March Time Traveler ตอนที่ 16 ความตาย
ตอนที่ 16 ความตาย
ก่อนหน้านี้ 3 นาที ที่บนกิ่งไม้ไม่ห่างจากบริเวณหลุมฝังศพที่มาร์ชกำลังต่อสู้กับซากศพเดินได้
“อ่าว ยังไงกันจ๊ะลีเอล ไหนเธอบอกว่าเขาจะจัดการซากศพเดินได้ของเธอได้แค่ 50 ตัวแรกเท่านั้นไง แต่เท่าที่ฉันเห็นเนี่ย ตัวที่เขากำลังจะจัดการมันอยู่ก็คงเป็นตัวที่ 100 พอดิบพอดีเลยนะ คิคิ”แคทพูดแล้วก็ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ
“กระบวนท่าทวนที่งดงามราวกับการเต้นรำ แต่แฝงด้วยความดุดันและรุนแรงแบบนี้ ไม่มีใครอื่นอีกแล้วที่ทำแบบนี้ได้ ในที่สุดเขาก็มาแล้วสินะ”ลีเอลไม่ได้สนใจสิ่งที่แคทพูดเหน็บแนมอยู่ แต่จ้องมองไปที่มาร์ชตาไม่กระพริบ
“เขายังงั้นหรอ เธอพูดเหมือนกับรู้จักกับเขาเลยนะ หายากนะเนี่ยที่จะมีคนที่ลีเอลรู้จัก แถมเป็นผู้ชายอีกด้วย”แคทนั่งลงห้อยขาบนกิ่งไม้ แล้วแหงนหน้ามองลีเอลที่ยืนมองมาร์ชอยู่
“แคทฉันอยากทดสอบอะไรหน่อย”ลีเอลพูดขึ้น แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าเหมือนปืน
“ปัง ปัง”สิ้นเสียงลีเอล แสงสีเขียวก็พุ่งออกจากปลายนิ้วมือ 2 ครั้ง พุ่งเข้าใส่มาร์ช
“ทดสอบอะไรเนี่ยลีเอล เมื่อกี้ยังทำท่าเหมือนรู้จักกับเขาอยู่เลย ไหงยิงเขาซะแล้วล่ะ”แคทตกใจที่ลีเอลยิงมาร์ช
“เธอแค่ตามฉันไปแต่ห้ามพูดอะไรเด็ดขาด ทำตามที่ฉันบอกก็พอ”ลีเอลพูดจบก็กระโดดลงจากกิ่งไม้เดินไปหามาร์ช โดยมีแคทเดินตามไปด้วย
ปัจจุบัน
“เอางี้ดีกว่าไหม เรามาสลับสถานะกันดีกว่า”ลีเอลพูดแล้วก็นั่งลงยื่นหน้าเข้าไปจ้องมาร์ชแบบใกล้ๆ
“สลับสถานะอะไร ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูด”มาร์ชตอบแล้วจ้องหน้าลีเอล โดยไม่หลบสายตา
‘ดูเหมือนว่าเขาจะจำฉันไม่ได้สักนิดเลยสินะ แสดงว่าเขาเลือกเส้นทางอีกเส้นทางสินะ ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมเขาถึงมีกุญแจได้’ลีเอลคิดในใจ แล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปข้างหลังมาร์ช แล้วหยดน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา แต่มีเพียงแคทที่เห็นหยดน้ำตานั่น
“ก็ฉันจะเป็นคนถาม ส่วนนายมีหน้าที่ตอบคำถามฉัน”ลีเอลใช้หลังมือเช็ดหยดน้ำตาที่แก้มแล้วพูดขึ้น
“เงียบแบบนี้เป็นอันว่าตกลงก็แล้วกันนะ นายชื่ออะไร”ลีเอลพูดต่อหลังจากเห็นว่ามาร์ชนั่งเงียบ
“มาร์ช”
“นายเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”
“มีคนให้กุญแจกับฉันมา”
“ใคร”
“บอกไม่ได้”
‘ถึงจะผ่านไปนานแค่ไหน นายก็ยังคงเป็นนายคนเดิมเลยนะมาร์ช ขนาดตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ นายยังจะห่วงเรื่องของคนอื่นมากกว่าตัวเองได้อีกนะ ก็ได้งั้นฉันจะเล่นกับนายต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน”ลีเอลคิดในใจ
“ถ้าอย่างงั้นคนที่ให้กุญแจกับนายมา เขาสั่งให้นายมาฆ่าสิ่งมีชีวิตทดลองดัดแปลงพันธุกรรมของฉันใช่ไหม”ลีเอลถามแล้วเดินมาจับผมมาร์ชกระชากให้เงยหน้าขึ้น
‘นี่ลีเอล ฉันเริ่มสับสนไปหมดแล้วนะ ถ้านี่คือการแสดงเธอควรได้รับรางวัลสาขาการแสดงสักรางวัลแล้วแหละ’แคทคิดในใจหลังจากเห็นลีเอลกระชากผมมาร์ช
“เปล่า ฉันเข้ามาเพื่อทำภารกิจ แต่บังเอิญว่าลองจัดการพวกมันแล้วได้ค่าประสบการณ์เยอะ ก็เลยฆ่าเพื่อเลื่อนระดับ”มาร์ชตอบตามความจริง
“ถ้างั้นฉันจะฆ่านายก็ได้ใช่ไหม ถือว่าเป็นการแก้แค้นให้กับสิ่งมีชีวิตทดลองดัดแปลงพันธุกรรมของฉันที่นายล้างบางพวกมันไป ฮ่าๆ”ลีเอลพูดแล้วก็แหงนหน้าหัวเราะ
“ถ้าจะฆ่าก็รีบๆฆ่าเลย”มาร์ชกัดฟันพูด เขาไม่ได้โกรธลีเอลที่จะฆ่าเขา แต่เขาโกรธตัวเองที่ประมาทจนต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้
“มาร์ช ฉันว่านายเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า คิดว่าแค่ตายแล้วก็จะจบงั้นหรือ แคทช่วยสั่งสอนเขาหน่อยสิ ว่าการชดใช้ที่เหมาะสมไม่ใช่การตายไปง่ายๆ”ลีเอลพูดแล้วก็หันไปพยักหน้าให้แคทเล็กน้อย แคทก็พยักหน้ารับ ก่อนจะทำท่าหักข้อไม้ข้อมือเล็กน้อยแล้วก็เดินมาใกล้มาร์ช หมัดขวาของแคทถูกต่อยออกมาที่ท้องของมาร์ช
‘ผัวะ’ “อัก”เลือดคำใหญ่กระอักออกมาจากปากของมาร์ช
“เบามือหน่อยล่ะ อย่าให้ถึงตาย ฉันอยากเห็นเขาทรมานนานๆหน่อย ให้สมกับการที่เขาฆ่าล้างบางสิ่งมีชีวิตทดลองดัดแปลงพันธุกรรม ตัวน้อยๆของฉัน”ลีเอลพูดขึ้น
‘ผัวะ ผัวะ ผัวะ’แคทรัวหมัดเข้าที่ท้องของมาร์ชอีก 3 หมัด จนตอนนี้มาร์ชลงไปนอนกองบนพื้น มีเลือดไหลออกมาจากปากกองใหญ่
“เอ๊ะ อ่อนแอจังเลย หมอนี่จัดการต้นไม้ตายไม่ตายได้ด้วยตัวเองจริงหรอลีเอล”แคทก้มตัวลงแล้วใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่ตัวของมาร์ช
“ไม่รู้สิว่าหมอนี่ใช้วิธีไหน แต่เท่าที่ดูจากการโดนอัดที สองทีแล้วลงไปนอนกองแบบนี้ คงจะใช้วิธีสกปรกนั่นแหละ”ลีเอลพูดจบ แคทก็เตะเข้าที่ท้องของมาร์ชอีกที มาร์ชสำลักเลือดออกมาก่อนที่จะสลบไป
“ตายแล้ว ฉันทำแรงเกินไปไหมลีเอล เธอคงจะไม่ฆ่าฉันทีหลังนะ ฉันแค่ทำตามที่เธอบอกเท่านั้น”แคท รีบพูดขึ้นหลังจากเห็นว่ามาร์ชสลบไป
“ไม่แรงเลย แต่ถ้าเขาตาย เธอก็จะต้องตามไปเอาวิญญาณเขาที่ยมโลกกลับมาด้วยนะ”ลีเอลกัดฟันพูด
“ฉันสับสนไปหมดแล้ว ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน”แคทพูดแล้วยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง
“เรื่องมันยาว ไว้ค่อยเล่าให้เธอฟังวันหลังนะ แต่ตอนนี้ช่วยเอาเขาไปมัดไว้กับต้นไม้นู่นก่อนดีกว่า”ลีเอลพูดแล้วชี้นิ้วไปทางต้นไม้ที่พวกเธอใช้กิ่งมันซุ่มมองมาร์ชในตอนแรก
‘ซ่า!’เสียงสาดน้ำดังขึ้น มาร์ชค่อยๆลืมตาขึ้น หลังจากโดนสาดน้ำใส่
“รู้สึกว่าพ่อคนขี้เซาจะตื่นแล้วสินะ นอนหลับสบายดีไหม”ลีเอลพูดขึ้นหลังจากเห็นมาร์ชลืมตา
“ถามไม่ตอบ อยากนอนต่อแบบไม่ตื่นเลยไหม”แคทพูดแล้วเดินง้างหมัดเข้าหามาร์ช แต่ลีเอลยกมือขึ้นห้ามก่อนแคทจึงลดมือลง
“ฉันขอถามหน่อยภารกิจที่นายบอกว่าจะเข้ามาทำที่นี่คืออะไร”ลีเอลถามมาร์ช
“เหมือนกับว่าตัวฉันจะเจอบัคของเกม ทำให้ความจำเสื่อม ภารกิจคือมาตามหาความทรงจำ”มาร์ชตอบกลับ
‘เกม เขาพูดว่าเกมใช่ไหม อ่อฉันพอจะเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยแล้วล่ะ’ลีเอลคิดในใจ
“ฮ่าๆๆ แล้วนายคิดว่าสถานที่แบบนี้นายจะไปหาความทรงจำที่ว่านั่นจากไหน แล้วฉันถามหน่อยฝีมือแบบนายคิดว่าจะอยู่รอดในรอยแยกมิตินี้ได้อีกสักกี่วินาที นี่ยังไม่รวมความประมาทเลินเล่อของนายอีกนะ” ลีเอลหัวเราะราวกับคนโรคจิต แล้วจ้องมองมาร์ชด้วยสายตาเหยียดหยาม มาร์ชไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะที่ลีเอลพูดมาคือความจริงทั้งหมด
“ฉันจะบอกใบ้อะไรดีดีให้นายอย่างหนึ่งเอาไหม ความทรงจำของนายอยู่กับฉัน แต่ฉันคงไม่สามารถยกให้นายง่ายๆหรอกนะ นายต้องพิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควรที่จะได้รับความทรงจำของนายคืน”ลีเอลพูดต่อ
“พิสูจน์ตัวเองยังไง”มาร์ชถามกลับ เมื่อเห็นช่องทางที่จะทำภารกิจสำเร็จ
“เอาชนะฉันคนนี้ให้ได้ยังไงล่ะ แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งนะ ฉันว่านายคงจะสังเกตเห็นอยู่แล้ว แต่นายคงคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันเป็นบัคของเกม นายไม่สามารถล็อกเอ้าท์ออกจากเกมนี้ได้ใช่ไหม นั่นมันหมายความว่าถ้านายตาย เกมนี้ก็จบลงทันที ฉะนั้นพยายามอย่าคิดจะตาย เพื่อให้เกมมันรีเซ็ทระบบใหม่จะดีกว่า แต่ฉันจะไปบอกเรื่องนี้กับนายที่กำลังจะตายอยู่แล้วไปทำไมกันนะ”ลีเอลพูดจบก็มีข้อความเด้งขึ้นตรงหน้าของมาร์ช
ข้อความ
ได้รับภารกิจหลัก ตามหาความจริง(2)
เอาชนะลีเอลที่อยู่ในรอยแยกมิติสร้างเองเพื่อให้ไดข้อมูลเกี่ยวกับความทรง
รางวัล ปลดล็อกความทรงจำที่ถูกผนึกไว้
‘เป็นอย่างที่เธอคนนี้พูด ฉันเคยลองเปิดหน้าต่างตั้งค่าของเกมเพื่อหาเมนูล็อกเอ้าท์ออกจากเกมแล้ว แต่ฉันก็หามันไม่เจอ ฉันเลยคิดว่านั่นคงจะเป็นบัคของเกม ถ้ายังงั้นก็หมายความว่าเกมนี้จะจบลงทันทีที่ฉันตายแบบที่เธอบอกสินะ คงจะน่าเสียดายแย่เลย เกมดีดีแบบนี้อุตส่าห์ได้เล่นทั้งที ฉันอยากจะเล่นให้มันนานๆกว่านี้อีกสักหน่อย แต่คงไม่มีโอกาสนั่นแล้วล่ะ’มาร์ชคิดในใจหลังจากอ่านข้อความภารกิจจบ
“สายตานั่นดูสิ้นหวังสุดๆไปเลยนะ แต่ก็จงโทษความประมาทและความอ่อนแอของตัวเองเถอะนะ โลกนี้ไม่ได้สวยงาม ผู้แข็งแกร่งคือผู้ที่จะอยู่รอด และผู้ที่อยู่รอดก็เปรียบเสมือนผู้ชนะ และผู้ชนะเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมา อย่าโกรธแค้นกันเลยนะ”ลีเอลพูดแล้วเดินมาจ้องหน้ามาร์ชใกล้ๆ
“มีอะไรจะพูดกับฉันหน่อยไหม เผื่อว่าฉันจะใจดีเขียนคำพูดสุดท้ายของนายไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ที่ฉันเขียนขึ้นมา”ลีเอลพูดแล้วก็เอื้อมมือที่ทำท่าเป็นปืนไปจ่อที่ขมับของมาร์ช
“อ้อ ฉันขออะไรเป็นอย่างสุดท้ายหน่อยสิ เธอสองคนพอจะยืนใกล้ๆกันหน่อยได้ไหม ฉันอยากจะดูพวกเธอชัดๆหน่อย ฉันอยากจะรู้ว่าเธอสองคนใครสวยกว่ากันอ่ะ”มาร์ชพูดแล้วยิ้มออกมา
“ฮ่าๆๆสงสัยกลัวตายจนเพี้ยนไปแล้วล่ะมั้งหมอนี่ แล้วก็ถ้าคิดว่าจะปั่นหัวให้พวกเราทะเลาะกันด้วยเรื่องใครสวยกว่ากัน นายอย่าพยายามเลยมันไม่ได้ผลหรอกนะ”แคทพูดแล้วหัวเราะออกมา
“เอาหน่า ทำตามคำขอของเขาหน่อย จะได้เป็นบุญติดตัว เกิดใหม่ชาติหน้าเธอจะได้สวยๆไงแคท”ลีเอลหันไปพูดกับแคท แคทตอนแรกก็ทำท่าขัดขืนแต่สุดท้ายก็ยอม แล้วทั้งคู่ก็เดินไปยืนอยู่ใกล้ๆกัน
“พวกเธอถอยออกไปอีกหน่อยได้ไหม มองไม่ค่อยเห็นเลย เงาต้นไม้มันบังแสงจันทร์อยู่น่ะ เลยมองไม่เห็นพวกเธอเลย”มาร์ชขอออกไป ทั้งลีเอลและแคทก็เลยขยับออกไปจนพ้นเงาของต้นไม้
“แค่นี้น่าจะเห็นแล้ว ถ้าขืนยังสั่งฉันมากกว่านี้ฉันจะพุ่งไปกระทืบนายตอนนี้เลย”แคทพูดแล้วทำท่าถกแขนเสื้อชุดกาวน์สีขาวขึ้น
“อย่าเพิ่งขยับนะ ฉันขอเก็บภาพความทรงจำนี้เอาไว้อีกหน่อย พวกเธอตอนนี้เหมือนนางฟ้ามากๆเลย”มาร์ชพูดไปยิ้มไป
“ไม่ต้องมาทำพูดดี ยังไงซะวันนี้ก็เป็นวันตายของนายอยู่ดี อยากฝากคำพูดอะไรไว้ไหม”ลีเอลพูดขึ้นบ้าง ส่วนแคทนั้นหน้าแดงไปแล้วเพราะคำพูดของมาร์ช
“ถ้างั้นก็ลาก่อน ไว้เจอกันใหม่นะ”มาร์ชพูดจบ ก็คายกุญแจที่อยู่ในปากให้ตกลงที่มือ แล้วรีบใช้มือกำเอาไว้
“ปิดใช้งานไอเทมกุญแจรอยแยกมิติสร้างเอง”แล้วตัวของเขาก็แตกเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ลีเอลที่เห็นว่ามาร์ชกำลังจะหายไปก็รีบพุ่งไปหาอย่างรวดเร็ว
“ลีเอลสินะ ผิวของเธอสวยจริงๆนะ”มาร์ชพูดจบร่างของเขาก็กลายเป็นแสงสว่างแล้วก็หายไป
“ทำไมเธอถึงปล่อยหมอนั่นไปล่ะ ถ้าเธอจะฆ่าหมอนั่น เธอก็ฆ่าได้ง่ายๆเลยไม่ใช่รึไง”เสียงแคทถามขึ้นที่ด้านหลังลีเอล
“ก็มันคือเส้นทางที่เขาเลือก ฉันจำเป็นต้องเป็นเครื่องมือในการเดินทางของเขา”ลีเอลตอบ
“เห้อ มีแต่เรื่องที่แมวงง ยิ่งอธิบายก็ยิ่งไม่เข้าใจ”แคทถอนหายใจออกมา
“ให้ตายสิ มาร์ชนั่นคือคำพูดเดียวกันกับครั้งแรกที่เราเจอกันเลยนี่ นายนี่มันจริงๆเลย”ลีเอลพึมพำออกมานึกถึงคำพูดสุดท้ายก่อนที่มาร์ชจะหายตัวไป
“อุ้ยๆดูสิมีคนกำลังพึมพำอยู่ด้วยล่ะ แต่ฉันแอบเห็นเธอพยายามอดกลั้นอะไรเอาไว้ตลอดเวลาที่อยู่กับหมอนั่นด้วย เธออยากปล้ำเขาหรอ”แคทเดินเข้ามาแซวลีเอล
‘โป๊ก’ “โอ้ย”แคทร้องเสียงดังลั่นหลังโดนลีเอลใช้มือเขกเข้าที่หัว
“เลือดของมาร์ชน่ะ เป็นเลือดของเทพและมารอย่างละครึ่ง กลิ่นมันหอมซะจนฉันแทบจะอดกลั้นไม่ไหวต่างหาก”ลีเอลตอบข้อสงสัยของแคท
“อ้อ พวกแวมไพร์นี่จมูกไวต่อเลือดจริงๆเลยเนอะ ฉันไม่คิดเลยว่าหมอนั่นจะอมกุญแจเอาไว้ในปากตลอดเวลา”แคทเอามือลูบที่หัวตรงที่โดนลีเอลเขกใส่
“มีอีกหลายเรื่องเลยล่ะที่เธอคิดไม่ถึงเกี่ยวกับตัวเขา เอาเป็นว่ากลับไปที่ห้องวิจัยกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวฉันจะเล่าเรื่องของเขาให้เธอฟังจนเบื่อเลยล่ะ”แล้วลีเอลก็เคลื่อนที่หายไปจากตรงนั้น แคทเห็นแบบนั้นก็เลยรีบตามไปทันที
‘มาร์ชนายทำอะไรกับตัวเองกันแน่ ทำไมถึงลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดเลยแบบนี้ นายตั้งใจจะทำอะไรฉันไม่เข้าใจนายเลยจริงๆ’ลีเอลคิดในใจแล้วก็ส่ายหัวออกมาในขณะที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความไว เพื่อมุ่งหน้ากับห้องวิจัยตัวเอง
ทางด้านมาร์ช
“แฮ่ก แฮ่ก นี่เรารอดมาได้จริงๆหรอเนี่ย”มาร์ชพูดขึ้น
“โอ๊ย เจ็บเป็นบ้าเลย ยัยคนชื่อแคทนั่นมือหนักชะมัดยาก”มาร์ชเอามือกุมที่ท้อง แล้วก็มองไปรอบตัว มันเป็นภาพที่คุ้นตาเพราะที่นี่คือห้องนอนชั้นใต้ดินของร้านแปดดาว มาร์ชมองไปสะดุดที่หน้าปัดนาฬิการที่ผนังห้อง
“อะไรกัน ทำไมเพิ่งจะตี 1 เองล่ะ ฉันเข้าไปในรอยแยกมิติสร้างเองตั้ง 5 ชั่วโมงเลยนี่ หรือว่าที่นั่นจะเป็นห้วงเวลาที่เดินไวกว่าปกติหรอ”มาร์ชทิ้งตัวลงนอนที่พื้นห้อง เพราะตอนนี้เนื้อตัวเขาเปียกและสกปรกมาก
“เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงเลยกว่าจะเช้า จะให้นอนก็คงนอนไม่หลับ เพราะนอนกลางวันไปเยอะแล้ว งั้นก็คงต้องหาอะไรอย่างอื่นทำ”ว่าแล้วมาร์ชก็เปิดหน้าต่างค่าสถานะขึ้นมา
สถานะ
ชื่อ มาร์ช เอสธาน่า ระดับ 10
ฉายา เจ้าแห่งการลอบสังหาร อาชีพ -
พลังชีวิต 50/650 พลังเวทย์ 270/470
ความแข็งแกร่ง 34 ความทนทาน 19
ความคล่องแคล่ว 34(+3.4) ความฉลาด 19
ความโชคดี 19
แต้มคงเหลือ 15
“ที่ผ่านมาเราคอยแบ่งแต้มเพื่ออัพค่าความแข็งแกร่งกับความคล่องแคล่วเท่าๆกัน แต่หลังจากได้เล่นเกมมาสักพักหนึ่ง ฉันคิดว่าการเพิ่มค่าความคล่องแคล่วนั้นทำได้ยากกว่า ส่วนค่าความแข็งแกร่งนั้นสามารถเพิ่มได้จากอาวุธและจากทักษะติดตัว แล้วถ้าให้มองตามความเป็นไปได้ ต่อให้ฉันโจมตีแรงแค่ไหน แต่ถ้าฉันหลบการโจมตีของศัตรูไม่ได้ สุดท้ายก็ตายอยู่ดี”มาร์ชมองหน้าต่างค่าสถานะของตัวเองแล้วเริ่มวิเคราะห์ พลางเปิดกระเป๋ามิติหยิบเอาโพชั่นเพิ่มพลังชีวิตออกมาดื่ม
“แต่ถ้าลองคิดดูแล้ว อาวุธที่เพิ่มค่าความแข็งแกร่งยังมี แสดงว่าอาวุธที่เพิ่มค่าความคล่องแคล่วก็ต้องมีเหมือนกัน ไม่ได้ฉันจะมานั่งลังเลไม่ได้ ฉันต้องเพิ่มโอกาสเอาตัวรอดให้ตัวเองก่อนอันดับแรก”มาร์ชพูดจบก็กดอัพค่าสถานะตัวเอง
ความคล่องแคล่ว 34+15(+3.4)
“เอาล่ะเท่านี้ก็น่าจะเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เข้าไปรอยแยกเฉพาะดินแดนอสูร แต่ก่อนอื่นเลยก็...”มาร์ชพูดจบก็ค้นหากระดาษในห้องมาหนึ่งแผ่นแล้วลงมือเขียนอะไรบางอย่างลงไป จากนั้นก็เปิดประตูออกไปแล้วแปะกระดาษแผ่นนั้นไว้ที่หน้าประตูห้อง
‘แปะ แปะ’เสียงมาร์ชปัดมือตัวเอง
“โอเคเท่านี้ก็เรียบร้อย เปิดกระเป๋ามิติ”มาร์ชเปิดกระเป๋ามิติ แล้วก็หยิบกุญแจรอยแยกเฉพาะดินแดนอสูรออกมาถือไว้
“ลีเอลสินะ เจอกันครั้งหน้าฉันจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จให้ได้ ใช้ไอเทมกุญแจรอยแยกเฉพาะดินแดนอสูร”สิ้นเสียงมาร์ชกลุ่มควันสีดำก็ลอยขึ้นมาจากเท้าของมาร์ช มาร์ชรู้สึกคุ้นชินกับการใช้กุญแจแล้วเลยกลั้นหายใจรอเอาไว้
“เฮือกก”มาร์ชหายใจเข้าเสียงดัง แล้วก็มองไปรอบๆตัว เพื่อสำรวจดินแดนอสูรที่สุ่มเข้ามาในทันที
“ว้าว ถ้ำคริสตัลสวยสุดๆไปเลย”มาร์ชเผลอตัวร้องออกมาเพราะภาพตรงหน้า มาร์ชเดินเข้าไปลูบคริสตัลก้อนใหญ่ที่กำลังส่องแสงสีต่างๆออกมาดูสวยงาม และยังทำให้มองเห็นภายในถ้ำชัดราวกับมีแสงอาทิตย์ในตอนกลางวัน
“คริสตัลพวกนี้เอาไปขายได้ไหมนะ กระเป๋ามิติ”มาร์ชเปิดกระเป๋ามิติแล้วรีบดึงเอาอีเต้อออกมา
“แต่ถ้าเราขุดไปตอนนี้ถ้ำก็จะมืด แล้วเราก็จะเดินทางในถ้ำลำบาก เอาไว้ค่อยกลับมาขุดก่อนกลับดีกว่า”มาร์ชพูดแล้วก็เก็บอีเต้อเข้าไปในกระเป๋ามิติ แล้วดึงเอาดาบเหล็กสีเงินออกมาถือแทน จากนั้นมาร์ชก็เดินไปตามถ้ำเรื่อยๆ
“นอกจากคริสตัลแล้วก็มีแต่คริสตัล คริสตัล แล้วก็คริสตัลทั้งนั้นเลย แล้วแบบนี้ฉันจะเลื่อนระดับได้ยังไงไม่มีเผ่าอสูรโผล่มาเลย”มาร์ชนั่งลงกับพื้นแล้วหยิบก้อนหินมาปาเล่น หลังจากเดินมานานเป็นชั่วโมงแล้ว แต่ไม่พบสิ่งมีชีวิตสักชนิดเลย มีแต่คริสตัลส่องแสงสวยงามเท่านั้น
“เบื่อจังเลยเดินคนเดียวแบบนี้ เรียกเทพน้อยกับมารน้อยออกมาดีกว่า”ว่าแล้วมาร์ชก็เรียกเทพน้อยกับมารน้อยออกมา รอยแยกมิติขนาดเล็ก 2 อันเปิดออกใกล้ๆกับมาร์ช แล้วมารน้อยกับเทพน้อยก็บินออกมาหามาร์ชอย่างรวดเร็ว
“เย้ๆนายน้อยเรียกข้าน้อยออกมาแล้ว”มารน้อยรีบพูดอย่างดีใจแล้วบินวนไปมารอบตัวมาร์ช
“สวัสดีค่ะนายท่าน”เทพน้อยจับชายชุดราตรีสีขาวของตัวเองยกขึ้นเล็กน้อย แล้วไขว้เท้าซ้ายไปข้างหลังก่อนจะย่อตัวลงพร้อมกับก้มหัว มาร์ชเห็นแบบนั้นก็เลยยิ้มออกมา มารน้อยเห็นมาร์ชยิ้มให้เทพน้อยแบบนั้นก็เลยสะบัดหน้าหนี มาร์ชอดที่จะขำไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีของมารน้อย
“ทั้งคู่สบายดีกันไหม”มาร์ชถามขึ้น
“สบายดีเจ้าค่ะนายท่าน แล้วนายท่านล่ะเจ้าคะ”เทพน้อยตอบแล้วก็ถามมาร์ชกลับ มาร์ชพยักหน้าเบาๆ
“ข้าน้อยสบายดีขอรับนายน้อย ดูเหมือนว่านายน้อยจะแข็งแกร่งขึ้นใช่ไหมขอรับ”มารน้อยตอบแล้วก็ถามมาร์ชกลับเช่นกัน มาร์ชก็พยักหน้าเบาๆแทนคำตอบ
“แต่มันยังไม่มากพอเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ฉันจะต้องรีบเลื่อนระดับตัวเองให้ไว จะได้แข็งแกร่งมากกว่านี้ แต่ก็ติดปัญหาอยู่อย่างหนึ่งเนี่ยแหละ ฉันหาเผ่าอสูรที่จะจัดการไม่เจอเลย”มาร์ชพูดแล้วก็ทำท่าเซ็ง
“ง่ะ ทำไมนายน้อยใช้อาวุธกระจอกแบบนี้ล่ะขอรับ”มารน้อยมองไปที่ดาบเหล็กสีเงินในมือมาร์ชแล้วทำท่าทางไม่พอใจออกมา
“ก็ฉันหาลิดพอซื้อได้แค่ระดับนี้นี่ แล้วจะให้ฉันใช้อาวุธอะไร”มาร์ชถามมารน้อย
“ก็ต้องอาวุธของจอมมารสิขอรับ รับรองอาวุธนี่เทียบไม่ติดเลยสักนิด ไม่สิแม้แต่อาวุธของเทพก็เทียบไม่ได้เหมือนกันขอรับ”มารน้อยพูดแล้วก็ลอยตัวกอดอกภูมิใจ
“อย่าไปฟังไอ้มารเน่าเจ้าค่ะนายท่าน อาวุธจอมเทพต้องดีกว่าอาวุธของพวกมารอยู่แล้วเจ้าค่ะ”เทพน้อยรีบเถียงทันที
“อาวุธจอมมารดีกว่า”มารน้อยเถียงแล้วก็บินเอาหัวไปชนกับหัวของเทพน้อย
“อาวุธจอมเทพดีกว่า”เทพน้อยเถียงแล้วออกแรงเอาหัวดันหัวของมารน้อยกลับ แล้วทั้งคู่ก็เถียงกันเรื่องอาวุธของฝั่งตัวเองดีกว่า จนลงไปตะลุมบอนกันที่พื้นพักใหญ่ มาร์ชเคยเห็นภาพนี้มาก่อนก็เลยไม่ได้ห้ามอะไรปล่อยให้ทั้งสองตะลุมบอนกันจนเหนื่อยแล้วก็แยกกันเอง
“ฉันก็อยากได้นะอาวุธดีดี แต่ฉันจะไปหาได้จากที่ไหน จะให้ไปจัดการพวกระดับสูงๆเพื่อดรอปไอเทมดีดี ก็ต้องรีบเลื่อนระดับตัวเองซะก่อน แต่นี่ขนาดอยู่ในดินแดนอสูรยังหาเผ่าอสูรไม่เจอสักตัวเลย” มาร์ชพูดเชื่อมโยงข้อมูลให้เทพน้อยและมารน้อยที่นั่งหอบอยู่ที่พื้นฟัง
“ที่นี่คือดินแดนอสูรสินะเจ้าคะ ถึงว่าเทพน้อยรู้สึกอึดอัดแบบบอกไม่ถูกเลยเจ้าค่ะ”เทพน้อยพูดแล้วก็บินไปนั่งที่ไหล่ข้างซ้ายของมาร์ช
“ยัยอ่อนแค่เข้ามาในดินแดนอสูรแค่นี้ก็อึดอัดซะแล้ว สู้ข้าก็ไม่ได้ไม่เห็นจะอึดอัดอะไรเลย ถึงจะได้กลิ่นเหม็นของพวกอสูรหน่อยๆก็เหอะ”มารน้อยพูดแล้วทำท่าปิดจมูก ก่อนจะบินไปนั่งที่ไหล่ขวาของมาร์ช
“ทำมาเป็นพูดดีนะไอ้มารเน่า”เทพน้อยแหวใส่
“พวกเธอสัมผัสได้หรอว่าที่นี่คือดินแดนอสูร”มาร์ชถามขึ้นเมื่อได้ฟังที่ทั้งสองพูด
“เจ้าค่ะ/ขอรับ”เทพน้อยและมารน้อยพยักหน้าตอบพร้อมกัน
“งั้นพวกเธอพอจะนำทางฉันตามหาพวกเผ่าอสูรหน่อยได้ไหม”
“มันก็ตอบยากนะเจ้าคะ เพราะที่เทพน้อยสัมผัสได้มันเป็นเหมือนแรงกดดัน แต่ที่นี่คือดินแดนของเผ่าอสูรมันก็เลยสัมผัสแรงกดดันได้ตลอด จากทุกสารทิศเลยเจ้าค่ะ”เทพน้อยอธิบาย
“ใช่แล้วขอรับนายน้อย ข้าน้อยก็ได้กลิ่นของพวกเผ่าอสูรจากทั่วทิศทางเลย คงจะนำทางให้นายน้อยไม่ได้แบบ 100%หรอกขอรับ”มารน้อยอธิบายบ้าง มาร์ชใช้มือลูบที่คางตัวเองเองแล้วคิดตามที่ทั้งสองบอก
“ถ้างั้นเทพน้อยรู้สึกถึงแรงกดดันจากทางไหนมากที่สุดหรอ แล้วมารน้อยล่ะได้กลิ่นพวกอสูรจากทางไหนที่มีกลิ่นแรงที่สุด”
“ทางนั้นเจ้าค่ะ/ขอรับ”เทพน้อยและมารน้อยตอบพร้อมกัน แล้วก็ชี้ไปทางเดียวกันด้วย
“แน่ใจนะว่าทางนั้น”มาร์ชเบิ่งตาโต
“เจ้าค่ะ/ขอรับ”
“โถ่ไม่นะ นี่ฉันเดินมาผิดทางตั้งแต่แรกเลยหรอเนี่ย”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 450
แสดงความคิดเห็น