บทที่ 229: 5 เมือง
แม่ทัพหลี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแสร้งทำเป็นไขสือ ตอนนี้เขาทำได้เพียงลงเดิมพันว่าเป่ยหลงจะไม่มีหลักฐาน
การเจรจาสงบศึกนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก หากฮ่องเต้หนานซวนไม่ได้ถูกช่วยออกมาในเร็ววัน เขาอาจจะถูกประชาชนของหนานซวนหลายพันคนดูหมิ่นไปตลอดชีวิต
“หลักฐานอย่างนั้นหรือ?” มู่จวินเซิ่งคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าอีกฝ่ายจะขอหลักฐานจากเขา ดังนั้นเขาจึงยกมือส่งสัญญาณ ไม่นานทหารที่รออยู่ข้างนอกก็เข้ามาพร้อมกับกล่องหลายใบ
“สิ่งนี้เราพบในตัวของคนรับใช้ในจวนแม่ทัพ ท่านลองเปิดดู แล้วมาลองดูกันว่าคนที่ถูกพิษแมลงกู่จะเหมือนกับทหารมรณะของแคว้นหนานซวนกี่ส่วน แล้วเราจะได้รู้ว่าหนานซวนของท่านเป็นคนทำหรือไม่?”
“สำหรับเรื่องของศาลาหมื่นอสูรในเมืองหลวง เถ้าแก่กำลังถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง หากแม่ทัพหลี่ต้องการพบหน้าเขา เราก็จะให้คนส่งเขามาที่เมืองชายแดน”
“แม่ทัพหลี่ต้องการให้ทำเช่นนั้นหรือไม่?”
เมื่อชายสูงวัยมองไปยังแมลงกู่ที่หดตัวอยู่ในกล่อง ใบหน้าของเขาก็ซีดลง หลักฐานที่อยู่ตรงหน้ามันชัดเจนมากจนไม่อาจบ่ายเบี่ยงได้
ทุกคนในกองทัพหนานซวนรู้ดีว่าฝ่าบาทของพวกเขาทำอะไร ปัจจุบันคนของเป่ยหลงไม่เพียงแค่มีหลักฐานทางกายภาพเท่านั้น แต่พวกเขายังมีพยานคนเป็นอีกด้วย ทำให้แม่ทัพหลี่ไม่อาจปฏิเสธได้อีก
“ไม่จำเป็นพ่ะย่ะค่ะ” ชายชรากัดฟันพูด “องค์ชายรอง แม้ว่าในครั้งนี้หนานซวนจะก่อเรื่องร้ายแรง แต่พวกเราก็มีเหตุผล นับตั้งแต่ที่หนานซวนยอมจำนนให้กับเป่ยหลง ชายแดน—”
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว” มู่จวินเซิ่งขัดจังหวะขึ้นอย่างหมดความอดทน “ถ้าท่านต้องการฮ่องเต้ของท่านคืน ก็เพียงแค่เอา…”
เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปหามู่ไป๋ไป่ที่กำลังแทะเมล็ดแตงโมชมการแสดงอยู่ด้านข้าง “ไป๋ไป่ บอกข้ามาสิว่าเจ้าอยากให้พวกเขาเอาอะไรมาแลกเปลี่ยน”
“หา?” เด็กหญิงกะพริบตาปริบ ๆ เธอต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรู้ว่าพี่ชายต้องการจะสื่ออะไร
เฮอะ!
พี่รองของเธอนั้นก็เป็นนักฉวยโอกาสไม่ต่างกัน แถมเขายังกล้าผลักเด็กน้อยแบบเธอออกไปรับหน้าคนอื่นด้วย
“ข้าพูดได้หรือ?” มู่ไป๋ไป่วางเมล็ดแตงโมลงแล้วถามพี่ชายคนรองพร้อมกับที่ดวงตาไร้เดียงสากะพริบปริบ ๆ “แต่แม่ทัพหลี่คงไม่เห็นด้วยกับข้า”
“หากแม่ทัพหลี่ไม่เห็นด้วย การเจรจาคงจะไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัด และฮ่องเต้หนานซวนก็คงต้องอยู่ในเป่ยหลงของเราในฐานะแขกต่อไป”
คนตัวเล็กเลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงน
ดูเหมือนว่าพี่ชายคนรองของเธอแค่อยากจะสร้างความยุ่งยากให้กับหนานซวน
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เธอต้องการพอดี เธอจะไม่มีวันปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป!
“สถานะของฮ่องเต้หนานซวนนั้นสูงส่งมาก บุคคลสำคัญเช่นนี้ไม่ควรแลกเปลี่ยนกับของธรรมดาทั่วไป” มู่ไป๋ไป่พูดพลางกลอกตาไปมา “ถ้าเช่นนั้น… เป็นแลกเปลี่ยนกับเมืองดีหรือไม่?”
“1 2 3 4 5…” เธอพูดขณะนับนิ้วไปด้วย “ข้าอยู่ที่ค่ายทหารหนานซวนเป็นเวลา 5 วัน เช่นนั้นหนานซวนก็ควรมอบเมือง 5 เมืองให้เราเป็นการแลกเปลี่ยน”
“เป็นอย่างไร เช่นนี้ไม่มากเกินไปใช่หรือไม่?”
“5 เมือง?!” แม่ทัพหลี่โพล่งออกมาด้วยความโกรธ หนานซวนเป็นแค่แคว้นเล็ก ๆ ที่มีเมืองทั้งหมดเพียง 21 เมืองเท่านั้น การที่อีกฝ่ายยื่นข้อเสนอแลกกับเมือง 5 เมืองมันไม่ต่างจากการสั่งให้พวกเขาเฉือนเนื้อตัวเองทิ้งเลยสักนิด
“ใช่แล้ว” มู่ไป๋ไป่กางฝ่ามือออกแล้วชูขึ้น “5 เมือง ท่านได้ยินไม่ผิด”
“...”
“ฮ่องเต้หนานซวนแลกกับเมืองชายแดน 5 เมือง?” ดวงตาของมู่จวินเซิ่งเป็นประกาย ก่อนที่เขาจะแอบยกนิ้วโป้งให้น้องสาวโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น “ช่างเหมาะสมยิ่งนัก ถ้าอย่างนั้นก็แลกเปลี่ยนกับเมือง 5 เมือง ถ้าหนานซวนยินดีที่จะส่งมอบเมืองชายแดน 5 เมืองให้กับเรา เราก็จะปล่อยฮ่องเต้หนานซวนกลับไป”
“ไม่เช่นนั้น การเลี้ยงดูคนผู้หนึ่งเพิ่มในค่ายทหารเป่ยหลงก็ไม่นับว่าสิ้นเปลืองสักเท่าไหร่”
“องค์ชายรอง! นี่มันจะเป็นการขอมากไปหรือไม่?!” แม่ทัพหลี่ปฏิเสธทันควัน “การที่หนานซวนพ่ายแพ้ครั้งที่แล้ว เป่ยหลงของพระองค์ก็ไม่ได้ให้เรายกดินแดน—”
“ท่านเองก็บอกว่านั่นเป็นครั้งก่อน” มู่ไป๋ไป่เอ่ยขึ้นมาเสียงเอื่อยเฉื่อย “ใครใช้ให้พวกท่านอดทนไม่ไหวกัน ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าพวกท่านเป็นฝ่ายเริ่มก่อสงครามก่อน”
“คราวนี้ถึงตาที่พวกเราจะต้องทำให้พวกท่านรู้สำนึกบ้าง”
“ไม่เช่นนั้น พวกท่านก็จะกลับมาก่อเรื่องอีกภายใน 1-2 ปี”
น้ำเสียงของเด็กหญิงฟังดูราบเรียบ แต่คำพูดของเธอนั้นเฉียบคมมากจนทำให้ทุกคนที่เดินทางมาเพื่อเจรจาสงบศึกมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ไป๋ไป่พูดถูก” มู่จวินเซิ่งพยักหน้าเห็นด้วย “คราวที่แล้วเป่ยหลงได้มอบบทลงโทษเล็กน้อยและตักเตือนพวกท่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าพวกท่านจะรู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง แต่มันก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ”
“ดังนั้นนอกจากการยกดินแดนให้เราในครั้งนี้ เราจะไม่มีทางปล่อยฮ่องเต้หนานซวนไป”
แม่ทัพหลี่ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทางไม่มั่นใจว่า “กระหม่อมไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องนี้ได้ กระหม่อมจำเป็นจะต้องไปหารือกับขุนนางคนอื่น ๆ …”
“3 วัน” มู่จวินเซิ่งหรี่ตาลงมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “หากเราไม่ได้รับคำตอบภายใน 3 วัน ข้าจะพาฮ่องเต้หนานซวนกลับเป่ยหลง”
จากนั้นแม่ทัพหลี่ก็สัญญาว่าจะกลับมาภายใน 3 วัน และมองมู่ไป๋ไป่ด้วยสายตาดุดันก่อนจะเดินทางกลับไป
“ฮึ! ไอ้แก่ตัวเหม็น เจ้าชอบรังแกข้าตอนที่อยู่หนานซวน สมน้ำหน้า” เด็กหญิงแลบลิ้นตามหลังชายแก่ไป “ในที่สุดวันนี้ข้าก็ทำให้เจ้าพ่ายแพ้ย่อยยับได้แล้ว”
“แม่ทัพหลี่เคยกลั่นแกล้งเจ้าอย่างนั้นหรือ?” มู่จวินเซิ่งชะงักไปทันทีที่ได้ยินสิ่งที่น้องสาวพูด “น้องพี่ ทำไมเจ้าถึงไม่รีบบอกข้าตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ข้าจะได้ช่วยเจ้าจัดการคนที่ลักพาตัวเจ้าไป”
“พี่รอง ไม่จำเป็นเพคะ!” มู่ไป๋ไป่รีบห้ามอีกฝ่ายเอาไว้ “ข้าได้แก้แค้นไปแล้ว และข้าก็ได้ขอให้เจ้าส้มช่วยข้าจัดการกับเขาตั้งแต่วันนั้นด้วย!”
“จริงหรือ?” เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมา ขณะที่เขากำลังจะถามอะไรบางอย่าง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก
“ฟื้นแล้ว! องค์รัชทายาทฟื้นแล้ว!”
ในตอนนั้นเอง มู่ไป๋ไป่กับมู่จวินเซิ่งผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกัน แล้วพากันวิ่งไปที่กระโจมขององค์รัชทายาท
กระโจมขององค์รัชทายาทนั้นตั้งอยู่ตรงกลางของค่ายทหาร ขาสั้น ๆ ของเด็กน้อยไม่สามารถวิ่งได้เร็วทันใจนึก ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงอุ้มเธอขึ้นมาแล้ววิ่งไปโดยที่แบกเธอไว้บนหลัง
“โอ๊ะ พวกท่านมาเร็วมาก” เจียงเหยาที่กำลังมีอวี้เซิ่งช่วยพยุงบังเอิญพบกับ 2 พี่น้องตระกูลมู่ นางจึงเอ่ยทักทายพวกเขา “องค์รัชทายาทเพิ่งฟื้น พระองค์ยังต้องพักผ่อนอีกมาก ฉะนั้นทุกท่านอย่าได้รั้งอยู่นานเกินไป”
“ว่าที่อาจารย์ ทำไมท่านดูโทรมถึงเพียงนี้?” มู่ไป๋ไป่ขอให้มู่จวินเซิ่งวางเธอลง เนื่องจากเธอมั่นใจว่ามู่จวินฝานฟื้นแล้ว เธอจึงไม่ได้วิตกกังวลมากนัก “ท่านเหนื่อยมากหรือไม่? ข้าได้ยินเซียวเซียวบอกว่าท่านรักษาท่านพี่จนถึงรุ่งสาง…”
“สถานการณ์ของพระองค์ดีกว่าที่ข้าคาดเอาไว้มาก” หมอสาวเอื้อมมือออกมาลูบหัวเล็ก ๆ ของอีกคน “เจ้าเข้าไปข้างในเถอะ ข้าจะกลับไปพักผ่อนสักหน่อย”
หลังจากหญิงสาวกล่าวจบ นางก็หันไปพยักหน้าให้อวี้เซิ่งที่อยู่ด้านข้าง
ชายหนุ่มเข้าใจทันทีก่อนจะช่วยพยุงนางออกไป
ทางด้านมู่ไป๋ไป่มองตามหลังคนทั้ง 2 เธอไม่เข้าใจเหตุผลเหมือนกัน แต่เธอมักจะรู้สึกว่าระหว่างอวี้เซิ่งกับเจียงเหยานั้นมีอะไรบางอย่างแตกต่างออกไปจากเดิม
“น้องพี่! ทำไมไม่รีบเข้ามาข้างในล่ะ?” มู่จวินเซิ่งตะโกนเรียกน้องสาวจากข้างใน “พี่ใหญ่อยากพบเจ้าแล้ว!”
“ข้ามาแล้ว!” เด็กหญิงหันหลังเดินเข้าไปด้านในทันที
ในกระโจมขององค์รัชทายาทมีอุณหภูมิสูงมาก มู่ไป๋ไป่มองสำรวจไปรอบ ๆ ก่อนจะเห็นเตาถ่านที่อยู่ด้านข้าง
“ไป๋ไป่ เจ้ามาแล้วหรือ?” ขณะนี้มู่จวินฝานกำลังนั่งอยู่บนเตียง แม้ว่าเขาจะยังดูอ่อนแอมาก แต่โดยรวมแล้วเขาก็ดูดีขึ้นกว่าเดิมมากเช่นกัน “ข้าทำให้เจ้าตกใจหรือไม่?”
เด็กหนุ่มจำได้เพียงเลือนรางว่าเขากระอักเลือดออกมา แล้วก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของมู่ไป๋ไป่
ในเวลานั้นเขาอยากจะปลอบน้องสาวและบอกนางว่าเขาไม่เป็นไร
แต่ร่างกายของเขากลับขยับไม่ได้
“ไม่เพคะ” ดวงตาของเด็กน้อยเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันทีที่เธอเห็นพี่ชายคนโต เธอไปนั่งที่ข้างเตียงและจับมืออีกคนเอาไว้แล้วบีบเบา ๆ “ไป๋ไป่ไม่ได้เป็นอะไรเลย ท่านพี่ต่างหากที่ไม่สบาย แต่ข้าก็ยังทำให้ท่านพี่ต้องเป็นห่วงอยู่อีก”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ต้องเอาคืนเยอะ ๆ 5 เมืองยังถือว่าน้อยไป!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 63
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น