บทที่ 11...2/3
ป้าพิสมัยได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดหน้าร้านก็รีบเดินมาเปิดประตูไว้รอเมื่อเห็นว่าเป็นเมษา เรื่องที่เกิดขึ้นตัวนางเองกับป้าอรพากันไม่สบายใจเพราะเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตอนที่เมษาสอบถามแล้วบอกให้หมิวช่วยตรวจกล้องวงจรปิดในห้องครัว ทุกอย่างดูปกติดีไม่มีใครใส่อะไรที่ผิดปกติลงไปในขนม แต่แขกคนนั้นท้องเสียอย่างรุนแรง หากหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่พบ ขนมของร้านคงกลายเป็นต้นเหตุ พอเห็นใบหน้าเพลียๆ ของเมษา ป้าพิสมัยก็รีบหาน้ำกับเลื่อนเก้าอี้ให้พลางถามอย่างห่วงใย
“เป็นยังไงบ้านคะหนูเม ขนมของร้านไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
เมษารับน้ำมาดื่มเพื่อจะได้มีเวลาคิดก่อนตอบว่า “ตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบอะไร ตอนนี้เมให้รุ่นน้องเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบอย่างละเอียดค่ะ ไม่นานคงได้คำตอบ”
“ทำไมจู่ๆ ขนมถึงมีปัญหาได้นะ ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย ขนมร้านของเราก็ทำใหม่ๆ แล้วส่งเลย เรื่องจะเสียหรือบูดมันยากมากเลยนะคะ” ป้าพิสมัยก็พูดไปตามที่ทำมาตลอดอดไม่ได้ก็ถอนใจกังวลไปด้วย
“เอาไว้รอผลตรวจสอบออกมาคงได้รู้ว่าเพราะขนม หรือว่าเพราะใครค่ะ” เมษายังไม่ปักใจเชื่ออะไรทั้งนั้น แม้จะมั่นใจว่าขนมในร้านสะอาดและไม่มีสารปนเปื้อนก็ตาม “เมขอไปพักก่อนนะคะ ช่วงนี้เพลียง่ายเหลือเกิน”
“ถ้างั้นนอนพักไปเลยนะหนูเม เดี๋ยวหน้าร้าน ป้ากับหมิวดูแลให้เอง”
เมษาค่อยยิ้มออกเพราะเรื่องนี้เธอเบาใจได้แน่นอน
“ขอบคุณนะคะ”
ป้าพิสมัยเดินมาส่งเมษาที่บันไดแล้วรอจนเห็นว่าหญิงสาวเดินขึ้นไปโดยไม่เซไม่ล้มก็ค่อยโล่งอก ลูกค้าเข้าร้านมาพอดีป้าพิสมัยจึงเดินไปต้อนรับ หมิวเพิ่งมาจากห้องครัวถึงจึงช่วยรับออเดอร์ ก่อนจะถามไถ่ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากป้าพิสมัย สายตาแต่ละคนมองไปยังชั้นสามของร้านแล้วพากันเป็นห่วง
ภามได้กลิ่นหอมของอาหารค่ำที่ผู้เป็นแม่ทำไว้รอลูกชาย เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ครอบครัวยังพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่และลูกชายทั้งสองคน แม้ว่าพี่ภูมิจะแต่งงานย้ายไปอยู่บ้านอีกหลัง แต่บางวันเขาก็กลับมาทานข้าวด้วยกัน แต่ตอนนี้ภายในห้องอาหารนอกจากสาวใช้แล้ว เหลือเพียงแค่เนตรากับลูกชายเท่านั้น จากโต๊ะตัวยาวจึงเหลือเพียงโต๊ะกลมที่แม่กับลูกจะทานอาหารไปพลางคุยไปพลาง
“เรื่องขนมที่แขกของโรงแรมทานไปแล้วท้องเสีย ได้บทสรุปหรือยังน่ะภาม” แม้เนตราจะวางมือแล้ว แต่เรื่องในโรงแรมก็พอจะมีคนส่งข่าวให้รู้เรื่องตลอด
“ยังครับ เบื้องต้นไม่มีสารบอแรกซ์ นักวิทย์เก็บตัวอย่างไปตรวจหาสารปนเปื้อนอยู่ครับ กำลังเร่งอยู่ อาจได้คำตอบก่อนเที่ยงของพรุ่งนี้” ภามบอกเพราะไม่ได้เป็นความลับ ในเมื่อแม่ของเขายังมีชื่อเป็นหุ้นส่วนของโรงแรมอยู่ แม้จะไม่ได้เข้าไปบริหารงานแล้วก็ตาม
“แล้วหนูเมว่ายังไง”
“เมษาหาคนมาตรวจสอบเพื่อเทียบกับคนที่โรงแรมหามา ผมไม่ได้ช่วยอะไรเลย เมษาสั่งห้าม”
เนตราเหล่มองลูกชายที่หากพูดด้วยน้ำเสียงเข้มๆ ต่ำๆ แบบนี้คงไม่พ้นน้อยใจเมษา นานๆ ทีหรอกที่ภามจะรู้สึกแบบนี้กับใคร
“แล้วภามก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง”
ภามกอดอกถอนใจเซ็งๆ เพราะขัดใจตรงนี้เอง “ผมอยากเข้าไปในการประชุมวันนี้จะแย่ แต่ทำไม่ได้เดี๋ยวจะส่งผลต่อเมษา อีกทั้งเจ้าตัวยังสั่งแบบนั้น ผมก็เลยอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ”
“หนูเมเป็นอย่างที่แม่คิดไว้เลย อ่อนนอก แต่เข้มแข็งอยู่ข้างใน”
“ผมเกือบจะน้อยใจ” จริงๆ ก็น้อยใจไปแล้วล่ะ เพียงแต่คำพูดของเมษาที่เป็นห่วงไม่อยากให้เขาถูกว่าร้าย แทนที่เธอจะห่วงแต่ตัวเอง ทำให้เขายั้งตัวเองได้ทัน
บทเรียนของการมีชีวิตคู่ก็เริ่มมาจากการคิดถึงใจเขาใจเรา เนตรายิ้มชอบใจนับว่านางดูคนไม่ผิด
“ภามควรดีใจที่หนูเมเป็นคนที่ยืนหยัดด้วยตัวเองได้ การที่จะเป็นแฟนกันควรรู้ว่าควรช่วยแฟนอย่างถูกต้องอย่างไร ที่ผ่านมาแม่ไม่ได้ขอให้พ่อช่วยแม่ทุกเรื่อง แต่พ่อรู้ตลอดว่าจะช่วยแม่ยังไง ถ้ามั่นใจว่าแม่ไม่ได้ผิด แต่ถ้าแม่ผิดจริง พ่อจะคอยปลอบใจและหาทางไม่ให้ผิดอีก”
จากที่ยังน้อยใจเมษาอยู่บ้าง พอได้ฟังคำสอนของแม่ก็ทำให้ภามได้คิดว่าเมษาเป็นผู้หญิงแบบนั้น เธอเข้มแข็ง ยืนหยัด มีน้ำใจ คิดถึงคนอื่น แล้วเขาจะมาคิดเล็กคิดน้อยในสิ่งที่เป็นข้อดีของเธอไปเพื่ออะไร
“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้ว ผมไปค้างที่ตึกโน้นนะครับ”
หน้ายิ้มใส่จานข้าวแบบนั้น เนตราไม่ได้เห็นมานานแล้ว ตอนที่ภามหมั้นกับขวัญจิราก็เพราะความเหมาะสม ไม่มีความรู้สึกรักใดๆ มาตอนนี้การให้ลูกชายได้มีอิสระพบรักด้วยตัวเอง ทำให้นางได้เห็นความสุขจากลูกชายอีกครั้ง
“คิดถึงหนูเมล่ะสิ เอ็นดูจริงๆ ลูกชายกำลังมีความรัก”
“คราวนี้ผมจริงจังครับ แต่เมษายังไม่ใจอ่อนกับผมเท่าไหร่เลย” ภามถอนใจ แต่เป็นการถอนใจที่มีความหวานอบอวลอยู่ในอก
เนตรายิ้มชอบใจในความพยายามพิชิตใจสาวของลูกชาย ที่ผ่านมานางไม่ค่อยเห็นด้วยกับพี่นลินที่หาคู่ครองมาให้ภามด้วยการเลือกหญิงสาวที่มาจากตระกูลที่เพียบพร้อม ธุรกิจเกื้อกูลกัน มีหน้าตาในสังคมทัดเทียมกัน หากภามมีความสุข นางก็ไม่มีทางขัดข้องอยู่แล้ว
แต่การหมั้นเพราะความเหมาะสมคือคำตอบว่าสุดท้ายแล้วทั้งขวัญจิราและภามก็ฝืนไม่ได้ ความหวังของคนเป็นแม่ก็แค่อยากเห็นลูกชายได้แต่งงานมีครอบครัวเท่านั้น ถ้าภูมิยังอยู่ตอนนี้นางคงได้ช่วยเลี้ยงหลาน พอคิดถึงเรื่องนี้เนตราก็เสดื่มน้ำไม่อยากร้องไห้ให้ลูกชายเห็น
ภามชะเง้อมองไปยังระเบียงชั้นสามของร้านเมนา เขามาถึงดึกไปทำให้ร้านขนมปิดแล้ว ตอนนี้เมษาคงกำลังจะเข้านอนแล้วกระมัง ชายหนุ่มไขเปิดประตูกระจกชั้นล่างของตึกข้างๆ ที่เขาซื้อไว้แล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นสาม แสงไฟจากห้องข้างๆ สาดออกมาที่ระเบียงแสดงว่าเมษายังไม่ได้เข้านอน ชายหนุ่มเดินไปที่ระเบียงแล้วเรียกหญิงสาวเสียงเบาๆ
“เมษาได้ยินผมไหม”
ภามรอฟังพยายามยื่นตัวออกมาจากระเบียงด้านข้างเผื่อว่าจะได้ยินเสียงขานตอบ แต่ยังไม่มีเสียงตอบจึงโทรหาหญิงสาวแทน เขาได้ยินเสียงโทรศัพท์จากฝั่งของเธอ แต่ทำไมเธอถึงไม่รับสาย
โครม...!?
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ตอบผมหน่อยสิ” ภามตะโกนถามเสียงไม่เบานัก
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ
ภามชะโงกพยายามมองไปที่ห้องของเมษา แต่เขาเห็นแค่เพียงหัวเตียงแวบๆ เท่านั้น ความร้อนใจทำให้เขารีบวิ่งออกจากห้องแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้าก่อนจะโหย่งตัวกระโดดข้ามกำแพงระหว่างตึกเพื่อไปยืนอยู่บนดาดฟ้าของร้านเมนา เขาเดินแกมวิ่งไปที่ประตูบานเดียวที่อยู่บนนี้ หวังใจว่าเขาจะหมุนลูกบิดได้
คลิก...
ประตูเปิดออกเมื่อภามดึงเพราะลูกบิดไม่ได้ล็อค ถ้าเจอเมษา เขาต้องเตือนเธอแล้วว่าลืมล็อคประตูบนดาดฟ้า หากเป็นคนอื่นที่มาเปิดประตูบานนี้ไม่ใช่เขาจะทำอย่างไร ชายหนุ่มเดินลงบันไดไปนิดเดียวก็มาถึงประตูห้องของเมษา ชายหนุ่มเคาะประตูแทนการจับลูกบิดแล้วเปิดเข้าไปโดยพลการ
“ผมเองเมษา คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ผมได้ยินเสียงโครมเมื่อครู่”
เมษาประหลาดใจว่าภามมาอยู่ที่ประตูหน้าห้องของเธอได้อย่างไร ทว่าน้ำเสียงเร่งร้อนเป็นห่วงของเขาทำให้เธอรีบเปิดประตู ไม่อย่างนั้นป้าพิสมัยซึ่งนอนอยู่ที่ชั้นสองคงได้ยินเสียงของเขา ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอจะอธิบายอย่างไรดี
ภามเข้ามาในห้องได้ก็จับไหล่มองเมษาที่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงขายาวผ้าพลิ้วๆ ผมยังเปียกเป็นรอยหยดน้ำที่ไหล่ แล้วเดินไปรอบตัวหญิงสาวเพื่อหาว่าเธอเจ็บตรงไหน เมษาอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าเหมือนกับว่าเธอแขนหักหรือขาหักไปแล้วอย่างไรอย่างนั้นจากภาม
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แค่เจ็บข้อเท้านิดหน่อย ฉันเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วลื่นล้ม ตอนที่คุณเรียกฉันกำลังจุกอยู่ โทรศัพท์ก็น่าจะลืมเอาไว้ที่ชั้นล่าง”
ภามนั่งชันเข่าเพื่อดูข้อเท้าที่เมษาบอกว่าเจ็บ แต่ว่ากางเกงขายาวที่หญิงสาวใส่ทำให้เห็นไม่ค่อยถนัด ชายหนุ่มทำเสียงงึมงำในลำคอก่อนจะอุ้มเมษามาบนเตียง หญิงสาวยังไม่ทันได้ตกใจด้วยซ้ำ เขาก็เลื่อนไปนั่งอยู่ที่ข้างเตียงแล้วลูบเบาๆ ที่ข้อเท้าของเธออย่างอ่อนโยนแผ่วเบา
“ข้อเท้าของคุณน่าจะแพลง คุณมีพวกยานวดแก้เคล็ดขัดยอกบ้างไหม”
ภามเงยหน้าถามจึงได้เห็นใบหน้าของเมษาในกรอบผมเปียกๆ น่ารักจนใจกระตุก สายตาของเธอมองเขาอย่างเชื่อใจ
“อยู่ที่ห้องครัวชั้นล่างค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันลงไปหยิบเองก็ได้”
ภามจับข้อมือไม่ให้เมษาลุกขึ้นเดิน “ผมมาแล้ว คุณจะให้ผมกลับไปแล้วฟังคุณเดินเขยกลงบันไดน่ะหรือ เดี๋ยวผมมานะ”
เมษาพยักหน้าไม่ไปไหนแล้ว การมองผู้ชายตัวโตๆ เดินเสียงเบาออกไปจากห้องช่างเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยคาดหวังและคาดคิด เพียงแค่เธอไม่ขานตอบ ภามถึงกับข้ามตึกมาหาเธอ ว่าแต่เขามาทางไหนกัน
ชีวิตคู่มันไม่ง่ายเลย โชคดีที่ภามปรึกษาแม่ทัน ไม่งั้นได้งอนเมษาอีก
ใจดวงนี้สื่อถึงรักลงขายเป็น E-Book ใน MEB แล้วค่ะ หมวดนิยายรัก หรือจิ้มที่ลิงหน้าวอลล์ของนิยายที่ท่านกำลังอ่านอยู่ค่ะ
โดยโบว์ทำโปรโมชั่นลดเหลือ 149 บาทจาก 329 บาท เหลือเวลา 13 วัน และจะลงให้อ่านถึงบทที่ 14 นะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 151
แสดงความคิดเห็น