บทที่ 207: การเดินทัพและสงครามเป็นเรื่องของชายชาตรี

-A A +A

บทที่ 207: การเดินทัพและสงครามเป็นเรื่องของชายชาตรี

 “การเดินทัพและสงครามเป็นเรื่องของชายชาตรี นอกจากเจ้าจะเป็นเด็กแล้วเจ้ายังเป็นผู้หญิงอีก ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เจ้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้” 

พอมู่ไป๋ไป่ได้ยินคำพูดของมู่จวินเซิ่ง เธอก็เม้มปากแน่น

หลังจากที่ทุกคนเดินออกไป เธอก็แอบมองสำรวจรอบ ๆ

หากเขาไม่อยากให้เธอออกไปไหน เธอจะยอมถูกเมินเฉยเพราะเหตุผลนั้นได้อย่างไร เธอเพียงแค่อยากออกไปดูสถานการณ์ในปัจจุบันของแคว้นหนานซวน เผื่อว่าเธอจะสามารถช่วยอะไรได้บ้างเพียงเท่านั้น

เนื่องจากคนของแคว้นหนานซวนมาดึงความสนใจของพวกเซียวถังอี้ไป พวกเขาจึงไม่มีเวลาใส่ใจมู่ไป๋ไป่

ทางด้านเด็กหญิงก็ไม่ได้บอกอะไรหลัวเซียวเซียว ดังนั้นตอนนี้เธอจึงแอบปะปนอยู่ในกองทหารที่แออัดเพียงลำพัง

ปัจจุบันแทบไม่มีใครสังเกตเห็นมู่ไป๋ไป่เลย เธอที่รู้เช่นนั้นก็ลอบถอนหายใจ ถ้าเธอผันตัวไปเป็นสายลับ ดูเหมือนว่าอนาคตของเธอจะไปได้ไกลทีเดียว

เด็กน้อยยังคงเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ร่างเล็ก ๆ ที่ปะปนอยู่ในฝูงชนเหมือนจะถูกกลืนหายไป แน่นอนว่าขาป้อมสั้นของเธอสู้ขายาว ๆ ของผู้ใหญ่ไม่ได้ ใน 1 ก้าวเดินของเหล่าทหาร เธอจะต้องก้าวอย่างน้อย 2-3 ก้าว

ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ เด็กหญิงก็ยังคงยืนหยัดที่จะก้าวเดินต่อไป

แล้วนับตั้งแต่นั้น ความโกลาหลมากมายก็เกิดขึ้น ทหารทั้งหมดก็ได้ปะทะกับทหารของหนานซวน

 “แม่หนูน้อย เจ้าคิดจะไปไหนหรือ?” มู่ไป๋ไป่ที่จดจ่ออยู่กับการวิเคราะห์พฤติกรรมของทหารหนานซวน จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงใจดีดังมาจากด้านหลัง

เธอหันกลับไปแล้วเห็นชายชราที่กำลังเก็บฟืน ซึ่งท่าทางของเขาดูเป็นมิตรมาก

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่คนตัวเล็กรู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่ายไม่น้อย ถึงกระนั้นเธอก็ไม่สามารถบอกออกไปได้อย่างชัดเจนว่าตนจะไปที่ใด

เธอจึงทำเพียงแค่ชี้ไปตรงหน้าแล้วตอบว่า “ข้าอยากไปที่นั่น” 

 “ข้าช่วยเจ้าได้นะแม่หนูน้อย” เมื่อชายชราเห็นใบหน้าที่เหนื่อยล้าของเด็กหญิงตรงหน้า เขาก็รู้ว่านางคงแทบจะไม่เหลือแรงเดินต่อไปแล้ว เด็กตัวเล็กแค่นี้คงไม่สามารถไปไหนได้ไกลเพียงลำพัง 

มู่ไป๋ไป่เองก็คิดเช่นเดียวกัน เธอมองชายสูงวัยแล้วถามว่า “บอกข้ามาสิว่าท่านต้องการอะไร?” 

หลังจากชายชราได้ฟังคำพูดของอีกฝ่าย เขาก็เพียงแค่ยิ้มจาง ๆ พลางส่ายหัว

คนตัวเล็กเองก็ไม่ได้บังคับอะไรเขา เธอทำเพียงชี้ไปที่อาณาเขตของแคว้นหนานซวนที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดว่า “ข้าต้องไปที่นั่น” 

มู่ไป๋ไป่ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม เธอบอกเพียงว่าอยากจะไปตรงนั้น เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง ซึ่งมันจะไม่สามารถทำให้ใครรู้สึกสงสัยในตัวเธอได้

เมื่อชายชราได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยิ้มอย่างใจดีก่อนจะกล่าวว่า “ตกลง ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย” 

ชายสูงวัยตอบตกลงรวดเร็วจนมู่ไป๋ไป่ตกตะลึงอีกครั้ง

เธอไม่คาดคิดเลยว่าชายชราคนนี้จะคุยด้วยง่ายถึงเพียงนี้ และเขาก็ตกปากรับคำพาเธอไปที่แคว้นหนานซวนด้วยคำพูดแค่ไม่กี่คำ

พอชายสูงวัยเห็นสีหน้าตื่นเต้นของเด็กน้อย เขาก็หันหลังกลับไปพร้อมกับที่รอยยิ้มเลือนหายภายในพริบตา ในขณะที่ดวงตาสีดำสนิทนั้นกำลังวาววับ

น่าเสียดายที่มู่ไป๋ไป่มองไม่เห็นสายตาของอีกฝ่าย และคิดว่าชายชราผู้ใจดีตรงหน้าจะไม่มีทางหลอกลวงเธอ

ไม่นานพวกเขาทั้ง 2 ก็ออกเดินทางไปข้างหน้าช้า ๆ เนื่องจากคนหนึ่งมีอายุมากแล้ว ส่วนอีกคนก็ยังเด็ก มันทำให้ทั้งคู่มีปัญหาในการเดินทางไม่ต่างกัน

ยามนี้เด็กหญิงก้าวเดินด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้ามาก การเดินทางในครั้งนี้ช่างยาวนานเสียนี่กระไร!

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีชายชราคนหนึ่งอยู่ด้านข้างซึ่งทำให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่กล้าพูดอะไรออกไปมากนัก เธอจึงทำได้เพียงกัดฟันฝืนเดินต่อไปข้างหน้า 

ระหว่างที่คนทั้ง 2 เดินทางไปด้วยกัน ความรู้สึกแปลกประหลาดในใจของมู่ไป๋ไป่ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกย่างก้าว จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวชายแก่เปลี่ยนไป 

เธอหันไปมองชายสูงวัยอย่างหวาดระแวงและถามว่า “ตอนนี้เราจะไปที่ใดกันหรือ?” 

ชายชราไม่คาดคิดว่าเด็กน้อยจะระวังตัวถึงเพียงนี้ ดังนั้นเขาจึงยิ้มแล้วตอบว่า “อีกไม่นานเจ้าจะรู้เอง” 

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ มู่ไป๋ไป่จะต้องรีบเดินให้ถึงที่หมาย

 “ท่านเป็นใครกันแน่?” เด็กหญิงมองชายคนนั้นด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ

ในตอนนั้นเอง ชายแก่ผู้ใจดีเมื่อครู่นี้เหยียดยิ้มน่ากลัวให้กับมู่ไป๋ไป่แล้วเรียกเธอว่า “องค์หญิงน้อย พระองค์มากับกระหม่อมแต่โดยดีเถิด” 

คนตัวเล็กตกตะลึงมากที่รู้ว่าคนผู้นี้รู้ตัวตนของเธอ!

แล้วเสียงระฆังก็ร้องเตือนในใจ เธอกำลังหวาดกลัวมาก แต่เธอก็รู้ด้วยว่าถ้าเธอยอมรับออกไปตอนนี้ ผลลัพธ์อาจจะย่ำแย่ลงยิ่งกว่าเดิม

 “ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ข้าจะเป็นองค์หญิงน้อยได้อย่างไรกัน?” มู่ไป๋ไป่แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ 

พอชายสูงวัยได้ยินเด็กหญิงปฏิเสธ เขาก็ยิ้มกว้าง

 “องค์หญิงน้อย อย่าเสแสร้งไปเลย กระหม่อมรู้ว่าพระองค์คือมู่ไป๋ไป่ องค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยหลง” น้ำเสียงที่มั่นใจของชายชราทำให้ฝ่ายที่ได้ยินไม่สามารถปฏิเสธได้

เธอจึงถามออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา “เหตุใดท่านถึงลวงข้ามาที่นี่?” 

ก่อนหน้านี้ชายแก่ยังรู้สึกมีความสุข แต่จู่ ๆ เขาก็เห็นเด็กหญิงที่ดูไร้เดียงสามีสีหน้าเย็นชาซึ่งทำให้นางดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย 

เขาตกใจกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน และยืนตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “พระองค์คิดว่าเช่นไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” 

มู่ไป๋ไป่รู้อยู่แล้วว่าชายผู้นี้มีแผนบางอย่างในใจ แต่เธอก็ยังคงบังคับให้ตัวเองแสดงท่าทางเรียบเฉย

 “ข้าขอแนะนำให้ท่านหยุดความคิดนั้นเสีย” คนตัวเล็กเอ่ยเตือนเสียงเย็น

ชายชราปรับตัวเข้ากับสีหน้าที่พลิกหน้ามือเป็นหลังมือของมู่ไป๋ไป่ได้แล้ว เขาจึงเผยรอยยิ้มออกมา “องค์หญิงน้อย พระองค์คิดหรือว่ากระหม่อมจะกลัว?” 

ตาแก่คนนี้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายสอดแนมของแคว้นหนานซวน เดิมทีเขาคิดว่าตนจะค้นพบสิ่งที่มีประโยชน์ แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะได้เจอกับองค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยหลง

เขาทำหน้าที่สอดแนมมาหลายปีแล้ว ดังนั้นเพียงแค่เรื่องตัวตนของมู่ไป๋ไป่มันคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา

เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ดูฉลาดมาก แต่นางกลับถูกเขาพามาได้ด้วยเพียงคำพูดไม่กี่คำ เมื่อมองดูท่าทางโกรธเกรี้ยวของนาง ชายสูงวัยก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันน่าขบขัน

 “องค์หญิงน้อย ในเมื่อพระองค์อยู่ที่นี่กับเราแล้ว พวกเราก็จะดูแลพระองค์เป็นอย่างดี” 

คำพูดของชายชราทำให้มู่ไป๋ไป่รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่างทั้งที่ยามนี้เธอยืนอยู่ภายใต้แสงแดดจ้า แล้วเธอก็ถามออกไปว่า “ท่านจะดูแลข้าอย่างไร?” 

คนตัวเล็กเหลือบมองไปด้านหลัง ปัจจุบันเธออยู่ห่างจากแคว้นเป่ยหลงมากขึ้นเรื่อย ๆ และมันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนรู้เรื่องที่เธอหลบหนีออกมา

ในตอนที่เธอคิดที่จะหลบหนีจากค่ายทหาร เธอไม่ได้คาดการณ์เรื่องเช่นนี้เอาไว้

แต่ในใจเธอก็อยากรู้ว่าตาแก่คนนี้มีแผนการอะไรกันแน่

มู่ไป๋ไป่รู้ตัวตนของตัวเองเป็นอย่างดี ไม่ว่าคนของแคว้นหนานซวนจะเกลียดเธอมากเพียงใด แต่พวกเขาก็คงไม่กล้าทำอะไรเธอง่าย ๆ

เพียงแต่การอยู่ในค่ายของศัตรูก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี อย่างน้อยเธอก็ควรฟังแผนการของผู้ชายคนนี้สักหน่อย

ฝ่ายสอดแนมมองดูเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความตกใจอีกครั้ง “เด็กของแคว้นเป่ยหลงช่างแตกต่างจากเด็กทั่วไปจริง ๆ พระองค์อายุยังน้อยแต่มีความกล้าหาญถึงเพียงนี้ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก” 

จู่ ๆ ชายชราก็รู้สึกหวาดกลัวมู่ไป๋ไป่อยู่ในใจ เขารู้สึกว่าเด็กที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นดูไม่ธรรมดาเลย

มู่ไป๋ไป่ก็ยังคงมองอีกฝ่ายแบบไม่เกรงกลัว เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาท่าทีเย็นชาไว้ แม้ว่าร่างกายเล็ก ๆ จะสั่นแล้วก็ตาม “ท่านคิดจะทำอะไร?” 

 “แน่นอนว่ากระหม่อมไม่อาจบอกเรื่องนี้กับองค์หญิงน้อยได้” ชายสูงวัยระวังตัวมาก เขาไม่ยอมบอกแผนการของตัวเองให้กับเด็กน้อยโดยง่าย

สุดท้ายแล้วมู่ไป๋ไป่ก็หมดหนทางที่จะทำอะไรได้ เธอพยายามเหลือบมองศัตรูเพื่อคาดเดาจากสีหน้าของอีกฝ่ายทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเธอไม่มีทางมองออก

จนกระทั่งตอนนี้เธอก็ยังอารมณ์เสียมาก ตามปกติแล้วเธอเป็นคนที่ค่อนข้างฉลาด แต่พอเจอชายคนนี้เธอกลับเหมือนถูกอาคม เธอไม่น่าเชื่อใจคนง่ายขนาดนั้นเลย!

ทันทีที่ชายแก่เห็นสีหน้าหงุดหงิดขององค์หญิง เขาก็ขมวดคิ้วเช่นกัน

เขาคิดว่ามู่ไป๋ไป่กำลังมีแผนการบางอย่างในใจ และกังวลว่าตนเองที่มีร่างกายแก่ชราจะไม่สามารถขัดขวางนางเอาไว้ได้

 

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: กุมขมับเลยตอนนี้ ไป๋ไป่ผู้วิ่งเข้าหาคนชั่ว วิ่งหนีคนดีของแท้ เป็นเด็กดียอมเชื่อฟังตั้งนานอยู่ ๆ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ เข้าใจที่อยากช่วยแต่เราอยู่ในร่างเด็กน้อยไง เสี่ยวเถียวขอยาดปวดเฮดเป็นเพื่อนคนอ่าน

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.