บทที่ 9...2/3 และแจ้งข่าว
นิรชากำลังเดินตรวจท่าเรือและเรือที่ได้เช่ามาจากบริษัทมินธรา กรุ๊ปของปรานต์ ธุรกิจท่องเที่ยวทางเรือเพื่อดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติและแวะชมตามเกาะต่างๆ กำลังไปได้สวยทีเดียว อีกทั้งการที่เธอรู้จักปรานต์ทำให้ราคาเช่าเรือต่อปีค่อนข้างถูกกว่าผู้ให้เช่ารายอื่น หากคิดเป็นรายปีก็นับว่าทุ่นงบไปเป็นล้าน เดือนหน้าสัญญาเช่าจะหมดลงแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าปรานต์คงต่อสัญญากับเธอแน่นอน แต่แล้วในความสบายใจยามบ่ายกลับจบลงเมื่อสายของเธอโทรมารายงานว่าปรานต์มี ‘ว่าที่เจ้าสาว’
“รวีพูดแบบนั้นจริงๆ เหรอว่าปรานต์จะแต่งงานเร็วๆ นี้”
พนักงานบัญชีมองซ้ายมองขวาแล้วตอบเสียงเบากับโทรศัพท์ ถ้ามีใครจับได้ว่าเธอเป็นสายให้นิรชา อาจไม่ถึงกับถูกไล่ออก แต่คงถูกตักเตือน เธอไม่อยากให้ตัวเองเสียประวิติ
“ค่ะ คุณจารวีพูดเอง แต่เจ้าสาวไม่แน่ใจว่าเป็นคุณจารวีหรือเปล่า”
“ขอบใจที่โทรมารายงาน” นิรชาเอ่ยก่อนจะกดวางสายไป นับว่าเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอให้กับพนักงานบัญชีของปรานต์ไม่เสียเปล่า
นิรชานั่งคิดเพราะที่ผ่านมาผู้หญิงที่ปรานต์สนิทด้วยก็มีแค่จารวี แต่หากว่าที่เจ้าสาวไม่ใช่จารวีจะเป็นใคร นักข่าวที่มาแค่ไม่กี่วัน แถมยังแต่งตัวมอๆ แบบนั้นคงไม่ใช่ว่าที่เจ้าสาวของปรานต์แน่อน
...หรือว่าจะเป็นเมวา สองคนนี้ยังติดต่อกันอยู่หรือเปล่านะ
จารวีไม่รู้ว่าเมวาเป็นใคร แต่รู้ว่าปรานต์เคยคบเป็นแฟนตอนเรียนมัธยมปลาย ก่อนที่จะแยกย้ายห่างกันไปตอนที่เรียนมหา’ลัยจากคำบอกเล่าของอวัช เมวาเป็นนักออกแบบท่าเต้นที่ไปดังไกลถึงอเมริกา เธอได้ข่าวจากอวัชว่าเมวาคนนั้นกลับมาประเทศไทยแล้ว
นอกจากจารวีแล้ว เธอยังมีคู่แข่งเป็นแฟนเก่าสมัยมัธยมของปรานต์ด้วยหรือเปล่า นิรชาคิดแล้วก็ยิ่งร้อนใจ เธอไม่ได้เป็นหม้ายมา 2 ปีเพื่อรอไปวันแต่งงานของปรานต์ ปรานต์คือผู้ชายที่มีพร้อมในทุกอย่างที่เธอต้องการ เธอน่าจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ถ้าเธอไม่ได้เขามาก็อย่าหวังว่าใครจะได้เขาไป
ช่วงบ่ายหลังจากศกพาจอมขวัญไปดูวิธีเก็บหอยมุก เมื่อครบกำหนดที่จะเอามุกออก จึงนำหอยมาผ่า ค่อยๆ แกะเอาเม็ดมุกออกมา ส่วนหอยที่นำเม็ดมุกออกแล้ว จะนำไปพักฟื้น 3 เดือน เพื่อทำการผลิตไข่มุกต่อ หอยมุกจานแต่ละตัวผลิตไข่มุกได้ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง จึงต้องใช้ความชำนาญมากเพื่อที่จะผ่าได้ถูกวิธี จอมขวัญถ่ายทั้งรูปและคลิปเพราะน่าสนใจมากสำหรับเธอ
หลังจากนั้นศกพาจอมขวัญนั่งเรือออกไปเพื่อถ่ายรูปในมุมกว้าง ก่อนจะแวะขึ้นประภาคารเพื่อถ่ายรูปในยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ช่างเป็นการทำงานที่เหมือนกับว่าเธอได้มาชาร์ตพลังให้กับตัวเองไปด้วย ก่อนที่ศกจะขับรถกอล์ฟมาส่งจอมขวัญที่บ้านของปรานต์เพื่อเตรียมตัวไปงานเลี้ยงในตอนค่ำซึ่งเขาบอกว่าเป็นการต้อบรับเธอและฉลองที่ลูกชายของคนงานสองคนมีอายุครบหนึ่งเดือน
ภายในบ้านสองชั้นที่มีเนื้อที่มากกว่าบ้านของเธอเกือบห้าเท่าตอนนี้เงียบมาก มีเพียงแม่บ้านที่เข้ามาบอกจอมขวัญว่าทำของว่างไว้รอแล้ว เธอจะได้กินรองท้องไปก่อนงานเลี้ยงที่จะเริ่มตอน 1 ทุ่ม ส่วนปรานต์ แม่บ้านบอกว่าเขาไปที่เกาะจาตุง ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมาร่วมงานในคืนนี้หรือเปล่า ในขณะที่ชานนซึ่งตามมาสมทบเพิ่งลงเรือตามปรานต์ไปที่เกาะจาตุงเมื่อตอนบ่ายๆ
จอมขวัญถือจานใส่ขนมที่แม่บ้านเรียกว่า ขนมม่อชี่* เข้าใจว่าเพี้ยนมาจากคำว่า...โมจิ แม่บ้านเล่าที่มาของขนมให้เธอฟังว่าตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นมาตั้งฐานทัพอยู่ที่ฝั่งสิงหนคร ได้มีการหาคนไทยมาทำอาหารให้ทหารญี่ปุ่นกิน และคนญี่ปุ่นก็ได้สอนวิธีทำขนมโมจิให้กับคนไทย โดยประยุกต์ใช้วัตถุดิบที่พอหาได้ในท้องถิ่นมาทำ เช่น แป้งข้าวเหนียว น้ำผึ้งแว่น ถั่วใต้ดิน(ลิสง) และงา ชาวบ้านเห็นเป็นขนมแปลก แต่ทำง่าย ใช้วัสดุในท้องถิ่น ก็ทำกินกันมานับตั้งแต่นั้นมา โดยเรียกชื่อ ขนมโมจิ ตามสำเนียงใต้ เพี้ยนมาเป็นขนมม่อชี่ถึงทุกวันนี้ พอเธอลองกินดูก็หอมถั่วและงา แป้งนุ่ม หวานกำลังพอดี
แต่แล้วในความกำลังเพลินดื่มด่ำกับความอร่อยของขนมและวิวข้างสระว่ายน้ำที่แสงอาทิตย์สุดท้ายกำลังสะท้อนเป็นแสงสีทองอมส้มสวยงามก็ถูกกระชากไป เมื่อจู่ๆ จอมขวัญรู้สึกว่าร่างคล้ายกับปลิวเพราะถูกชนจากบางอย่างแบบไม่ทันได้ตั้งตัวจนตกลงไปในสระน้ำ
“โอ๊ะ!?!”
ความตกใจทำให้เธอหายใจเอาน้ำเข้าจมูกไปทำให้แสบจมูก ลืมไปแล้วว่าสระน้ำสูงประมาณไหล่กลายเป็นยกมือตีน้ำจนสำลักน้ำอีกรอบ จนระทั่งเธอรู้สึกเหมือนมีใครมาคว้ากอดที่เอว แล้วดึงมือมาให้วางบนไหล่เพื่อพยุงร่างไว้ เธอหายใจหอบๆ พลางกอดอะไรก็ตามที่กอดได้ในตอนนี้ ต่อให้เป็นท่อนซุงเธอก็จะไม่ยอมปล่อย
“เป็นอะไรไหมจอมขวัญ...จอม...”
จอมขวัญสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดอยู่เลยไม่ได้ตอบปรานต์ได้ทันใจเขา ร่างเพรียวที่ถูกกอดเลยถูกเขย่าเบาๆ หญิงสาวหลับตารู้สึกมีความสุขที่ได้หายใจไม่ถึงวินาทีก็ลืมตา แต่กลับผงะไม่คิดว่าใบหน้าของปรานต์จะใกล้เธอแทบเห็นขนตาขนาดนั้น หญิงสาวเอนใบหน้าออกมา แล้วรีบตอบ ไม่อย่างนั้นเขาได้เขย่าจนเธอหัวสั่นหัวคลอนอีกแน่ๆ
“ฉันถูกอะไรไม่รู้ชน มันตัวใหญ่มาก ไม่ใช่คุณใช่ไหม”
“ผมจะชนให้คุณตกน้ำ แล้วช่วยคุณขึ้นมาจากน้ำด้วยกันทำไม” ปรานต์ถามกลับ
ชายหนุ่มกอดเอวบางของจอมขวัญไว้ แล้วยืนให้หญิงสาวกอดเพื่อพยุงตัว ก่อนจะชี้ไปยังสุนัขตัวโตพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์ของเขาเอง
“นั่นเจ้าบั๊กกี้ หมาของผมเอง ผมขอโทษแทนมันด้วยนะ”
จอมขวัญหันไปมองหมาคู่กรณีที่ตอนนี้นอนหมอบสงบเสงี่ยม ทั้งๆ ที่เพิ่งวิ่งทุ่มใส่เธอจนตกน้ำ มันเห็นว่าเธอเป็นอะไรนะถึงได้ทำแบบนั้น
“คุณเลี้ยงหมาด้วยเหรอ”
ปรานต์หัวเราะคำถามง่ายๆ ที่มาจากจอมขวัญพลางว่ายน้ำเข้าฝั่ง ก่อนจะประคองแขนให้หญิงสาวไม่เซและเดินได้มั่นคงขึ้นบันไดของสระน้ำขึ้นไป แล้วเขาเดินตามขึ้นไปบ้าง ก่อนจะนั่งลงข้างเธอที่คงหมดแรงจนเอนหลังพิงกับราวบันไดไปแบบนั้น
“ทำไมถามแบบนี้ล่ะ ผมก็รักสัตว์เป็นนะ ไม่ใช่ว่าจะรักอะไรไม่เป็น”
จอมขวัญเพิ่งรู้ตัวว่าถามอะไรบื้อๆ ออกไป การเลี้ยงหมาไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ปรานต์ไม่ใช่คนที่ดูอ่อนโยนกับคนเท่านั้นเอง
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น คุณดูเหมือนยุ่งตลอดเวลา ฉันแค่ถามเพราะสงสัย ดูเหมือนคุณไม่น่าจะมีเวลาใส่ใจใครหรืออะไรเท่านั้นเองค่ะ”
ปรานต์เลิกคิ้วเพราะคิดไปก่อนแล้วว่าจอมขวัญคงคิดว่าเขาเป็นพวกคนเลือดเย็น ไร้ความอ่อนโยน
“มันขึ้นอยู่กับว่าผมอยากใส่ใจหรือเปล่าเท่านั้นแหละ ถ้าผมอยากใส่ใจ ผมจะหาเวลาจนได้เอง”
จอมขวัญพยักหน้า แต่ต้องรีบหันหน้าหนีเพราะจามออกมา มือหนาของปรานต์ยื่นหลังมือมาอังที่หน้าผากของหญิงสาว จอมขวัญชะงักมองเขาไม่คิดว่าเราสองคนสนิทกันถึงขนาดวัดไข้กันแบบนี้ได้แล้วหรือ แต่เขาคงไม่คิดอะไรมากเพราะท่าทีสบายๆ ไม่ได้กลั้นหายใจยามที่ใบหน้าของเขาห่างออกไปนิดเดียวแบบเธอ
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วคุณ เดี๋ยวจะไม่สบายเสียเปล่าๆ งานเลี้ยงกำลังเริ่มแล้ว”
จอมขวัญพยักหน้าไม่ต่อปากต่อคำอย่างเคย เธอรีบลุกขึ้น แต่กลับเซทำให้ปรานต์ที่ลุกขึ้นตามต้องเข้ามาประคอง เธอเด้งตัวออกทำหน้าไม่ค่อยจะถูกแล้ว ทำได้แค่รีบเดินไปที่ห้องซึ่งแม่บ้านนำทางไปเมื่อตอนเย็น มือบางยกขึ้นมาทุบที่อกตัวเองเบาๆ เพราะหัวใจบ้าๆ เกิดเต้นแรงเพราะแค่ปรานต์เข้ามาใกล้ ชีวิตที่ผ่านมาของเธอพบผู้ชายหน้าตาดีตั้งหลายคน แต่ไม่เคยรู้สึกหัวใจหวิวๆ แบบที่ปรานต์ทำให้รู้สึกเมื่อนาทีก่อน ไม่ได้เชียวนะ ผู้ชายคนนี้มีความอันตรายและเขากำลังจะแต่งงาน อย่าได้หวั่นไหวเพราะสัมผัสผิวเผินแบบนั้นเด็ดขาด
*หมายเหตุ จากบันทึกของ ครูฑูรย์ เรื่อง ขนมมอชี่
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่อีกฝั่งของฟาร์ม ซึ่งด้านหลังห่างออกไปเป็นท่าจอดเรือยอร์ชหลายลำ มีทั้งที่ให้เช่าและปรานต์เป็นเจ้าของเอง การจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ของคนงานที่นี่จึงค่อนข้างเป็นส่วนตัวไม่รบกวนชาวบ้านในละแวกนี้ อีกทั้งปรานต์ยังกำชับให้คนงานที่ดื่มจนเมาก็ค้างเสียที่บ้านพักแทนการขับรถกลับบ้านและไม่เปิดเพลงเสียงดังจนรบกวนชาวบ้านละแวกใกล้ๆ คนงานมากันทั้งหมด รวมทั้งที่อยู่ตามเกาะต่างๆ ด้วยเพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดจะได้เที่ยวในเมืองก่อนกลับเกาะด้วย
ทว่าแขกที่จารวีไม่คิดว่าจะมากำลังลงจากรถราวกับนางพญากลางหมู่บริวารอย่างไรอย่างนั้น จารวีเลิกคิ้วจงใจเดินไปต้อนรับ แม้จะไม่ใช่หน้าที่ของเธอ แต่การมาถึงของนิรชาจะเป็นเรื่องดีหรือเปล่า เธอเองก็ไม่แน่ใจ
“มาด้วยเหรอ ใครชวนเนี่ย”
“แล้วทำไมฉันจะมาไม่ได้ ทีเธอยังมาได้เลย” ยิ่งเห็นว่าจารวีมางานนี้ด้วย นิรชายิ่งมั่นใจว่าคิดถูกแล้วที่มางานในวันนี้เหมือนกัน “ฉันมาที่ฟาร์มตั้งแต่มัธยม จนถึงตอนนี้ คนงานในฟาร์มฉันรู้จักแทบทั้งนั้น ฉลองลูกของคนงานครบ 1 เดือนพร้อมกัน 2 คน ฉันต้องมาอยู่แล้ว”
“จนเธอแต่งงาน แล้วเป็นหม้ายด้วยสิ อย่าตกเรื่องสำคัญ”
จารวีก็ไม่อยากจะรื้อฟื้น ที่จริงนิรชาแต่งงานคราวนั้นก็เพราะฝั่งเจ้าบ่าวเสนอที่ทางให้มากมาย แถมช่วยล้างหนี้ให้ด้วย ทั้งที่บอกว่าตัดใจจากปรานต์แล้ว แต่พอสามีตายก็กลับมาหาปรานต์อีก
“แต่เธอก็ยังเป็นเพื่อนกับปรานต์เหมือนเดิม ยังไม่คืบหน้าไปไหนเลยนะ” นอกจากเมวาที่นิรชาเคยได้ยินชื่อก็มีจารวีนี่ล่ะที่เธอมองว่าเป็นคู่แข่งคนสำคัญ “เห็นไหมฉันมีการเปลี่ยนแปลงไป แต่เธอไม่มีอะไรคืบหน้าสักอย่าง”
จารวียิ้มหวาน “ฉันน่ะอยากเป็นแค่เพื่อนกับปรานต์ ไม่เหมือนเธอนะ อยากเปลี่ยนจากเพื่อนไปเป็นอย่างอื่น แต่ปรานต์ไม่เคยให้ความร่วมมือเลย”
“ก็ไม่แน่หรอก รอดูไปแล้วกัน”
นอกจากไม่โมโหจนลืมตัวแล้ว นิรชายังเดินเข้าไปทักทายคนงานอย่างอารมณ์ดีเสียด้วย จารวีมองแล้วก็ได้แต่แปลกใจ คนเราไม่มีทางเปลี่ยนนิสัยเพียงชั่วข้ามคืนแน่ๆ ทำไมคนโมโหง่ายแบบนั้นถึงได้อารมณ์ดีจนขนลุก จารวีได้แต่สงสัย ตอนนี้นิรชาไม่ได้ทำอะไรที่ดูผิดปกติ
จอมขวัญเดินตามคนงานที่กำลังมุ่งหน้าไปตามแสงไฟรวงทางเข้างานที่จัดง่ายๆ ด้วยการนำทางมะพร้าวมาดันโค้งทั้งสองฝั่ง จนเป็นทางเข้าที่น่ารักดี พอเดินเข้ามายังมีพวงมาลัยกล้วยไม้มาคล้องคอให้อีกด้วย ทุกคนพากันยิ้มแย้มแจ่มใส มีโต๊ะวางอยู่ทั่วบริเวณ มีเก้าอี้ตัวกลมที่ใครอยากนั่งตรงไหนก็หยิบไปนั่งได้เลย มีเวทีเล็กๆ ให้ร้องคาราโอเกะด้วย แต่เสียงที่ออกลำโพงไม่ได้ดังจนเหมือนเข้างานวัด บริเวณใกล้ๆ กันมีอาหารในถาดหลายสิบถาดเป็นบุฟเฟ่ต์ที่บริการตัวเอง ส่วนเครื่องดื่มก็มีให้เลือกตั้งแต่เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ น้ำผลไม้ น้ำพั้นซ์ต่างๆ และน้ำเปล่า
จอมขวัญมองหาใครสักคนที่รู้จัก คนงานทักทายเธอเรื่อยๆ เพราะเห็นกันเมื่อตอนบ่าย เธอเดินไปรินน้ำผลไม้มาใส่แก้วก็พอดีศกยกมือเรียกจากโต๊ะที่เตรียมเก้าอี้ไว้พร้อมแล้ว
“เชิญนั่งเลยครับคุณจอม วันนี้นอกจากฉลองที่ลูกคนงานมีอายุครบ 1 เดือนพร้อมกัน 2 บ้านแล้วก็เลี้ยงต้อนรับคุณจอมด้วยครับ ถึงแม้ว่าคุณจอมจะกลับพรุ่งนี้ตอนบ่ายก็เหมามารวมงานเดียวกันเลย” ศกพูดเสียงไม่เบานัก ทำให้คนงานโต๊ะใกล้ๆ หันมายิ้มให้แขกของนายหัว
“ขอบคุณนะคะ จอมมีสร้อยข้อมือเชื่อกถักที่มักพกไว้ติดกระเป๋า ขอไปให้เด็กทั้งสองคนได้ไหมคะ” จอมขวัญมองไปที่เด็กสองคนที่อยู่ในวงล้อมของพี่ป้าน้าอา ดูน่ารักดีเหมือนกับว่าเป็นลูกหลานของทุกคน
“ได้สิครับ มาครับผมพาไปเอง”
ศกไม่เพียงพาจอมขวัญไปหาพ่อแม่เด็ก แต่ระหว่างที่เดินไปก็แนะนำจอมขวัญให้เพื่อนๆ พนักงานรู้จักแขกของนายหัวด้วย หญิงสาวทั้งไหว้และยิ้มจนมือเป็นระวิง จนกระทั่งมาถึงโต๊ะตัวยาวที่พ่อแม่เด็กทั้งสองคนนั่งอยู่ แต่ไม่ได้มีแค่เธอที่มาถึง แต่ยังมีท่านเจ้าของงานที่นั่งลงก่อนเธอนิดเดียวเท่านั้น
“คุณปรานต์อยู่ตรงนี้ด้วย งั้นมาถ่ายรูปตอนผูกข้อมือให้เด็กๆ กันดีไหมครับ” ศกเสนอพลางหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาถือรอ แถมยังขอสร้อยข้อมือเชือกถักจากจอมขวัญมาส่งให้ปรานต์หนึ่งเส้นอีกด้วย
“นี่ครับคุณปรานต์ คุณจอมเตรียมมา ผูกกันคนละเส้นนะครับ”
ปรานต์มองสร้อยข้อมือเชือกถักที่เล่นลวดลายน่ารักเหมือนดอกไม้แล้วอดไม่ได้ที่จะมองจอมขวัญ น้องเชยที่ไม่ดูเชยของเขาทำงานฝีมือออกมาได้สวยน่าสนใจเชียว
“คุณทำเองเหรอ”
“ค่ะ มันง่ายกว่าทำขนม” ถึงแม้แม่จะเปิดร้านขนม แต่จอมขวัญทำขนมได้แค่คุกกี้และเค้กแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ถ้าต้องจับเวลาและตวงต่างๆ เธอก็ยอมแพ้ ขอรอกินเหมือนกัน
ปรานต์ให้พรแล้วพยักพเยิดให้จอมขวัญทำตาม หญิงสาวพูดคำอวยพรเท่าที่คิดว่าเด็กควรได้รับอย่างการได้กินของอร่อย ได้เล่นสนุกและมีสุขภาพที่ดี ชายหนุ่มยิ้มบาง หญิงสาวเลยยิ้มเก้อๆ ไม่แน่ใจว่าปรานต์ยิ้มเพราะอะไร
“จะถ่ายรูปแล้วนะครับ”
รอยยิ้มของปรานต์กับจอมขวัญถูกบันทึกไว้เป็นความทรงจำในวินาทีนั้น แม้ว่าที่มาของรอยยิ้มนั้นจะมีเพียงปรานต์ที่ตอบได้ว่าเป็นเพราะอะไร
จอมขวัญก็ยิ้มโดยที่ไม่อยากจะหาคำตอบ ถ้าบรรยากาศมันดีอยู่แล้ว จนกระทั่งเสียงหวานๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา
“รชาถ่ายรูปด้วยสิคะ” นิรชายิ้มให้ปรานต์ แต่ปรายตามองจอมขวัญอย่างไม่สนใจนัก ก่อนจะนั่งแทรกกลางระหว่างทั้งสองคน “ขอโทษนะคะ ขอนั่งตรงนี้สักหน่อย”
จอมขวัญเขยิบให้ไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิงของปรานต์ แต่ว่าอีตาปรานต์เขยิบตามเธอมาทำไม นิรชาเม้มปากแต่ทำทีจับแขนปรานต์ไว้ จอมขวัญเห็นท่าไม่ดีไม่อยากถูกหึงทั้งที่ไม่น่ามีอะไรจึงเดินออกไปจากปรานต์และผู้หญิงของเขา
“รชามีของมาให้เด็กๆ ด้วยนะคะ”
ปรานต์ขยับแขนออก นิรชารู้ตัว แต่ก็หันมายิ้มพร้อมกับมองไปที่ลูกของคนงาน เขาเลยต้องอยู่ในฐานะเจ้าของงานยังไม่อยากให้ ‘เพื่อนเก่า’ เสียน้ำใจ แต่สายตาไม่วายมองจอมขวัญที่เดินไปนั่งโต๊ะเดียวกับจารวี เธอช่างไม่รู้เลยว่าควรช่วยเขาออกไปจากนิรชาในฐานะว่าที่เจ้าสาว แต่เธอคงยังไม่รู้ตัวกระมังถึงได้ไม่สนใจเขาแบบนั้น
1 ตอนนี้ ซ้อนกลรักเจ้าสาวมาเฟีย วางจำหน่ายใน MEB แล้วหมวด นิยายโรมานซ์ (มันจะโรมานต์ในบทที่ 10 ค่ะ เลยต้องมาอยู่หมวดนี้ ไม่แน่ใจว่าลงฉากนั้นเต็มๆ ในแต่ละเว็บจะถูกแบนไหม)
2. โบว์ทำโปรโมชั่นราคาหนังสือเต็มๆ 329 เหลือ 149 เป็นเวลา 21 วันค่ะ ลดสุดๆ รบกวนช่วยมาพาปรานต์กับยัยจอมไปบนชั้นหนังสือหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ เพื่อเป็นกำลังใจกับผู้เขียน
3. โบว์จะลงให้อ่านถึงบทที่ 15 นะคะ แล้วจะหยุดอัพนิยาย
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 258
แสดงความคิดเห็น