พี่ครับ...รอแปบ
“จะรีบไปไหนละน้องสาว~”
ผมรีบเดินหนีให้ไว แต่ก็ยังพยายามเหล่ตาหันมองอยู่ตลอด เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆทำให้หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อมีลมพัดมาจากด้านหลังกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์ก็ลอยเข้ามาปะทะจมูกอย่างจัง
ทำไมซวยแบบนี้ว่ะผมคิด
“จะรีบไปไหนจะหนีไปหนายฮึก!”
"ปล่อยนะเว้ย" มีไอ้อ้วนคนหนึ่งเดินเข้ามากระชากแขนของผมที่ไม่ว่าจะสะบัดแรงแค่ไหนมือสากๆนั้นก็ยังไม่ยอมหลุดออกไปสักที
“ถือตัวแท้น้อ~ผุสาว” คราวนี้เป็นไอ้ตัวโย่งที่มาเดินเข้ามากดไหล่ทั้งสองข้างของผมและรวบแขนไว้ด้านหลัง ถึงแม้ว่ามะม๊าจะเคยส่งผมไปเรียนมวยและพวกศิลปะป้องกันตัวมาบ้าง แต่ถ้าคนกลุ่มใหญ่ขนาดนี้สู้ยังไงก็แพ้
“หน้าสวยว่ะเห็นแล้วมีอารมณ์ จัดแม่งข้างทางนี่ละ” ท่าทางไม่ค่อยจะเป็นมิตรของพวกมันทำเอาผมใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมพยายามดิ้นเพื่อที่จะหนีผู้ชายกล้ามโตที่กำลังจะเข้ามาอุ้มขาขึ้น และพอตัดสินใจยกขาทั้งสองข้างถีบเข้าที่ยอดอกคนตรงหน้าทั้งๆที่แขนทั้งสองข้างยังถูกคนข้างหลังล็อกเอาไว้แน่น มันก็ทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่เพิ่งทำลงไปคือเรื่องที่โคตรจะผิดพลาดที่สุด คราวนี้มีพวกมันคนหนึ่งต่อยเข้าอย่างแรง ที่กลางลำตัวของผม
“ช...ช่วย..ด..ด้วย” คือประโยคสุดท้ายที่ผมคิดว่าได้เปร่งเสียงออกไปก่อนที่จะหมดสติ
(เอายังไงต่อดีครับ ดูท่าจะยังไม่ยอมฟื้นง่ายๆ)
แสงไฟที่กำลังแยงตาทำให้ผมที่หูได้ยินเสียงต้องแกล้งว่ายังไม่ได้สติ สิ่งแรกที่แอบแวบเข้ามาในหัวก็คือคำถาม
ที่นี้ที่ไหนว่ะ?
ผมพยายามคิดทั้งๆที่ยังนอนหลับตา
“ซ่าจนได้เรื่อง คุณตำรวจโทรแจ้งผู้ปกครองเด็กคนนี้แล้วใช่ไหมครับ” คิ้วของผมขยับเข้ามาเชื่อมความสัมพันธ์กันเมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกัน
ตำรวจ?
ผู้ปกครอง?
หรือว่า....
“รถบัส!!คุณตำรวจผมเป็นพ่อ..เป็นพ่อของนายสุรเดชครับ”
ชัดยิ่งกว่าหนัง4D
ผมได้แต่แกล้งนอนหลับตาปี๋เมื่อได้ยินเสียงจากผู้ชายที่แสนคุ้นเคย ซวยแล้วไอ้รถบัสป๊ามา ผมคิดแล้วพยายามทำเหมือนว่ายังไม่รู้สึกตัวให้มันเนียนที่สุด
"ทางนี้เลยครับ"
“บัส...รถบัส..” ป๊าคงนั่งลงเขย่าแขนผมเพราะตอนนี้ตัวผมสั่นไปมา แต่ผมยังไม่ได้สติไง ผมยังไม่รู้สึกตัวผมต้องนอนนิ่งๆ
“ไอ้รถบัส!ตื่น!”
"อือๆๆอ๊า!เอบ!"ผมลืมตาโตแล้วดันตัวลุกขึ้นนั่งเพราะโดนจับได้ ก็ใครมันจะไปแกล้งนอนหลับต่อได้ละปะป๊าเล่นเอามือหยิบแก้มทั้งสองข้างพร้อมกันขนาดนั้น
“เออ!!เป็นไงเราวันแรกรู้เรื่องเลย” ป๊านั่งลงข้างๆแล้วเอามือลูบหัวก่อนค่อยดึงผมเข้าไปกอด ผมเป็นลูกชายคนโตแถมยังเป็นลูกชายคนเดียวของที่บ้านป๊าน่ะทั้งรักและก็ตามใจผมสุดๆเลย
"โอ๊ยป๊าขอโอกาสแก้มือหน่อยได้ไหมน้า~นะๆน้า~"ผมพยายามอ้อนแต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล
“ยาก...ม๊าแกไม่ยอมหรอก”
"แล้วนี่ม๊ารู้เรื่องป่าว"เมื่อได้ยินป๊าพูดถึงม๊าผมนี้ใจเต้นตึกตั๊กเลย
“จะเหลือหรา~~~ไอ้อ้วน” ยิ่งป๊าทำเสียงสูงใส่ผมยิ่งใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตาย...ตายแน่ๆ เมื่อก่อนว่ายากแล้ว ถ้ารวมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เข้าไปผมคงยิ่งไปไหนมาไหนคนเดียวยากเสียยิ่งกว่าเดิม
“พี่บัส!!มะม๊าทางนี้ๆ”
" มะม๊า!!"ผมร้องเสียงดังที่เห็นทั้งแม่และน้องสาวกำลังเดินตามกันมา มะม๊าของผมไม่ดุแต่ค่อนข้างขี้เป็นห่วง ขนาดผมเรียนม.ปลายแล้วม๊าของผมยังสั่งให้พี่เกรทตามรับตามส่งผมเหมือนสมัยอนุบาลอยู่เลย
“บัสเป็นไงบ้างลูก” เมื่อคนเป็นแม่เห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของผม ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มก็เปลี่ยนไปทันที เล่นเอาผมพูดอะไรไม่ออกเลย
“ไม่เอาแล้วนะมะม๊าไม่ให้ไปไหนมาไหนคนเดียวแล้วดูสิไม่ให้การ์ดตามวันเดียวเจ็บตัวเลย”
"โอ๊ยแล้วแม่จะส่งบัสไปเรียนมวยทำไมละบัสโตแล้วดูแลตัวเองได้"บัสอดเถียงคนเป็นแม่ไม่ได้
“ดูได้กะผีนะสิช่วงนี้เจ้าคิมยิ่งไม่ค่อยว่างด้วย” ใช่ครับช่วงนี้พี่ชายที่ป๊ากับม๊าไว้ใจไม่ค่อยมีเวลาว่างมารับมาส่งผมเหมือนเมื่อก่อนเลย คือผมเนี้ยเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านก็จริง แต่ว่าพี่คิมกับพี่ต้นกล้าที่เคยมาสอนพิเศษผมที่บ้านก็กลายเป็นลูกชายคนโปรดของป๊ากับม๊าผมเหมือนกัน
ถ้าผมจะไปไหนแล้วมีพี่คิมหรือพี่ต้นกล้าน้องชายของพี่คิมไปด้วย ป๊ากับม๊าจะไม่ห่วงเลย แต่ถ้าพวกพี่สองคนนั้นไม่ว่าง ผมก็ต้องไปกับพี่เกรทที่เป็นทั้งพี่เลี้ยงและบอดิการ์ดส่วนตัว
"มะม๊าอ่ะ"หลังจากที่เถียงแล้วสู้ไม่ได้ผมก็รีบเปลี่ยนแผนเอาลูกอ้อนเข้าสู้
“ไม่รู้ละ..ม๊าห้าม”
“บัสไม่เป็นอะไรเลยม๊าดูสิ บัสโอเช” ผมรีบปั้นยิ้มให้คนเป็นแม่คลายความกังวล ปีนี้ผมจะ17แล้วนะ จะให้ไปไหนมาไหนกับบอดิการ์ดเพื่อนมันก็ล้ออ่ะ
“รถบัส...หนูเป็นลูกชายคนเดียวของป๊ากับม๊านะ” ขนาดคนที่คอยตามใจผมอย่างป๊ายังเถียงอะไรม๊าไม่ได้ สงสัยผมคงต้องยอม....
“ม๊า!” เมื่อหันไปเห็นว่ามีใครอีกคนกำลังยืนมองมา ผมก็มีแผนหลบหนีจากกรงทองของป๊ากับม๊าทันที ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจความรักความห่วงใยที่ป๊ากับม๊ามีให้หรอกนะ แต่เข้าใจวัยรุ่นป่ะ แบบวัยรุ่นก็อยากมีเวลาส่วนตัวไปเที่ยว ไปดูหนัง ไปจีบสาวงี้อ่ะ ถ้าเกิดมีคนตามมันก็จะทำอะไรไม่สะดวกไง
“อย่าเสียงดังลูก ชู่~” ผมรีบเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเอง
“สวัสดีครับเสี่ย นี่คุณเซนเจ้าของร้านขนมที่บังเอิญผ่านทางไปเห็นลูกเสี่ยโดนพวกเด็กติดยารุมทำร้ายอยู่ข้างทาง” นายตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามายกมือไหว้ป๊า ผมนึกไม่ออกหรอกว่าเขาเป็นใคร แต่ถ้าเขารู้ยกมือไหว้ป๊าก็อาจจะเป็นคนรู้จักป๊าก็ได้
ป๊ากับม๊าของผมเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ที่ดังมากๆในโซเชียล ชาวต่างชาติไม่ว่าจะเป็นแถบเอเชียหรือโซนยุโรปต่างก็ชอบแวะมาใช้บริการบริษัทของป๊ากับม๊าผมกันทั้งนั้น
พูดให้เข้าใจง่ายๆผมก็เป็นลูกคนดังอ่านะ
“ขอบคุณลื้อมากๆเลยนะ ชอบเที่ยวไหมเดี๋ยวให้เลขาหารถให้ ลื้อจะไปไหนก็ได้ทั่วไทยเลยอั้วให้เที่ยวฟรีพักฟรีปีหนึ่ง” ล่าสุดป๊าของผมสมนาคุณให้คนที่ตัวเองไม่รู้จักไปซะแล้ว ให้ง่ายๆเพราะว่าเขาช่วยลูกชายตัวเอง
ใจป๋าสุดๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีช่วย ผู้กอง..ผมกลับได้เลยไหม” ผมนั่งมองหน้าหล่อๆของเจ้าของร้านขนมแล้วเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“พี่!” ทันทีที่ผมเรียกเขาก็หยุดเดินแล้วหันมาทำหน้าสงสัย จะสงสัยทำไมผมสิต้องสงสัย
“ขนมผมละ เค้กอ่ะ เค้กผมไปไหน” พอผมถามแทนที่จะได้คำตอบแต่ทุกๆคนที่อยู่ตรงนั้นดันหัวเราะขึ้นเสียงดัง
“ขำอะไรอ่ะ” ผมทำหน้าไม่เข้าใจ ก็ที่ผมต้องกลับบ้านดึกและต้องเจอกับขี้เมาพวกนั้นก็เพราะผมต้องอยู่รอบราวนี่สุดที่รักอบไง ทำไมทุกๆคนต้องทำหน้าเอือมระอาใส่ผมกันละ
ผมทำอะไรผิด!
“เฮ้อ...ป๊า ม๊ากลับก่อนนะ ฝากดูแลลูกด้วย”
“พี่บัส...เค้าไม่อยากเป็นน้องพี่แล้วอ่ะ เค้าอายคน” หลังจากที่พูดจบม๊ากับรถเมย์ก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินจากไปยังแอบมีมองผมด้วยหางตาเล็กน้อย
เอ้า!
ผมผิดอะไรอ่ะ?
“ป๊า...” เหลือแค่ป๊าที่ยังนั่งเป็นกำลังใจให้ ส่วนคนอื่นๆก็ดูเหมือนจะแยกย้ายกันไปหมดแล้ว
“คงต้องรออีกสักพักใหญ่ๆเลยละ กว่าม๊าจะยอมให้ลื้อไปไหนมาไหนคนเดียว” ผมได้แต่ยอมรับความจริงเรื่องที่จะต้องไปไหนมาไหนกับพี่เกรทต่ออีกสักพัก ส่วนเรื่องขนมป๊าบอกว่ามันคงโดนเหยียบเละไปแล้วไม่ต้องไปถามถึงมันหรอก ผมที่ใจคอห่อเหี่ยวเดินคอตกไปขึ้นรถที่จอดรอ น้ำตามันจะไหลอยู่แล้วถ้าไม่บังเอิญมีคนเรียกซะก่อน
“พรุ่งนี้...มาซื้อขนมใหม่นะ” ขนมชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งถูกวางลงบนอุ้มมือที่เปื้อนดินของผม ผมยืนมองมันสลับกับหน้าคนให้
“คุกกี้?”
“อืม ทำเล่นๆช่วงรออบขนม ในรถยังมีอีกเยอะมันไม่ค่อยมีคนกิน เอาไหมละ”
“อ..เอา เอาครับ!” อีกนิดหนึ่งผมจะกระโดดขี่คอพี่เขาแล้ว คือผมโคตรชอบคุกกี้เลยเอาจริงๆผมก็ชอบกินขนมแทบจะทุกอย่างนั่นแหละ คุกกี้ในมือนี้ก็ห๊อมหอม แค่คิดว่าจะได้กินมันไม่อั้นก็น้ำลายไหลแล้ว
ถึงวันนี้ผมจะไม่ได้กินบราวนี่ที่อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตารอแต่ได้คุกกี้รูปดาวกลับบ้านถุงใหญ่มันก็พอจะแทนกันได้นิดหน่อยแหละ ยิ่งได้มาฟรีๆผมยิ่งชอบ
ถ้าเราเป็นแฟนกับรถบัสเราจะได้กินฟรีเที่ยวฟรีป่ะ
หลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวันอยู่ๆก่อนที่ผมจะล้มตัวลงนอน ก็ดันนึกถึงประโยคคำถามของสาวคนล่าสุดที่เข้ามาจีบตัวเองได้ เขาดูดีใจสุดๆตอนที่ผมตอบว่า มั้ง แค่คำว่ามั้งเอง ทำไมต้องดีใจขนาดนั้น เพราะคิดว่าผมเป็นลูกเจ้าของบริษัททัวร์ ถ้าได้ผมเป็นแฟนคงจะเที่ยวฟรี กินฟรี ได้แบบไม่อั้นสินะเลยเข้ามาจีบผม
หึ...ผ่านด้านน้องสาวผมให้ได้ก่อนเถอะ รถเมย์หวงผมซะยิ่งกว่าป๊ากับม๊าอีก เชื่อป่ะที่ผมยังไม่มีแฟนจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะสาวๆแต่ละคนที่ผมเลือกดันไม่ผ่านเกณฑ์คุณหนูคนเล็กของบ้านอย่างรถเมย์ไง ผมก็เลยต้องอยู่เป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้
“เป็นแฟนกับลูกเจ้าของบริษัททัวร์จะได้เที่ยวฟรี” ผมถึงกับหยุดคิด...ถ้าจีบลูกเจ้าของบริษัททัวร์ติดจะได้เที่ยวฟรี แล้วถ้า...
“มีแฟนเป็นเชฟทำขนม ก็คงได้กินขนมฟรี...ขนมฟรี!” โอ้โฮ้ตาผมนี่ตาเท่าไข่ห่านเลย เรื่องง่ายๆแค่นั้นทำไมถึงเพิ่งจะมาคิดได้ ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูหน้าเฟจของร้าน GlingTaen แอบส่องจนเห็นว่าแอดมินเพิ่งจะโพสต์รับสมัครพนักงานเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
“ได้คนยังว่ะ” ผมชักจะสงสัยเพราะถึงแม้จะโพสต์เอาไว้สักพักแล้วแต่ยังไม่มีประกาศว่าได้คนครบตามจำนวนที่ต้องการ ผมลองทักถามเฟจดูว่าได้พนักงานครบหรือยังครับ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว
ติ้ง!
แต่รอไม่นานก็มีเสียงข้อความแชทเด้งขึ้นมาก่อนที่ผมจะวางโทรศัพท์บนชั้นที่อยู่ข้างเตียงนอน
ยังครับ สนใจไหม?
แน่นอนว่าผมไม่คิดจะปล่อยให้แอดมินเฟจรอนานอยู่แล้ว
“สนใจครับ” ผมกรอกข้อความลงไปก่อนจะยิ้มออกมา คราวนี้ละพี่ไม่พลาดแน่ๆน้อง โดนคนอื่นรุมจีบมาเยอะ พรุ่งนี้ขอลองจีบคนอื่นดูหน่อยก็แล้วกัน ไม่มีข้อความอะไรตอบกลับมาหลังจากที่ผมพิมพ์ส่งกลับไป วันนี้ผมอาจจะเจอเรื่องร้ายๆมาแต่ไม่แน่พรุ่งนี้ผมอาจจะเจอแต่เรื่องดีๆก็ได้
ใครมันจะไปรู้....
“พี่โรส ผมมาสมัครงานครับ” คนโดนทักทำหน้างงก่อนจะพยักหน้าให้ ผมที่ยิ้มจนปากจะฉีกเก็บอาการไม่อยู่จริงๆ
ต้องมีแฟนเป็นเชฟทำขนม...ถึงจะได้กินขนมฟรี
ผมแอบท่องมันอยู่ในใจมาตลอดทาง ตอนแรกป๊ากับม๊าจะไม่อนุญาตให้ผมมาสมัครงานด้วยซ้ำแต่ผมเก่งไง พอผมบอกว่าจะมาจีบเจ้าของร้านขนมที่ช่วยเอาไว้เมื่อวานป๊ากับม๊ารีบบอกให้พี่เกรทขับรถมาส่งที่ร้านเลย
ดูเหมือนว่าที่บ้านของผมจะปลื้มเจ้าของร้านคนนี้ไม่น้อยเลย ดีจริงๆเหมือนทางจะสะดวกเลยแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย ผมเคยคิดว่าคนที่บ้านอาจจะไม่ยอมรับความรักของคนเพศเดียวกันซะอีก ที่ไหนได้พวกท่านกลับดูดีใจมากที่ได้ผมบอกว่าจะจีบพี่เขา แต่ผมนั่งอยู่ในร้านตั้งนานแล้วไม่ยักจะเห็นพี่เขาเลย
“อ่ะพี่ๆ” พอสายตาเหลือบไปเห็นว่าคนที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาในร้านคือคนที่ตัวเองมองหาผมก็รีบแสดงตัวทันที แต่คิ้วไม้ม้วนบนหน้าหล่อๆก็ดูดีใช้ได้เลยนะเนี้ย
“คุณเซนคะ”
“ครับ?” ผมนั่งมองพี่โรสคุยอะไรก็ไม่รู้กับพี่เจ้าของร้านอยู่ข้างนอก ทำไมถึงต้องออกไปคุยกันแค่สองคนด้วย
ผมอยากมีส่วนร่วม!
“เอ้า น้องมาแต่เช้าเลย ซื้อขนมเหรอ?” มีพี่พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาถามผมส่ายหัวปฏิเสธก่อนจะยืนใบสมัครงานที่เขียนเสร็จแล้วให้ แต่พี่พนักงานคนนั้นกลับยืนเฉยๆแล้วมองผมแปลกๆ ก่อนจะเป็นพี่โรสนางฟ้าคนงามที่เป็นคนรับใบสมัครงานของผมไปแทน
“เริ่มงานได้วันนี้เลยไหมลูก” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูทำให้ผมยิ่งรู้สึกถึงความฮึกเหิมที่งอกขึ้นมาในใจ
“พรุ่งนี้ได้ไหมครับ เดี๋ยว4โมงเย็นบัสต้องไปติวหนังสอบต่อ” หลายคนคงจะสงสัยว่าผมจะเอาเวลาที่ไหนมาทำงานพิเศษ วันธรรมดาผมมีเรียนตั้งแต่เช้ายันค่ำ ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ผมก็ต้องไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านพี่เจมส์ ดูเหมือนผมแทบจะไม่มีเวลาว่างพอจะมาทำงานที่ร้านนี้ได้เลย แต่...
“เข้างาน4โมงเย็นน ห้ามเลทนะลูก”
“ครับ” ผมรีบรับคำพี่โรสเสียงดังฟังชัด ที่ร้าน GlingTaen ไม่ได้ต้องการพนักงานประจำเพิ่มแล้ว แต่ถ้าเป็นพนักงานพาสทามก็ยังพอมีที่ว่างเหลืออยู่ ตารางงานของผมคือมาทำช่วงที่ร้านใกล้จะปิดแล้วคือหลัง4โมงเย็นแต่ยังเคลียร์ลูกค้าไม่ได้ช่วงวันเสาร์และอาทิตย์
มันบังเอิญสุดๆตรงที่ใน7วันผมก็ดันมีเวลาว่างแค่ช่วงนี้ สงสัยฟ้าจะเป็นใจให้ผมสมหวังในความรัก
“ผมไปติวก่อนนะครับพี่โรส” หลังจากที่ทำข้อตกลงเรื่องสัญญาจ้างงานเสร็จผมก็รีบบอกลานางฟ้าตัวบิ๊กเบิ้มในงานเพราะกำลังจะไปไม่ทันนัดติวหนังสือกับเพื่อน
“เดี๋ยว ยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม” ผมต้องหันไปมองเพราะมีคนรั้งชายเสื้อเอาไว้
“ใช่ครับ” พอผมตอบคำถามในมือก็มีถุงกระดาษวางลงมา
“เอาไว้รองท้อง” ผมไม่จำเป็นต้องเปิดออกดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน เพราะกลิ่นหอมๆกับความอุ่นเล็กน้อยที่สัมผัสได้มันบอกผมไปหมดแล้ว
“ขอบคุณครับพี่เซน” หลังจากที่ยิ้มให้พร้อมกับคำว่าขอบคุณ ผมก็รีบวิ่งขึ้นรถ พี่เกรทดุผมเรื่องที่ไปรับของกินมาโดยที่รู้อยู่แล้วว่ากำลังจะไปกินบุฟเฟห์กับเพื่อนๆ แต่จะให้ทำยังไงได้ละก็พี่เขาเอาให้เองกับมือ ผมก็ต้องรับเอาไว้ จะจีบเขาทั้งทีถ้าไม่ทำตัวดีๆเขาจะยอมให้จีบไหมละ
อย่าให้เด็กอย่างผมต้องมาสอนกลับสิครับ...พี่เกรท!
“รถบัสช่วยพี่ทางนี้หน่อย”
“ครับ” ผมเคยคิดนะครับว่ามันคุ้มจริงๆเหรอกับสิ่งที่กำลังทำอยู่
“บัสลู๊ก ช่วยพี่โรสทางนี้ด้วยคร้า”
“ได้เลยครับ” นี้ผมมาทำงานหรือฝึกร่างกายเตรียมสอบราชการกันแน่ งานที่ร้าน GlingTaenไม่ได้มีขั้นตอนอะไรที่ซับซ้อนหรอก แต่ปริมาณงานที่มันมากเกินกำลังต่างหากที่ทำให้ผมคิดหนัก
ไอ้เรามันก็ลูกคนมีฐานะอยู่แล้ว ทำไมจะต้องมาทำงานหนักด้วยละเนี้ย วันๆหนึ่งนั่งตากแอร์อ้าปากคีบขนมกิน หรือนอนอยู่บ้านเฉยๆก็ไม่อดตายนี่หว่า นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรถึงได้มาสมัครทำงานที่นี้
อย่าเรียกว่าร้านขายขนมหวานเลย ให้เรียกว่าโรงงานนรกยังจะฟังขึ้นมากกว่า
ตอนเป็นลูกค้าว่าวุ่นวายแล้ว ตอนมาเป็นพนักงานแม่งฉิบหายยิ่งกว่า ไอ้คนนั้นก็ว่าจะเอาอย่างนี้ ส่วนไอ้คนนี้ก็ดันอยากจะได้อย่างนั้น ผมจะโคตรจะปวดหัวเลย
ปั้นประสาทผมเก่งยิ่งกว่าจักรยานเห็นจะเป็นลูกค้าที่ร้าน GlingTaenนี่ละ ขนาดผมมาทำงานแค่วันเสาร์วันอาทิตย์ กลับบ้านไปยังต้องกินพาราก่อนนอนเลย ไม่รู้ว่าพี่ๆพนักงานที่ทำประจำเอาตัวรอดกันมาได้ยังไง คงต้องแอบไปถามเคล็บลับดูแล้วละ
“นี่ถ้าเจ้าของร้านไม่หล่อ ไม่รวยนะแก ฉันลาออกไปนานแล้วคร้า” ผมรีบวิ่งไปซ่อนหลังเสาเสียงนินทาซุบซิบจะไม่น่าสนใจเลยถ้าเรื่องที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องของคนที่เราชอบ ถ้าพูดถึงเจ้าของร้านก็ไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้นอกจาก....
“คุณเซนเขามีแฟนป่ะ ฉันอ่ะได้ยินคนพูดกันว่าแต่ก่อนเขาก็ทำงานในโรงแรม5ดาวเลยนะ”
“น่าจะไม่มีนะแก ฉันมาทำงานตั้งแต่ร้านเปิดใหม่ๆก็ไม่เคยเห็น”
“ดีๆฉันจะได้ไม่ต้องเปลืองแรง เปลืองแค่ตัวก็พอ” พอได้ยินแบบนั้นผมนี้อยากจะพุ่งตัวเข้าใส่เลยครับ ทำไมเดี๋ยวนี้การจีบหรือการทำความรู้จักกับคนที่แอบชอบถึงได้ออกไปทางแนว18+อย่างเดียว คนเราไม่คิดที่จะเรียนรู้ว่าคนที่เราชอบอยากทำอะไร ฟังเพลงแนวไหน หรือเป็นแฟนคลับดารานักร้องชื่ออะไรกันแล้วเหรอ อย่างผมเนี้ยชอบกินขนมมากคนที่จะจีบผมติดก็คือเจ้าของบริษัทผลิตขนม หรือไม่ก็ต้องเป็นคนที่ทำขนมได้อ่ะ อย่างพี่เซนไงเนี้ยผู้ชายในฝันเลย
“แต่แกก็ระวังด้วยละ เผื่อเขาว่าจะ..ไม่ได้ชอบผู้หญิง” คิ้วของผมตีกันเสียงดังเลย ทำไมผมถึงรู้สึกไม่ดีหลังจากที่ได้ยินพวกเขาพูดถึงพี่เซนแบบนั้น เอาจริงๆเขาไม่มีสิทธิ์ไปพูดจาล้อเลียนเรื่องรสนิยมของใครนะ มันดูแย่อ่ะ ฟังแล้วรู้เลยว่าเป็นคนที่มีทัศนคติที่คุยด้วยยากมาก
“พี่พิ้งพี่เกดค้าบบบ” ผมพยายามทำหน้าปั้นยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาพี่พนักงานที่กำลังจับกลุ่มนินทาเจ้าของร้าน
“อ้าววน้องบัส” พวกเขาดูไม่ตกใจเลยสักนิดที่เห็นผม
“คือบัสอ่ะปวดท้อง อยากเข้าห้องน้ำอ่ะครับ แต่หน้าร้านยุ่งมากๆ พี่ๆช่วยออกไปทำงานแทนหน่อยได้ไหมครับ” พี่คนที่ชื่อเกดแอบกลอกตาไปมาก่อนจะยอมเดินออกไปช่วยงานหน้าร้านส่วนพี่พิ้งอยู่ดีๆก็ยืนแล้วเดินเข้ามาหาผม
“เมื่อกี้น้องไม่ได้ยินอะไรใช่ป่ะ”
โอ๊ยยย
ไม่มีอะไรที่ได้ยินมากกว่าไหม คุยก็เสียงดังแถมยังคุยกันตั้งนานผมที่รอจังหวะพูดแทรกยืนจนขาแข็งแล้ว คนพวกนี้ไม่รู้หรือว่าการนินทาเจ้านายมันไม่ดี สิ้นเดือนได้ซองขาวไม่รู้ด้วยนะ
“ได้ยิน...ได้ยินเรื่องอะไรเหรอครับ พี่ๆนินทาผมเหรอ” เมื่อคำตอบของผมคือสิ่งที่เขาต้องการ บนใบหน้าที่สะสวยก็มีรอยยิ้มแต่งแต้มทันที
“บ้า~พวกพี่จะนินทารถบัสทำไมละ ฮื้ม” ต่อให้พี่จะเนียนมาหยิกแก้มผม ผมก็ดูออกครับว่าพี่...กำลังแถ
“นั่นสิเนอะ พวกพี่จะนินทาผมทำไม นินทาพี่เซนดีกว่าเนอะ~” ผมยกยิ้มแล้วมองเลยไปถึงใครอีกคนที่ยืนแอบอยู่หลังเสา คนที่ขายาว แขนยาว จำใจต้องยอมก้าวออกมาจากที่ซ่อน
"พี่เซนครับ บัสขอเบรกแปบนะ ปวดท้อง"คนมันจะซวยผมคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก บอกแล้วว่าการนินทาคนอื่นมันไม่ดี ยิ่งการนินทาเจ้านายยิ่งทำให้ดูไม่ดี
"จะได้ซองขาวตอนสิ้นเดือนไหมน้า~"ดวงตาของพรักงานสาวโตเท่าไข่ห่าน ผมแอบก้มหน้ายิ้มก่อนจะพูดแก้ตัว
"พี่เซนครับมีซองเหลือให้ผมใส่เงินทำบุญไหม"คนโดนถามเลิกคิ้วสงสัย ผมได้แต่ภาวนาให้พี่เขาเข้าใจในสิ่งที่ต้องการจะสื่อออกไป
"ไม่มีหมด"เชื่อไหมครับว่าพอพี่เซนพูดจบผมได้ยินเสียงคนข้างหลังถอนหายใจแรงมาก ดีจริงๆที่พี่แกทันมุกตลกของผม
"แต่เดี๋ยวให้รุ่งโรจน์ออกไปซื้อ พิ้งทำบุญด้วยกันไหมครับ"
"ยังไม่สิ้นเดือนเลยเงินมีน้อย พิ้งขอผ่านนะคะคุณเซน"ท่าทางลุกลี้ลุกลนของพี่พิ้งทำเอาผมเกือบตาย
มันโคตรตลก และผมก็ดันมารยาทดีไม่กล้าหัวเราะเย้ยใคร รอให้เขาไปไกลๆก่อนเถอะ ผมจะลงไปดิ้นบนพื้นเลย
"แสบนะ"
"หมายถึงใครครับ บัสเหรอ"ผมแกล้งตีหน้าซื่อถาม
"ช่างเถอะ พี่ชินแล้ว จะไปเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ"ชินกะผีนะสิ คนบ้าที่ไหนเคยชินเวลาถูกคนอื่นนินทา
พี่บ้าป่ะเนี้ย?
ผมแอบคิดในใจแล้วมองหน้าคนที่ตัวสูงกว่า หน้าตาดี มีการศึกษา หน้าที่การงานก็ดูจะไปได้ดีแท้ๆทำไมพี่แกดูคล้ายคนปลงกับชีวิตที่มักจะถูกคนนินทานักก็ไม่รู้
"บัสไม่ไปล่ะ ออกไปช่วยพี่โรสดูลูกค้าดีกว่า"ผมว่าแล้วก็ยิ้มให้ คนอะไรนอกจากจะหล่อละยังนิสัยดีอีก โคตรเพอร์เฟคเลย เหมาะสมกับคนกวนประสาทอย่างรถบัสที่สุด ลงตัวโคตรๆ
แบบนี้ต้องถูกใจม๊ากับป๊าแน่ๆ
แต่รอก่อนนะครับพอดีช่วงนี้ผมเรียนหนัก ยังไม่ว่างจีบ พี่ก็อย่าเพิ่งไปให้ใครจีบติดก่อนผมนะครับ
รอแปบ~
"สอบเสร็จเมื่อไรเดี๋ยวผมจีบพี่เองนะครับ สุดหล่อของโผม วะฮะฮ่า"ผมยืนจังก้าหัวเราะเสียงดังอยู่หลังประตูทางเข้าออกของพนักงาน พี่โรสดูตกใจเล็กน้อยตอนที่เปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นผมยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
"ไปทำงานดีกว่า"ผมว่าและกระโดดโลดเต้นออกไปช่วยพี่ๆพนักงานคนอื่นๆบริการลูกค้า วันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่แสนหฤหรรษ์ผ่านไปไวอย่างกับโกหก ผมต้องหยุดทำงานพิเศษทั้งที่ร้านขนมและร้านอาหาร
"บัสลูกสอบเสร็จเดี๋ยวเราขึ้นเชียงใหม่ไปเยี่ยมคุณยายกับม๊านะ"
"ห๊ะ!"ผมที่ตกใจทำตาโต อ้าวงี้ผมก็ไม่ได้จีบพี่เซนสักทีนะสิ
"ยายว่าจะสอนบัสทำขนมด้วย เก็บกระเป๋าไว้รอได้เลยนะคะ"
"อ่ะเช"ทำมือเป็นสัญลักษณ์ว่าตกลง คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง พี่เซนคงรอผมได้อยู่แล้ว ผมไปเยี่ยมญาติแค่10กว่าวันเอง เดี๋ยวกลับมาจะรีบจีบพี่เซนเป็นอย่างแรกเลยครับ
รอผมหน่อยนะ
ยายจ๋ารถบัสมาแย้ววว
*****
***
*
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 365
แสดงความคิดเห็น