญจริงๆ” เขมินท์ตอบน้ำเสียงเรียบๆ
มีนาเม้มปากรู้สึกเก้อๆ มือไม้เกะกะไปหมด ตอนบ้านอยู่ใกล้กันมีแค่กำแพงกั้น แทบไม่ค่อยได้พบหน้า พอย้ายมาอยู่คอนโดกลับจะได้พบกันทุกวัน ช่างเป็นความบังเอิญที่มีนาไม่แน่ใจว่าควรดีใจหรือกังวลใจ
“ขอบคุณนะคะพี่เขมที่ช่วยมีน...เรื่องนี้” มีนาขยับขาจะไปที่ประตู แต่จะเหมือนไล่เขมินท์หรือเปล่าเลยชะงักกึกยืนที่เดิม
“อึม ถ้ามีอะไรก็เรียกพี่ได้ พี่ไปก่อนนะ” เขมินท์บอกลาง่ายๆ แล้วเดินออกไปจากห้อง
มีนาเดินตามมาส่งแล้วรอให้เขาเข้าห้องไปก่อน แต่จู่ๆ เขมินท์ก็หันมาพยักพเยิดให้เธอเข้าห้องและปิดประตูได้แล้ว หญิงสาวปิดประตูแล้วถอนใจออกมายาวๆ การได้มาอยู่ห้องข้างๆ ผู้ชายที่เธอแอบชอบแบบนี้มันยิ่งกว่าจะฝันถึง แต่เธอควรบอกเรื่องนี้กับภาคินไหมนะ มีนาส่ายหน้า มาอยู่ห้องติดกัน ใช่ว่าจะได้พบกันบ่อยๆ เสียหน่อย มันคงไม่ต่างจากเดิมนักหรอก ที่ผ่านมาเธอกับเขมินท์แม้ว่าอยู่ใกล้ๆ กันแค่รั้วบ้านกั้นก็เหมือนไกลกันอยู่ดี คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรอก
วันอาทิตย์ที่เหมือนจะเป็นกฎของบ้านว่าทุกคนจะต้องมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขมินท์ขับรถมานอนที่บ้านตั้งแต่ค่ำวันเสาร์ ส่วนภาคินกับแม่...คุณภวิกาอยู่บ้านหลังนี้อยู่แล้ว ป้ารุจาดูแลปู่เจตน์เป็นอย่างดี ทำให้ทุกคนเบาใจไปได้มาก หลานๆ ก็แวะเวียนกันมาคุยกับชายชราอยู่บ่อยครั้ง มีนากับเมษามักมาหาวันเสาร์ตอนเช้าเพื่อนำขนมไทยมาฝาก แล้วอยู่กับชายชราจนเที่ยง ทำให้เจตน์ไม่รู้สึกเหงา
“วันนี้มีแกงจืดลูกรอกนะ เมื่อวานได้ยินว่าอยากกิน” รุจาตักแกงจืดของชอบให้น้องชายอย่างเอาใจ
เจตน์มองลูกรอกแล้วยิ้มพี่สาว “วันนี้ใส่สาหร่ายด้วย ดีจริง”
ทุกคนพากันยิ้มไปด้วย การที่เจตน์มีความสุข หัวเราะ ยิ้มได้ ได้ทานของอร่อยคือความปรารถนาของทุกคน การสูญเสียลูกชายและลูกสะใภ้ไป ทำให้เจตน์ผ่านความเสียใจหนักหนามาถึง 2 ครั้ง ตอนนี้ไม่ว่าชายชราต้องการทำอะไรหรืออยากได้อะไร หากไม่เกินความสามารถ ทุกคนพร้อมจะทำให้เสมอ
“มีน้ำพริกไข่ปู่ด้วยนะคะคุณพ่อ ผักได้จากในสวนที่วิกาปลูกไว้เองค่ะ” ภวิกาเป็นสะใภ้อีกคนที่ตอนแรกเจตน์ไม่ได้เต็มใจยอมรับนัก แต่ความอ่อนน้อมและรักจิรายุจริงๆ ทำให้ชายชราไม่ได้ตั้งแง่อะไรอีก
“ดีๆ ไหนมาลองชิมหน่อยสิ”
ภาคินช่วยเลื่อนน้ำพริกแทนแม่ เขมินท์มองไปที่ภวิกาแล้วค้อมไหล่แทนการขอบคุณที่แม่เลี้ยงช่วยดูแลปู่ของเขาเป็นอย่างดี
“พอมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ ปู่ก็อยากให้มีเหลน ว่าไงเจ้าเขมจะแต่งงานเมื่อไหร่ อายุก็ไม่น้อยแล้วนะเราน่ะ” เจตน์เอ่ย
“วกมาเรื่องนี้จนได้นะครับปู่” เขมินท์หัวเราะพลางตักไข่ต้มให้ปู่ อดคิดไม่ได้ว่าอายุเพิ่ง 29 นี่เรียกว่าอายุไม่น้อยแล้วหรือ
“อย่าเพิ่งมาเฉไฉ ปู่อยากเห็นเขมแต่งงานก่อนปู่ตาย” ชายชราถอนใจ ในบางครั้งเขาก็กลัวจะไม่ได้เห็นวันสำคัญของหลานชายคนโต
“เอาไว้ผมแน่ใจว่าเนื้อคู่มายืนตรงหน้าแล้วจริงๆ ผมจะพามาให้ปู่รู้จักนะครับ” เขมินท์แบ่งรับแบ่งสู้
ภาคินและคนอื่นๆ พากันมองมาที่เขมินท์ เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยว่าใครคือผู้หญิงที่เขมินท์อยากแต่งงานด้วยหรือเขาแค่พูดเพื่อให้ปู่สบายใจเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาเขมินท์เคยมีแฟนเพียงแค่คนเดียว แต่ห่างกันไปนานแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขมินท์กับพริมายังคงติดต่อกันหรือเปล่า อีกทั้งนอกจากงานธุรกิจของครอบครัว ภาคินไม่เห็นเขมินท์จะสนใจเรื่องแต่งงานสักเท่าไหร่
“สัญญาแล้วนะ”
เขมินท์ยิ้มกว้าง “สัญญาครับ ทานข้าวต่อดีกว่าครับปู่”
บทสนทนาเลยเปลี่ยนไปเรื่องอื่นแทน แม้จะหมางใจกับพี่ชายมานานปี แต่การถูกกดดันในเรื่องแต่งงาน ทำให้ภาคินเห็นใจเขมินท์อยู่เหมือนกัน พอทานข้าวเสร็จและรุจาพาเจตน์ไปพักที่ห้องนอน ภาคินจึงเดินไปหาเขมินท์ที่ห้องหนังสือ ซึ่งปกติแล้วพี่ชายชอบมานั่งทำงานหรือไม่ก็อ่านหนังสืออยู่ในนี้
“ขอถามอะไรหน่อยสิพี่เขม” ภาคินพูดเสียงไม่ดังนักเพราะเห็นพี่ชายกำลังอ่านหนังสืออยู่
เขมินท์วางหนังสือแล้วหันมามองภาคินที่ร้อยวันพันปีถึงจะมาคุยกับเขาสักที วันนี้มีเรื่องอะไรกระมังถึงได้อยากคุยกับเขา ในความเป็นพี่น้อง เขารักภาคินอย่างน้องชาย แต่ในความผูกพันเป็นเรื่องที่ระหว่างเราคงมีสิ่งนี้เบาบาง
“เรื่องแต่งงาน” ภาคินนั่งลงยืดขา ถ้าพูดว่าห่วงพี่ชายมันก็จะดูเสียฟอร์มไปหน่อย “พี่เขมลำบากใจมากหรือเปล่า ผมคิดว่าไม่ต้องตามใจปู่ในบางเรื่องก็ได้มั้ง”
“สักวันพี่ก็ต้องแต่งงาน แต่มันคงไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้หรอก”
คำตอบของเขมินท์แสดงว่าเขายอมรับคำขอของปู่ ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นใครหว่า อยากรู้ก็ต้องถามล่ะน่า
“ผู้หญิงแบบไหนเหรอที่พี่เขมอยากจะแต่งงานด้วย”
เขมินท์ยิ้มที่มุมปาก “กำลังหา ไม่ว่าใคร คินก็ไม่มีปัญหาใช่ไหม”
“แฟนพี่เขมนะ ผมจะมีปัญหาได้ยังไง ถ้ากำลังหา กว่าจะแต่งคงอีกหลายปี ถ้าถึงตอนนั้นผมอาจจะแต่งงานก่อน” ภาคินเริ่มวาดฝันอนาคตตัวเองเอาไว้เหมือนกัน
“ใครล่ะที่คินอยากแต่งงานด้วย” เขมินท์ถามพลางหยิบหนังสือขึ้นมา
“คนที่ผมรักน่ะสิ ไปละ นัดกับมีนไว้”
ภาคินออกไปจากห้องทันทีเพราะตอนนี้ที่เขาทำอยู่ก็รู้สึกเสียฟอร์มจนทำหน้าไม่ค่อยถูกอยู่แล้ว เขมินท์มองตามพลางวางหนังสือลงเพื่อเช็คโทรศัพท์เพราะมีเสียงข้อความเข้า สีหน้าของเขายังเรียบเฉย แม้ว่าจะมีเรื่องให้ไม่พอใจ ข้อความไม่ถูกอ่านและเขาไม่เคยตอบกลับแม้แต่ครั้งเดียว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 277
แสดงความคิดเห็น