ชาร์ตแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คและสมาร์ตโฟนอย่างไรไม่ให้เสื่อมง่าย เทคนิคใช้แบตดีๆ ที่อยากบอก

เป็นที่ถกเถียงกันของชาวไอทีมาเป็นระยะเวลานาน ว่าทำอย่างไร แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คหรือแบตสมาร์ตโฟนถึงจะใช้งานได้นาน โดยที่เสื่อมช้าลงให้มากที่สุด ซึ่งหากลองค้นหาตามอินเทอร์เน็ต ก็จะพบกับมากมายหลายวิธี ซึ่งก็ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง จนทำให้หลายคนงงไปแล้ว ว่าสรุปแล้วว่าวิธีไหนกันแน่ที่ใช้ได้จริงๆ

ดังนั้นวันนี้ผมจึงนำวิธีที่ใช้ได้แล้วเห็นผลมาฝากกันครับ เผื่อนำไปใช้ได้แล้วจะเกิดประโยชน์กันบ้างไม่มากก็น้อย

ก่อนอื่นเราจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า แบตเตอรี่ทุกวันนี้ต่างจากสมัยก่อนพอสมควร แบตสมัยก่อนนั้นจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีน้ำอยู่ข้างใน ทำให้เวลาเราชาร์ตไปเล่นไปจะทำให้เสื่อมเร็วขึ้น ดังนั้นจึงมีคำแนะนำว่า หากไม่มีความจำเป็น ก็ไม่ควรชาร์ตไปเล่นไปดีที่สุด

ส่วนแบตเตอรี่ในปัจจุบัน จะเป็นแบตเตอรี่แบบแห้ง โดยทั่วไปแบตชนิดนี้ทางโรงงานเขาจะกำหนดมาแล้วว่า แบต 1 ก้อน จะชาร์ตได้กี่รอบ หรือมีอายุการใช้งานกี่ปี ดังนั้นจึงมีความยืดหยุ่นในการใช้มากกว่าแบตแบบเก่าอย่างมาก

ไม่ว่าโทรศัพท์สมาร์ตโฟนหรือโน๊ตบุ๊ค ทุกวันนี้ได้เปลี่ยนมาใช้แบตเตอรี่แบบแห้งกันหมดแล้ว ดังนั้นการชาร์ตไปเล่นไป จึงไม่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของตัวแบตเท่ากับแต่ก่อน หากแต่ถ้าเราเล่นไปชาร์ตไปอยู่ตลอดเวลา ก็ยังส่งผลอยู่เช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงมีบางช่วงเวลา ที่เราควรปล่อยให้แบตเตอรี่ของเรามีไฟน้อยลงบ้าง อาทิเล่นไปเรื่อยจนแบตใกล้จะหมดแล้วค่อยชาร์ต

ถ้าจะให้อธิบายกันแบบสั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ เราสามารถเล่นไปชาร์ตไปได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะแบตเตอรี่ทุกวันนี้นับกันที่รอบชาร์ตหรืออายุการใช้งาน ยังไงเมื่อครบกำหนดที่ทางโรงงานตั้งเอาไว้ ยังไงเราก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี

ข้อควรรู้อีกประการก็คือ อย่าพยายามใช้แบตเตอรี่ที่เสื่อมแล้วกับอุปกรณ์ของเราเป็นระยะเวลานาน เพราะนั่นไม่ใช่วิธีที่ประหยัดเงินอย่างที่คิด แต่มันคืออันตรายและอาจจะทำให้เสียเงินเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว เพราะแบตเตอรี่ที่เสื่อมแล้ว อาจจะทำให้เครื่องของเราเสียหายและทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ทั้งยังอาจทำให้อุปกรณ์ที่เราใช้งานอยู่ระเบิดได้ ดังนั้นถ้ารู้ตัวว่าแบตเตอรี่ของเราเสื่อมอายุการใช้งานหรือแบตบวมจนเห็นได้ชัดแล้ว แนะนำรีบหาแบตเตอรี่ก้อนใหม่มาเปลี่ยนทันที ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในอุปกรณ์ของเรา และตัวของเราเองด้วยครับ