บทที่ 199: ไป๋ไป่มีวิธี

-A A +A

บทที่ 199: ไป๋ไป่มีวิธี

เซียวถังอี้เลิกคิ้วขึ้นเงียบ ๆ เขาลืมไปได้อย่างไรว่ามู่ไป๋ไป่สามารถพูดคุยกับสัตว์ได้

มันเป็นความคิดที่ดีที่จะปล่อยให้สัตว์พวกนั้นแอบเข้าไปในแคว้นหนานซวนและสืบข่าวเกี่ยวกับแม่ทัพจ้าว

และสิ่งนี้มันก็ยังช่วยแก้ปัญหาที่แก้ไม่ตกให้กับเขาด้วยเช่นกัน

 ในตอนแรกมู่จวินเซิ่งรู้สึกไม่แน่ใจ แต่พอเห็นว่าเสด็จอาไม่ได้ปฏิเสธ สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที “วิธีที่เจ้าว่าคืออะไรหรือ?”

“ถ้าไป๋ไป่ทำได้สำเร็จ ไม่ว่าไป๋ไป่จะขออะไรพี่ก็จะตกลง”

มู่ไป๋ไป่เกาหลังหูพลางพูดว่า “ข้ามีวิธีแก้ปัญหา ส่วนวิธีที่ว่านั้นทำเช่นไร เราต้องมาลองดูกันก่อนถึงจะรู้ได้”

“พี่รอง ท่านมีแผนที่ของแคว้นหนานซวนหรือไม่?”

“ข้ามี ข้าจะสั่งให้คนนำมันมาให้เจ้าเดี๋ยวนี้” เด็กหนุ่มพูดจบแล้วก็เดินออกไปสั่งใครสักคนที่อยู่ด้านนอก ไม่นานหลังจากนั้น แผนที่ของแคว้นหนานซวนก็ถูกส่งมาถึงมือขององค์หญิงหก

 คนตัวเล็กเปิดแผนที่ดูอย่างละเอียด เธอพบว่าแผนที่นั้นแตกต่างจากแผนที่ในยุคปัจจุบันมาก เธอจึงไม่เข้าใจสักเท่าไหร่

แต่เธอก็ไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้ามู่จวินเซิ่งกับเซียวถังอี้ ดังนั้นเธอจึงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเริ่มพูดว่า “พี่รอง สถานที่ที่แม่ทัพจ้าวถูกลอบโจมตีอยู่ที่ไหน?”

“ตรงนี้” มู่จวินเซิ่งวาดวงกลมลงบนแผนที่ “นี่คือเขตแบ่งแยกระหว่างแคว้นหนานซวนกับเป่ยหลง มันตั้งอยู่ใกล้กับค่ายทหารแคว้นหนานซวนมาก”

“ตามคำบอกเล่าของกุนซือมู่หรง ทิศทางที่คนพวกนั้นพาตัวแม่ทัพจ้าวไปเป็นทิศทางที่ตั้งของค่ายทหารแคว้นหนานซวน”

“แม่ทัพจ้าวน่าจะถูกคนพวกนั้นกักขังอยู่ในค่ายทหาร แต่พวกเขาไม่รู้ว่าถูกขังไว้ที่ไหนและตอนนี้ท่านแม่ทัพเป็นอย่างไร”

หลังจากมู่จวินเซิ่งอธิบายจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

มู่ไป๋ไป่พยักหน้าเข้าใจ “พี่รอง ข้าคงต้องขอรบกวนท่านให้เตรียมบางอย่างให้ข้าเพิ่มเติม ข้าต้องการเนื้อจำนวนหนึ่งและภาพวาดของแม่ทัพจ้าว”

“เนื้อกับภาพวาด?” พี่ชายคนรองถึงกับตกตะลึง “ไป๋ไป่ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”

การที่น้องสาวของเขาต้องการแผนที่มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่เนื้อกับภาพวาดนั้นมันเกี่ยวอะไร?

“พี่รอง เอาของพวกนั้นมาให้ข้าเถอะ!” เด็กหญิงไม่สามารถอธิบายอะไรเพิ่มเติมได้ในตอนนี้ เธอจึงดึงชายเสื้อของอีกฝ่ายพร้อมกับพูดเร่ง

มู่จวินเซิ่งใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในค่ายทหาร เขาเคยเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่นิสัยป่าเถื่อนมามากมาย แต่ตอนนี้เขาต้องมารับมือกับมู่ไป๋ไป่ที่ทำท่าทางออดอ้อนเช่นนี้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องสั่งให้คนไปนำสิ่งที่นางต้องการมาให้

เนื้อที่ทหารจัดเตรียมมาให้นั้นมากมายจนเด็กหญิงคิดไม่ถึง แม้ว่าเธอจะเอ่ยปากขอเนื้อแค่เล็กน้อย แต่ทหารกลับหอบเนื้อในกะละมังใหญ่มาให้เธอแทน

มู่ไป๋ไป่มองดูเนื้อก้อนใหญ่ในขณะที่มุมปากกระตุกไม่หยุด จากนั้นเธอก็ยื่นมือเล็ก ๆ ไปโอบกะละมังเนื้ออย่างยากลำบากและเดินโซเซออกจากกระโจมไป “ฮึบ! พี่รอง ท่านรออยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะมาแจ้งข่าวอีกที”

มู่จวินเซิ่งมองดูร่างเล็กที่กำลังถือกะละมังใบใหญ่กว่าหน้าตัวเองเดินออกไป ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรรู้สึกเช่นไร เขาอยากจะก้าวเข้าไปช่วยนาง แต่เขาก็ทำได้เพียงเฝ้าดูเด็กน้อยหายออกจากกระโจมไป

“ไป๋ไป่คิดจะทำอะไรกัน?” เด็กหนุ่มอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ “นางคงจะหิวมาก นางก็เลยใช้ข้ออ้างนี้เพื่อขอให้ข้านำเนื้อมาให้”

“ปล่อยให้นางจัดการเรื่องนี้ไปเถอะ” เซียวถังอี้ไม่ได้อธิบายอะไรออกไป เขาทำเพียงแค่แตะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ “ทางแพทย์ทหารตรวจสอบพบหรือไม่?”

พอพูดถึงเรื่องนี้ มู่จวินเซิ่งก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง

เมื่อไม่กี่ชั่วยามที่แล้ว เสด็จอาสั่งให้เขาเรียกแพทย์ทหารมาแล้วให้พวกเขาตรวจชีพจรทหารทุกคนในกองทัพ

ก่อนหน้านี้พวกเขาเพิกเฉยสถานการณ์ในค่ายทหารเพราะเรื่องของแม่ทัพจ้าว

แต่เมื่อทราบผลการตรวจจากแพทย์ทหาร เขาก็ต้องตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ๆ

เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าถ้าเซียวถังอี้ไม่ทำการตรวจสอบตั้งแต่มาถึง หากสงครามเริ่มต้นขึ้น เขาก็นึกภาพผลที่ตามมาไม่ออกเลยสักนิด

“พบพ่ะย่ะค่ะ” มู่จวินเซิ่งสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ในค่ายทหารมีทหารมากกว่า 10,000 นาย หลังจากตรวจสอบโดยละเอียดแล้วพบว่า กว่า 1,000 นายร่างกายเย็นกว่าปกติและภาวะชีพจรก็ผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ” 

“อีกทั้งคนพวกนี้กระจัดกระจายอยู่ทั่วกองทัพ และหลายคนเป็นทหารรับใช้ของรองแม่ทัพ”

เซียวถังอี้หรี่ตาลงพลางครุ่นคิด แน่นอนว่าเขารู้ดีถึงนิสัยน่ารังเกียจของแคว้นหนานซวน มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่อีกฝ่ายจะไม่ลงมือทำอะไรบางอย่างในกองทัพ “เจ้าจะทำอย่างไรกับคนพวกนี้?”

เขามองเด็กหนุ่มตรงหน้าโดยที่ไม่ได้ออกคำสั่งใด ๆ กับอีกฝ่ายโดยตรง

 ในอนาคตมู่จวินเซิ่งที่ถูกแม่ทัพจ้าวฝึกฝนมาหลายปีจะกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้เขาจะต้องเติบโตขึ้น ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องไม่ดีนักหากเขายื่นมือเข้าไปจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นมากเกินไป

“เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เราไม่สามารถปล่อยให้ข่าวเผยแพร่ออกไปได้” มู่จวินเซิ่งเม้มปากก่อนจะตอบว่า “กระหม่อมจึงขอให้กุนซือมู่หรงหาเหตุผลที่จะรวบรวมพวกเขาเอาไว้ด้วยกันเป็นการชั่วคราว”

“จากนั้นกระหม่อมก็จะทำตามวิธีของเสด็จอา โดยให้พวกเขากินยาแล้วหลับใหลไปเป็นการชั่วคราว”

นอกจากวิธีนี้ เขาก็ไม่สามารถคิดหาวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว

เซียวถังอี้พยักหน้าชื่นชม “เจ้าทำได้ดีมาก ตอนนี้อันตรายที่ซุกซ่อนอยู่ในกองทัพถูกกำจัดไปแล้ว จากนี้ไป เจ้าจะสามารถทำสิ่งที่เจ้าต้องการได้อย่างสบายใจ”

มู่จวินเซิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเขาก็คำนับให้กับคนตรงหน้าด้วยความเคารพ “ขอบคุณเสด็จอาที่คอยชี้แนะ”

ปัจจุบันแม่ทัพจ้าวกับมู่จวินฝานต่างก็มีปัญหา มันทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกสับสนอยู่บ้าง

แต่โชคดีที่ยังมีเสด็จอาคอยให้ความมั่นใจแก่เขา

ดังนั้นเขาจึงค่อย ๆ รู้สึกว่าพวกเขาอาจจะสามารถรอดพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้

ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่มู่ไป๋ไป่กลับกระโจมของตัวเองไป เธอก็ไม่แม้แต่สนใจจะล้างหน้าหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ เธอหยิบกะละมังใบใหญ่ที่ใส่เนื้อแล้วเริ่มวางกับดักไว้ในกระโจม

ขั้นแรกเธอหยิบถ้วยใบใหญ่ออกมา จากนั้นก็ไปวางไว้บนพื้น แล้วเอากิ่งไม้มาผูกกับเชือก หลังจากเตรียมของเรียบร้อยแล้วเธอก็นำเนื้อชิ้นเล็ก ๆ มาวางลงบนพื้นก่อนจะเอาถ้วยมาครอบไว้โดยที่มีกิ่งไม้ค้ำปากถ้วยไว้ด้านหนึ่ง

ด้วยวิธีนี้ เธอก็จะสามารถจับผู้ช่วยของเธอได้ในทันที

เดิมทีเธออยากจะฝากเรื่องนี้ให้กับเจ้าแมวอ้วนอย่างเจ้าส้มจัดการ

แต่ตอนนี้มันกำลังไปทำภารกิจคือการถ่ายทอดคำพูดของเธอให้กับพวกสิงโตและเสือ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น

“องค์หญิง พระองค์กำลังทำอะไรหรือเพคะ?” หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงนั่งอยู่ด้านข้างอย่างสงสัย “พระองค์กำลังจะจับนกหรือไม่? ถ้าเช่นนั้นพระองค์ควรจะออกไปไล่จับมันด้านนอก เราจะมาจับพวกมันในกระโจมได้อย่างไรกัน?”

“ข้าไม่ได้คิดที่จะจับนก” มู่ไป๋ไป่ยิ้มลึกลับให้ทั้งคู่ “ข้าแค่ต้องการขอความช่วยเหลือ”

“ขอความช่วยเหลือ?” หลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงหันมาสบตากัน “ทำไมพระองค์ถึงต้องขอความช่วยเหลือเช่นนี้เพคะ?”

มู่ไป๋ไป่ได้แต่ยิ้มและไม่ได้ตอบอะไรออกไป จากนั้นเธอจึงยื่นปลายเชือกที่ผูกไว้กับไม้ให้แก่จื่อเฟิง แล้วบอกให้เขาคอยจับตาดูเอาไว้ หากมีตัวอะไรเข้ามาใกล้ ให้เขาดึงเชือกทันที

หลังจากเตรียมการทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เธอก็พาหลัวเซียวเซียวไปล้างตัว

เมื่อเธอทำธุระส่วนตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินออกมา กิ่งไม้ที่ค้ำถ้วยเอาไว้ก็หลุดออกแล้ว

ในทางกลับกัน จื่อเฟิงกลับไปเบียดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของกระโจม จากท่าทางของเขาคล้ายกับว่าอยากจะหนีไปให้ไกลกว่านี้แต่ก็ทำไม่ได้

“จับได้แล้วหรือ?” มู่ไป๋ไป่ชะเง้อมองถ้วยที่คว่ำอยู่อย่างตื่นเต้น “ท่านจับมันได้หรือไม่?”

“องค์หญิง…” เด็กหนุ่มหันมามองคนถามอย่างน่าสงสาร “พระองค์คิดจะจับหนูหรือ?”

ในตอนที่หนูตัวใหญ่วิ่งเข้ามาตรงถ้วยเมื่อกี้นี้ เขาตกใจจนแทบเสียสติ

“ท่านกลัวหนูเช่นนั้นหรือ?” มู่ไป๋ไป่เองก็ตกใจและประหลาดใจเช่นเดียวกัน “จื่อเฟิง ท่านกลัวหนูจริง ๆ ด้วย!”

เธอคิดว่าจื่อเฟิงที่สนิทกับเจ้าตัวโตจะไม่กลัวสิ่งมีชีวิตใดบนโลกอีกแล้ว

“ใช่” เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบา “ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนภูเขา ข้าเคยถูกหนูกัด”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.