บทที่ 136 พลังหมู่
บทที่ 136 พลังหมู่
เมื่อฝูงชนเห็นว่าพลังชีวิตของดีม่อนโซลฟื้นกลับคืนมา ทุกคนก็ตกใจจนอยากจะวิ่งหนีไปทางด้านหลัง แต่น่าเสียดายที่กว่าจะคิดได้ในตอนนี้ทุกอย่างมันก็สายเกินไปแล้ว
บอสร่างยักษ์หันหน้ามองไปทางสะพาน ก่อนที่มันจะแยกนิ้วทั้งห้าและกลายเป็นแสงสีดำ
โซลพูลล์!
แสงสีดำพุ่งออกจากมือดีม่อนโซลอย่างรวดเร็วและทำให้ผู้เล่นทั้งหมดบนสะพานที่สัมผัสเข้ากับแสงนี้ถูกฆ่าตายก่อนที่จะทันได้ตั้งตัว
บนสะพานเต็มไปด้วยซากศพของผู้เล่นอย่างมากมาย ส่วนฝูงชนที่เห็นตัวเลขความเสียหายต่างก็กำลังเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
“แข็งแกร่งมาก”
“แล้วแบบนี้เราจะสู้กับมันได้ยังไง?”
…
แม้ผู้เล่นจะไม่รู้ว่าพวกเขาจะกำจัดบอสได้ยังไง แต่ทุกคนรู้ดีว่ามีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำนั่นก็คือการไม่ให้คนอื่นแย่งค่าประสบการณ์และอุปกรณ์ของดีม่อนโซลไป บนสะพานจึงกลับมาเต็มไปด้วยผู้เล่นอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามในคราวนี้ไม่มีผู้เล่นคนไหนโง่มากพอที่จะใช้สกิลโจมตีอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าอีก แต่ทุกคนต่างก็รอจังหวะที่บอสกำลังจะตายในวินาทีสุดท้าย
เมื่อกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผู้เล่นมารบกวนอีกต่อไป พวกเขาจึงล้อมดีม่อนโซลได้อีกครั้งและใน 5 นาทีต่อมาพลังชีวิตของบอสก็ลดลงไปเหลือเพียงแค่ 33%
“ทุกคนเตรียมตัว! เมื่อพลังชีวิตของบอสลดลงเหลือ 5% ตอนนั้นพวกเราจะบุกเข้าไปพร้อมกัน”
“เราต้องช่วยกันแย่งอุปกรณ์มาให้ได้ อย่าปล่อยให้พวกกิลด์ใหญ่ได้อุปกรณ์ไปเด็ดขาด ถ้าแย่งอุปกรณ์มาไม่ได้ก็ให้ฆ่าคนที่เอาอุปกรณ์ไปซะ”
…
ผู้เล่นที่อยู่รอบ ๆ เริ่มรวมกลุ่มปรึกษากัน ซึ่งในระหว่างนั้นลู่หยางก็ได้กระโดดลงไปในแม่น้ำพร้อมกับลอยตัวไปพักอยู่ใต้สะพานแล้ว
จุดที่ยากที่สุดของการเผชิญหน้ากับดีม่อนโซลไม่ใช่ตอนที่มันเหลือพลังชีวิตเป็นจำนวนมาก เพราะสกิลที่บอสจะใช้ออกมาในช่วงเวลานั้นถูกผู้เล่นในชาติก่อนหาวิธีทางได้ตั้งนานแล้ว ส่วนที่ยากจริง ๆ คือในตอนที่บอสเหลือพลังชีวิตต่ำกว่า 30% ต่างหาก
หลังจากช่วงเวลานี้ทุก ๆ พลังชีวิต 5% ที่ดีม่อนโซลเสียไปมันจะทำการปลดปล่อยสกิลที่มีชื่อว่าซองออฟโซลออกมาก่อให้เกิดดวงวิญญาณนับแสนตนที่พุ่งเข้าใส่ผู้เล่นทุกคนในรัศมี 50 เมตร
ผู้เล่นที่ถูกโจมตีจะสูญเสียพลังพลังชีวิตทันที 12,000 หน่วยจึงทำให้มีผู้เล่นจำนวนน้อยมากที่สามารถต้านรับการโจมตีครั้งนี้ได้ เพราะท้ายที่สุดนี่ก็คือหนึ่งในบอสที่กำจัดได้ยากมากที่สุดภายในเกม ความต้องการอุปกรณ์ในการเผชิญหน้ากับบอสย่อมจะต้องสูงกว่าเรื่องปกติเป็นธรรมดา
ซองออฟโซล!
เมื่อพลังชีวิตของดีม่อนโซลดลงเหลือ 30% มันก็ชูมือทั้งสองข้างขึ้นบนท้องฟ้า 0.5 วินาทีต่อมาแสงสีดำก็ปกคลุมผู้เล่นในรัศมี 50 เมตร ก่อนที่ผู้เล่นเหล่านั้นจะถูกม่านแสงสีดำฆ่าตายก่อนจะทันได้ตั้งตัว
ผู้เล่นที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ผู้เล่นที่ยืนอยู่ในระยะไกลมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่ปรากฏไม่ใช่ม่านแสงสีดำ แต่เป็นดวงวิญญาณอันหนาแน่นจนนับจำนวนไม่ได้ต่างหาก
ในตอนที่ผู้เล่นเห็นพลังชีวิตของบอสลดลงเรื่อย ๆ พวกเขาก็มารวมตัวรอบ ๆ บอสในรัศมี 30 เมตรโดยคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่การโจมตีในครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาคิดเป็นสิ่งที่ผิด ซึ่งนอกเหนือจากผู้เล่นจะเสียชีวิตไปหลายพันคน บ้านเรือนที่อยู่บริเวณโดยรอบก็ถูกผลของสกิลทำลายลงไปด้วย
“ถอยเร็วเข้า! ระวังบอสมันจะใช้สกิลออกมาอีก!!”
ใครสักคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาทำให้เหล่าบรรดาผู้เล่นรีบหนีด้วยความหวาดกลัว
ตอนนี้ผู้เล่นบางคนวิ่งหนีกลับไปบนสะพาน ขณะที่บางคนถอยไปตั้งหลักยังตีนสะพานทั้งสองข้าง ขณะที่บางคนหลบออกมาห่างจากบอสมากกว่า 60 เมตร
ลู่หยางที่กำลังแอบดูสถานการณ์อยู่ใต้สะพานบังเอิญเห็นฉือมู่, ฉงป้า, บลัดไทแรนท์และหัวหน้ากิลด์ใหญ่อื่น ๆ กำลังนำสมาชิกชั้นยอดภายในกิลด์ของตัวเองซุ่มดูบอสอยู่ในระยะประมาณ 60 เมตร และคนที่อยู่ใกล้กับเขามากที่สุดก็คือฉือมู่ที่อยู่ห่างออกไปเพียงแค่ 20 เมตรเท่านั้น
ฉือมู่กับชิงเฟิงไม่ได้มีเวลามาสนใจเรื่องอื่น เพราะในปัจจุบันพวกเขาต่างก็จับจ้องมองไปยังบอสอย่างตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายเพื่อแย่งชิงอุปกรณ์
“เตรียมตัวให้พร้อม เมื่อบอสตายเมื่อไหร่ให้รีบเข้าไปแย่งอุปกรณ์ทันที หากใครเข้าไปใกล้อุปกรณ์ก่อนเราก็ให้ฆ่าเขาคนนั้นซะ ไม่ต้องลังเล!” ฉือมู่กล่าวกับชิงเฟิงที่อยู่ด้านหลัง
ในสถานที่ที่มีคนรวมตัวกันหลายหมื่นคนแบบนี้ใครที่กล้าเข้าไปแย่งชิงอุปกรณ์จากบอสเป็นคนแรกจะกลายเป็นเป้าหมายของคนจำนวนหลายหมื่นคนในทันที คนที่ออกไปแย่งชิงอุปกรณ์ทีหลังจึงมักจะมีโอกาสได้รับอุปกรณ์มากกว่า
“ถ้าเราแย่งมาไม่ได้ล่ะครับจะทำยังไง?”
“สิ่งที่พวกเราจะต้องทำก็แค่ฆ่าโดยเฉพาะพวกบลัดไทแรนท์ เราต้องอย่าปล่อยให้มันเอาอุปกรณ์ไปอย่างเด็ดขาด”
“ได้ครับ”
ทางด้านบลัดไทแรนท์กับเย่กู่ซิงก็กำลังกระซิบกระซาบพร้อมกับหันไปมองกิลด์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
“ระวังตัวให้ดี อย่าพึ่งรีบเคลื่อนไหวก่อนเป็นอันขาด ทุกคนจงรอฟังคำสั่งจากฉันก่อนแล้วค่อยไปแย่งชิงอุปกรณ์”
—
ปัจจุบันสมาชิกภายในกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์เสียชีวิตไปแล้วสามคน แต่คนที่ยังเหลือรอดก็ยังคงเผชิญหน้ากับบอสไม่มีถอยทำให้กองนักเวทศักดิ์สิทธิ์และกองธนูศักดิ์สิทธิ์สามารถจู่โจมต่อไปได้
สมาชิกของกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์มีสิ่งที่เรียกว่าระบบพรสวรรค์ที่เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ประเภทปีศาจที่มีพลังชีวิตต่ำกว่า 30% มันก็จะทำให้พลังโจมตีของพวกเขาเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 50%
พลังชีวิตของดีม่อนโซลลดลงอย่างรวดเร็ว และในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 3 นาทีตอนนี้พลังชีวิตของบอสก็ลดลงเหลือเพียงแค่ 5% สุดท้าย
“แสงสว่างจงชำระล้างความมืด” คาสซิสผู้ซึ่งเป็นหัวหน้ากองอัศวินศักดิ์สิทธิ์ชูดาบขึ้นบนฟ้า ก่อนที่มันจะมีเงาเทพองค์ใหญ่ฟาดฟันดาบลงมาด้วยความโกรธ
“สังหาร!”
ดีม่อนโซลถูกฟันตัดผ่านหัวใจจนทำให้มันส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นร่างกายของมันก็เริ่มบิดเบี้ยวคล้ายกับมิติที่พร้อมจะระเบิดออก
“บอสตายแล้ว รีบไปแย่งอุปกรณ์เร็วเข้า!”
ใครสักคนตะโกนขึ้นมาแล้วทำให้ผู้เล่นจากทั่วทิศทางพุ่งตรงไปยังตำแหน่งของบอส
ชั่วพริบตาบริเวณรอบ ๆ ศพของดีม่อนโซลก็มีผู้เล่นวิ่งกรูกันไปเป็นจำนวนนับหมื่น แต่ในทันใดนั่นเองร่างของดีม่อนโซลก็ระเบิดออกอย่างรุนแรงพัดพาวิญญาณนับแสนกระจายออกไปทุกทิศทาง และทำให้ผู้เล่นทั้งหมดที่อยู่ในรัศมี 50 เมตรเสียชีวิตลงอย่างฉับพลัน
ในเวลาเดียวกันมันก็มีไอเท็ม 3 ชิ้นร่วงหล่นลงมาจากร่างของบอส ผู้เล่นที่อยู่แถวหลังจึงรีบพุ่งตัวออกไปด้วยความตื่นเต้น
“ยิง!” ฉือมู่ชี้นิ้วไปยังตำแหน่งของไอเท็มพร้อมกับสั่งให้นักธนู 300 คนที่อยู่ด้านหลังใช้สกิลยิงกระจาย
“ยิง!” ฉงป้าออกคำสั่งอย่างเย็นชาให้นักธนู 200 คนทางด้านหลังใช้สกิลยิงกระจายออกไปด้วยเช่นกัน
…
หัวหน้ากิลด์ขนาดใหญ่กว่า 20 กิลด์ต่างก็สั่งให้ลูกน้องจู่โจมออกไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้มันยังมีสกิลโจมตีระยะไกลสกิลอื่นถูกโจมตีไปยังพื้นที่บริเวณที่ไอเท็มดรอปลงมาด้วย
ชั่วพริบตาผู้เล่นทั้งหมดที่เข้าใกล้ระยะ 30 เมตรรอบจุดที่บอสดรอปอุปกรณ์ลงมาต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกฆ่าตายด้วยกันทั้งหมด
ผู้เล่นที่พุ่งเข้ามาทีหลังก็ยังคงพุ่งไปด้านหน้าต่อไป เพราะถึงแม้ผู้เล่นด้านหน้าจะถูกสังหารตายแต่พวกเขาก็ยังคิดว่าตัวเองอาจจะโชคดีพุ่งไปคว้าอุปกรณ์ก่อนตายได้ ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือพวกเขาตายอย่างไม่มีข้อยกเว้น
นักเวทบางคนคิดจะใช้สกิลแฟลชกระโดดเข้าไปในวงล้อมเพื่อแย่งชิงอุปกรณ์ แต่นักเวทของกิลด์ใหญ่ต่างก็ใช้สกิลเฟลมอิมแพคยิงออกไปพร้อมกัน
ผลลัพธ์ที่ได้คือนักเวทที่เพิ่งปรากฏตัวติดสตั๊นยืนนิ่งหยุดอยู่กับที่ และก่อนที่พวกเขาจะทันได้เก็บอุปกรณ์ที่อยู่บนพื้น พลังชีวิตของทุกคนก็ถูกลดลงไปเหลือศูนย์ซะก่อน
ยิง!
หลังการโจมตีรอบแรกจบลงหัวหน้ากิลด์กว่า 20 กิลด์ก็ยังคงสั่งการให้โจมตีต่อไปราวกับนัดหมายกันเอาไว้ ทำให้ผู้เล่นที่อยู่รอบ ๆ เริ่มหนีแตกกระเจิงกันไปคนละทิศคนละทาง
พี่หยางเราจะเอายังไงล่ะเนี่ย!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 30
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น