บทที่ 201: การทำสัญญา
“แน่นอนว่าไม่!” มู่ไป๋ไป่มองเจ้าส้มด้วยสายตาจริงจังและตอบทีละคำถาม “เจ้าเป็นสหายตัวแรกที่ข้าได้รู้จักในโลกใบนี้”
“ฮึ… ทำเป็นพูดดี” เจ้าส้มแค่นเสียงในลำคอ แต่หางที่อยู่ด้านหลังกลับแกว่งเบา ๆ ในลักษณะที่บ่งบอกว่าแมวตัวนี้กำลังอารมณ์ดี
เด็กหญิงรู้ว่าเจ้าแมวอ้วนกำลังเหน็บแนมตน เธอจึงทำเป็นไม่สนใจแล้วถือโอกาสนี้เกาพุงของมัน ก่อนจะหันกลับไปหาเจ้าหนู
“เจ้าหนูน้อย…” มู่ไป๋ไป่ยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร “สถานการณ์นี้เร่งด่วนมาก ข้าจึงต้องการให้เจ้าทำสัญญากับข้า”
“หลังจากที่เจ้าออกไปจากที่นี่ เจ้าจะต้องมุ่งตรงไปที่ค่ายทหารของแคว้นหนานซวนเพื่อสืบข่าวทันที”
“ถ้าเจ้าผิดสัญญา เจ้าจะต้องไม่กินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต”
ดวงตาของหนูเบิกกว้างด้วยความตกใจทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “ท่านจ้าวอสูร! คำสาบานนี้รุนแรงเกินไป! ท่านเชื่อข้าสิ พวกเราคือหนู เป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าเชื่อถือที่สุด”
“ขอเพียงท่านปล่อยหนูน้อยออกไป ข้าก็จะไปทำตามคำสั่งท่านทันที”
“อิอิ ข้าเชื่อเจ้า” มู่ไป๋ไป่เชิดหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มสดใส “แต่การทำเช่นนี้มันจะปลอดภัยกว่า”
“สัญญานี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ทั้ง 2 ฝ่าย เจ้าไม่กลัวว่าตัวเองจะเสียใจทีหลังหลังจากที่ช่วยข้าหรือ?”
เจ้าหนูกุมมือตัวเองพลางก้มหน้านิ่ง
พอคนตัวเล็กเห็นความลังเลของอีกฝ่าย เธอก็คิดว่าตนควรใช้กำลังข่มขู่หรือใช้ของล่อใจอีกฝ่ายดี
ทันใดนั้นเจ้าส้มก็เดินออกมา
“ชิ ไอ้หนูตัวเหม็น เป็นบุญมากแค่ไหนแล้วที่ท่านจ้าวอสูรยินยอมทำสัญญากับเจ้า ทำไมเจ้าถึงเอาแต่พูดบ่ายเบี่ยงอยู่ได้?”
“ตอนนี้ข้ามีทางเลือกให้เจ้า 2 ทางเลือกคือ 1 ทำสัญญากับท่านจ้าวอสูร”
“หรือไม่ก็อีกทางหนึ่ง ให้ข้ากินเจ้าลงท้องไปซะ!”
เจ้าส้มแยกเขี้ยวเผยให้เห็นฟันแหลมของมัน ทำให้เจ้าหนูส่งเสียงร้องตกใจและทำท่าคล้ายอยากจะขุดหลุมฝังตัวเองเอาไว้บนพื้น
“ข้าตกลง!” เจ้าหนูได้แต่หมอบตัวสั่นอยู่กับพื้น “ข้ายอมตกลงแล้ว ใต้เท้าแมว ท่านอยากกินหนูน้อยตัวนี้เลย!”
“เฮอะ พูดดี ๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง” แมวอ้วนแค่นเสียงเย็นชาในลำคอ ก่อนจะหันไปมองมู่ไป๋ไป่ “เห็นหรือไม่? ข้าบอกแล้วว่าการคุยดี ๆ กับหนูพวกนี้มันเปล่าประโยชน์”
เด็กหญิงยกนิ้วโป้งให้เจ้าส้ม
การทำสัญญานั้นง่ายมาก มู่ไป๋ไป่เพียงแค่วางมือลงบนหัวของหนูแล้วพูดเงื่อนไขข้อตกลงระหว่างทั้ง 2
“เพียงเท่านี้ก็พอแล้วหรือ?” คนตัวเล็กดึงมือกลับแล้วถามแมวตัวใหญ่อย่างไม่แน่ใจ “มันง่ายเกินไปหรือไม่?”
“แล้วเจ้าอยากทำอะไรอีกล่ะ?” เจ้าส้มกลอกตามองคนถาม “ต้องเต้นรำหรือทำท่าแปลก ๆ ด้วยหรืออย่างไร?”
มู่ไป๋ไป่สะอึกไปก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า “...ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้”
“ท่านจ้าวอสูร” จู่ ๆ เจ้าหนูก็พูดขัดขึ้นมา “หากท่านไม่มีคำสั่งอื่นใด หนูน้อยตัวนี้ขอตัวลา”
“ได้ เจ้ารีบไปเถอะ” เด็กหญิงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “จำคนที่ข้าบอกเจ้าเอาไว้ให้ดี แล้วอย่าหาผิดคนล่ะ”
“แล้วก็รีบไปรีบกลับ”
เจ้าหนูน้อยตอบรับด้วยการโค้งคำนับก่อนจะคลานออกจากกระโจมไป
ค่ายทหารแคว้นหนานซวนตั้งอยู่ไม่ไกลกับค่ายทหารแคว้นเป่ยหลง โดยที่ทั้ง 2 สถานที่มีเพียงพื้นที่โล่งกว้างกั้นเอาไว้เพียงเท่านั้น
เมื่อหนูออกจากค่ายทหารแคว้นเป่ยหลง มันก็ไม่ได้มุ่งหน้าไปที่ค่ายทหารแคว้นหนานซวนทันที แต่มันกลับวิ่งไปที่เมืองเย่เฉิง
เวลาผ่านไปไม่นาน หนูจำนวนหนึ่งก็วิ่งกระจัดกระจายไปตามร่องน้ำในเมืองเย่เฉิงโดยที่พวกมันมุ่งหน้าไปยังแคว้นหนานซวนเงียบ ๆ
…
หลังจากที่มู่ไป๋ไป่ถูกเซียวถังอี้สั่งสอน เธอก็เป็นเด็กดีมากขึ้น ทุกครั้งที่จะเข้าไปในป่า เธอก็จะไปขออนุญาตอีกฝ่ายด้วยตัวเอง พร้อมกับนำกลุ่มองครักษ์เงาติดตัวไปด้วยตลอด
ภายในเวลา 3 วัน เธอกับสัตว์กลุ่มหนึ่งก็แทบจะพลิกผืนป่าที่อยู่ใกล้ค่ายทหารเพื่อค้นหาต้นโสม
ในระหว่างนั้นเธอได้เก็บต้นโสมรวมถึงเห็ดหลินจือมาเป็นจำนวนมาก แต่มันก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมทุกวัน นั่นก็คือสมุนไพรพวกนี้ยังไม่มีจิตวิญญาณ
และเพื่อไม่ให้เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร มู่ไป๋ไป่ได้เก็บสมุนไพรชิ้นใหญ่ที่มีคุณภาพดีทั้งหมดเอาไว้ แล้วมอบส่วนที่เหลือให้กับมู่จวินเซิ่งและเซียวถังอี้เพื่อให้พวกเขาเอาไว้ดื่มบำรุงร่างกาย
ผลก็คือ พี่ชายคนรองดื่มสมุนไพรมากเกินไปจนเลือดกำเดาไหลระหว่างที่คุยธุระอยู่ในกระโจม
ในวันนี้ ทันทีที่มู่ไป๋ไป่กลับมาถึงค่ายทหาร เธอก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังมาจากในกระโจมของเซียวถังอี้
“ท่านไม่รู้อะไร โชคดีที่เจียงเหยากับข้ากลับไปถึงทันเวลา”
“ซุนเต๋อเซิ่งที่เป็นเจ้าเมืองชิงหยางโยนคนที่ถูกพิษขังเอาไว้ในที่เดียวกันเพื่อป้องกันตัวเองให้ปลอดภัย”
“คนผู้นี้ไม่มีความเป็นมนุษย์เลย”
“อวี้เซิ่งกลับมาแล้วหรือ!” ดวงตาของมู่ไป๋ไป่เป็นประกายและเธอก็รีบส่งจอบเล็ก ๆ ในมือให้กับจื่อเฟิง จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปในกระโจม “อวี้เซิ่ง! ว่าที่อาจารย์ข้าอยู่ที่ไหน?”
หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายวัน สีผิวของนักฆ่าหนุ่มก็ดูเข้มมากขึ้น ร่างกายดูมีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น
พอเขาเห็นเด็กน้อย เขาก็หัวเราะร่า “ฮ่า ๆๆ องค์หญิงหก นี่พระองค์ลงไปกลิ้งบนพื้นมาหรือ?”
“ถ้าข้ากลิ้งกับพื้น แสดงว่าท่านก็คงไปกลิ้งบนกลองถ่านมาน่ะสิ” มู่ไป๋ไป่โต้กลับแบบไม่ไว้หน้า “ข้าถามท่านอยู่นะว่าว่าที่อาจารย์ของข้าอยู่ที่ไหน?”
เธออยากให้เจียงเหยาช่วยตรวจชีพจรมู่จวินฝานดูสักหน่อย
แม้ว่าเซียวถังอี้จะได้เล่าเกี่ยวกับสถานการณ์ของพี่ชายคนโตให้อีกฝ่ายฟังแล้ว แต่เธอก็ยังคงรู้สึกเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
ท้ายที่สุดแล้ว เจียงเหยาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ส่วนเจ้าสัตว์ประหลาดไม่ได้ถูกนับว่าเป็นหมอเลยสักนิด
“นางอยู่ในกระโจมของรัชทายาท” อวี้เซิ่งลูบปลายจมูกตัวเองอย่างไม่สบายใจนัก “หลังจากที่นางรู้ว่ารัชทายาทถูกพิษ นางก็ให้ข้าพานางเดินทางมาที่นี่โดยเร็วที่สุด”
“ในระหว่างทางข้าไม่ได้หยุดพักเลย…”
ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ มู่ไป๋ไป่ก็หันหลังวิ่งออกไปแล้ว
“นางยังคงหุนหันพลันแล่นอยู่เช่นเคย” อวี้เซิ่งส่ายหัวยิ้ม ๆ ก่อนจะหันไปหาเซียวถังอี้ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ “ข้าคิดว่าพอองค์หญิงหกอยู่กับท่านแล้ว นางจะเรียบร้อยขึ้นบ้างเสียอีก”
“เรียบร้อย?” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร ในขณะที่ดวงตาของเขาหรี่ลง “ทำไมนางต้องเรียบร้อยขึ้นด้วย?”
“...”
ในตอนที่มู่ไป๋ไป่วิ่งเข้ามาในกระโจมของมู่จวินฝาน เธอบังเอิญเห็นเจียงเหยากำลังทำการฝังเข็มให้เขา ดังนั้นเธอจึงชะลอฝีเท้าลงเพราะกลัวว่าหากเธอเสียงดัง มันจะไปทำให้อีกฝ่ายเสียสมาธิ
หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 1 เค่อ หมอสาวก็ปักเข็มเงินเล่มสุดท้ายเข้าไปในจุดฝังเข็มบนศีรษะขององค์รัชทายาท จากนั้นนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนตัวแข็งอยู่ที่ประตู “องค์หญิงหก เจ้ามาแล้วหรือ?”
“ว่าที่อาจารย์ในอนาคตของข้า!” เด็กน้อยขยับขาที่ยืนจนชาเดินเข้าไปพร้อมกับจ้องมองคนที่นอนอยู่บนเตียง “พี่ชายของข้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
“เซียวถังอี้บอกว่าเขาถูกพิษ และมีเพียงหนทางเดียวก็คือการทำให้เขาหลับใหลเพื่อป้องกันไม่ให้พิษโจมตีร่างกาย”
เมื่อหมอสาวได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ก็มีประกายรอยยิ้มในแววตาของนาง “นี่เจ้าเรียกชื่อเซียวถังอี้โดยตรง เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะบังเอิญมาได้ยินแล้วจัดการเจ้าหรืออย่างไร?”
“ข้าไม่กลัว!” มู่ไป๋ไป่แลบลิ้น “ว่าที่อาจารย์ของข้าอยู่ที่นี่ ข้ามีคนคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังแล้ว เขาไม่กล้าแตะต้องข้าหรอก!”
เจียงเหยารู้สึกขบขันกับท่าทางของคนตัวเล็กพร้อมกับอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปจิ้มแก้มอวบของนางเล่น “เจ้าน่ารักมาก อาการขององค์รัชทายาทก็เป็นเหมือนที่เซียวถังอี้พูด”
“วิธีเดียวที่จะควบคุมแมลงกู่ในร่างกายขององค์รัชทายาทได้คือการทำให้พระองค์หลับใหล”
“เมื่อกี้นี้ข้าได้ฝังเข็มเพื่อผนึกแมลงกู่เอาไว้ในเส้นลมปราณขององค์รัชทายาทแล้ว”
“เพียงเท่านี้องค์รัชทายาทก็จะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแต่ว่าเขาจะไม่สามารถใช้กำลังภายในได้”
“ว่าที่อาจารย์หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ ท่านพี่รัชทายาทสามารถตื่นขึ้นมาได้แล้วหรือ?” มู่ไป๋ไป่รู้สึกประหลาดใจขณะที่เอ่ยถาม
ทันทีที่เด็กหญิงพูดจบ เธอก็เห็นมู่จวินฝานที่นอนอยู่บนเตียงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 67
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น