บทที่ 132 มีดเอสเคพเดจเจอร์ +10

-A A +A

บทที่ 132 มีดเอสเคพเดจเจอร์ +10

บทที่ 132 มีดเอสเคพเดจเจอร์ +10

“พวกเรามาเดิมพันกันดีกว่า ถ้าครั้งหน้าพวกคุณเอาชนะฉันได้ฉันจะยอมบอกวิธีการย่อคาถาโฮลี่ไลท์ของพาลาดินให้ แต่ถ้าหากพวกคุณแพ้พวกคุณจะต้องเข้าร่วมกิลด์ที่ฉันจะสร้างในอนาคต” ลู่หยางกล่าว ซึ่งคำพูดนี้ทำให้ทั้งสามพี่น้องมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ

“คุณต้องการจะชวนพวกเราเข้ากิลด์ของคุณงั้นเหรอ?” ไป๋หูถาม

“ถูกต้อง พวกคุณทั้งสามคนฝีมือดีมาก ถ้าหากฉันจะสร้างกิลด์มันก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาผู้เล่นฝีมือดีแบบพวกคุณ” ลู่หยางตอบ

พี่น้องทั้งสามต่างก็หันไปมองสบตากัน เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเขาไม่อยากจะเข้าร่วมกิลด์ใด ๆ แต่วิธีการย่อคาถาโฮลี่ไลท์เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เพราะตราบใดก็ตามที่ไป๋ฉือสามารถใช้สกิลโฮลี่ไลท์ออกมาได้แทบจะในทันที ทีมของพวกเขาย่อมมีความแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน

หลังจากปรึกษากันไม่นาน ไป๋เหลิงก็พูดขึ้นมาว่า

“พวกเราไม่อยากเข้าร่วมกิลด์ แต่ถ้าหากคุณเอาชนะพวกเราสามพี่น้องได้อีกครั้ง เราก็จะเข้าร่วมกิลด์ของคุณในอนาคต”

สีหน้าของลู่หยางเปี่ยมไปด้วยความยินดี ก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“ตกลงตามนั้น ฉันยินดีตอบรับคำท้าทายจากพวกคุณเสมอ”

หากเป็นในชาติที่แล้วเขาคงเอาชนะสามพี่น้องตระกูลไป๋ไม่ได้ แต่ในชาตินี้ต่อให้อีกฝ่ายฝึกฝนมานานนับปี ลู่หยางก็มั่นใจว่าเขาจะเอาชนะทั้งสามคนนี้ได้อย่างแน่นอน

“อีกไม่นานพวกเราจะไปท้าทายคุณใหม่แน่นอน” ไป๋หูกล่าว

“พวกคุณทั้งสามอย่าหาว่าฉันพูดจาโอ้อวดเลยนะ แต่ในการท้าทายครั้งหน้าพวกคุณจะต้องมีอุปกรณ์และสกิลมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นพวกคุณไม่มีทางรับมือการโจมตีแบบเต็มกำลังของฉันได้แน่ ๆ” ลู่หยางกล่าว

“แล้วพวกเราจะหาคุณเจอได้ยังไง?” ไป๋ฉือถาม เพราะเมื่อสักครู่เขาลองส่งคำขอเป็นเพื่อนไปให้ลู่หยาง แต่นักเวทตรงหน้าปิดฟังก์ชั่นการขอเป็นเพื่อนอยู่

ลู่หยางเป็นฝ่ายส่งคำร้องขอเป็นเพื่อนไปให้ทั้งสามคน ขณะเดียวกันร่างของเขาก็เปล่งประกายแสงสีแดงก่อนที่เขาจะหายวับไป

สามพี่น้องมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน ขณะเดียวกันม่านแสงสีม่วงบริเวณรอบนอกก็หายไปทำให้ผู้ชมด้านนอกมองเห็นสิ่งที่เกิดด้านในสนามประลองอีกครั้ง

“นักเวทคนนั้นไปไหนแล้ว?”

“ผลการแข่งขันเป็นยังไง? ใครเป็นฝ่ายชนะ?”

ไป๋เหลิงไม่สนใจเสียงของผู้ชม แต่เขากลับพึมพำขึ้นมาเบา ๆ ว่า

“คนคนนี้แปลกจริง ๆ”

หลังจากพูดจบไป๋เหลิงก็สังเกตเห็นชื่อของลู่หยางในรายชื่อเพื่อน เขาจึงมองไปที่ฝาแฝดทั้งสองด้วยความตกใจ แน่นอนว่าไป๋ฉือกับไป๋หูก็กำลังมองมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจด้วยเช่นกัน

“เขาคือลู่หยาง!” ไป๋ฉือกล่าว

“เพราะแบบนี้เองสินะเขาถึงได้หยิ่งผยองขนาดนั้น แต่ตัวตนของเขามันก็มีความสามารถมากพอที่จะแสดงความหยิ่งยโสออกมาได้จริง ๆ” ไป๋ฉือกล่าว

ผลงานการต่อสู้ของลู่หยางในก่อนหน้านี้ยอดเยี่ยมมากไล่ไปตั้งแต่การเผชิญหน้ากับลูกน้องของแบล็คบลัดทั้งห้าคนด้วยตัวคนเดียว จากนั้นเขาก็จัดการลูกน้องข้างกายบลัดไทแรนท์อีกแปดคน ข่าวเรื่องนี้จึงแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเกม

สามพี่น้องต่างก็มีความประทับใจในวีรกรรมของลู่หยางอยู่แล้ว และพวกเขายิ่งชื่นชมในความกล้าหาญของนักเวทหนุ่มที่กล้าท้าทาย 2 กิลด์ใหญ่ด้วยตัวคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นการประกาศราคาค่าหัวของบลัดไทแรนท์ยังดำเนินมาเป็นเวลาเกือบ 10 วันแล้ว แต่ลู่หยางไม่เพียงแต่จะยังไม่ถูกสังหาร เขากลับมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม ฝาแฝดทั้งสามจึงยอมรับว่าแม้แต่ตัวเองก็ไม่สามารถที่จะลอกเลียนแบบวีรกรรมของลู่หยางได้

“นี่สินะยอดฝีมือ พวกเราคงจะลำบากแล้วสิ เขาเลเวล 13 แล้วแต่พวกเราเพิ่งเลเวล 8 เอง การพยายามเก็บเลเวลไล่ตามเขาไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แน่ ถ้าหากเราทำลายสกิลรีซิสท์ไฟร์ริงของเขาไม่ได้ก็เตรียมปิดประตูชนะไปได้เลย” ไป๋หูกล่าว

“นายจะไปกลัวอะไร? ถึงเลเวลจะสูงกว่าก็ไม่ได้หมายความว่าจะแข็งแกร่งกว่าสักหน่อย ขอแค่พวกเราทำลายแฟนท่อมสเตปของเขาได้ เราจะต้องเอาชนะเขาได้แน่ ๆ” ไป๋เหลิงกล่าวอย่างมั่นใจ

“ถ้างั้นพวกเราไปฝึกกันต่อเถอะ อย่างน้อยการมียอดฝีมือเป็นเป้าหมายแบบนี้ มันก็จะช่วยให้พวกเราพัฒนาฝีมือได้ดียิ่งขึ้น” ไป๋หูกล่าว

ไป๋เหลิงกับไป๋ฉือพยักหน้าพร้อมกัน จากนั้นพวกเขาก็ออกจากสนามประลองไปเพื่อหาวิธีทำลายเทคนิคการเคลื่อนไหวของลู่หยาง

ขณะเดียวกันลู่หยางก็กำลังเดินมายังแท่นบูชา ก่อนที่จะนำลูกเต๋าแห่งโชคชะตาขึ้นมาอีกครั้ง

“สาธุ! คราวนี้ขอให้ได้เกิน 10 แต้มเถอะ ไม่งั้นฉันจะต้องรอไปอีกครึ่งชั่วโมง”

ชายหนุ่มเขย่าลูกเต๋าภายในมือก่อนที่จะโยนพวกมันออกไป

6, 6, 6

ระบบ: ผู้เล่นลู่หยางทอยลูกเต๋าแห่งโชคชะตาได้ 18 แต้ม โชค +10 เป็นเวลา 30 นาที

ลู่หยางกำหมัดแน่นด้วยความยินดี ก่อนที่เขาจะหยิบมีดเอสเคพเดจเจอร์ออกมายังแท่นบูชา จากนั้นเขาก็หยิบแร่เหล็กดำออกไปวางอีก 4 ก้อน

สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่มีค่าสถานะ กระบวนการหลอมไม่จำเป็นจะต้องใช้เครื่องประดับขอแค่มีแร่เหล็กดำเท่านั้นก็เพียงพอ

เมื่อชายหนุ่มกดเลือกทำการอัปเกรด แท่นบูชาก็เปล่งแสงประกายเจิดจ้าเป็นการแสดงว่ามีดเอสเคพเดจเจอร์ตีบวกเป็นผลสำเร็จ

ลู่หยางทำกระบวนการนี้ต่อเนื่องกันไป 10 ครั้ง ซึ่งหลังจากเวลาผ่านพ้นไปประมาณ 5 นาทีมีดเอสเคพเดจเจอร์ก็ถูกตี +10 เป็นผลสำเร็จ

มีดเอสเคพเดจเจอร์ +10

เลเวล 0

รายละเอียด มีดวิเศษที่มีความสามารถแหวกว่ายผ่านมิติ ตามตำนานเล่าว่ามันเป็นอาวุธติดตัวของเทพแห่งการขโมย

คำอธิบายของอุปกรณ์ยังคงเรียกง่ายเหมือนเดิม ลู่หยางจึงลองขว้างมีดออกไปยังด้านหน้า

มีดสั้นสีเงินพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่สูงมาก และทันใดนั้นมันก็มีสกิลสีฟ้าเพิ่มขึ้นมาอีกสกิลในหน้าต่างสกิลของลู่หยาง

ชายหนุ่มคิดในใจด้วยคำว่า ‘หลบหนี’ ร่างของเขาจึงหายไปปรากฏตัวที่ตำแหน่งของมีดในทันที ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้กินเวลาเพียงแค่ 1 วินาทีเท่านั้น

ต่อมาสกิลภายในหน้าต่างก็เริ่มนับถอยหลัง 30 วินาที ซึ่งมันก็หมายความว่ามีดเอสเคพเดจเจอร์ +10 นี้มีระยะเวลาคูลดาวน์ 30 วินาทีนั่นเอง

ลู่หยางกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น เพราะต่อไปนี้เขาสามารถใช้มีดเอสเคพเดจเจอร์ในระหว่างการต่อสู้ได้แล้ว ต่อไปเขาจะสามารถใช้สกิลแฟลชกระโดดเข้าไปปล่อยสกิลเฟลมสตอร์มและเฟลมเบิร์ดได้อย่างไม่มีปัญหา และเขาก็ยังสามารถจะใช้มีดเอสเคพเดจเจอร์เพื่อถอยกลับมายังตำแหน่งที่ปลอดภัยได้อีกด้วย

ชายหนุ่มวางมีดเอาไว้ข้างแท่นบูชาและในตอนนี้เขาก็ยังเหลือกล่องแพนดอร่าให้ลุ้นอยู่อีก 1 กล่อง

ลู่หยางมุ่งหน้ากลับไปยังเขตทางเหนือของเมืองเซนต์กอลล์อีกครั้ง ซึ่งหลังจากเดินทางได้เพียงแค่ไม่นานในที่สุดเขาก็ไปถึงบริเวณจัตุรัสทางตอนเหนือของเมือง

นักเวทหนุ่มมองซ้ายมองขวา ซึ่งหลังจากที่เขาแน่ใจว่ามันไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้แล้วเขาจึงนำกล่องแพนดอร่าออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับเริ่มอธิษฐาน

“สาธุ! ท่านเทพอสูรขอชุดเซ็ตอุปกรณ์ระดับทองให้ผมสักชุดเถอะ”

ก่อนหน้านี้โชคของเขาดีมาก ชายหนุ่มจึงตั้งใจที่จะลองเสี่ยงโชคดูอย่างต่อเนื่อง เพราะหากบังเอิญเขาได้รับชุดเซ็ตอุปกรณ์ระดับทองเลเวล 20 มาสักชุด เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องอุปกรณ์ไปอีกสักระยะ เมื่อคิดมาได้จนถึงตอนนี้ลู่หยางจึงเปิดกล่องแพนดอร่าด้วยความตื่นเต้น

ในขณะที่นักเวทหนุ่มคาดหวังจะเห็นแสงสีทองพวยพุ่งออกมา ทันใดนั้นแสงสีดำก็ส่องแสงอันเจิดจ้าออกมาจากกล่อง ชั่วพริบตารัศมี 30 เมตรรอบ ๆ เขาต่างก็จมอยู่ในความมืด

พายุสีดำก่อกำเนิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับเสียงร้องคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เมื่อพายุสีดำได้หยุดลง มันก็ปรากฏร่างของสิ่งมีชีวิตลำตัวสีดำสนิทที่มีความสูงมากกว่า 50 เมตรขึ้นมาในเมืองเซนต์กอลล์

ดีม่อนโซล (ระดับลอร์ด)

เลเวล 50

พลังชีวิต 2,000,000/2,000,000

 

 


เจ๋ง!!!! ลอร์ดเลเวล 50 พี่หยางตายแน่

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.