ประโยชน์ของนิทานที่หลายคนอาจจะมองข้าม
การเล่านิทานให้ลูกฟังทุกวันช่วยส่งเสริมบ่มเพาะนิสัยให้เด็กรักการอ่าน
เพราะเนื้อหาในนิทาน ว่ากันแล้วมันก็คือสิ่งที่ผู้ใหญ่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน รวมถึงเคยอ่านผ่านตามาแล้ว
ตอนเด็ก เมื่อถึงเวลาที่ผู้ใหญ่เล่านิทานให้ฟัง เราก็มักจะใจจดใจจ่อเสมอ รอลุ้นว่าเนื้อเรื่องจะเป็นยังไงต่อไป
สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นเวลามีใครสักคนเล่านิทานให้ฟังคือ "คนเล่า เล่าไม่ทันใจเอาซะเลย" บางทีก็เล่าน้อยไป บางทีก็บอกไม่ว่าง ซึ่งไอ้ความรู้สึกแบบนี้นี่แหละ มันจะทำให้เด็กอยากเรียนรู้ อยากพัฒนา เพื่อที่จะวิ่งไล่ตามเนื้อหานิทานหรือเรื่องเล่าที่ผู้ใหญ่เคยเล่าค้าง หรือเล่าตกหล่นเอาไว้
สุดท้ายเด็กก็จะเริ่มฝึกอ่าน เพราะถ้าอ่านเองได้ก็ไม่ต้องรอใคร แถมยังไปเปิดอ่านเรื่องที่ไม่เคยมีใครเล่าให้ฟังมาก่อนได้ด้วย
การที่ใครหลายคนเริ่มอ่านหนังสือ หรือก้าวเข้ามาในวงการนักอ่านนิยาย โดยส่วนใหญ่แล้ว ก็มักจะมีต้นกำเหนิดมาจากการฟังเรื่องเล่า ฟังนิทานที่ผู้ใหญ่ชอบเล่าให้ฟังก่อนนอนนี่แหละ
ขนาดวิชาภาษาไทยชั้นประถมและสูงกว่ายังต้องนำวรรณกรรมเยาวชนและวรรณคดีเข้ามาบรรจุไว้ในหลักสูตรเลย (แม้ว่าใครหลายคนจะไม่ชอบวรรณคดี เพราะมันอ่านยากก็เถอะ)
ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ยังมีบ้านไหนเล่านิทานก่อนนอนให้ลูกฟังเหมือนเดิมไหม หรือแค่โยนสมาร์ทโฟนให้ลูก แล้วปล่อยให้ไปหาฟังเองใน Youtube ที่มันมีอะไรดึงดูดเด็กๆ ได้มากกว่านิทาน โดยที่ลืมนึกไปว่า เนื้อหาบางอย่าง มันอาจเร็วไปสำหรับเด็กอายุแค่นั้นก็ได้
ไม่ปฏิเสธว่าการที่ทำให้เด็กเรียนรู้เนื้อหาที่หลากหลาย ก็อาจจะทำให้เด็กฉลาดเร็วขึ้น หรือโตเร็วขึ้น แต่สิ่งที่แลกมาก็คือ ชีวิตวัยเด็กก็อาจจะน้อยลงตามไปด้วย เพราะเด็กมีพัฒนาการเชิงตรรกะที่รวดเร็วขึ้น เติบโตเร็วขึ้น เมื่อโตแล้ว ถ้าไม่ใจรักจริงๆ แน่นอนว่าเด็กก็คงจะไม่มาสนใจเรื่องเล่า นิทาน เจ้าหญิง เจ้าชาย อีกต่อไปแล้ว
ความสนุกในการอ่านอะไรพวกนี้ก็จะไม่มีหรือน้อยลง เราก็จะปลูกฝังเรื่องนิสัยรักการอ่านได้ยากขึ้น เพราะเด็กอาจคิดไปแล้วว่าการอ่านมันไม่มีอะไรสนุก สู้ความบันเทิงรูปแบบอื่นไม่ได้ สุดท้ายแล้วในชีวิตก็จะอ่านอะไรเท่าที่จำเป็น เช่นหนังสือเรียน เอกสารที่เกี่ยวกับงานเท่านั้น บางคนอ่านอะไรยาวๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะมองว่ามันเยิ่นเย้อเสียเวลา จะเขียน จะบรรยายอะไรเยอะแยะ
แต่สำหรับคนที่รักการอ่านเขาจะมองว่า เขาจะได้อะไรจากการอ่านตรงนี้บ้าง เขาจะมองว่าการบรรยายคือความสนุก เขาจะไม่มองว่ามันเสียเวลา นอกซะจากว่างานเขียนชิ้นนั้นมันจะไม่มีอะไรอยู่เลยจริงๆ
ถ้าบ้านเราให้ความสำคัญกับการอ่านกันสักนิด มันคงไม่มีคนมาถามว่า "สินค้าตัวนี้ราคาเท่าไหร่" ทั้งที่ในโพสต์คนขายเขาใส่รายละเอียดเอาไว้ชัดเจน
มันคงไม่มีใครมาถามว่า "งานนี้เงินเดือนเท่าไหร่" ทั้งที่ในโพสต์เขาแจ้งจำนวนเงินเดือนไปแล้วชัดเจน
มันคงไม่มีใครถามว่า "ยังรับคนเพิ่มไหม" ทั้งที่เขาระบุเอาไว้ในประกาศว่า จำนวนคนเต็มแล้ว
ไม่จำเป็นต้องรักการอ่านถึงขั้นอ่านนิยายได้เป็นเล่มๆ แต่แค่เราให้ความสำคัญกับการอ่าน อย่างน้อยแค่อ่านบทความ อ่านโพสต์ หรืออ่านอะไรที่เราสนใจให้ครบท่วน แค่นั้นก็พอแล้ว
- 👁️ ยอดวิว 594
แสดงความคิดเห็น