เจ้าด้องแด้ง : บทที่ 03
ขณะที่มันนอนอยู่ ก็มีรถยนต์วิ่งผ่านมันไปมา มันชินแล้วกับเสียงรถ บางครั้งก็จอดเพื่อเอาขยะทิ้ง หากเป็นช่วงมันแข็งแรงก็คงจะวิ่งไปทางที่ผู้คนเอาขยะมาทิ้ง แต่วันนี้มันเหนื่อยมากแล้วมันอยากพักผ่อน
ไม่นานมันก็ได้ยินเสียงรถคันหนึ่งวิ่งช้าๆแล้วจอดใกล้ๆมัน มันยังหลับตาและไม่ได้สนใจอะไร มีเสียงรองเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆมัน มันคิดว่าคงเป็นอีกคนที่มาทิ้งขยะ
ครู่หนึ่งเสียงนั้นก็เงียบไป ทันใดนั้นที่หัวของมันก็ได้รับความอบอุ่น มันซึมซับเอาความอบอุ่นนั้นคงเป็นฝันสินะ เท่าที่มันจะคิดได้
“ด้องแด้ง กลับไปอยู่กับพวกเรานะ พวกเราจะดูแลเธอ กลับไปอยู่กับพวกเรานะ” เสียงมนุษย์ผู้ชายที่กล่าวกับมัน
“ คล้ายเหลือเกิน คล้ายกับเสียงของนายผู้ชาย” มันได้แค่คิด แต่สิ่งที่มันสัมผัสได้คือความอบอุ่น
“ หรือว่าจะเป็นจริง” มันลืมตาขึ้นพร้อมกับมองไปข้างหน้า สิ่งที่มันเห็นมันจำได้ หน้าตาแบบนี้เสื้อผ้าแบบนี้รองเท้าแบบนี้ นายผู้ชายของมันเอง มันคิดถึงเหลือเกินคิดถึงนายของมัน
ทุกวันมันได้แค่ฝันแต่วันนี้ความฝันนั้นก็เป็นจริง มันพยายามจะลุกขึ้นแต่มันก็ลุกขึ้นไม่ไหว ทันใดนั้นเองก็มีมืออันอบอุ่นมาอุ้มมันไป
เมื่อมันได้เข้ามาในรถแล้ว นายผู้ชายได้คลุมผ้าเช็ดตัวให้มัน มันอบอุ่นเหลือเกิน แต่พอผ้าที่คลุมไปแตะถูกขาซ้ายที่หัก มันถึงกับร้องเสียงหลง
“เอ๋ง” มันร้องด้วยความเจ็บปวด
“ โทษที ลืมว่ามันเป็นข้างที่หัก” เสียงของนายผู้ชายมันพูดขึ้นพร้อมกับเช็ดเบาๆ
“ วันนี้ฉันจะพาแกกลับบ้าน กลับไปยังบ้านของเรา นายผู้หญิงคงคิดถึงจะแย่” เขาพูดขึ้นพร้อมกับยกมันมานอนยังเบาะหลัง แล้วเขาก็เปิดประตูมานั่งด้านหน้าเพื่อที่จะขับรถกลับบ้าน
เมื่อเขากลับมาถึงบ้านเขาก็ได้พาเจ้าด้องแด้งเข้าไปในบ้าน พร้อมกับเรียกภรรยาให้มาดู
“ น้องดา น้องดา พี่เจอมันแล้วพี่พามันมาด้วย” เขาร้องเรียกภรรยาของตัวเองให้มาดูสิ่งที่เขาพามา
“ อะไรหรอพี่ พี่เรียกทำไม ไม่ต้องตะโกนก็ได้เดี๋ยวลูกก็ตื่น แล้วที่ว่าพามาคืออะไร” เธอพูดขณะกำลังเดินออกจากห้อง
“ก็เจ้าด้องแด้งไง พี่เลยพามันกลับมา” เขาตอบภรรยาออกไป
“ จริงๆเหรอพี่ แล้วพี่เจอมันที่ไหนล่ะ ทำไมตอนที่เราตามหาทำไมไม่เจอ” ผู้เป็นภรรยาได้ถามพร้อมกับรีบเดินเข้ามา
“ พี่ไปเจอมันตรงที่เราพบมันครั้งแรก มันกำลังนอนหมดแรงที่ข้างถุงดำ ตรงกองขยะ ทีแรกพี่ก็ไม่เห็นมันหรอก แต่พอเห็นกองขยะแล้วนึกถึงมัน พี่เลยขับรถช้าๆ มองไปยังกองขยะแล้วก็เห็นมันนอนตัวสั่นอยู่ พี่เลยพามันกลับมาด้วย” เขาได้เล่าให้กับผู้เป็นภรรยาฟัง
“ คงจะเป็นโชคดีของเราและมัน ที่เราได้มันกลับมาเลี้ยง วันนั้นฉันไม่น่าเหวี่ยงสากกระเบือใส่มันเลย ฉันน่าจะคิดก่อนทำ” เธอพูดขึ้นด้วยความเสียใจ
“ อย่าไปนึกถึงมันเลยน้องดา มันผ่านมาแล้ว หากเป็นพี่พี่ก็ทำเช่นนั้น เพราะความเป็นห่วงลูก จนเกิดอารมณ์ชั่ววูบ หลังจากนี้เราก็พามันไปรักษาแล้วก็ดูแลมันดีๆ ถือว่าเป็นการไถ่บาปก็แล้วกัน” เขาได้พูดปลอบโยนพญาของเขาพร้อมกับคำแนะนำ
“ พี่ไม่บอกน้องก็จะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว” เธอได้พูดกับสามีของเธอ
“ เอาหละไปหาอะไรมาให้มันกินก่อน ดูสิ ร่างกายของมันผอมลงอีกแล้ว หากพี่ไปช้าอีกไม่กี่วัน มันคงจะเหมือนกับตอนที่เราพามันมาครั้งแรก แต่ว่ามันคงจะอยู่ไม่ถึงหรอก เพราะอากาศมันหนาว” เขาบอกกับภรรยาตัวเองแล้วเขาก็มองเจ้าสุนัขพร้อมกับพูดถึงเรื่องของมัน
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่คู่สามีภรรยา ได้ขายผักเสร็จแล้ว พวกเขาก็พาเจ้าสุนัขไปหาสัตวแพทย์ เพื่อรักษาขาของมัน จากการตรวจสอบ ของสัตวแพทย์ ขาของมันรักษาได้แต่ต้องใช้เวลานาน
จากวันนั้นเวลาก็ล่วงผ่านไปแล้ว 2 ปี เด็กน้อยที่แบบ่ก็กลายเป็นเด็กน้อยที่ซุกซน เด็กชาย สุรชัย บรรจง ชื่อเล่น ชัย อายุ 2 ปีกับ 7 เดือน สำหรับบางคนอาจจะมองเห็นชัยเป็นเด็กที่ซุกซน แต่บางคนก็มองว่าเป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็น ทุกวันชัยจะไปตลาดกับแม่ หลังจากขายผักเสร็จทั้งสองก็พากันกลับบ้าน โดยมีเจ้าด้องแด้ง เดินตามหลังเป็นประจำ
เจ้าด้องแด้งขาของมันก็หายได้ปีกว่าแล้ว มันติดตามเจ้านายตัวน้อยของมันไปทุกที่ มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่มันติดรถไปกับนายผู้ชายของมัน
มาวันหนึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น วันนั้นเป็นวันที่เจ้าด้องแด้งไปกับนายผู้ชายของมัน ผู้เป็นภรรยากับลูกก็ไปตลาดเพื่อขายผักเหมือนเดิม แต่ทว่าวันนั้นเอง
“แม่ผมไปดูรถดั้มนะ” ชัยพูดกับแม่ของเขาพร้อมทั้งหันไปยังรถดั้มที่วิ่งผ่านไป
จะด้วยความรำคาญหรืออย่างไร ขณะนั้นแม่ของเขากำลังขายผักให้ลูกค้า เลยตะคอกใส่ลูกว่า
“ เออ จะไปไหนก็รีบไป” เธอพูดด้วยความฉุนเฉียว
เมื่อเด็กชายได้รับคำตอบจากแม่ก็ไม่ได้สนใจอะไร รู้แค่ว่าแม่อนุญาตแล้ว เขาเลยรีบวิ่งตามรถดั้มออกไป
เวลาผ่านไปถึงเที่ยง ดาที่ขายผักเสร็จแล้ว ก็ได้มองหาลูกชายของตัวเองเพื่อที่จะพากลับบ้าน ร้องเรียกหาก็ไม่เจอ เธอกังวลมากสอบถามผู้คนในตลาด แล้วบอกลักษณะของลูกชายตัวเอง บางคนก็ไม่เห็น มีหลายคนเห็นถือลูกชิ้น ไปกับผู้ชายคนหนึ่ง นึกว่าเป็นพ่อกับลูกเลยไม่ได้สนใจ หลังจากได้คำตอบเธอก็รีบตามหา แต่ก็ไม่พบ
เธอรีบกลับไปหาสามีของเธอแล้วเล่าเรื่องให้ฟัง ทั้งสองก็พากันไปแจ้งตำรวจ แต่ก็หาไม่พบ ทั้งสองพยายามตามหาจากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี ผ่านไปแล้ว 3 ปี
ครอบครัวที่สูญเสียลูกชายไป ก็ได้เพิ่มสมาชิกใหม่ เป็นเด็กหญิงตัวน้อย วัยเพียง 1 ขวบ เด็กหญิงชื่อ มานี มณี ชื่อเล่น ณี ณีเป็นยารักษาแผลใจให้กับคู่สามีภรรยาที่สูญเสียลูกชายไป ทั้งสองสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้ลูกสาว คลาดสายตาโดยเด็ดขาด
เด็กหญิงมณีหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก บอกง่ายเชื่อฟัง เป็นที่รักของครอบครัว ซึ่งช่วยเยียวยาแผลใจให้กับทั้งสองได้
มาวันหนึ่งขณะที่คู่สามีภรรยาพร้อมกับลูกสาว ไปขายผักที่ตลาด โดยมีเจ้าด้องแด้งตามหลัง ทันใดนั้นเองเจ้าด้องแด้งก็วิ่งไปข้างหน้า กระโจนเข้าไปหาเด็กชายและชายวัยกลางคนที่นั่งขอทานอยู่
มันไม่ได้เข้าไปหาชายวัยกลางคน แต่มันเข้าไปหาเด็กน้อยที่ผมปิดหน้าตาร่างกายผอมแห้ง เหมือนกับเด็กขาดสารอาหาร ที่นอนอยู่ข้างๆชายคนนั้น มันเข้าไปเลียตามแขนขาพร้อมกับร้อง
“หงิงๆ” เหมือนกับพบอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก ชายวัยกลางคนพยายามไล่แต่มันก็ไม่ไปเจ้าด้องแด้ง มันทั้งเลียทั้งร้อง ทั้งหันมาหานายผู้หญิงและนายผู้ชายของมัน
เมื่อผู้เป็นสามีเห็นอาการ ของสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ก็เกิดความสงสัยเลยเดินเข้าไปหาเด็กน้อยคนนั้น พร้อมทั้งปัดผมที่ปิดหน้าเด็กออกไป เมื่อเห็นหน้าเด็กน้อยชัดๆ หัวใจแทบหยุดเต้น น้ำตากลั้นเอาไว้ไม่ไหว
“ลูกชัย ลูกชายของพ่อ ในที่สุดพ่อก็เจอลูก” เขาร้องเสียงดัง ทำให้เด็กน้อยลืมตาขึ้นมองหน้าผู้เป็นพ่อ เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้น เขาลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
เมื่อผู้เป็นภรรยาได้ยินเสียงของสามีพูดขึ้น เธอก็ได้รีบวิ่งมาหาสามีและลูกชาย น้ำตาที่ไหลด้วยความคิดถึงลูกชาย ความอาลัยอาวรณ์คนึงหาอยู่ตลอดเวลา บัดนี้พวกเขาได้เจอแล้ว
พวกเขาได้กลับมาแล้ว สิ่งที่เป็นที่รักของพวกเขา ลูกชายที่หายไปได้ 3 ปีแล้ว ในที่สุดก็ได้กลับมาอยู่ในอ้อมอกของพ่อและแม่
จบบริบูรณ์
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 746
แสดงความคิดเห็น