บทที่ 1 มรสุมคลุมศาลเจ้า
บทที่ 1 มรสุมคลุมศาลเจ้า
ป้อมมังกรพยัคฆ์...ขอเพียงย่างเท้าสู่ยุทธจักร ย่อมมิมีผู้ใดไม่รู้จัก ชื่อเสียงอันกระเดื่องดัง เกียรติภูมิที่เกริกไกรกุมความยิ่งใหญ่สูงต่ำทั้งมวลของเหล่าธรรมะและอธรรม บนทางหลวงทอดยาวสุดสายตาดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้ามาเนิ่นนานแล้ว ลมราตรีฤดูร้อนยังแฝงความหนาวเย็นเสียดกระดูก
ดาวเคลื่อนเดือนโคจร...
นักศึกษาเสื้อยาวสีครามผู้หนึ่งเดินทอดน่องช้าๆสายตาบัดเดี๋ยวก้มลงมองตำราปกแพรในมือ บัดเดี๋ยวกวาดสำรวจสองฟากข้างสลับกันไปมา อากัปกิริยาประหลาดพิกลยิ่งนัก รูปกายอันสูงโปร่งบุคลิกสูงส่งสง่า ตลอดกายแผ่กลิ่นอายยะเยียบจนผู้คนขนลุกเกรียว จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากเม้มสนิท องคาพยพทุกส่วนบนใบหน้ามาตรแม้นกลมกลืนไร้ที่ติ ความจริงสมควรเพรียบพร้อมด้วยคุณสมบัติเทพบุตรในแดนดิน น่าเสียดายบนเค้าหน้าคมคายประดุจหยกนั้น ซีดขาวราวซากศพหว่างคิ้วแฝงแววอมโรคอยู่เด่นชัด
รุดหน้าประมาณครึ่งชั่วยามบรรลุถึงศาลเจ้าโอ่อ่าหลังหนึ่ง กำแพงล้อมทั้งสี่ด้านก่อขึ้นจากศิลาแลงสูงร่วมสามวา หน้าประตูลงรักดำใหม่เอี่ยม ทางขึ้นบันไดโรยกรวดเขียวหนาแน่น นักศึกษาเสื้อครามกราดสายตาระแวดระวังตลบหนึ่ง ประกายเจิดจ้าคมวาวราวสายฟ้าพวยพุ่งวูบวาบน่าหวาดหวั่น พลันแค่นเสียงกระด้างในลำคอ วกอ้อมถึงซ้ายมือกระโดดข้ามกำแพงเข้าไป
ตัวเบาของนักศึกษานี้นับว่าสูงเยี่ยมน่าตระหนก ระดับความสูงสามวาถึงกับทะยานข้ามโดยปราศจากการเปลี่ยนกำลังหยั่งเท้า ทิ้งตัวลงโดยไร้ซุ่มเสียง ในศาลเจ้าเงียบงันวังเวงบรรยากาศอบอุ่นกว่าด้านนอกเล็กน้อย ส่วนหน้าประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำแปดองค์รายล้อมแท่นบูชา ในกระถางทิ้งขี้เถ้าและเศษก้านธูปหลายสิบก้าน พื้นใต้เท้าปูลาดด้วยหินอ่อน กระทั่งฝุ่นละอองหยากไย่คล้ายดั่งถูกปัดกวาดจนเบาบาง
บุรุษหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย พลิ้วกายดุจวิญญาณร้ายวนเวียนรอบหนึ่ง ทั้งหน้าและหลังไม่มีร่องรอยผู้อยู่อาศัยแม้แต่เงา สาวเท้าถึงหน้าประตูสะกิดเท้าพาร่างลอยขึ้นบนขื่อคานหลังป้ายขวางมหึมา ทรุดนั่งขัดสมาธิผ่อนลมหายใจยาวพริ้มตาพักผ่อน เพิ่งเคลิบเคลิ้มเข้าสู่ภวังค์ ข้างหูแว่วเสียงชายเสื้อปะทะลมเร่งร้อน รีบลืมตาเงี่ยหูสดับฟัง คะเนจากซุ่มเสียงอย่างน้อยมีสองคน
รอคอยชั่วขณะห่วงเหล็กหน้าประตูมีเสียงเคาะทั้งสิ้นสามครั้ง ซุ่มเสียงอิสตรีเสียงหนึ่งร้องถามว่า
"ด้านในมีคนหรือไม่"
สำเนียงแม้นไพเราะเสนาะโสตผู้รับฟัง ทว่านักศึกษาเสื้อครามฟังออก ต้องมีเรื่องรีบด่วนร้อนรุ่มใจ จากนั้นเป็นเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำของชายชรากล่าวว่า
"หนูเอยเข้าไปก่อนแล้วค่อยว่ากล่าว"
ประตูหนาหนักถูกผลักช้าๆ หนึ่งชายชราหนึ่งดรุณีสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี หว่างเอวเสียบกระบี่สั้นพร้อมฝักถลันเข้ามา ทั้งสองสำรวจมองทั่วบริเวณระมัดระวังภัยเต็มที่ ดรุณีนั้นประคับประคองชายชราถึงมุมลับตาด้านในศาลเจ้า กายแน่งน้อยพุ่งวนแคล่วคล่องว่องไว หัวร่ออย่างซุกซนรายงานว่า
"ซือฟู่ (อาจารย์) ที่นี่คล้ายดั่งมีผู้คนคอยดูแลอย่างยิ่ง"
ชายชราเพียงตอบรับดังอืม บุรุษหนุ่มสงสัยใคร่รู้ยิ่ง สภาพเมื่อครู่ชายชราดังกล่าวคงรับบาดเจ็บบอบช้ำไม่เบา ครั้นมองลอดช่องว่างออกไปการพบเห็นครานี้ก่อกวนจนจิตใจเต้นผางหน้าร้อนผ่าว แผ่นหลังแบบบางผมดำขลับถักเปียน้อยๆสองเส้น อาภรณ์เงินที่สวมใส่ซุกซ่อนผิวเนื้อขาวละเอียดรำไร เห็นนางทรุดกายใกล้ชายชราเพ่งสายตาปราศจากจุดหมาย สองอาจารย์และศิษย์ไฉนเกิดเรื่องราวขึ้น โฉมหน้าอีกฝ่ายบุรุษหนุ่มไม่สามารถแลเห็นถนัดชัด ดังนั้นจึงตั้งอกตั้งใจรอฟังบทสนทนา
ผ่านไปชั่วหม้อข้าวเดือดชายชราพลันลืมตาสาดประกายวาววับสองสาย ซุ่มเสียงแจ่มใสกังวาลกว่าเดิมมากนัก
"อิงเอ๋อร์เจ้าออกไปเฝ้าหน้าศาลเจ้าไว้ ไม่แน่ว่าพวกมันอาจส่งคนลอบติดตาม"
"ทราบแล้ว"
เสียงเจื้อยแจ้วรับคำถลันวูบเดียวก็บรรลุถึงหลังประตูหน้าแท่นบูชา ชุดไฟและก้านธูปมิได้ถูกจุดขึ้นให้แสงสว่าง แสดงว่าสองอาจารย์และศิษย์ต้องการอำพรางร่องรอยมิดชิด ดรุณีชุดเงินหันซ้ายแลขวาลดมือซ้ายแตะด้ามกระบี่ เสียงชายเสื้อปะทะลมดังเร่งร้อน ปรากฏผู้คนมุ่งตรงมายังศาลเจ้านี้อีกขบวนหนึ่ง พวกประดานั้นหยุดยั้งหน้าประตูเสียงทุ้มหนักยะเยียบเย็นชาของคนผู้หนึ่งสั่งขึ้น
"ระยะสิบลี้ปราศจากบ้านคน นอกจากศาลเจ้าแห่งนี้แล้ว พวกมันไม่อาจหนีรอดได้...ค้น"
บริวารชุดดำทั้งสี่ขานรับ คนนำหน้ารูปกายกำยำสูงใหญ่คิ้วหนาคางแหลมจมูกบี้แบนพลันกระชากดาบสันหนาจากกลางหลัง ตวัดเท้าเตะประตูเปิดอ้าออก กระแสลมม้วนตลบ อีกสามคนล้วนเปลือยอาวุธจากฝักดาหน้าเข้ามา แยกย้ายเป็นสี่ทิศซุ่มเสียงคนนำหน้าตวาดสำทับ
"หมายเลขสิบแปดค้นด้านใน หมายเลขสิบสองไปทางซ้าย หมายเลขยี่สิบทางขวา"
เงาร่างชุดดำขยับวูบวาบ ทันใดหลังแท่นบูชาแว่วเสียงตวาดแหลมเล็ก พลังลมหวีดหวิวปกคลุมทั่วบริเวณ ผสานประกายเย็นเยียบกระจัดกระจายราวกลีบบุปผาพร่างพรู คนชุดดำหมายเลขสิบแปดส่งเสียงตวาดกึกก้อง ถลาถอยหลังสองก้าวดาบสันหนาในมือควงปิดป้องจุดสำคัญด้านหน้าสิบสองแห่ง ซุ่มเสียงกระด้างทุ้มต่ำในตอนแรกแค่นเสียงเฮอะๆ รีบโบกมือให้ทั้งหมดเข้ากลุ้มรุม
"คร่ากุมทั้งเป็น คาดว่าเฒ่าบัดซบต้องปรากฏตัวแน่นอน"
พร้อมเสียงดังร่างผอมซูบเตี้ยแคะยืนขวางปากประตู เพ่งตาหยีเล็กเขม่นมอง อาภรณ์แพรต่วนม่วงทั้งหลวมทั้งกว้าง ศีรษะใหญ่โตใบหน้ากลมเกลี้ยง ดวงตาหยีเล็กจมูกแหลม อัปลักษณ์น่าขบขันยิ่งนัก
บริวารชุดดำทั้งสี่โอบล้อมดรุณีอาภรณ์เงินไว้ ดาบกระบี่ระลอกแรกกระทบกันหลายสิบครั้ง ก่อกวนจนสะเก็ดไฟแลบพุ่ง การจู่โจมส่วนใหญ่ถูกมือดาบหมายเลขสิบแปดต้านทานแทบหมดสิ้น เปิดโอกาสให้หมายเลขสิบสองยี่สิบและสิบซึ่งรั้งท้ายจู่โจมเปลี่ยนสฐานะเป็นฝ่ายรุก ดาบสามเล่มหนึ่งฟาดฟันเหนือศีรษะหนึ่งพุ่งเรียดดินหมายข้อเท้าหนึ่งปิดสกัดทางล่าถอย สภาวะโหดร้ายแฝงกระแสพลังกราดเกรี้ยวหมายชีวิต
ดรุณีชุดเงินวกกระบี่คุ้มครองทรวงอกใช้ออกเจ็ดกระบวนท่าซ้อนๆ เงากระบี่แผ่ครอบคลุมรัศมีสองวาห่อหุ้มตลอดท่อนบนไว้อย่างหนาแน่น มือดาบหมายเลขสิบแปดพอประอาวุธตรงๆ เผชิญพลังอันหยุ่นเยือกชนิดหนึ่ง ส่งผลให้ดาบเฉออกด้านข้าง ตอนนั้นดาบคนชุดดำซึ่งหมายแยกศีรษะเป็นสองเสี่ยงบรรลุถึง ถูกคมกระบี่ดรุณีชุดเงินต้านรับไว้จนกระดอนขึ้นสูงสองนิ้ว
พริบตาที่อาวุธสองฝ่ายสัมผัส เงาสีเงินย่อตัวเล็กน้อยหยิบยืมสภาวะหดเท้าดีดกายดุจกระสุนโถมใส่หมายเลขสิบแปด ปล่อยให้ดาบสองเล่มพลาดผิดเฉียดผ่านใต้เท้ากลางหลัง กระบี่กรีดเฉียงๆจ่อจี้จุดชีวิตทรวงอกด้านซ้าย บวกกับสภาวะถาโถมระยะห่างไม่เกินสามวา บีบบังคับมือดาบหมายเลขสิบแปดตกเป็นฝ่ายตั้งรับอีกคำรบ
"บัดซบหาที่ตาย!"
ปากแผดด่าสะบัดดาบปิดป้องตรงๆ พลังดีดสะท้อนครานี้รุนแรงเพียงไหน กายสูงใหญ่ถลาเสียหลักถึงสองก้าว กระแสลมกรรโชกพุทธรูปซ้ายขวาสั่นไหวโงนเงน
อีกสามคนจู่โจมครั้งแรกพลาดเป้ารีบหดรั้งดาบแปรเปลี่ยนกระบวนท่า ถาโถมจากสามทิศทางติดตามมาถึง อาวุธสามเล่มคลี่กางดุจแหดาบถล่มถมทับ
ดรุณีชุดเงินพอชิงรุกไล่สำเร็จ ไหนเลยเปิดโอกาสให้ศัตรูกลุ้มรุมหนุนเสริมเหมือนตอนแรก หยั่งเท้าแตะพื้นยืมกำลังพลิ้วเฉียงๆหลบเลี่ยงทางซ้ายสามเชียะ สะบัดไหล่หมุนคว้างครึ่งรอบพอดีบรรลุถึงด้านหลังมือดาบหมายเลขสิบสอง ม่านกระบี่แผ่เป็นจุดแต้มๆถี่ยิบสาดครอบคลุมท่อนบนอีกฝ่าย
มือดาบหมายเลขสิบสองขณะจะฟาดฟันดาบซ้ำเติม รู้สึกตาละลานพร่าพรายด้านหลังแว่วเสียงผิดปรกติ พลังแหลมคมหลายสายจ่อจี้มายังจุดชีวิตทั่วร่างแล้ว ระยะประชิดใกล้ยิ่งหนำซ้ำสภาวะกระบี่ดรุณีชุดเงินทุ่มเทสุดกำลัง ปิดสกัดช่องว่างซ้ายขวาหน้าหลัง
"โอย!"
มือดาบหมายเลขสิบแปดแผดร้องโหยหวน ล้มกลิ้งปะทะชนพุทธรูปขวามือสององค์ล้มครืนพังทลาย ในสะเก็ดหินผงศิลากระเซ็นซ่าน ห่าโลหิตฉีดพุ่งแดงฉาน ศีรษะหัวหนึ่งปลิวกระเด็นขึ้นฟ้าร่วงหล่นลงเบื้องหน้าคนทั้งสาม
ชายชราชุดแพรพลันแหงนหน้าหัวร่อยาวนาน ซุ่มเสียงแหบพร่าดุจนกราตรี เสียดแทงแก้วหูผู้คนจนเจ็บปวด สาวเท้าทีละก้าวจากหน้าประตูศาลเจ้า ตาหยีเล็กเบิกกว้างพวยพุ่งประกายเขียวปัดเรืองรอง จ้องดรุณีชุดเงินเขม็งนิ่ง
"พวกเจ้าล่าถอยไป"
ยกมือซึ่งหลงเหลือหนังแห้งกรังราวขานกโบกวูบ มือดาบทั้งสามแยกย้ายไปทางซ้ายขวา ยืนสงบโอบดาบกับอกอย่างนอบน้อม ดรุณีชุดเงินฉุกคิดว่าผิดท่า อาจารย์ผู้เฒ่าหลังจากกลืนยารักษาบอบช้ำ ต้องโคจรพลังอย่างน้อยครึ่งชั่วยาม เมื่อครู่ตัวประหลาดชุดแพรส่งเสียงหัวร่อ กลับแฝงกำลังภายในอันเปี่ยมล้น ครั้นถูกรบกวนกะทันหันเยี่ยงนี้ เกรงว่าล้มเหลวแต่กลางคัน ดังนั้นบังเกิดความร้อนรุ่มกระวนกระวาย กระชับกระบี่แนบแน่น
ตัวประหลาดชุดแพรขยับไหล่เล็กน้อยไม่ทราบใช้ท่าร่างใด กายเตี้ยแคะคล้ายวิญญาณร้าย วูบวาบคราเดียวก็สกัดขวางหน้าห่างเพียงวาเศษ แค่นเสียงเหี้ยมเกรียมเอ่ยปากถามว่า
"เด็กหญิงอาจารย์เจ้าแม้นร้ายกาจ แต่ยังไม่อาจหลบรอดจากเงื้อมมือเราไปได้ง่ายดาย เรื่องในมิบังควรนำออก เจ้าคิดลงมือเองหรือให้เราผู้เฒ่าจัดการ"
ดรุณีชุดเงินนิสัยดื้อรั้นถือดี มาตรว่าเผชิญหน้าอสูรร้ายยังมีสีหน้าเคร่งเครียดเย็นชาดังเดิม กล่าวสอดคำขึ้นทันที
"ในเมื่อไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้พึงอย่าได้กระทำ ป้อมมังกรพยัคฆ์สมคบคิดกับผาวิมานเก้าชั้น เปลือกนอกพิทักษ์คุณธรรมเทิดทูนธรรมะ แท้จริงซ่อนเจตนายึดครองบู๊ลิ้ม"
ตัวประหลาดชุดแพรขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยต่อบริวารที่ด้านหลังว่า
"พวกเจ้าลองตรวจค้นให้ถี่ถ้วน มิต้องกริ่งเกรงเด็กหญิงนี้...ไป"
หางเสียงจงใจตวาดเกรี้ยวกราด ประกายอำมหิตสองตาแวววับใบหน้าบิดเบี้ยวน่าสะพรึง ทั้งสามขานรับแข็งขันส่ายอาดๆเข้าสู่ส่วนใน
"เด็กหญิงคำนวณเรื่องราวฉลาดไม่น้อย พวกเจ้าสองอาจารย์และศิษย์นับว่ามีผลคุกคามต่อป้อมเราหลายส่วน"
ขาดคำแขนเสื้อข้างขวาโบกใส่ข้อมือซ้ายดรุณีชุดเงิน กระแสลมเย็นเยียบเสียดกระดูกพอทะลัก ก็บรรลุถึงได้ในชั่วพริบตา ดรุณีชุดเงินรีบถลันกายหลบเลี่ยงล่าถอยสองเชียะ ปลายกระบี่ดีดกระดอนขึ้นเสือกแทงใส่แขนเสื้อตัวประหลาดชุดแพร
บังเกิดเสียงกระทบราวเหล็กโลหะ ท่ามกลางเสียงอุทานอย่างแตกตื่น ง่ามมือดรุณีชุดเงินปวดแปลบโลหิตหลั่งไหล กระบี่ปลิวกระเด็นปักฉึกใส่ช่องผนังข้างเคียงจมมิดครึ่งด้าม พู่สีเหลืองสั่นพลิ้วไม่หยุดยั้ง
ตัวประหลาดชุดแพรหัวร่อเฮอะๆ เจตนาของมันเพียงต้องการขัดขวางนางไว้ เปิดทางให้บริวารคร่ากุมอาจารย์ผู้เฒ่าทั้งเป็น มือดาบหมายเลขสิบสองยี่สิบและสิบ เพิ่งโลดแล่นเพียงห้าหกก้าว พลันล้มฟุบแน่นิ่งขาดใจตาย กระทั่งเสียงครวญครางยังมิทันเปล่งจากปาก จุดชีวิตกลางหลังถูกดรรชนีจี้ใส่ถนัดถนี่
^^^^^^^^^^^^^
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 98
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น