บางครั้ง ความต่างก็ไม่สามารถแก้ไขได้ การแยกทางคือสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
ปัญหาเรื่องความรักสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน หากเป็นปัญหาอย่างความเข้าใจผิดหรือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังพอจะปรับความเข้าใจกันได้ ทว่าหากเรื่องนั้นเป็นเรื่องความต่างของความคิดหรือการใช้ชีวิตแล้วละก็ ปัญหาเหล่านั้นอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในทันที
หลายคนอาจบอกว่า ปัญหาพวกนี้ คนสองคนสามารถปรับตัวเข้าหากันได้ ขอเพียงมีโอกาสและเวลาที่มากพอ เรื่องแค่นี้สามารถแก้ไขได้ ซึ่งนั่นก็ไม่ผิด
แต่มันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมเข้าใจและไม่ยอมปรับ แน่นอนว่า สำหรับคนสองคน หากคนใดคนหนึ่งพยายามปรับความคิดหรือการใช้ชีวิตแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอมปรับ สุดท้ายแล้วปัญหานั้นคงแก้ไม่ตก เพราะคนเพียงคนเดียวคงไม่อาจฝืนใจตัวเองเพื่อปรับตัวให้ใครอีกคนพึงพอใจได้ตลอดเวลา อีกทั้งหากคนคนนั้นปรับเปลี่ยนตัวเองสุดๆ แล้ว แต่อีกฝ่ายยังคงเรียกร้องและไม่พอใจ สุดท้ายแล้วคนที่ปรับตัวคงทนไม่ไหวในสักวัน
จริงอยู่ว่าเมื่อตัดสินใจคบหากันแล้ว สำหรับบางคนคงจะอยากให้มันเป็นความรักที่ยั่งยืน ดังนั้นจึงยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตคู่ยังคงเดินต่อไป แต่ถ้าเรานิยามกันว่าความรักคือความสุข แล้วชีวิตคู่กลับหาความสุขนั้นไม่เจอเลย เรายังจะเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่าความรักได้อีกหรือเปล่า
แน่นอนว่า สำหรับคนที่ฝืนตัวเองคงจะรู้สึกเหนื่อยไม่น้อย เพราะสิ่งที่ทำอยู่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง นอกจากนี้การกระทำบางอย่าง ยังทำให้เราต้องพลาดอะไรหลายอย่างในชีวิตไป ด้วยความที่ว่าเราแคร์อีกคนมากไป จนไม่มีเวลาให้ตัวเอง
สำหรับคนที่เป็นฝ่ายรับ แน่นอนว่าย่อมมีบางอย่างทำให้เราขัดใจ เพราะบางการกระทำ อีกฝ่ายก็ช่างไม่เป็นไปตามที่ตัวเองหวังเอาไว้ เมื่อเป็นแบบนั้นก็มักจะมีคำถามอยู่เสมอ ว่าทำไมคนรักไม่เป็นแบบนั้น ทำไมคนรักไม่เป็นแบบนี้ นี่หรือคือคนที่รักกัน ทั้งที่ลืมนึกไปว่า อีกฝ่ายจะฝืนใจทำหรือเปล่า และสิ่งที่อีกฝ่ายทำ เกิดจากความชอบหรือไม่ แล้วต้องปรับเปลี่ยนตัวเองมากแค่ไหนเพื่อเรา
ถ้ายกตัวอย่างที่จะทำให้ท่านผู้อ่านมองเห็นภาพได้ชัดเจน ก็คงจะเป็นความต่างของอายุและการทำงาน อาทิ ฝ่ายชายอยู่ในช่วงทำงาน ส่วนฝ่ายหญิงยังเรียนมหาวิทยาลัยหรือไม่ได้ทำงาน
ฝ่ายหญิงต้องการให้ฝ่ายชายมีเวลาให้ตัวเองเยอะๆ ในขณะที่ฝ่ายชายแทบไม่มีเวลา แต่ฝ่ายชายก็พยายามที่จะมอบเวลาให้ฝ่ายหญิง ทั้งที่รู้ว่าแค่นี้ตัวฝ่ายชายก็แทบไม่มีเวลาพักผ่อนอยู่แล้ว
หากความขัดแย้งเหล่านี้ถูกแก้ได้ด้วยความเข้าใจ เช่นฝ่ายชายอธิบายให้ฝ่ายหญิงทราบ แล้วฝ่ายหญิงยอมรับ แล้วเรียกร้องเวลาน้อยลงหรือปรับตัวอยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจ ปัญหาที่ยกตัวอย่างมานี้ก็คงจบ
แต่ในทางกลับกัน ถ้าฝ่ายหญิงไม่เข้าใจ มิหนำซ้ำยังเรียกร้องเวลาเพิ่มมากขึ้น เมื่อฝ่ายชายทำให้ไม่ได้ก็ต่อว่าต่างๆ นานา ฝ่ายชายอธิบายความจำเป็นไปก็ไม่เกิดผล สุดท้ายแล้วคงกลายเป็นปัญหาเรื้อรังแก้ไม่จบไม่สิ้น จนอาจจะกลายเป็นความบาดหมางและเลิกกันในที่สุด
หากเรากำลังพบเจอกับเหตุการณ์ทำนองนี้ในชีวิตคู่แล้วแก้ปัญหาไม่ตกสักที สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ ถามตัวเองให้ดีว่ามีความสุขกับสิ่งที่ทำหรือเปล่า หากยังมีความสุขและคิดว่ายังทนไหวก็ทำต่อไป เพราะถือว่าเราเต็มใจที่จะทำ
แต่หากถามตัวเองแล้วคำตอบคือ “ไม่” หรือทำแล้ว “อึดอัด” ไม่ว่าทำอย่างไรก็แก้ปัญหาทำนองนี้ไม่จบไม่สิ้นสักที นั่นแสดงว่าความต่างนี้แก้ไขไม่ได้ ทางที่ดีคือจบความสัมพันธ์นั้นไป แล้วเริ่มต้นใหม่เสีย เพราะอย่าลืมว่า ชีวิตคู่ที่หาความสุขไม่ได้ และมีแต่ความอึดอัด นั่นไม่ใช่ความรักแล้วล่ะ ลองเปิดใจหาคนที่ยอมรับในตัวเราหรือพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนความคิดและการใช้ชีวิตเข้าหากันได้จะดีกว่า อย่าลืมว่าบางความต่างเราก็แก้ไขไม่ได้ เพราะปัญหาไม่ได้เกิดที่ตัวเรา ดังนั้นการถอยออกมานี่แหละ ดีที่สุดแล้ว
- 👁️ ยอดวิว 1159
แสดงความคิดเห็น