ภาคโซมายา บทที่ 9 รับภารกิจ
"เนื่องจากคฤหาสน์ของเรามีนายท่านคนเดียวคือนายท่านเซเฟอร์ จึงไม่เคยรับคนงานเลย แต่เมื่อสิบวันก่อนนายท่านเซเฟอร์ได้รับบาดเจ็บ กระผมจึงต้องไปดูแล ดังนั้นกระผมจึงจำเป็นต้องรับคนเพิ่มเพื่อมาดูแลคฤหาสน์ในขณะที่กระผมไม่อยู่น่ะขอรับ" คำอธิบายของไลเบนไม่ได้ช่วยไขข้อข้องใจให้เธอสักเท่าไหร่
"ถ้าจะรับคนงานเพื่อดูแลงานจิปาถะก็ไม่เห็นต้องทับรอยประทับเลยนี่คะ ได้ยินว่ารอยประทับคือพนักงานขั้นที่สาม โดยมีหน้าที่ฝึกสอนพนักงานขั้นที่หนึ่งและขั้นที่สอง หรือว่าคุณไลเบนจะให้ฉันกับฮาฟสอน เอ่อ..." เด็กสาวปรายตามองเด็กหญิงและเจ้าสี่ขาที่กำลังเดินวนรอบชุดรับแขกที่ทุกคนนั่งอยู่พร้อมกับใช้จมูกสูดดมกลิ่นไปทั่ว
"โฮ่ง!" เสียงเห่าประท้วงอย่างไม่ยินยอมจากเจ้าขนปุยทำเอาเด็กสาวสะดุ้ง
"โอ๊ะ! ลืมไปได้ยังไงกันล่ะเนี่ย เอาล่ะขอรับกระผมขออนุญาตแนะนำหน่วยลาดตระเวนฝีมือดีของคฤหาสน์เรา กาบี้ขอรับ กาบี้เป็นภูติจิ้งจอกฝีมือดีที่ยอดเยี่ยมไร้คนเทียมของคฤหาสน์เราเลยนะขอรับ" ไลเบนผายมือ ภูติจิ้งจอกก็กระโดดขึ้นมานั่งบนโต๊ะ ใช้สายตามองสมาชิกใหม่อย่างสำรวจ โชคดีที่โต๊ะแข็งแรงจึงไม่หักโค่นลง
"เอาล่ะกาบี้ ลงจากเวทีแล้วไปนั่งเป็นสง่าบนเก้าอี้ได้แล้วขอรับ" ภูติจิ้งจอกปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เอลลานีนถึงกับฉีกยิ้มอย่างถูกใจ อดที่จะชื่นชมไม่ได้ว่าภูติจิ้งจอกช่างฉลาดแท้
"ฉันเอลล่า ยินดีที่ได้รู้จักนายนะกาบี้ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ" เด็กสาวส่งยิ้มให้ภูติจิ้งจอกอย่างตื่นเต้น ฝ่ายนั้นไม่ปลายตามองเธอสักนิด แต่กลับไปจับจ้องเด็กหนุ่มข้างๆ แทน
"ฉันฮาฟ ยินดีที่ได้รู้จักนะกาบี้" เด็กหนุ่มทนการจับจ้องไม่ไหวจึงต้องแนะนำตัว
"ส่วนนี่เชลี ผู้ช่วยของพวกท่าน" เด็กหญิงใช้ดวงตาสีครามบริสุทธิ์อ่อนโยนมองสมาชิกใหม่อย่างตื่นเต้น ดวงหน้าเล็กล้อมกรอบด้วยกระผมสีทองที่ตอนนี้ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง มงกุฎดอกไม้บนศีรษะเล็กๆ เอียงกระเท่เร่ แต่ยามที่กลีบปากคลี่ยิ้มอย่างยินดีก็ทำให้ดวงหน้าอ่อนเยาว์แจ่มกระจ่างชวนมอง ปีกเล็กกลางหลังกระพือทำให้ร่างของเด็กหญิงลอยขึ้นจากพื้น แต่ยังไม่ทันจะหล่นตุ๊บลงกลางโต๊ะไลเบนก็เอื้อมมือคว้าร่างของเธอวางลงบนเก้าอี้ข้างตัวเสียก่อน
"ยินดีต้อนรับท่านเอลล่าและท่านฮาฟเจ้าค่ะ" เสียงใสกังวาลดังออกมาจากกลีบปากจิ้มลิ้ม
"ภูติ" เอลลานีนอุทานอย่างตืนเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นสิ่งที่อยู่แต่ในนิทานตัวเป็นๆ จึงตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ ผิดจากฮาฟที่ยังคงมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าปกติที่สุด
"ใช่เจ้าค่ะ เชลีเป็นภูติ และเป็นภูติที่สวยที่สุด้วยเจ้าค่ะ"
"เป็นภูติที่หลงตัวเองที่สุดต่างหากล่ะขอรับ" ชายหนุ่มว่า
"เอ๊ะ! ลุงไลเบน พูดอย่างนี้เชลีไม่ทำอาหารให้ทานนะเจ้าคะ" ภูติน้อยเก็บปีกพร้อมกับมองสมาชิกใหม่อย่างตื่นเต้น
"สรุปว่าจะให้พวกเราสอนงานคุณเชลีและคุณ...เอ่อ...กาบี้เหรอคะ" เอลลานีนถามอย่างสงสัย
"ไม่ขอรับ ทั้งเชลีและกาบี้จะเป็นผู้ช่วยของพวกท่าน
"อย่าบอกนะครับว่า นายท่านกำหนดภารกิจให้พวกเราด้วยตัวเอง" ฮาฟที่นั่งมานานถามขึ้น รอยยิ้มจากไลเบนทำให้ฮาฟถึงกับมองเขาอย่างคาดไม่ถึง
"สุดยอดไปเลยครับ" เขาว่าพร้อมกับยิ้มอย่างตื่นเต้น
"ไม่ใช่ภารกิจของนายท่าน แต่เป็นภารกิจของเทซนิมขอรับ พวกท่านพร้อมที่จะรับภารกิจเลยไหมขอรับ" เอลลานีนหันไปขอความเห็นจากฮาฟ ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ เธอเลยต้องปล่อยให้เลยตามเลย เพราะคนที่รู้เรื่องดีก็คือฮาฟ ดังนั้นเธอจึงปล่อยให้เขาตัดสินใจเสียเลย
"ภารกิจแรกและภารกิจเดียวของท่านทั้งสอง ก็คือภารกิจใช้หนี้คืนศักดิ์ศรีให้กับคฤหาสน์เทซนิมขอรับ"
"ให้เราหาเงินใช้หนี้ให้เทซนิมเหรอ" เอลลานีนโพล่งขึ้น
"ใช่ขอรับ" ไลเบนค้อมศีรษะรับ
"ยังไงครับคุณไลเบน" ฮาฟที่นั่งฟังมานานถามขึ้น
"คืออย่างนี้ขอรับ เมื่อสิบปีก่อนเทศนิมได้ทำการยืมเงินของเจ้าชายเฮฟฟินฟแห่งคฤหาสน์บีฮาร์ เป็นจำนวน 20 เหรียญทอง ยืนเงินเจ้าหญิงโรเซร่าแห่งคฤหาสน์เบรย์เดนเป็นจำนวน 25 เหรียญทอง เพื่อนำมาซ่อมแซมคฤหาสน์จากการถูกเพลิงไหม้ รวมหนี้สินทั้งหมดเป็นจำนวนเงินยี่สิบห้าเหรียญทอง หรือเท่ากับสองพันห้าร้อยไพพ์ พวกท่านจะต้องปลดหนี้ทั้งหมดภายในหนึ่งปีจึงจะผ่านการทดสอบ" ไลเบนเลื่อนเอกสารรายละเอียดสัญญาพร้อมปากกาขนนกไปตรงหน้าของทั้งคู่
"ทำไมนายท่านต้องยืมเงินคนไปทั่วอย่างนั้นล่ะ นายท่านของเราไม่มีเงินเลยเหรอ แล้วจะให้หาเงินมาใช้หนี้ภายในปีเดียวเนี่ยนะ ฉันไม่เซ้นต์ยินยอมการเป็นธาสนี้หรอกนะ" เด็กสาวปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับผลักสัญญาห่างตัว ผิดกับฮาฟที่จุมปากกากับน้ำหมึกแล้วจรดลงบนสัญญาของตัวเองอย่างไม่ลังเล
"นายท่านเซเฟอร์เป็นนักเดินทางพเนจร นายท่านเคยช่วยเจ้าหญิงโรเซร่าจากปีสาจ ราชาแม็คโรริกจึงมอบที่ดินติดเชิงเขาพร้อมสร้างคฤหาสน์ให้เป็นที่พำนัก ไม่นานคฤหาสน์ก็ถูกเพลิงไหม้ นายท่านไม่อยากรับความช่วยเหลือจากราชาอีกจึงเลือกที่จะยืมเงินจากคฤหาสน์เบรย์เดน แต่เทซนิมเสียหายอย่างหนัก และการซ่อมแซมในครั้งนั้นก็ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก นายท่านจึงยืมเงินจากคฤหาสน์บีฮาร์มาเพิ่ม โดยกำหนดคืนเงินทั้งสองคฤหาสน์ในวันที่หนึ่งของเดือนที่ห้าในปีหน้าซึ่งเป็นวันโซม่า วันเฉลิมฉลองของเมืองโซมายานะขอรับ" ไลเบนอธิบายอย่างใจเย็น ผิดกับเอลลานีนที่รู้สึกไม่พอใจกับภารกิจที่ได้รับ
"เฮ้อ! ฉันไม่เข้าใจจริงๆ นี่นายยอมทำภารกิจบ้าๆ นี้ด้วยเหรอฮาฟ" ยังคงเป็นเอลลานีนที่หันไปถามเด็กหนุ่มอย่างอึ้งๆ เมื่อไม่เห็นแววต่อต้านจากเขา แถมสีหน้าสีตาก็ดูจะดีใจเกินเบอร์
"นี่มันเข้าสู่พนักงานขั้นที่สี่แบบทางลัดเลยนะ ไม่ต้องทนตั้งสามปีแหนะ อีกอย่างนายท่านก็ไม่ได้เอาเปรียบเราสักหน่อย ดูสิรอยประทับนี่กะรันตีว่าฉันกับเธอเป็นพนักงานขั้นที่สามแล้ว ฉันไม่เห็นว่าตัวเองจะถูกเอาเปรียบที่ตรงไหนเลย" ฮาฟอธิบายยาวเหยียดพร้อมกับเลื่อนสัญญาที่ลงลายมือชื่อให้ไลเบน
"แล้วถ้าทำไม่สำเร็จล่า" ยังคงเป็นเอลลานีนที่ตั้งคำถาม พร้อมกับจ้องสัญญาอย่างสยอง
"ถ้าไม่ผ่านการทดสอบ ท่านทั้งสองก็จะถูกส่งต่อไปยังคฤหาสน์อื่น หรือถ้าไม่มีคฤหาสน์ไหนประสงค์รับคนงานเพิ่ม พวกท่านก็จะต้องไปเป็นคนงานกลางซึ่งอยู่ในความดูแลของเมืองโซมายา ทำงานใช้หนี้คฤหาสน์เทซนิมเป็นเวลาห้าปีโดยที่ท่านจะไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ"
"นี่มันค้ามนุษย์ชัดๆ" เด็กสาวอุทานอย่างตระหนก เธอหันไปหาพรรคพวกเพื่อจะได้ต่อรองได้บ้าง แต่เด็กหนุ่มไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเธอด้วยซ้ำ
"ฮาฟ นายไม่คิดว่ามันจะเกินไปหน่อยเหรอ" เอลลานีนทนกับความไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวของฮาฟไม่ไหวอีกต่อไป จึงตัดสินใจดึงสัญญาของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไลเบนกลับมา ฮาฟเงยหน้ามองเธออย่างฉงน
"ไม่นะ ถือว่าเป็นภารกิจที่สบายสุดๆ แล้วล่ะ" เขาว่าพร้อมกับเลื่อนสัญญาของตัวเองไปตรงหน้าไลเบนอีกครั้ง
"สบายยังไงฉันไม่เข้าใจ หาเงินมาใช้หนี้ให้นายท่านที่เอาแต่ก่อนหนี้เนี่ยนะ แถมถ้าทำไม่ได้ยังต้องถูกขายให้ที่อื่นอีก นี่มันริดรอนอิสรภาพชัดๆ" เอลลานีนโต้แย่งอย่างไม่ยินยอม ขณะที่ไลเบนลุกจากที่นั่งเตรียมตัวจะจากไปเขาก็หันมาพูดกับเด็กสาว
"ก็อย่างที่ท่านฮาฟว่าแหละขอรับ ภารกิจนี้ไม่ได้หนักหนา หน้าที่ของพวกท่านคือหาวิธีใช้หนี้ เวลาก็ตั้งหนึ่งปี ท่านเอลล่าจะไร้ความสามารถขนาดนั้นเลยเหรอขอรับ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เสียแรงที่นายท่านใช้พลังรับรองความสามารถของพวกท่านแล้ว ยังไงก็ตามกระกระผมหวังว่านายท่านเซเฟอร์จะมองคนไม่ผิดนะขอรับ" พูดจบไลเบนก็ค้มศีรษะให้ทั้งคู่
"ไม่ต้องกังวลครับคุณไลเบน พวกเราจะปฏิบัติภารกิจที่นายท่านมอบหมายให้ได้สำเร็จแน่นอน ฝากบอกนายท่านด้วยว่าขอให้หายจากการบาดเจ็บไวๆ นะครับ" ฮาฟให้คำมั่น ขณะที่เอลลานีนยังคงไม่ยินยอมกับภารกิจที่ได้รับ
"ขอให้ท่านทั้งสองสนุกกับการปฏิบัติภารกิจนะขอรับ ทั้งกาบี้และเชลีจะเป็นผู้ช่วยให้กับพวกท่าน และอย่าลืมว่ากระผมและนายท่านจะคอยเฝ้ามองพวกท่านเสมอนะขอรับ" จบคำไลเบนก็ค้อมศรีษะให้คนทั้งคู่อีกครั้งแล้วก็เลือนหายไป
"เฮ้ย! จะหนีไปอย่างนี้ไม่ได้นะ ฉันจะกลับบ้าน ไม่ทำมันแล้วงานเนี่ย" เอลลานีนลุกจากที่นั่ง แต่พอเห็นจุดที่ไลเบนยืนอยู่ว่างเปล่าไปเสียแล้วเธอก็ต้องถอนใจอย่างหงุดหงิด
"ลงนามเถอะเอลล่า ยังไงเราก็หนีไม่พ้นหรอก ถ้าเธอกับฉันยังมีรอยประทับบนข้อมมืออยู่ หากพวกเราอยู่ที่นี่ก็จะปลอดภัยและได้รับการคุ้มครอง แต่ถ้าจะหนีจากที่นี่โดยที่มีรอยประทับติดตัวไปด้วยนั้น โอกาสที่พวกเราจะหนีรอดไม่มีเลย ฉันคิดว่าพวกเราอาจตายก่อนจะไปถึงเมืองลูน่าด้วยซ้ำ ฉะนั้นสิ่งที่เธอกับฉันทำได้ในตอนนี้คือรับภารกิจและคิดวิธีหาเงินมาใช้หนี้ดีกว่านะ" ฮาฟโน้มน้าวด้วยเหตุผลก่อนจะเลื่อนเอกสารสัญญาให้เด็กสาว อีกมือก็ดึงแขนให้เธอนั่งลง เอลลานีนกระแทกตัวนั่งอย่างไม่เต็มใจ พร้อมกับคว้าปากกาขนนกจากมือของเขาลงลายมือชื่อบนเอกสาร เธอยอมรับว่าเกลียดความรู้สึกถูกบีบบังคับจากผู้ที่เหนือกว่าที่สุด
"แค่หนึ่งปีใช่ไหม ได้ซิ ฉันจะอนุญาตให้นายบังคับฉันได้แค่หนึ่งปีเท่านั้นแหละ” เด็กสาวพึมพำ ในใจก็แช่งชักหักกระดูกบุรุษตาสีฟ้าที่ชักนำเธอมาพบเจอความอยุติธรรมไปหลายชั่วโคตร
"แล้วถ้าพวกเราไม่ทำล่ะ จะเกิดอะไรไหม" เด็กสาวเงยหน้าถามคนข้างตัวด้วยน้ำเสียงแฝงความเจ้าเล่ห์ไว้เต็มเปี่ยม
"ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ต่อให้เชลีจะไม่ฟ้องนายท่าน นายท่านก็จะรู้ทุกความเคลื่อนไหวของทุกคนเจ้าค่ะ" คำอธิบายของภูติน้อยเชลีทำเอาเอลลานีนสะดุ้งโหยง นี่เธอลืมไปได้ยังไงว่าในโถงแห่งนี้ยังมีหนึ่งหมาหนึ่งภูติอยู่ตรงนี้ด้วย
"รู้ได้ยังไงล่ะ" เธอถามด้วยความกังขา
"ก็รอยประทับบนข้อมมือของพวกเรายังไงล่ะ มันลงอักขระมนต์ติดตามตัวของเจ้าของคฤหาสน์เอาไว้ นี่ฉันถามจริงๆ เถอะนะ เธอมาสมัครงานโดยที่ไม่ได้อ่านกฎระเบียบมาเลยรึยังไง" ฮาฟจ้องเด็กสาวอย่างฉงน
"เอ่อ...คือ...อื้อ" เด็กสาวพยักหน้า
"ฉันไม่ได้อ่านมาเลย ไม่รู้เรื่องของที่นี่เลย" เธอสารภาพเสียงอ่อย
"แปลกจัง ทำไมเธอถึงไม่รู้ล่ะ นี่เป็นกฎระเบียบขั้นพื้นฐานที่พวกเราชาวลูน่าจะต้องรู้กันทุกคนนะ" ฮาฟมีสีหน้าสงสัย เอลลานีนเองก็ตกใจ ขืนบอกความจริงเห็นทีจะแย่ เธอจึงชะงักไปนิดหนึ่งเพื่อเรียบเรียงเรื่องราวก่อนจะอธิบายให้ทั้งคนและภูติฟัง
"บางทีอาจจะเป็นผลมาจากตอนที่ฉันถูกเพื่อนผลักตกน้ำเมื่อสามเดือนก่อนละมั้ง ตั้งแต่ฉันฟื้นขึ้นมาก็จำอะไรๆ ไม่ค่อยจะได้" เด็กสาวยกเอาเหตุการณ์ตกน้ำขึ้นมาเพื่อจะได้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
"เธอเองหรอกเหรอ เด็กผู้หญิงที่ถูกพวกยายแอมเบอร์ผลักตกน้ำที่สวนนั่น" ฮาฟว่า เด็กสาวจึงพยักหน้าแรงๆ
"ใช่ฉันเอง พอฟื้นขึ้นมาทุกอย่างในหัวก็ว่างเปล่าไปหมด เป็นพี่สาวของฉันที่คอยบอกเล่าและฟื้นฟูความทรงจำให้ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ฉันยังคงจำอะไรไม่ได้สักอย่าง ไม่อย่างนั้นพี่สาวของฉันจะยัดหนังสือกฎระเบียบของเมืองโซมายาให้ฉันเหรอ นี่ไงหลักฐาน" เด็กสาวหยิบหนังสือเล่มบางออกจากกระเป๋าวางลงบนโต๊ะ
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเชลีจะเป็นคนบอกท่านเอลล่าเองเจ้าค่ะ"
ภูติน้อยเชลีปรี่เข้ามาเอื้อมมือเล็กแตะลงบนลำแขนอวบๆ ของเธออย่างปลอบใจ ขณะเดียวกันก็แอบใช้พลังตรวจสอบคำพูดของเด็กสาวโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าไม่ผิดจากที่เด็กสาวพูดไว้ เชลีก็รู้สึกเห็นใจเธอไม่น้อย สิ่งที่เชลีเห็นคือหลังจากที่เอลลานีนถูกช่วยขึ้นจากน้ำ และช่วงเวลาที่อลิเซียคอยดูแลน้องสาวด้วยความห่วงใหญ่ แต่ภูติน้อยเชลีไม่สามารถสัมผัสถึงดวงจิตแปลกปลอมที่เข้ามายึดครองร่างของเด็กสาวได้เลย
"เอาล่ะ ฉันก็แค่สงสัย ถ้าเธออยากรู้เรื่องอะไรก็ถามฉันก็ได้" เด็กหนุ่มกระผมสีฟางแห้งสรุป เด็กสาวจึงส่งยิ้มขอบคุณให้เขา แต่เสียงครวญครางของท้องเด็กสาวทำให้ทั้งฮาฟและเชลียิ้มออกมาอย่างขบขัน
"เชิญท่านฮาฟและท่านเอลล่าที่โต๊ะรับประทานอาหารเจ้าค่ะ" เชลีเชื้อเชิญก่อนจะวิ่งนำไปยังอีกห้อง ทั้งคู่จึงลุกเดินตามเชลีโดยมีกาบี้เดินส่ายหางดุ๊กดิ๊กด้วยอาการร่าเริงตามไปติดๆ
หลังจากที่เชลีบริการอาหารการกินให้กับชาวลูน่าทั้งสองเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงลงความเห็นว่าพรุ่งนี้ควรมาหารือเรื่องภารกิจที่ได้รับมอบหมายกันใหม่อีกครั้ง ดังนั้นภูติน้อยจึงพาสมาชิกใหม่ไปยังห้องนอนเพื่อพักผ่อน
เมื่อแยกตัวกับฮาฟเข้าห้องนอนเอลลานีนจึงทิ้งตัวลงลนเตียงนุ่มๆ อย่างอ่อนเพลีย กวาดตามองรอบห้องอย่างพึงพอใจ ห้องนอนของเธออยู่บนชั้นสองของคฤหาสน์ ภายในมีแต่เฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น เช่น โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า เตียงนอน และห้องน้ำส่วนตัว เด็กสาวหวลนึกถึงข้อสงสัยของเธอและได้รับคำตอบจากฮาฟบนโต๊ะอาหารว่า ภารกิจที่ทั้งคู่ได้รับนั้นถือว่าไม่ยากจนเกินไป เพราะถ้าเป็นภารกิจอื่นที่เขาเคยได้ยินมานั้น ตลอดหนึ่งปีในการทดสอบผู้ถูกเลือกก็จะต้องปฏิบัติภารกิจเหล่านี้
ภารกิจแรกคือต้องเรียนรู้งานในคฤหาสน์จากพ่อบ้านแม่บ้านให้ได้ทั้งหมด ภารกิจต่อมาคือดูแลคอกสัตว์ที่คฤหาสน์นั้นๆ เลี้ยงไว้ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่ตัวสองตัวอย่างที่คิดไว้ แต่มีเป็นร้อยๆ ตัว รวมถึงดูแลสวนในคฤหาสน์และพ่วงหน้าที่เวนยามในตอนกลางคืนด้วย เพื่อฝึกความอดทนและความแข็งแกร่ง ต่อมาคือการขึ้นเขาเพื่อเรียนรู้การแยกพืชที่กินได้และกินไม่ได้ รวมถึงฝึกวิธีการล่าสัตว์ ซึ่งภารกิจนี้ผู้ถูกเลือกและคนดูแลจะต้องไปใช้ชีวิตบนเขาเป็นเดือนๆ และมีโอกาสถูกสัตว์เวทย์ทำร้ายถึงแก่ชีวิตสูงมาก ที่ว่ามาทั้งหมดนี้คือภารกิจจากส่วนกลางซึ่งกำหนดให้คฤหาสน์นำมาใช้เพื่อทดสอบผู้ถูกเลือกที่รับเข้ามาว่าจะผ่านการทดสอบหรือไม่
แต่ถ้าเจ้าของคฤหาสน์ประสงค์ที่จะกำหนดภารกิจเองก็ต้องแจ้งกับส่วนกลางก่อน โดยต้องกำหนดเกณฑ์เพื่อวัดความสามารถผู้ทดสอบด้วย จึงจะสามารถกำหนดให้ผู้ถูกเลือกปฏิบัติภารกิจที่กำหนดได้โดยไม่ผิดกฎระเบียบของเมือง แต่ภารกิจที่กำหนดขึ้นมานั้นจะต้องผ่านความเห็นชอบจากสถานศึกษาโซมายาด้วย ถึงจะนำมาทดสอบผู้ถูกเลือกในคฤหาสน์ของตนได้ ดังนั้นภารกิจที่ทั้งคู่ได้รับจากนายท่านเซเฟอร์ จึงเป็นภารกิจที่ผ่านความเห็นชอบด้วยประการทั้งปวง และไม่ผิดกฎเมืองอีกด้วย แถมยังกำหนดเกณฑ์วัด และบทสรุปไว้อย่างเสร็จสับ
"เฮ่อ! นายท่านของฉันเนี่ยฉลาดจริงๆ สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อย่างสวยสดงดงาม ถ้างานนี้หนี้ไม่หมดชีวิตของฉันก็จะต้องจบเห่อย่างไม่ต้องสงสัย" เด็กสาวรำพึงอย่างปวดใจ แต่ก็ยังไม่วายบ่นต่อ
"อย่าให้ฉันได้มีโอกาสเอาคืนบ้างนะ ฉันจะเล่นนายให้หนักเลย นายตาฟ้า คอยดู" เอลลานีนหมายมาด แล้วก็กระเด้งตัวปรี่เข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย คล้อยหลังเด็กสาวเงาเลือนรางก็ปรากฏกลางห้อง มุมปากของเจ้าของร่างยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ประกายสีน้ำทะเลจากเจ้าของดวงตาทอดมองบานประตูห้องน้ำอย่างขบขันก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไป
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 277
แสดงความคิดเห็น