วิถีธาตุออนไลน์ : บทที่ 8 การโจมตีของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 8 การโจมตีของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
แต่ละคนต่างก็เร่งเตรียมตัวรับศึกที่กำลังจะอุบัติขึ้นอีกครั้งอย่างฉุกละหุก หลายคนยังพร้อมจะสู้ต่อ ถึงแม้ร่างกายจะแฝงด้วยความเหนื่อยล้าเต็มที ขณะอีกบางส่วนต้องการหลบหนีแทนการสู้ ประกอบกับเวลาก็ใกล้รุ่งเช้าเข้าไปเรื่อยๆ การเดินทางต่อจากนี้คงไม่น่าจะมีอันตรายสักเท่าไหร่
เสียงเห่ากรรโชกโฮกฮากระคนไปกับเสียงการเคลื่อนไหวของสัตว์เกินกว่าร้อยตัวดังใกล้เข้ามาทุกทิศทาง ไม่ทันที่ผู้เล่นจะตกลงกันได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ...คนทั้งหมดก็ตกอยู่ในวงล้อมของสัตว์อสูรหมาป่าซะแล้ว
หากคิดแล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เลวร้าย...เหตุการณ์ต่อมานับว่าเลวร้ายยิ่งกว่า!
เพราะระหว่างที่ผู้เล่นกำลังตกอยู่ในความสับสนไม่รู้จะเอายังไงแน่ เจ้าของเสียงหอนลากยาวที่เมื่อครู่ยังแฝงกายอยู่ท่ามกลางมวลแมกไม้และความมืดยามค่ำคืน
...บัดนี้ได้เยื้องย่างเผยโฉมปรากฏออกมาสู่สายตาฝูงชนเป็นครั้งแรก!
ร่างดำทะมึนสูงใหญ่ราวสองเมตรยืนเด่นท่ามกลางหมาป่าตัวอื่นๆ ดวงตาแดงประดุดเลือดขนาดเขื่องบัดนี้มีประกายโหดเฮี่ยม สภาวะกดดันที่ส่งออกมา เล่นเอาไม่มีผู้เล่นคนไหนกล้าขยับตัวหรือหายใจแรง เพราะต่างก็กลัวตนเองกลายเป็นจุดสนใจของมัน
‘ผู้เล่นได้พบกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เฟนริล บิดาแห่งหมาป่าทั้งมวล’ เสียงระบบดังขึ้นในหัวของแต่ละคน ทำเอาแทบช็อก
โบร๋ววว!
เฟนริลบิดาของสัตว์อสูรหมาป่าแหงนคอขึ้นฟ้า ทันทีนั้นเสียงหอนอันแฝงเปรี่ยมไว้ด้วยอำนาจข่มขวัญ พลันถูกปล่อยออกมาดังสะท้อนสะท้านไปทั่วผืนป่า เสมือนกับเป็นสัญญาณการสั่งโจมตีของแม่ทัพใหญ่ก็มิปาน
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดอันเข้มข้น ส่งผลให้กรกชเรียกสติกลับมาได้ในทันที เขาเอื้อมมือไปกระชากไหล่ทัศและพลอยที่อยู่ใกล้สุดเพื่อให้หลุดออกจากภวังค์ ตามด้วยชัยและเมย์เป็นอันดับถัดไป
การบุกโจมตีอย่างหนักของสัตว์อสูรในครั้งนี้ ทำให้เกิดความอลหม่านขึ้นในกลุ่มผู้เล่นจนเกินควบคุม ถึงเงาดาบและสมาชิกกิลด์มังกรซ่อนอีกยี่สิบคนจะพยายามต้านสัตว์อสูรหมาป่าบางส่วนเอาไว้ พลางส่งเสียงตะโกนบอกคนอื่นๆ ให้ตั้งสติ ทว่าด้วยความชุลมุนวุ่นวายของเหตุการณ์ ทำให้ไม่มีใครฟังใครเสียแล้ว
กรกชมองไปทางใดก็พบแต่การเพลี่ยงพล้ำของผู้เล่นที่มีมากเสียจนหวั่นใจ ชายหนุ่มและเพื่อนๆ รวมกับคนอีกกลุ่มหนึ่งเลือกตีฝ่าพวกหมาป่าออกไปยังราวป่าที่อยู่ข้างหน้า ห่างจากจุดที่เขาอยู่ไปประมาณห้าสิบเมตร...ถ้าหากไม่มีหมาป่าขนดำฝูงใหญ่มาขั้นกลางระหว่างทาง อะไรอะไรก็คงจะดีกว่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ทัศน์ที่ได้เปรียบเรื่องระยะการโจมตีของอาวุธเป็นฝ่ายนำหน้าบุกตะลุยเข้าไปในกลุ่มหมาป่าหลายสิบตัว ทวนยาวแฝงพลังธาตุดินแทงปราดออกเมื่อใด นั่นย่อมหมายถึงต้องมีหมาป่าอย่างน้อยหนึ่งตัวบาดเจ็บล้มตายไปเมื่อนั้น
กรกช เมย์ ชัย และชายหนุ่มอีกสองคนตั้งขบวนล้อมพลอยและหญิงสาวใส่ชุดนักเวทย์เอาไว้ตรงกลาง โดยแบ่งคนคุ้มกันออกเป็นฝั่งละสองคน กรกชและเมย์คุ้มกันด้านขวา ชายหนุ่มสองคนจากอีกกลุ่มคุ้มกันฝั่งซ้าย ซึ่งมีชัยถือกระบี่รั้งท้ายคอยระวังหลังให้อีกที
เมื่อกรกชไม่มีความจำเป็นต้องระวังข้างหลัง แต่ละครั้งที่เขาฟันดาบโจมตีศัตรูจึงเต็มเปรี่ยมไปด้วยพลังอย่างไม่อดออม การวาดดาบทำร้ายสัตว์อสูรหมาป่าแต่ละที เขาจะเน้นโจมตีไปบริเวณขาเพื่อหยุดความเคลื่อนไหวของมันเป็นหลัก ทั้งนี้เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การสังหาร ทว่าเน้นที่ความรวดเร็วในการหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้เป็นสำคัญ
ฝ่ายพลอยและหญิงสาวนักเวทย์ก็มิได้น้อยหน้าแต่อย่างใด เพราะไม่ว่าจะเป็นลูกธนูที่ถูกปล่อยจากคันอย่างแม่นยำ หรือบอลเวทย์ธาตุไฟที่โจมตีเป็นวงกว้างนั้น ก็ช่วยขัดขวางลดจำนวนของหมาป่าลงได้มาก อีกทั้งยังช่วยทำให้ขบวนเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้เป็นอย่างดี
ดูเหมือนเฟนริลจะไม่ค่อยพอใจกับผลลัพท์ในปัจจุบันมากสักเท่าไหร่ เพราะถึงจะมีผู้เล่นตายไปแล้วบางส่วน แต่ทว่าก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่กำลังต่อสู้อยู่ และกำลังถอยหนีห่างออกไปทุกขณะ
...มีหรือที่มันจะยอมให้หลบหนีไปง่ายๆ เช่นนี้!
ระหว่างการต่อสู้ของแต่ละคน...ไม่ทันมีใครสังเกตเห็นเลยว่า ในยามนี้ ที่ปากของเฟนริลค่อยๆ มีลูกพลังสีดำก่อรูปขึ้นอย่างรวดเร็ว บอลแสงสีดำทะมึนเริ่มเพิ่มความใหญ่และหนาแน่นขึ้นทีละนิด กระทั่งมีความใหญ่พอๆ กับโอ่งน้ำใบย่อม มันจึงถูกผู้เป็นเจ้าของส่งให้ลอยละลิ่วร่วงตกลงกลางกลุ่มผู้เล่นที่ใหญ่ที่สุดในบัดดล
มีคนหลายคนที่สัมผัสได้ถึงความผิดปรกติรีบหันมองขึ้นไปเหนือศีรษะ ทว่าไม่ทันจะมีโอกาสร้องออกมาด้วยความตกใจ ลูกพลังที่มีอนุภาพไม่ต่างจากระเบิด ก็ตกกระแทกลงท่ามกลางผู้เล่นอย่างจัง
บรึ้มมม!
บังเกิดมวลแสงสีดำสนิทแตกทะลักทะลายออกกลืนกินพื้นที่โดยรอบ พร้อมกับเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังตามมาติดต่อกัน แรงกระแทกอันมหาศาล ส่งผลให้ทั้งคนทั้งสัตว์เสียการทรงตัวต่างล้มกลิ้งไปกับพื้น...ด้วยพลังการโจมตีระดับสะท้านขวัญ ไม่มีใครสามารถประคองร่างฝืนลุกขึ้นยืนได้แม้แต่คนเดียว
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปแล้วมากน้อยเพียงใดที่ตั้งแต่การโจมตีอันสุดแสนอันตรายนั้นจบลง ท่ามกลางสายตาหลายครู่ซึ่งจับจ้องไปยังจุดเกิดเหตุ ทำเอาทุกคนที่เห็นภาพเบื้องหน้ามีท่าทางแตกต่างกันออกไป บ้างมีสีหน้าเหลือเชื่อ บ้างแสดงออกถึงความหวาดกลัว กระทั่งใบหน้าที่มีแต่ความท้อแท้ยังปรากฏออกมาให้ได้เห็น
เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว คนของกิลด์มังกรซ่อนและกลุ่มอื่นๆ ยังจับกลุ่มต่อสู้กันอย่างแข็งขัน หากนับรวมกันคร่าวๆ น่าจะมีไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน แทบเรียกได้ว่ากลุ่มดังกล่าวถือเป็นกลุ่มหลบหนีที่ใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ ทว่าในยามนี้ นอกจากหลุมลึกกว้างหลายเมตรและเสดหินกระจัดกระจายแล้ว ณ ที่ตรงนั้นไม่หลงเหลือสิ่งมีชีวิตใดเลยแม้เพียงนิด
...อย่าว่าแต่ผู้เล่นเลย ขนาดสัตว์อสูรหมาป่าที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันยังไม่มีเหลือแม้แต่ซาก!
“ไอ้กชแย่แน่แบบนี้” กรกชครางลอดลำคอ ใครจะไปคิดว่าไอ้หมาป่ายักษ์นั่นจะทำได้ถึงขนาดนี้...หากใครได้พบได้เจอแบบเขา ก็คงจะมีความรู้สึกไม่ต่างกันเป็นแน่แท้
ชัยที่เพิ่งได้สติรีบสะกิดคนอื่นๆ อย่างเร่งรีบ “พวกเรา ไม่ต้องสนอะไรแล้ว ฉันว่าพวกเราต้องออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด...ก่อนที่จะไม่มีโอกาสนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง”
เมื่อได้ยินดังนั้น แต่ละคนก็ต่างกระชับอาวุธในมือแน่น แล้วประคับประคองกันลุกขึ้นยืน โดยทัศน์ยังทำหน้าที่เป็นแนวหน้า ซึ่งคนที่เหลือยังรักษารูปขบวนเอาไว้ตามเดิม
การเคลื่อนไหวของมนุษย์กลุ่มหนึ่ง เรียกให้เฟนริลหันศีรษะอันใหญ่โตไปมองอย่างสนใจ ท้าวของมันยังหยุดนิ่งอยู่กับที่ ขณะบริเวณปากเริ่มมีประกายแสงสีดำมารวมตัวกัน ไม่มีใครบอกก็รู้ ว่าการโจมตีระลอกสองกำลังจะบังเกิดขึ้นอีกครั้ง
...และกลุ่มที่ตกเป็นเป้าหมายในครั้งนี้ ก็คือกลุ่มของกรกชนั่นเอง!
เมื่อชัยที่คอยระวังหลังและคอยเฝ้าดูเฟนริลอยู่เป็นระยะเห็นภาพนั้น ทำให้เขาเบิกตาโตด้วยสีหน้าพรั่นพรึง “เฮ้ย!...ทุกคน มันเล่นเราแล้ว หลบเร็ว!”
คำพูดของชัย ทำให้ทุกคนแตกฮือออกไปคนละทิศละทาง แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับบอลพลังสีดำทะมึนตกลงตรงจุดที่แต่ละคนเคยอยู่
เสียงสนั่นหวั่นไหวดังหูดับตับไหม้ ตามด้วยแรงสะเทือนจากผืนดินราวกับยักษ์จับเขย่า ไม่มีใครทันได้สังเกตถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะทุกคนต่างก็ต้องรีบเอาตัวรอดออกจากบริเวณนี้ให้ได้
“ไม่ต้องกลับมารวมกันอีก ใครหนีได้หนีเลย ค่อยไปเจอกันที่เมืองเทพพยัคฆ์!” ชัยตะโกนเสียงดัง พลางวิ่งนำหน้าพลอยออกไปยังทิศทางหนึ่ง
กรกชได้ยินเสียงชัยแว่วมาจากที่ไกลๆ ทว่าเมื่อเขาคิดจะมองหาก็กลับทำไม่ได้ เนื่องเพราะมีฝุ่นดินบดบังทัศนวิสัยอยู่มากเกินไป
ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปตามทิศทางที่เขาจำได้รางๆ ว่าใกล้ชายป่ามากที่สุด ดาบในมือฟาดฟันเข้าใส่หมาป่าตัวใดก็ตามที่มาอยู่ในวิถีที่เขามุ่งไป เขาเบี่ยงตัวหลบจากหมาป่าที่กระโจนใส่ ฝักดาบในมือซ้ายฟาดเปรี้ยงเข้าปากครึ่งจมูกครึ่ง ทำให้หมาป่าโชคร้ายร้องเอ๋ง ทั้งเลือดทั้งน้ำลายของมันสาดกระจายถูกร่างกายของเขาส่วนหนึ่งจนเปรอะเปื้อน
กรกชผนึกพลังไว้ที่สองท้าวเพื่อเพิ่มความเร็วขึ้นอีกระดับ การหนีในครั้งนี้ต้องทำแข่งกับเวลา หากไอ้หมายักษ์นั่นรวบรวมพลังเสร็จอีกเมื่อไหร่ เพียงโดนการโจมตีอันหนักหน่วงเข้าไปเพียงฉิวเฉียด เท่านั้นก็เพียงพอที่จะส่งเขาไปลงนรกได้หลายสิบครั้งแล้ว
เสียงระเบิดราวกับฟ้าผ่าดังขึ้นมาอีกคำรบ โชคดีที่การโจมตีครั้งนี้ไม่ได้ใกล้เคียงจุดที่เขาอยู่เลย ดังนั้นจึงถือว่าชีวิตของเขายังจะปลอดภัยไปได้อีกระยะหนึ่ง
“ห่าเอ๊ย! ทำไมตั้งแต่เข้ามาเกมนี้ ไอ้กชได้หนีบ่อยจังวะเนี่ย!” กรกชวิ่งพลางบ่นพลาง เขากระโดดข้ามขอนไม้ที่ล้มขวางทางอยู่ไปอย่างว่องไว ก่อนจะสับท้าววิ่งเข้าใกล้ผืนป่าที่เหลืออยู่อีกไม่กี่เมตรข้างหน้า
...จนกระทั่งร่างสันทัดของชายหนุ่ม พุ่งทะลุผ่านหายลับเข้าไปท่ามกลางมวลต้นไม้ทั้งใหญ่น้อยได้ในที่สุด
พื้นที่ซึ่งห่างจากลานลมโชยมาใกลพอสมควร บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ภาพความพินาศของเหล่าผู้เล่นที่เกิดจากน้ำมือของสัตว์อสูรหมาป่า ตกอยู่ในสายตาของบุรุษหนุ่มในชุดกลืนไปกับความมืดตลอดเวลา ร่างชายในชุดสีทึบเหยียบยืนอยู่บนกิ่งไม้สูงอย่างไม่กลัวตกแต่อย่างใด ขณะที่ประกายตาของเขาฉายแววรื่นรมย์ในความย่อยยับของผู้เล่นอย่างเห็นได้ชัด
“พวกกระจอกก็อย่างงี้ แค่หมาป่าธรรมดา กับหมาป่ายักษ์อีกตัวหนึ่งก็เอาไม่อยู่ ตายๆ ไปซะให้หมดก็ดี ฮ่าๆ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะหยันในคราวเคราะห์ของผู้อื่น เพราะที่หมาป่าพวกนี้ออกอาละวาด ต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากตัวเขาเอง หากเขาไม่ไปทำลายรังที่อยู่อาศัยของมัน สภาพนี้คงไม่เกิด
ร่างชุดดำอีกร่างพลิ้วกายขึ้นมาหยุดยืนบนกิ่งไม้ข้างๆ ร่างนั้นกวาดสายตามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบหนึ่งก่อนจะเลิกให้ความใส่ใจ “เกิดจากฝีมือนายสินะ หัตถ์ยมทูต?” เสียงหวานทว่าแฝงไปด้วยความเยือกเย็นเอ่ยถาม
“ก็ไม่ทั้งหมด” ชายที่ชื่อว่าหัตถ์ยมทูตเอ่ยตอบ “ฉันหลอกล่อให้พวกมันไล่ตามฉันไปทั่วป่าแถบนี้ แล้วพอฉันมาถึงที่นี่ก็ได้ใช้พลังปิดบังกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้ พอพวกมันหาฉันไม่เจอ ก็เลยไปลงกับพวกนี้อย่างที่เห็น แล้วเธอได้ของมาหรือเปล่าฮิเมโกะ?” ประโยคในช่วงท้ายเขาย้อนถามหญิงสาวผู้เป็นเพื่อนร่วมงานของตัวเอง
“ไม่” ฮิเมโกะตอบเสียงเรียบ “ทางเข้ามันไม่ยอมเปิด สงสัยจะต้องฆ่าเฟนริลจริงๆ”
“หึ!” ชายหนุ่มแค่นเสียงไม่พอใจ “ฉันบอกเธอตั้งแต่ทีแรกแล้ว ว่าให้ฆ่าๆ มันไปซะก็จบเรื่อง แล้วทีนี้เป็นยังไง พลาดจนได้”
“ก็ท่านประมุขสั่งให้ทำเรื่องนี้ให้เงียบที่สุดนี่ หรือนายจะขัดคำสั่ง”
หญิงสาวเอ่ยท้าทาย ทำให้หัตถ์ยมทูตแสดงอาการฮึดฮัด ก่อนจะกล่าวต่อ
“นายก็รู้ ว่าหอกกุงเนียร์ อาวุธประจำกายของเทพโอดิน ไม่ใช่ของธรรมดา หากเกิดเรื่องและข่าวหลุดออกไป ท่านประมุขได้เอาเราตายแน่”
“แล้วเธอจะเอายังไง ถ้าไม่ฆ่า เราก็คงไม่ได้หอกไปหรอกนะ?” หัตถ์ยมทูตถามเสียงขุ่น
หญิงสาวถอนหายใจ “ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องฆ่า เพราะงานนี้ทางลูกค้าจ่ายเงินมัดจำมาแล้วครึ่งหนึ่ง จะพลาดไม่ได้”
หัตถ์ยมทูตปลายตามองลงไปข้างล่าง เขาพบว่าตอนนี้เหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมดทั้งมวลได้จบลงแล้ว ผู้เล่นไม่มีเหลือ สัตว์อสูรหมาป่าก็เริ่มทะยอยกลับรังของมันไปหมดแล้ว
“ถึงกลางวันเราค่อยไปจัดการมัน ตอนนี้เราพักผ่อนกันก่อนเถอะ ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” หัตถ์ยมทูตเอ่ยชวน
หญิงสาวเห็นว่าหากไปตอนนี้พวกเธอก็ยังอ่อนเพลียกันอยู่ ดังนั้นจึงตัดสินใจ “ได้ ตอนนี้เราพักผ่อนกันก่อน พรุ่งนี้เราค่อยจัดการก็ไม่สาย”
คนทั้งคู่ยังอยู่พูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนต่างคนจะต่างแยกย้ายพลิ้วกายหายลับไปอย่างไร้ร่องรอย ท่ามกลางม่านความมืดในยามวิกาล
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 722
แสดงความคิดเห็น