บทที่ 131 เชิญชวน

-A A +A

บทที่ 131 เชิญชวน

บทที่ 131 เชิญชวน

“คุณใช้การขยับตัวแบบไหนพอจะบอกให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม?” ไป๋หูถามลู่หยางขณะที่ไป๋ฉือกำลังเพิ่มพลังชีวิตให้ไป๋เหลิง

“การขยับตัวแบบนี้เรียกว่าแฟนท่อมสเตป มันเป็นวิธีการที่นักเวทเอาไว้สกัดการใช้สกิลของนักรบโดยเฉพาะ” ลู่หยางตอบโดยไม่ปิดบัง

นี่คือเทคนิคการเคลื่อนไหวที่เขาได้กลั่นกรองมาจากประสบการณ์ทั้งในเกมและในการต่อสู้ชีวิตจริงเมื่อชาติก่อน แต่น่าเสียดายที่ในตอนนั้นเขาไม่มีโอกาสได้ใช้มันออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“เยี่ยมยอดมาก! คุณเป็นผู้เล่นคนแรกเลยที่ทำให้ฉันใช้สกิลชาร์จเข้าไปไม่ได้” ไป๋หูกล่าวอย่างชื่นชม

ลู่หยางหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ ก่อนจะพูดเสนอออกไปว่า

“การแข่งขันครั้งนี้ถือว่าพวกเราเสมอกันดีไหม?”

ตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกเบื่อแล้ว เพราะสามพี่น้องตระกูลไป๋เพิ่งจะเข้าร่วมเกมได้ไม่นาน ความสามารถของทั้งสามจึงแตกต่างจากลู่หยางที่กลับชาติมาเกิดมาก

กลยุทธ์ที่พวกเขาใช้ในตอนนี้ถึงแม้ว่ามันจะดูแข็งแกร่ง แต่เนื่องมาจากพาลาดินอย่างไป๋ฉือยังไม่มีสกิลแอนตี้เมจิกออร่าและอินฟินซิบิลิตี้ เพียงแค่ลู่หยางใช้สกิลไฟร์วอลล์ออกไปก็สามารถแผดเผาอีกฝ่ายให้มอดไหม้ได้อย่างง่ายดาย เมื่อทุกอย่างมันดูง่ายเกินไปนักเวทหนุ่มจึงไม่ได้รู้สึกสนุกกับการประลองในครั้งนี้เลย

“คิดจะหนีงั้นเหรอ? ไม่ว่ายังไงการแข่งขันมันก็ต้องมีการตัดสินแพ้ชนะ” ไป๋เหลิงพูดอย่างไม่พอใจ

“ใช่! การแข่งขันมันต้องมีแพ้ชนะ ไม่อย่างนั้นมันจะไปมีความหมายอะไร” ไป๋ฉือกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์เหมือนกัน

หลังจากฟื้นฟูพลังชีวิตกลับมาจนเต็ม ทั้งสามก็เริ่มจัดกระบวนทัพใหม่แล้วเดินเข้ามาหาลู่หยางอย่างช้า ๆ ซึ่งในครั้งนี้พวกเขาได้เรียนรู้ความผิดพลาดมาจากครั้งก่อน มันจึงไม่มีใครพุ่งตัวออกไปโจมตีโดยพลการ

“ขอโทษนะ แต่เลเวลของพวกคุณยังต่ำเกินไป ฉันยินดีรับคำท้าถ้าหากพวกคุณอยากจะมาประลองใหม่ในอนาคต” ลู่หยางกล่าว

ทันใดนั้นนักเวทหนุ่มก็โยนเหรียญทองออกไปทางด้านหลัง ก่อนที่มันจะตกลงในมือของผู้คุมการแข่งขันพอดิบพอดี

“เข้าโหมดห้ามรับชม” ลู่หยางสั่ง

“อนุญาต” ผู้ควบคุมการแข่งขันซึ่งเป็นชายชาวยุโรปวัยกลางคนพยักหน้ารับในทันที ก่อนที่มันจะมีม่านแสงสีม่วงปรากฏขึ้นมาปกคลุมสนามประลองเอาไว้ทำให้ผู้ชมด้านนอกมองเห็นเพียงแต่ม่านแสงสีม่วงเท่านั้น

“คุณทำแบบนี้ทำไม?” ไป๋หูถาม

“ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่พวกเขาไม่ควรรู้ และฉันก็เชื่อว่าพวกคุณทั้งสามคนไม่ชอบเปิดเผยความลับให้คนอื่นล่วงรู้ด้วยเหมือนกัน” ลู่หยางตอบ

ระหว่างพูดคุยจู่ ๆ มันก็มีนกสีแดงเพลิงตัวใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของชายหนุ่ม ก่อนที่มันจะส่งเสียงร้องและบินลงมาเกาะไหล่ขวาของเขา

พริบตาต่อมาร่างของลู่หยางก็กลายเป็นแสงสีขาว ก่อนที่ร่างของเขาจะไปปรากฏตัวตรงหน้าสามพี่น้องตระกูลไป๋อย่างฉับพลัน

ระหว่างที่ปรากฏตัวขึ้นนักเวทหนุ่มก็ใช้มือทั้งสองข้างกดลงไปบนพื้นดินอย่างแรงก่อให้เกิดคลื่นสีดำที่เริ่มปะทุขึ้นมาทางด้านบน

เฟลมสตอร์ม!

สามพี่น้องกำลังจะเริ่มโจมตีแต่ในทันทีที่พวกเขาตกอยู่ในพายุเพลิง มันก็ทำให้ทุกคนติดสตั๊นเป็นเวลา 2 วินาที

-112, -113, -112

หลังจากทุกคนได้สติ จู่ ๆ มันก็มีกำแพงไฟลุกโชนขึ้นมาใต้ร่างของพวกเขา

-96, -89, -91

ทั้งสามรีบกระโดดถอยหลังอย่างตกใจ แต่ในเวลานั้นนกเพลิงก็พุ่งหาพวกเขาด้วยความเร็วสูง

ตูม! 

ตัวเลขความเสียหายมากกว่า 100 หน่วยปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของทั้งสามเป็นจำนวนสามครั้งและมันก็ทำให้ไป๋เหลิงถูกสังหารในทันที

“นี่คุณมีเวทหมู่ด้วยเหรอเนี่ย?!” ไป๋หูอุทานอย่างตกใจ

“รีบโจมตีกลับไปเร็วเข้า! อย่าปล่อยให้เขาใช้เวทมนตร์ออกมาอีก” ไป๋ฉือตะโกนบอกก่อนที่เขาจะรีบใช้แฮมเมอร์ออฟลอยเอิลตี้ฟาดไปที่ลู่หยาง

ชายหนุ่มกระโดดออกด้านข้างเฉียงไปข้างหลังเล็กน้อยทำให้เขาหลบเลี่ยงจากแสงสีทองของสกิลแฮมเมอร์ออฟลอยเอิลตี้ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็ใช้มือขวาปล่อยเบลซซิงเบิร์สออกไปในทันที

ตูม! 

-102

ไป๋ฉือถูกซัดจนหงายหลังและทำให้พลังชีวิตของเขาลดลงไปเหลือเพียง 400 หน่วย

ไป๋หูเห็นจังหวะที่ลู่หยางเพิ่งทำการโจมตี เขาจึงใช้สกิลชาร์จพุ่งเข้าหาอย่างว่องไว และเนื่องจากระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันเพียงแค่ 5 เมตร เขาจึงไม่เชื่อว่าลู่หยางจะสามารถหลบหลีกการโจมตีของเขาได้อีก

ลู่หยางระวังการโจมตีจากไป๋หูอยู่ก่อนแล้ว เมื่ออีกฝ่ายเริ่มโจมตีชายหนุ่มจึงเบี่ยงร่างกายออกไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าเฉียงไปด้านหน้า 1 ก้าวจนทำให้ร่างของไป๋หูก้าวผ่านเขาไป โดยการหลบหลีกในครั้งนี้เฉี่ยวร่างนักเวทหนุ่มไปเพียง 0.1 เซนติเมตรเท่านั้น ร่างของอีกฝ่ายจึงพุ่งออกไปไกล 30 เมตรก่อนที่ร่างของไป๋หูจะหยุดลง

นักเวทหนุ่มฉวยโอกาสในจังหวะนั้นยิงเบลซซิงเบิร์สเข้าใส่ไป๋ฉือที่กำลังจะโจมตีจนทำให้ร่างของพาลาดินหนุ่มหงายหลังไปอีกครั้ง

-102

ไป๋ฉือเหลือพลังชีวิตอยู่แค่ 298 หน่วย ขณะที่ไป๋หูกำลังรู้สึกอับอายมาก เขาจึงหันหลังกลับมาพร้อมกับใช้สกิลอินเตอร์เซปพุ่งเข้ามาหาลู่หยางอีกครั้ง

นักเวทหนุ่มราวกับอ่านการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาจึงยกมือขึ้นมาใช้สกิลเฟลมอิมแพคใส่ไป๋หูโดยไม่หันหน้ากลับมามอง

ปัง! 

เฟลมอิมแพคปะทะเข้าใส่หัวของไป๋หูพอดิบพอดีทำให้ร่างของเขาที่พุ่งเข้ามาได้เพียงแค่ 15 เมตรหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน พร้อมกันนั้นพลังชีวิตของเขาก็ได้ลดลงไป 160 หน่วย

เมื่อไป๋ฉือได้สติเขาก็รู้ตัวแล้วว่าไม่ควรปล่อยให้ลู่หยางใช้เบลซซิงเบิร์สออกมาอีกอย่างเด็ดขาด และถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายปล่อยสกิลออกมาเกือบจะในทันทีได้ยังไง แต่สิ่งหนึ่งที่เขาทำนายได้คือหากเขายังถูกลูกไฟยิงเข้าใส่ในเวลานั้นเขาจะต้องตายแน่ ๆ

“โจมตีท่อนล่าง” ไป๋ฉือกลิ้งตัวไปด้านหน้าพร้อมกับฟันดาบเข้าใส่ขาของลู่หยาง ไป๋หูที่เข้าใจความหมายของพี่น้องจึงกลิ้งตัวไปพร้อมกัน ก่อนที่จะทำการฟาดฟันมีดภายในมือ

ตอนนี้ลู่หยางไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์ใด ๆ พลังชีวิตของเขาจึงมีอยู่ไม่ถึง 100 หน่วย หากเขาพลาดถูกทั้งสองโจมตีเข้าไปสักครั้ง การโจมตีนี้ก็มากพอที่จะสังหารเขาลงไปได้เลย แต่ในระหว่างที่การโจมตีกำลังใกล้เข้ามา จู่ ๆ ทั่วทั้งร่างของลู่หยางก็ปะทุไปด้วยพลังของเปลวเพลิง

รีซิสท์ไฟร์ริง!

ไป๋หูกับไป๋ฉือถูกกระแทกกระเด็นออกไปไกลนับสิบเมตร แต่ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงหล่นลงบนพื้นลู่หยางก็กระหน่ำยิงลูกไฟเข้าใส่พวกเขาเสียก่อน

ไป๋ฉือถูกสังหารไปเป็นคนแรก ก่อนที่ไป๋หูจะถูกสังหารลงไปตามในเวลาเพียงแค่ไม่นาน

ระบบ: การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว ทีมลู่หยางเป็นฝ่ายชนะ!

สามพี่น้องตระกูลไป๋ถูกระบบชุบชีวิตกลับมาตำแหน่งเดิม จากนั้นสามพี่น้องก็มองหน้ากันก่อนจะเดินเข้าไปหาลู่หยางด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง

“ทำไมคุณถึงยิงเบลซซิงเบิร์สออกมาได้เร็วขนาดนั้น?” ไป๋หูถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“นี่คือโหมดอิสระของนักเวท” ลู่หยางตอบ

“โหมดอิสระของนักเวท?” สามพี่น้องอุทานอย่างสับสน

“นักรบมีโหมดอิสระยังไง นักเวทก็มีโหมดอิสระแบบนั้นแหละ” ลู่หยางกล่าว

การต่อสู้เมื่อสักครู่พวกเขาไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรมากนัก นอกเสียจากการยิงเบลซซิงเบิร์สของลู่หยางที่สามารถยิงออกมาได้เกือบจะในทันที การโจมตีนี้ทำให้พวกเขาสูญเสียพลังชีวิตไปได้อย่างรวดเร็วจนไม่มีโอกาสโต้ตอบกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว

“นี่สินะที่เขาเรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า พวกเราสามพี่น้องขอยอมแพ้ ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าพวกเราขอแก้มือใหม่นะ” ไป๋เหลิงกล่าวอย่างยินดีโดยมีพี่น้องอีกสองคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ต่อให้พ่ายแพ้ในการแข่งขันในวันนี้แต่พวกเขาก็เชื่อว่าสักวันในอนาคตพวกเขาจะหาวิธีเอาชนะลู่หยางได้

“พร้อมเมื่อไหร่ก็ทักมาได้เลย แต่ตอนนี้เลเวลของพวกคุณน้อยเกินไปหน่อย สกิลที่พวกคุณเรียนรู้ก็ยังน้อยเกินไป เมื่อกี้พวกคุณคงเห็นแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์อะไรเลย ถ้าหากฉันสวมใส่อุปกรณ์เข้าไปจริง ๆ พวกคุณคงจะรับการโจมตีไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียวด้วยซ้ำ”

คำพูดของลู่หยางแฝงไปด้วยความท้าทายและภายในใจของเขาก็อยากจะลองชวนสามพี่น้องเข้าร่วมกิลด์ดูสักตั้ง

“นี่คุณพูดจริงเหรอ?! คุณไม่ได้ใส่อุปกรณ์เลยเนี่ยนะ” ไป๋เหลิงอุทานขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

 


สยบความมั่นใจที่มีด้วยคำพูดง่าย ๆ สไตล์พี่หยาง 555

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.