บทที่ 200: เจ้าเล่ห์มาก

-A A +A

บทที่ 200: เจ้าเล่ห์มาก

นั่นคือเรื่องก่อนที่จื่อเฟิงจะพบกับเจ้าตัวโต พวกหนูบนภูเขานั้นตัวใหญ่มากและสกปรกมากเช่นกัน การถูกพวกมันกัดทำให้เขาเจ็บปวดอย่างยิ่ง

เนื่องจากเขาเคยถูกหนูกัดมาก่อน เขาก็เลยยิ่งกลัวหนูมากขึ้น

 “น่าสงสาร” มู่ไป๋ไป่กล่าวพลางเอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่าย “ถ้าอย่างนั้นท่านถอยออกไปก่อน” 

เด็กหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจก่อนจะส่ายหัว “ไม่เอา ข้าอยากจะอยู่ปกป้ององค์หญิง ถ้าพวกมันกัดพระองค์จะทำเช่นไร?” 

เด็กหญิงรู้สึกขบขันกับท่าทางของเขา “ท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้าสื่อสารกับสัตว์ได้ พวกมันไม่กัดข้าหรอก” 

หลังจากพูดเช่นนั้นเธอก็นั่งลงหน้าชามที่คว่ำอยู่ และเคาะมันเบา ๆ “เจ้าหนูน้อย ข้าจะปล่อยเจ้าออกมา แต่เจ้าช่วยอย่าวิ่งหนีได้หรือไม่?” 

สิ่งที่อยู่ภายในชามใบใหญ่เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีเสียงแผ่วเบาดังออกมาว่า “ท่านจ้าวอสูร ถ้าท่านไม่อยากให้หนูน้อยหนีไป หนูน้อยก็ไม่มีทางหนีไปแน่นอน” 

หลังจากได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ มู่ไป๋ไป่ก็ยอมเปิดชามใบใหญ่ออกมา

ภาพตรงหน้าที่เธอเห็นเป็นเจ้าหนูตัวอ้วนกำลังเกาะอยู่ด้านหน้ากองเนื้อที่เธอวางไว้ มันใช้อุ้งเท้าจับชิ้นเนื้อเอาไว้ขณะจ้องมองเด็กหญิงด้วยดวงตาสีเข้มคู่หนึ่ง “คารวะท่านจ้าวอสูร” 

 “ไม่ต้องมากพิธี” มู่ไป๋ไป่ยิ้มแล้วโบกมือให้มัน “เจ้าเป็นหนูที่เกิดและโตในเมืองเย่เฉิงหรือไม่?” 

เจ้าหนูน้อยกะพริบตาด้วยความสับสน ก่อนจะตอบว่า “หนูน้อยตัวนี้อาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด ข้าไม่เคยไปที่อื่นเลย” 

คนตัวเล็กถูมือตัวเองอย่างพึงพอใจ “เอาล่ะ ดีมาก! ข้าอยากรู้เพียงเท่านั้นแหละ ข้ามีปัญหาอย่างหนึ่งที่อยากจะขอให้เจ้าและคู่ของเจ้าช่วย” 

 “พวกเจ้ายินดีหรือไม่?” 

เจ้าหนูก้มศีรษะลงในขณะที่ถามว่า “ท่านจ้าวอสูรกำลังขอความช่วยเหลือจากพวกเราเผ่าหนูหรือ?” 

 “ถูกต้อง!” มู่ไป๋ไป่พยักหน้า “แม่ทัพของค่ายทหารแห่งนี้ถูกคนของแคว้นหนานซวนจับตัวไป” 

 “ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในค่ายทหารของแคว้นหนานซวน” 

 “ข้าอยากจะรู้ว่าคนผู้นี้ถูกคุมตัวไว้ที่ไหน แล้วเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?” 

 “ขอเพียงแค่เจ้าช่วยข้าสืบข่าวเกี่ยวกับเขามาได้ ข้ารับประกันว่าเจ้าจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า!” 

ทางด้านหลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงที่กำลังฟังอยู่ด้านข้างในที่สุดก็เข้าใจการกระทำของมู่ไป๋ไป่ พวกเขาไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดจู่ ๆ องค์หญิงหกถึงต้องการหาหนูมาเป็นตัวช่วย

ในใต้หล้าจะมีสัตว์ชนิดใดบ้างที่เหมาะกับการสอดแนมไปมากกว่าหนู

โดยเฉพาะการสอดแนมในค่ายทหาร

องค์หญิงหกของพวกเขาฉลาดมาก!

 “ค่ายทหารตรงข้าม?” เจ้าหนูเกาหัวอย่างสับสน “พวกมนุษย์ที่สวมเกราะสีดำใช่หรือไม่?” 

กองทัพของเป่ยหลงสวมชุดเกราะสีเงิน ในขณะที่กองทัพของแคว้นหนานซวนสวมชุดเกราะสีดำ

เจ้าหนูไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมนุษย์ พวกมันแยกแยะทั้ง 2 ฝ่ายด้วยสีเพียงเท่านั้น

 “ถูกต้อง!” มู่ไป๋ไป่พยักหน้าอย่างแข็งขัน “คนกลุ่มนั้นแหละ เจ้าเคยเข้าไปในค่ายทหารของพวกเขาหรือไม่?” 

 “ข้าเคยไปที่นั่นมาแล้ว 2 ครั้ง” เจ้าหนูลูบอุ้งเท้าแล้วพูดพร้อมทำสีหน้ารังเกียจ “แต่อาหารที่นั่นแย่มาก แล้วคนพวกนั้นก็ใจร้ายมากเช่นกัน” 

 “พี่น้อง 2 ตัวของข้าถูกพวกเขาตีจนตาย ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ไปที่นั่นอีกเลยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา” 

 “แต่ข้ารู้จักพี่น้อง 2-3 ตัวที่ตั้งรกรากอยู่ที่นั่น” 

 “เจ้าขอให้พี่น้องของเจ้าช่วยข้าได้หรือไม่?” ดวงตาของมู่ไป๋ไป่เป็นประกาย ยิ่งเธอรู้ว่ามีโอกาสทำสำเร็จมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งตระหนักว่าความคิดของเธอยอดเยี่ยมมากขึ้นเท่านั้น

เจ้าหนูกะพริบตากลมโตและกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อจู่ ๆ ก็มีร่างอ้วนท้วนเดินเข้ามา

 “ข้าเหนื่อยมาก… มู่ไป๋ไป่ รีบเอาน้ำมาให้ข้าเร็วเข้า” เจ้าส้มเดินเข้ามาในกระโจมแล้วกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะตามนิสัยปกติ

ทันใดนั้นมันก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่าง

 “หนู!” แมวอ้วนหันไปมองที่มุมห้องพร้อมกับที่รูม่านตาแคบลง “มู่ไป๋ไป่ ออกไปให้พ้น ข้าจะจับหนูตัวนั้นเอง!” 

ในขณะที่มันพูด มันก็ส่งเสียงร้องและรีบพุ่งเข้าหาหนู

ทว่ามันกลับถูกเด็กหญิงคว้าคอเอาไว้ก่อน

 “เจ้าส้ม เจ้าใจเย็น ๆ ลงก่อน!” มู่ไป๋ไป่มองหนูที่ตัวสั่นเทาก่อนจะถอนหายใจกับตัวเองว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่เธอคว้าคอเจ้าแมวตัวต่อเอาไว้ได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นสถานการณ์คงจะแย่ไปมากกว่านี้

 “ใจเย็น… ใจเย็นรึ!?” เจ้าส้มสบตากับหนูโดยตรง ทันใดนั้นมันก็กางกรงเล็บออก “นั่นหนูเลยนะ!” 

 “ข้ารู้ว่านั่นเป็นหนู!” เด็กหญิงทรุดตัวลงกอดแมวอ้วนไว้ในอ้อมแขน เธอกลัวว่าเจ้าแมวขี้โมโหจะดิ้นหลุดจากมือไป ดังนั้นเธอจึงได้แต่กอดมันเอาไว้ให้แน่น “นั่นคือผู้ช่วยที่ข้าเชิญมาโดยเฉพาะ!” 

 “ผู้ช่วย?” เจ้าส้มตัวแข็งทื่อและเงยหน้ามองคนพูดด้วยสายตาเหลือเชื่อ “แง้ว! มู่ไป๋ไป่ นี่เจ้าสติไม่ดีไปแล้วหรือ? เจ้ากำลังขอให้หนูมาช่วยงั้นรึ!” 

 “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหนูพวกนี้เจ้าเล่ห์ขนาดไหน!” 

 “ใต้เท้าแมว ข้าไม่ได้เจ้าเล่ห์” เจ้าหนูกลัวจนไม่มีแรงวิ่งหนี มันจึงได้แต่ขดตัวอยู่ที่เดิมในสภาพที่น่าสงสาร “ข้ามาเพื่อช่วยท่านจ้าวอสูรจริง ๆ ได้โปรดอย่ากินข้าเลย” 

 “พูดอะไรบ้า ๆ ใครจะไปอยากกินเจ้ากัน!” เจ้าส้มกลอกตามองหนูด้วยสายตารังเกียจ “เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นอาหารของข้าหรอกนะ” 

ตัวมันนั้นเป็นถึงแมวทรงเลี้ยง แล้วแมวทรงเลี้ยงจะกินหนูได้อย่างไร?

 “ถ้าเจ้าไม่คิดจะกินหนู แล้วเจ้าจะพุ่งไปหามันทำไมล่ะ?” มู่ไป๋ไป่ลูบหัวเจ้าส้มเป็นการปลอบโยน “เอาน่า ทำตัวดี ๆ ก่อน อย่าเพิ่งสร้างปัญหาตอนนี้” 

 “หลังจากที่ข้าคุยกับเจ้าหนูน้อยตัวนี้เสร็จแล้ว ข้าจะไปเอาน่องไก่มาให้เจ้ากิน” 

เธอพูดจบแล้วก็หันไปยิ้มให้เจ้าหนูอย่างใจดี

 “เจ้าคิดว่าอย่างไร เจ้าหนูน้อย เจ้าอยากจะช่วยข้าหรือไม่?” 

 “ถ้าเจ้าไม่อยากช่วย ข้าก็คงจำเป็นจะต้องปล่อยเจ้าส้มแล้ว” 

เมื่อครู่นี้เธอค้นพบว่าหนูตัวนี้ดูเหมือนจะซื่อสัตย์ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น มันคอยพาเธอพูดถ่วงเวลา แต่ก็ยังไม่ยอมให้คำตอบกับเธอออกมาตามตรง

มีความเป็นไปได้มากว่ามันต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อเจรจาทำข้อตกลงกับเธอ 

บังเอิญว่าเจ้าส้มกลับมาทันเวลาพอดี เธอจึงได้อาศัยโอกาสนี้ข่มขู่ให้อีกฝ่ายหวาดกลัว

 “ข้ารับปาก!” เจ้าหนูไม่กล้าปฏิเสธ มันพยักหน้าซ้ำ ๆ ในขณะที่ตัวสั่นไม่หยุด “ข้าจะรีบไปที่ค่ายทหารฝั่งตรงข้ามเดี๋ยวนี้เลย!” 

ทว่ามู่ไป๋ไป่กลอกตาคิดแล้วพูดขึ้นมาว่า “ช้าก่อน” 

เธอคว้าชามใบใหญ่มาครอบหนูไว้อีกครั้ง จากนั้นก็เดินให้ห่างจากชามนั้นโดยมีแมวอ้วนอยู่ในอ้อมแขน ในไม่ช้าเธอก็กระซิบถามว่า “มีวิธีการใดที่จะทำให้แน่ใจว่าเจ้าหนูตัวนี้จะไม่โกหกข้าหรือไม่?” 

 “ย่อมมีแน่นอน” เจ้าส้มยังคงรู้สึกไม่พอใจที่มู่ไป๋ไป่ขอความช่วยเหลือจากหนู “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหนูเป็นสัตว์ที่เจ้าเล่ห์?” 

 “เจ้าบอกว่ามันเจ้าเล่ห์มาก แน่นอนว่าข้าจะต้องเชื่อเจ้าไม่ใช่หรือ?” 

แมวตัวโตรู้สึกมีความสุขมากขึ้นที่ได้รับคำเยินยอของมู่ไป๋ไป่ ก่อนจะเชิดหน้าพูดว่า “เจ้าเป็นถึงจ้าวอสูร เจ้าย่อมมีความสามารถที่จะทำให้พวกสัตว์ทั้งหลายทำสัญญากับเจ้าได้” 

 “ขอเพียงเจ้าหนูตัวนั้นทำสัญญากับเจ้า มันย่อมทำภารกิจตามที่เจ้ามอบหมายให้จนสำเร็จ ไม่เช่นนั้นมันจะต้องตาย!” 

เด็กหญิงรู้สึกประหลาดใจที่ได้รู้เรื่องนี้ “ข้ามีความสามารถที่ทรงพลังเช่นนี้ด้วยหรือ ทำไมเจ้าไม่บอกข้าตั้งแต่ก่อนหน้านี้?” 

เจ้าส้มกลอกตาไปมาคล้ายรู้สึกผิด มันไม่กล้าพูดออกไปว่าเป็นเพราะมันกลัวอีกฝ่ายจะใช้วิธีนี้ควบคุมตนเอง

เพราะสัตว์ทุกตัวย่อมเคารพยำเกรงเจ้านายของมัน

โดยเฉพาะแมว พวกมันเป็นสัตว์ที่รักอิสระ ไม่ชอบการกักขังหรือถูกบีบบังคับ

แม้ว่ามันจะมีความสุขมากที่ได้อยู่เคียงข้างมู่ไป๋ไป่ แต่ความสมัครใจและการบังคับนั้นมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่เคยพูดเรื่องดังกล่าวกับเด็กหญิงมาก่อน

มู่ไป๋ไป่มองออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงยิ้มลูบหัวมันเพื่อให้มันสบายใจ “เจ้าไม่ต้องกังวล เจ้าเป็นสหายของข้า ข้าย่อมไม่ใช้วิธีการนี้มาบีบบังคับเจ้าแน่นอน” 

 “สหาย?” เจ้าส้มกะพริบตาปริบ ๆ คล้ายไม่แน่ใจ “เจ้าไม่คิดว่าข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าหรือ?” 

 

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เอ็นดูจื่อเฟิงกลัวหนู เราเองก็กลัวเหมือนกัน XD

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.