บทที่ 2 เสนอหน้าช่วยเหลือ
บทที่ 2 เสนอหน้าช่วยเหลือ
เหตุอุบัติซ้ำซ้อนนับว่าเหนือความคาดหมายตัวประหลาดชุดแพรใหญ่หลวง ในศาลเจ้ามีบุคคลอื่นนอกจากเป้าหมายไล่ล่าและบริวารฝ่ายตน ซุกซ่อนกาย ไฉนไม่ระแคะระคายรู้ตัวล่วงหน้า ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนดวงตาแทบเบิกถลน ตกลงใจลงมือด้วยอำมหิต ในเมื่ออีกฝ่ายสังหารบริวารของตน ส่อเจตนาช่วยเหลือสองศิษย์อาจารย์แน่ชัด กายเตี้ยแคะพลิ้วเฉียงทางขวาครึ่งก้าว ยื่นมือขวาตะปบใส่ไหล่ซ้ายดรุณีชุดเงินอย่างว่องไว ปลายนิ้วทั้งห้าแฝงพลังคมกล้าราวกระบี่ ขอเพียงกระทบถูกกระดูกไหล่ดรุณีชุดเงินต้องแหลกละเอียดพิการชั่วชีวิต
พริบตาที่มันเคลื่อนไหวเสียงแค่นอย่างเย็นชาพลันดังจากด้านหลัง พลังลับขุมหนึ่งแผ่ทะลักยอร่างดรุณีชุดเงินเซถลาเสียหลักสองก้าวใหญ่ รู้สึกตาละลานใจสั่นสะท้าน หว่างกลางยืนหยัดด้วยนักศึกษาเสื้อครามรูปกายสูงโปร่ง แผ่นหลังอันเด็ดเดี่ยวพอดีบดบังร่างนางไว้ เหลือบเห็นกระบวนท่าตัวประหลาดชุดแพรหดรั้งแต่กลางคัน ในเสียงคำรามสนั่นหวั่นไหว กายเตี้ยแคะหมุนคว้างตลบหนึ่งสองฝ่ามือกราดฟาดออก พื้นที่หน้าศาลเจ้าคับแคบจำกัด เงาฝ่ามือแน่นขนัดปกคลุมทั่วบริเวณ ปราศจากหนทางหลบเลี่ยงสิ้นเชิง กระแสพลังครานี้ทุ่มเทยามขุ่นแค้นประกอบกับบังเกิดจิตเข่นฆ่า อานุภาพจึงกราดเกรี้ยวสุดเปรียบประมาณ พุทธรูปแท่นบูชาโคลงเคลงโยกคลอนปานจะหักพังได้ทุกเวลา
นักศึกษาเสื้อครามเมื่อประจันกับตัวประหลาดชุดแพรทางด้านตรง มรสุมวังวนผสานเงาฝ่ามือนับสิบนับร้อย จึงกดกระหน่ำลงหาจากเหนือศีรษะ ร่างยังยืนหยัดแน่วนิ่งปล่อยให้ชายเสื้อชุดยาวพลิ้วสะบัดตามลม ตวัดสองแขนขึ้นวูบใจกลางฝ่ามือแปรเปลี่ยนเป็นสีคราม แยกย้ายประทับใส่สองฝ่ามือตัวประหลาดชุดแพร ท่ามกลางเสียงระเบิดกึกก้องฝุ่นผงสะเก็ดศิลากระจัดกระจาย ตัวประหลาดชุดแพรร่ำร้องประหลาดพิกล เสียหลักเซถลาปะทะแท่นบูชาด้านหลังทรุดฮวบกับพื้น จมูกปากปรากฏโลหิตสดๆฉีดพุ่ง อวัยวะภายในถูกกระแทกแหลกละเอียดขาดใจตาย
ดรุณีชุดเงินแทบมิเชื่อสายตา นักศึกษาตรงหน้าพลังฝีมือไฉนสูงส่งถึงระดับนี้ รีบถลันร่างออกไปประสานมือเอ่ยขอบคุณ
"ขอบพระคุณท่าน"
นักศึกษาเสื้อครามชิงโบกมือวูบ ใบหน้าคมคายซีดขาวราวกระดาษ ล้วงมือเข้าอกเสื้อยื่นส่งยาเม็ดสีมรกตแก่นางเม็ดหนึ่งกล่าวว่า
"ข้าพเจ้าเพียงผ่านทางเท่านั้น เรื่องราวโดยบังเอิญขออย่าได้จริงจัง"
วาจาถ่อมตัวชัดๆ หนำซ้ำมีเจตนาต้องการปลีกตัว ดรุณีชุดเงินมึนงงวูบ แต่นางมีไหวพริบฉับไวนิสัยกลอกกลิ้ง รับยาเม็ดจากอีกฝ่ายฉุกคิดถึงอาจารย์กำลังโคจรลมปราณรักษาบอบช้ำ จิตใจเริ่มร้อนรุ่มกังวล
นักศึกษาเสื้อครามขณะจะหันกายสาวเท้า ในบริเวณพลันมีเสียงแกร่งกร้าวกังวานร้องเรียกไว้
"ผู้กล้าหาญอายุเยาว์โปรดชะงักเท้า"
เสียงดังร่างพลิ้ววาบดรุณีชุดเงินพอเหลือบเห็นรีบโถมกายเข้าอ้อมอกชายชราเสื้อเขียวร้องเรียกว่า
"อาจารย์ท่านไฉนชักช้านักเล่า คุณชายท่านนั้นฝีมือร้ายกาจทีเดียว"
ชายชราเสื้อเขียวผลักนางเบาๆกวาดมองทั่วบริเวณตลบหนึ่ง ประสานมือให้บุรุษหนุ่มกล่าวอย่างจริงจัง
"ยื่นมือช่วยด้วยคุณธรรม เราผู้เฒ่ารู้สึกตื้นตัน เพียงแต่ภายภาคหน้าเกรงว่าเป็นต้นเหตุแส่หาความยุ่งยากแก่ท่าน"
นักศึกษาเสื้อครามยามนี้จึงแลเห็นถนัด ชายชราเค้าหน้าโอ่อ่าเคราครึ้มทั้งสองแก้ม หน้าผากกว้างตาวาววับ เมื่อหนุ่มฉกรรจ์สมควรมีรูปโฉมหล่อเหลาไม่น้อย หว่างเอวเสียบกระบี่ยาวพร้อมฝัก ท่าทีเที่ยงธรรมเปิดเผย ยกมือโบกคราหนึ่งเอ่ยเสียงราบเรียบ
"ตอนนี้มิใช่ผ่านพ้นด้วยดีหรอกหรือ ภายหน้าผู้ใดสามารถล่วงรู้ ที่นี่ปราศจากเรื่องราวข้าพเจ้าขอเสียมารยาทปลีกตัว"
เหลือบเห็นดรุณีชุดเงินส่งยาเม็ดแก่อาจารย์ของนาง ชิงแค่นเสียงเย็นชาตัดบทหันกายก้าวยาวๆออกจากศาลเจ้าร้าง กิริยาแสดงออกเยี่ยงนี้ส่อเจตนากีดกันผู้คน ปฏิเสธน้ำใจไมตรีจนหยิ่งผยองยิ่ง แต่นั่นไหนเลยสร้างความสำนึกผิดแก่ตน กระทั่งชื่อแซ่ยังมิสนใจบอกกล่าวถามไถ่ ดรุณีชุดเงินขมวดคิ้วนิ่วหน้าขยี้เท้าสะบัดเสียงกล่าวว่า
"เฮอะ!ชั่งเป็นบุคคลโอหังลำพองนัก คราวหน้าหากพบเขาอีกท่านผู้เฒ่าสมควรขัดขวางมันไว้ถามไถ่ให้แน่ชัด"
"ฮาๆ!เด็กเอยความสำเร็จของมันน่ากลัวอาจารย์มิใช่คู่มือ ตอนนี้สิ่งที่ควรกระทำยังมีอีกมากมาย ขุ่นเคืองให้เสียงานใหญ่ไปไย"
ส่ายหน้าช้าๆทรุดขัดสมาธิลงหน้าแท่นบูชา กลืนกินยาเม็ดซึ่งรับจากนักศึกษาเสื้อคราม พักผ่อนโคจรลมปราณสามตลบ รู้สึกอาการบอบช้ำทั้งมวลพลันทุเลาเป็นปรกติค่อยชักชวนกันออกจากศาลเจ้า
......
กล่าวถึงบุรุษหนุ่มเปลี่ยนจากทางน้อยสู่เส้นทางหลัก ตลอดเวลาทุ่มเทท่าร่างสุดฝีเท้า รวดเร็วว่องไวราวดาวตกจากฟ้า เงาสีครามกรีดฝ่าอากาศแลเห็นเป็นสายยาวเหยียด ชั่วพริบตากลับกลายเป็นจุดเล็กๆวูบแล้วหายวับ ลมราตรีกระโชกใส่หน้าจิตใจพลอยแจ่มใสห้วงสมองเวิ้งว้างปลอดโปร่ง ประวัติหวนนึกรู้สึกภาระสำนักอาจารย์ใหญ่หลวงหนักอึ้งสุดแสน แปดปีเต็มๆผ่านการหมกมุ่นฝึกปรือ เคี่ยวกรำร่างกายอดทนไม่ระย่นย่อ แปรเปลี่ยนนิสัยใจคอสิ้นเชิง ทั้งยะเยียบเย็นชาจิตใจแข็งกระด้างอำมหิต บังเกิดอคติต่อชนชาวโลกอย่างรุนแรง ที่แท้สืบเนื่องจากสาเหตุอันใด
บุรุษหนุ่มผู้นี้เรียกว่าจูสือ สือที่แปลว่าสิบย่อมเป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณตั้งให้ เมื่อตนเริ่มเรียนรู้เพลงหมัดมวยท่องหนังสือคัมพีร์ฝีมือ ไยมิใช่เพิ่งจะอายุสิบขวบเท่านั้น ขบคิดถึงตอนนี้บังเกิดพลังซ่อนเร้นแผ่ซ่านจากท้องน้อยจู่โจมถึงจิตใจ ความฮึกเหิมประดังท่วมท้น จึงแหงนหน้าหัวร่อสนั่นหวั่นไหว คลื่นเสียงแกร่งกร้าวกังวานสะท้านทั่วบริเวณ อย่างน้อยสามารถถ่ายทอดไปไกลหลายลี้ ก่อกวนกิ่งใบรอบข้างร่วงพรั่งพรูแก้วหูแทบแตกทำลาย แสดงแน่ชัดพลังภายในอันสมบูรณ์เปี่ยมล้น ได้ฝึกปรือถึงขั้นสูงส่งน่าตระหนก
หลังชะงักเสียงหัวร่อกวาดสายตาสำรวจทั่วบริเวณ รู้สึกที่เบื้องหน้าซ้ายมือแว่วเสียงผิดปรกติ คล้ายดั่งมีผู้คนกำลังปะทะหักล้างดาบกระบี่ จูสือจำแนกทิศทางชั่วขณะ กระโดดขึ้นลงห้าหกครั้งก็อ้อมเข้าดงไม้ดุจสายฟ้า วกซ้ายเลี้ยวขวาประมาณสองร้อยวา เบื้องหน้าเป็นพื้นที่ว่างแถบหนึ่ง ผู้คนสี่คนลงมือประหัตประหารกันอย่างดุเดือด ประกายกระบี่แฉลบแปลบปลาบแต่ละครา ล้วนเป็นกระบวนท่าพิฆาตหมายกำจัดคู่ต่อสู้
นักบู๊ชุดขาวสามคนกักดรุณีเสื้อกระโปรงเขียวไว้กึ่งกลาง ใช้วิธีกลุ้มรุมจู่โจมกระบี่ด้วยความรวดเร็วดุดัน แลเห็นดรุณีน้อยกระโดดหลบเลี่ยงแคล่วคล่องว่องไว ท่าเท้ากลับพิสดารยากหยั่งคำนวณ เคลื่อนไหวในใจกลางอันจำกัด เปียสองเส้นที่กลางหลังสะบัดตามท่วงท่าที่เคลื่อนไหว กระบี่สั้นทั้งคู่ควงสลับตั้งรับอย่างรัดกุม ระยะเวลาอันสั้นคาดว่านักบู๊ทั้งสามยังไม่สามารถกระทำอย่างไร สร้างความเดือดดาลแก่พวกมันจนตวาดเร่งเร้าสภาวะกระบี่คู่มือรุกกระหน่ำถี่เร็วกว่าเดิม
ชายฉกรรจ์ทางซ้ายเสือกแทงสามกระบวนท่าปากคำรามสนั่นหวั่นไหว
"เด็กหญิงงอมือรับการจับกุมเถอะ ไยต้องให้พวกเราเปลืองมือเปลืองเท้าด้วย"
ดรุณีชุดเขียวหมุนคว้างสลับเท้าพุ่งวนครึ่งรอบ กระบี่ในมือสาดประกายเขียวเรืองรองคุ้มครองตลอดทั้งร่าง รักษาสภาพตั้งรับโดยไม่ตีโต้ แค่นเสียงสดใสแล้วกล่าวตอบไป
"ข้าพเจ้าแม้ตกตาย พวกท่านก็ไม่อาจมีชีวิตยืนยาวนัก เจี่ยเจียเราต้องเข่นฆ่าพวกเจ้าเหล่าโฉดชั่วให้หมดสิ้น"
"เด็กร้ายกาจข่มขู่เพียงลมปาก เข้าใจสามารถคุกคามพวกเราเกรงกลัวหรือ"
ชายกลางคนด้านหน้าตวัดกระบี่วูบ จ่อจี้ใส่สองไหล่และคอหอย ปลายกระบี่ยังสั่นพลิ้วราวมีชีวิต ขณะนั้นนักบู๊ทางซ้ายขวาหดรั้งกระบวนท่าถึงกลางคัน พลันจู่โจมหนุนเสริมเข้ามา เพลงกระบี่พวกมันนับนักบู๊ที่กึ่งกลางมีฝีมือสูงเยี่ยมที่สุด อีกสองจัดอยู่ในชั้นปลายแถว
ดรุณีชุดเขียวถดถอยสองก้าวกระบี่สั้นกรีดไขว้สลับพลิกแพลงหลายครั้งครา บังเกิดเสียงติงตังดังไม่ขาดหู ในสะเก็ดไฟหลายจุดแตกกระจาย ปิดสกัดกระบี่คู่ต่อสู้ไว้หมดสิ้น รู้สึกลำแขนปวดชากระบี่ตกห้อยลงเล็กน้อย นางอย่างไรยังมีวัยเยาว์หนำซ้ำพลังการฝึกปรือจำกัด ผ่านการต่อสู้เนิ่นนานไป น่ากลัวต้องรับบาดเจ็บภายใต้เงื้อมมือศัตรู
ทันใดในบริเวณมีเสียงแค่นอย่างเย็นชา ซุ่มเสียงคล้ายลมโชยพัดจากหล่มน้ำแข็ง เย็นเยียบเสียดกระดูกจนผู้รับฟังต้องตื่นตระหนกจิตใจระริก พวกทั้งสามต่างชะงักการระดมโหมรุก ดวงตาทั้งหกข้างเขม่นมองด้านหลังดรุณีชุดเขียวเป็นจุดเดียว สร้างความมึนงงแก่นางรีบเหลียวหน้ามองทันที
นักศึกษาเสื้อครามรูปกายสูงโปร่งใบหน้ากระด้างเย็นชา มาตรว่าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาประดุจหยก ทว่าซีดขาวราวกระดาษ กำลังยิ้มแย้มให้ห่างประมาณวาเศษ คนผู้นี้ปรากฏตัวกะทันหัน ทั้งยังเข้าใกล้ลานการต่อสู้ปราศจากวี่แววเสียงผิดปรกติสักแผ่วเบา กราดตาสำรวจทั่วบริเวณ โดยเฉพาะอกเสื้อด้านซ้ายพวกทั้งสาม ซึ่งปักรูปมังกรคู่พยัคฆ์ พอแลเห็นถนัดชัดเจน ประกายกราดเกรี้ยวในดวงตายิ่งโชติช่วงกว่าเดิม
มือกระบี่ชุดขาวกึ่งกลางข่มจิตใจเยือกเย็น ยกกระบี่ชี้เฉียงตวาดถามว่า
"สหายคิดสอดมือยุ่งเกี่ยวหรือ"
จูสือสืบเท้าเข้ามายืนหยัดเคียงข้างดรุณีชุดเขียว ทอดสายตาโดยไร้จุดหมาย เอื้อนเอ่ยเสียงทุ้มหนัก
"พวกท่านต้องตายแน่นอน!"
วาจาเหยียดหยามฝ่ายตรงข้ามถึงที่สุด ส่อเจตนาตั้งตนเป็นศัตรูกับขุมกำลังใหญ่ของบู๊ลิ้มแน่ชัด มือกระบี่ทั้งสามปลุกปลอบขวัญแยกย้ายปักหลักสามทิศทาง ยึดตำแหน่งอันมีเปรียบตระเตรียมลงมืออีกคำรบ
จูสือยืนแน่วนิ่งดุจหุ่นสลัก กระทั่งรูปโฉมดรุณีชุดเขียวยังมิแยแสชำเลืองมอง สร้างความลี้ลับสุดหยั่งคาดแก่นาง มือที่กุมด้ามกระบี่สั่นสะท้านเล็กน้อย ตาดำขลับลอบชำเลืองท่าทีบุรุษหนุ่ม ตื่นเต้นตึงเครียดจนหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ
นักบู๊ชุดขาวทั้งสามสบสายตากันวูบ คนกึ่งกลางส่งเสียงคำรามปานฟ้าร้อง เสือกแทงกระบี่ใส่ทรวงอกจูสือก่อน อีกสองไหนเลยชักช้ารีรอ กระบี่สองเล่มถักทอดุจตาข่ายมหึมาครอบคลุมรัศมีสองวา สอดประสานโหมกระหน่ำถี่ยิบ
ดรุณีเสื้อกระโปรงเขียวขณะจะลงมือตีโต้ ด้านข้างปรากฏพลังหยุ่นเยือกแผ่ทะลักใส่ สองแขนตกห้อยลงกระบี่คู่มือร่วงกระแทกพื้น กายแน่งน้อยเสียหลักเซถลาถอยหลังก้าวใหญ่ จูสือสะบัดแขนเสื้อชุดยาวเบาๆหลังจากรั้งดรุณีน้อยไปที่ด้านหลังตนสำเร็จ ก็เคลื่อนขวางทางซ้ายสองเชียะหลบกระบี่ทางด้านตรงพ้นอย่างง่ายดาย
สภาวะกระบี่อีกสองเล่มพอดีกระหน่ำลงจากกลางอากาศ มุ่งทำร้ายจุดชีวิตท่อนบนสิบแปดแห่ง จูสือเพียงหัวร่อเบาๆฝ่ามือทั้งคู่พลิกง๋ายแล้วกรีดเป็นรูปครึ่งวงโค้ง ใจกลางปรากฏวังวนดึงดูดอันกล้าแข็ง ประกอบกับคนทั้งสี่อยู่ในระยะพัวพัน
นักบู๊ชุดขาวต่างตระหนกขวัญแทบกระเจิดกระเจิง คิดรั้งท่วงท่าเกร็งกำลังขัดขืนไหนเลยสมปรารถนา ร่างท่อนบนพอดีโน้มไปเบื้องหน้าอาวุธในมือเสียการควบคุม แผดเสียงร่ำร้องพลางล้มฟุบลงแทบเท้านักศึกษาเสื้อคราม จมูกปากมีโลหิตแดงฉานฉีดพุ่งเสียชีวิต หลงเหลือนักบู๊กึ่งกลางคลายมือละทิ้งกระบี่ อ่อนระทวยคุกเข่าโครมกับพื้น โลหิตสดๆหยดหยาดลงจากมุมปากแปดเปื้อนสัญลักษณ์มังกรพยัคฆ์ที่อกเสื้อด้านซ้ายจนชุ่มโชก ดูท่ารับบอบช้ำภายในสาหัสยิ่ง เงยหน้าอันซีดเผือดจับจ้องบุรุษหนุ่มขยับเขยื้อนริมฝีปากหลายครา ยังปราศจากซุ่มเสียงเปล่งออกมา
จูสือตาทอประกายอำมหิตวาววับกล่าวเสียงราบเรียบ
"กลับไปบอกต่อประมุขพวกเจ้า หากมิรู้จักสำนึกตัว กล้าสุมหัวกับผาวิมานเก้าชั้น ระวังเราจะใช้เลือดล้างป้อมมังกรพยัคฆ์"
วาจาเหี้ยมเกรียมน้ำเสียงกระด้าง บ่งบอกเจตนาเป็นปรปักษ์ คนชุดขาวเก็บกระบี่ค่อยๆทรงกายขึ้นอย่างแช่มช้า ก้าวถอยหลังสองก้าวเอ่ยถามเสียงแหบพร่า
"อย่างนั้นจงประกาศนามมา"
"เรา...นักศึกษาเอกะ"
นักบู๊ชุดขาวสอดกระบี่คืนฝัก ถลึงตาใส่คนทั้งสองชั่วขณะ จึงหันกายลากฝีเท้าจากไป...
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 32
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น