บทที่ 8...1/3
บ้านของปราบอยู่ไกลจากตัวเมืองปราณบุรีพอสมควร เส้นทางค่อนข้างทุลักทุเล โดยโมกข์ขอให้ชลัชช่วยหาข้อมูลจากเบอร์โทรศัพท์ที่เขาได้มา จนดั้นด้นเดินทางมาใกล้ถึงบ้านซึ่งเป็นที่อยู่ของปราบ ภามขับรถตามโมกข์มาเรื่อยๆ แต่กลับรู้สึกว่ามันแปลกชอบกล หากว่าปราบมีความเกี่ยวข้องกับไปรยา ทำไมถึงมาอยู่ห่างไกลแบบนี้ อีกทั้งถ้าปราบยังติดต่อกับไปรยาตามที่คาดเดา ทำไมปุริมถึงไม่มีข้อมูลในส่วนนี้เลย
ความสงสัยของภามสิ้นสุดลงเมื่อเขาได้มาจอดรถหน้าบ้านชั้นเดียวซึ่งค่อนข้างทรุดโทรม เมษาเดินเคียงภามไปก่อนที่เขาจะหันมามองแล้วขอจับมือเธอไว้ ภูมิปรากฏตัวที่ข้างตัวของภามทันที
โมกข์ตะโกนให้เสียงคนในบ้าน รอเพียงครู่เดียวชายชราคนหนึ่งก็เดินมาโดยต้องใช้ไม้สามขาช่วยเพื่อมาที่ประตู ภามบอกว่าเป็นเพื่อนของปราบที่เคยยืมเงินไป วันนี้จะมาใช้หนี้ ชายคนนั้นจึงยอมเปิดประตูเชิญให้แขกแปลกหน้าทั้งหมดเข้าไปในบ้าน ภูมิจึงเหมือนได้รับอนุญาตไปด้วย
“ใช่แล้วล่ะภาม ปราบคือผู้ชายในรูปที่แขวน” ภูมิเอ่ยเมื่อเข้ามาภายในบ้านที่เงียบราวกับมีเพียงชายวัยกลางคนพักอาศัยอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ภามกับเมษามองไปที่รูปของชายซึ่งมีรอยยิ้มสดใส หล่อเหลาและมีไฝเล็กๆ ที่หางตาขวา แต่ความที่บ้านเงียบและดูทรุดโทรมทำให้ยิ่งผิดปกติ หากปราบอยู่ที่นี่ ทำไมตอนนี้ยังไม่ออกมา
“ปราบไปไหนล่ะครับ หรือว่าวันนี้ไปทำงานไม่อยู่บ้าน” ภามถาม
ผู้เป็นพ่อถอนใจ เหตุผลเดียวที่เขาให้คนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านก็เพราะเงินที่คนพวกนี้เคยยืมจากลูกชาย ไม่ว่ามากหรือน้อย เขาย่อมต้องการทั้งนั้น
“ปราบตายไปนานแล้ว ตอนที่มันถูกรถชน พวกคุณไม่ได้ข่าวหรือไง ลงหนังสือพิมพ์อยู่นะ”
นี่เองความผิดปกติที่ภามรู้สึก เมษามองไปทั่วๆ เผื่อว่านอกจากคุณภูมิแล้ว เธอจะเห็นปราบหรือเปล่า แต่เธอไม่เห็นวิญญาณอื่นใดอีก คุณภูมิเองก็ผิดคาดไม่นึกว่าปราบจะตายไปแล้ว
ภามถอนใจเพราะผิดหวังจากใจจริง “ผมไม่ทราบเลยครับ พอดีว่าผมไปทำงานต่างจังหวัด แล้วจับคนที่ขับรถชนได้ไหมครับ”
“ไม่ได้ ไม่รู้ด้วยว่าซ้ำใครที่ชน ตำรวจบอกว่ากล้องเสีย ไม่มีใครมาดูดำดูดีมันเลย” สีหน้าพ่อของปราบกระฟัดกระเฟียดราวกับโกรธใครสักคนขึ้นมาทันที “เพื่อนของปราบก็หายไปกันหมด ไอ้ที่ติดหนี้ไว้ก็ทำลืม แล้วคุณล่ะ ไหนว่าจะมาคืนเงิน”
“ครับ นี่ครับเงินที่ผมนำมาคืน” ภามหยิบซองเงินที่เตรียมไว้มาส่งให้พ่อของปราบเพื่อความแนบเนียน
ชายคนนั้นรับซองไปพอเห็นจำนวนเงินที่มากโขก็ยิ้มด้วยความดีใจ ภามได้ทีจึงไม่รอช้า เขาไม่ได้มาเพื่อฟังข่าวร้ายว่าปราบตายไปแล้วอย่างเดียว
“โทรศัพท์ของปราบยังอยู่ไหมครับ ผมอยากได้รูปเก่าๆ ที่เคยถ่ายด้วยน่ะครับ”
“น่าจะยังอยู่ พวกคุณรอเดี๋ยวนะ” จำนวนเงินที่มากทำให้พ่อของปราบไม่สงสัยคนที่อุตส่าห์มาใช้หนี้
โมกข์สำรวจไปรอบๆ บ้านเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอีกแล้ว เมษานั่งรออยู่กับภาม โดยมีภูมิอยู่ใกล้ๆ รอเพียงครู่เดียวพ่อของปราบก็ออกมาจากห้องพร้อมกับโทรศัพท์ที่ต้องเสียบกับสายชาร์ตไว้เพราะไม่ได้เปิดเครื่องมานาน โมกข์กลับเข้ามาในบ้านพอดี
ภามรับโทรศัพท์มาโดยมีโมกข์มาช่วยจัดการนำเมมโมรี่ การ์ด มาสำเนาไว้ในเครื่องของเขา ภามถ่ายเบอร์ต่างๆ ที่ปราบบันทึกไว้ในเครื่องและเบอร์ที่มีการติดต่อไว้จนครบ ก่อนจะคืนโทรศัพท์ให้พ่อของปราบที่รับไปโดยที่ไม่ได้สนใจหรือสงสัยอะไร
“ขอบคุณนะครับ ผมคงต้องกลับแล้ว” ภามเอ่ย แต่พ่อของปราบกลับคว้าแขนของเขาไว้
“คุณรู้จักแฟนของปราบไหม”
ภามลอบถอนใจนึกว่าเขาทำให้พ่อของปราบสงสัยเข้าแล้ว
“ทำไมหรือครับ”
“ปราบมันพูดแปลกๆ ก่อนตายว่าแฟนทำมัน แต่ในงานศพ พ่อไม่เห็นแฟนมันมาที่งาน จนถึงตอนนี้พ่อก็ยังสงสัยว่าใครเป็นแฟนปราบ” น้ำเสียงของผู้เป็นพ่อบอกชัดว่าแค้นใจมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ การที่ลูกชายจากไปเร็วแบบนั้น ทำให้เขาที่ทำงานเป็นเสมียนโรงงานใกล้ๆ บ้านซึ่งไม่รู้ว่าจะเจ๊งเมื่อไหร่ก็แทบเงินเดือนไม่พอแล้ว
“ผมไม่ค่อยรู้เรื่องแฟนของปราบหรอกครับ” ภามตอบพลางสบตากับพี่ภูมิที่คงสงสัยเหมือนกันกับเขา
เมษาเดินกลับมาที่รถพร้อมกับภาม ก่อนจะปล่อยมือกันชั่วไม่กี่วินาที แล้วจับมือกันอีกครั้งเมื่อภามขับรถนำโมกข์ออกมา ภูมินั่งอยู่ที่เบาะหลัง ภามหันไปมองพี่ชายซึ่งมีสีหน้าหม่นเศร้า เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าพี่ชายคิดอะไรอยู่
“ในโทรศัพท์ไม่รูปของไปรเลยนะพี่ภูมิ คงต้องรอให้โมกข์เอาข้อมูลจากโทรศัพท์มาตรวจสอบก่อน เบาะแสอาจจะอยู่ในนั้น”
เมษามองคุณภูมิแล้วก็รู้สึกสงสาร หากว่าแฟนของปราบคือภรรยาที่ยังไม่ได้หย่าของคุณภูมิขึ้นมา การตายของเขาคงยิ่งน่าสงสารและหดหู่มากขึ้นไปอีก
“ไปรจะใจร้ายพอที่จะวางแผนฆ่าพี่ได้จริงๆ หรือ พี่ถามตัวเองมาตลอด”
แม้ก่อนที่ภูมิจะเสียชีวิต เขากับไปรยาแยกกันอยู่แล้ว แต่เราสองคนไม่ได้มีเรื่องทะเลาะกันรุนแรง เขาไม่เคยทำร้ายผู้หญิงที่เขารัก แต่ที่ต้องแยกกันอยู่เพราะเมื่อเวลาผ่านไป เราสองคนเริ่มรู้สึกได้ว่าความรักอย่างเดียวไม่อาจทำให้มีความสุขในชีวิตคู่ เราสองคนต่างเอาแต่ใจ พอไม่ได้ดั่งใจก็ทะเลาะกันและจบที่ความห่างเหิน
แต่พอได้สติมากพอ เขากับเธอจึงเลือกที่จะแยกกันอยู่เพื่อทบทวนว่าควรกลับมาอยู่เป็นครอบครัวหรือควรหย่าขาดจากกัน ทว่าในระหว่างนั้นภูมิกลับระแคะระคายว่าไปรยามีคนอื่น เขาถึงขอให้ปุริมช่วยสืบ จนรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงทำให้นำไปสู่การหาหลักฐานเพื่อฟ้องหย่า
ภามอยากยื่นมือไปลูบไหล่พี่ภูมิเพื่อปลอบใจ แต่มือของเขายังต้องขับรถข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างจับมือของเมษาไว้เพื่อให้การติดต่อยังดำเนินต่อไป
“อย่าเพิ่งตัดสินไปก่อนเลยครับพี่ภูมิ ผมไม่อยากให้พี่ไม่สบายใจ”
“คุณภูมิอยากไปที่ไหนบ้างไหมคะ ไหนๆ เราทั้งหมดก็อยู่ด้วยกันแบบนี้ การมาเที่ยวน่าจะช่วยให้คุณภูมิสบายใจขึ้นบ้างนะคะ” เมษาลองถามดู การเป็นวิญญาณจะทำให้เหงาไหม เธอไม่อาจได้รู้ได้ แต่การทำให้คุณภูมิสบายใจขึ้น คงจะทำได้
“ผมอยากไปจุดที่ผมตกหน้าผา บางทีอาจจำอะไรได้บ้าง”
ภามพยักหน้ายอมตามใจพี่ชายแล้วขับรถมุ่งหน้าไปยังจุดเกิดเหตุ เมื่อ 2 ปีก่อน เขาไปที่จุดนั้นเกินสิบครั้งเพราะไม่เข้าใจและไม่เชื่อว่ามันเป็นอุบัติเหตุ หรือแม้กระทั่งความจงใจของพี่ภูมิ ฉะนั้นการไปยังจุดเกิดเหตุจึงเป็นเส้นทางที่ภามจำได้ดี
ถนนเส้นนี้ที่เมษาเห็นเป็นเส้นทางเรียบๆ ไม่คดเคี้ยว แต่ว่าด้านซ้ายเป็นเนินลาดลงไป หากขับรถมาด้วยความเร็วแล้วมีอะไรตัดหน้ากระทันหันหรือเบรคจนรถหมุน การที่รถอาจจะชนราวกั้นเตี้ยๆ แล้วตกลงไปที่เนินซึ่งลาดลงไปค่อนข้างชันย่อมเป็นไปได้ หญิงสาวยกหลังมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก อากาศไม่ได้ร้อน แต่เธอกลับรู้สึกหายใจไม่สะดวก เมื่อคืนเธอเข้านอนเร็วกว่าทุกวัน แต่ทำไมยังเหมือนเหนื่อยราวกับไม่ได้พักอยู่อีกนะ
“พี่นึกได้อย่างหนึ่ง คืนก่อนที่จะเกิดเหตุ ธีโทรมาหาพี่บอกว่าให้พี่ระวังตัว” ภูมิเอ่ยขึ้น สายตาของเขายังคงมองไปยังจุดที่เวลานี้ต้นไม้ซึ่งเคยหักโค่นกลับมาเขียวชอุ่มราวกับไม่เคยเกิดเหตุการณ์ร้ายมาก่อน
ภามขยับมายืนใกล้ๆ พี่ชาย เมษาเลยต้องขยับตาม เธอพอจะเข้าใจเพราะโมกข์กำลังมองมา หากภามทำทีเหมือนว่ากำลังคุยกับเธอ โมกข์คงไม่สงสัย
“ทำไมธีถึงบอกพี่ภูมิแบบนั้น”
ภูมิส่ายหน้าเพราะตอนนั้นเขาโทรกลับไป ธีภพกลับไม่รับสาย
“พี่ไม่แน่ใจว่าเป็นคำขู่หรือว่าคำเตือน”
มือที่เย็นเฉียบของเมษาจนภามรู้สึกได้ ทำให้ชายหนุ่มรีบหันมามองอย่างเป็นห่วง ใบหน้าของสาวซีดขาว ทว่ากลับมีเลือดกำลังไหลออกมาจากจมูก!
“คุณภาม...”
ร่างที่อ่อนแรงกำลังจะเซล้ม ภามใจหายวูบรีบคว้าร่างเพรียวมากอดไว้แนบอก หากเขาหันมาไม่ทันหรือไม่ได้ยินเสียงเบาหวิวนั้น เมษาคงกองฟุบไปกับพื้นแล้ว ชายหนุ่มกระหวัดอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนพลางมองหาพี่ชาย ตอนนี้เขาไม่เห็นพี่ภูมิแล้ว ชายหนุ่มก้าวขากำลังจะเดินกลับมาที่รถ โมกข์เดินนำอีกไม่กี่ก้าวจะถึงรถแล้ว ทว่าเสียงเร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์ที่แผดลั่นทำให้เขาหันไปมองก่อนจะกระชากปืนออกมาจากซองเก็บที่สีข้าง พร้อมกับตะโกนลั่น
“หลบครับคุณภาม คนบนรถมีปืน”
ภามก้มตัวหลบเอาแผ่นหลังบังร่างเมษาที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาไว้ เสียงมอเตอร์ไซค์แผดสูงจนหูแทบดับในวินาทีนั้น พลันเสียงปืนก็ดังขึ้น
ปัง!!!
ผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที เสียงปืนจากฝั่งที่จู่โจมกับโมกข์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ปัง!!!
การเป็นสื่อวิญญาณไม่ได้มาฟรีๆ เสียแล้ว ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 169
แสดงความคิดเห็น