บทที่ 8...2/3
เสียงเบิ้ลมอเตอร์ไซค์ดังลั่นก่อนที่มันจะซิงรถจากไปอย่างรวดเร็ว โมกข์วิ่งตามแล้วยิงใส่ไปอีกชุด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายน่าจะได้แผลที่สีข้างและไม่น่ากลับมายิงซ้ำจึงวิ่งกลับมาหาภามที่ลุกขึ้นพร้อมกับอุ้มเมษาเอาไว้แนบอก เขาเดินแกมวิ่งไปที่รถ โดยมีโมกข์คอยระวังหลังให้พร้อมกับช่วยเปิดประตูรถ ร่างบอบบางถูกทอดวางลงอย่างอ่อนโยนที่เบาะหลัง
ภามเอื้อมไปหยิบกระกระดาษทิชชูมาเช็ดเลือดกำเดาที่จมูกให้หญิงสาว ก่อนจะบอกให้โมกข์ไปหยิบเสื้อของเขามาจากกระโปรงท้ายรถ พอได้เสื้อมาภามก็พับหลายทบแล้วรองศีรษะให้เมษาหนุนจนใบหน้าสูงขึ้น พอเห็นว่าเลือดกำเดาน่าจะหยุดไหลแล้ว ภามจึงรีบขับรถพาเมษาไปโรงพยาบาล โมกข์ขับรถตามภามไปและคอยระวังหลังให้อย่างเต็มที่ ส่วนด้านหน้า หากมีใครเข้ามาและทำแบบเมื่อครู่ ภามยังมีปืนพกอยู่ในลิ้นชักตรงคอนโซลหน้ารถ ความแม่นในการยิงปืนนั้น เขามั่นใจว่าภามยิงได้ไม่ต่างจากนักแม่นปืนที่ไปคัดตัวทีมชาติแน่นอน
ภามนั่งรออย่างกระวนกระวายหลังจากพาเมษามาถึงโรงพยาบาลเมื่อ 15 นาทีก่อน เธอถูกพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินและได้รับการดูแลจากหมอแล้ว โมกข์ขอตัวไปสืบข่าวว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนใครที่ลงมือลอบยิง การที่ภามเข้ามาสืบเรื่องการตายของพี่ชายคือสาเหตุหลักของการถูกลอบยิงในครั้งนี้หรือเปล่า ตอนนี้นอกจากเรื่องนั้นแล้ว ในเรื่องของธุรกิจ ก็ยังตัดออกไปไม่ได้
โมกข์เดินกลับมาแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ภาม เขามองไปที่ห้องฉุกเฉินที่ประตูยังปิดแสดงว่าเมษาอาจจะยังไม่ฟื้น การที่เธอเป็นลมไปก่อนที่มือปืนจะขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาอาจเป็นเรื่องที่ดีในความโชคร้าย คนธรรมดาๆ คงกลัวมากหากต้องมาพบเจอเหตุการณ์แบบนั้น
“ทะเบียนรถปลอมครับ ตอนนี้ผมขอให้ตำรวจช่วยตามว่ารถคันนั้นมุ่งหน้าไปทางไหน” โมกข์รายงาน แม้ในเสี้ยววินาทีคับขัน แต่เขาจำทะเบียนรถและรายละเอียดของคนร้าย แม้ว่ามันจะใส่หมวกกันน็อก คนร้ายมัดผมแสดงว่าผมยาวหรือว่าอาจจะใส่วิกก็ได้ เป็นผู้ชายแน่นอนจากสรีระร่างกาย
“เรื่องที่ผมมาที่นี่มีแค่ผม เมษาและคุณที่รู้” การหาบุคคลน่าสงสัยน่าจะเริ่มจากตรงนี้ แต่เขาไม่สงสัยเมษาและโมกข์ เพราะฉะนั้นย่อมเป็นคนอื่น
“แต่มีคนที่เห็นว่าคุณภามมา 2 คน คนแรก เจ้าของผับ คนที่สอง พ่อของปราบ”
ภามพยักหน้าเพราะมันเป็นไปได้ แต่เขาสงสัยผู้จัดการผับเพราะเมื่อคิดอย่างถี่ถ้วน มีเหตุผลอะไรที่ผู้จัดการจะเก็บเบอร์คนที่ตายไปแล้ว ปราณบุรีไม่ได้ใหญ่อะไรมาก การจะรู้ข่าวของคนที่รู้จักย่อมไม่ใช่เรื่องยากเลย ส่วนพ่อของปราบ ถ้าเป็นคนส่งข่าวให้ใครบางคนส่งมือปืนมาเก็บเขาคงมีเหตุผลเดียว นั่นคือเงิน หากเป็นอย่างนั้น เขาคงใช้งานคนแบบนี้ได้ไม่ยาก
“คุณช่วยไปสืบต่อทีนะครับ ผมคงไปไหนในตอนนี้ยังไม่ได้ เมษายังไม่ฟื้นเลย”
โมกข์เข้าใจภามดี ตอนที่มือปืนยิงมาสิ่งแรกที่ภามทำคือเอาหลังบังร่างของเมษาไว้ หากที่ผ่านมาภามไม่เคยแสดงออกว่าผู้หญิงคนไหนสำคัญต่อตนเองนอกจากคุณเนตรา ตอนนี้คงมีเมษาเพิ่มขึ้นมาอีกคน
ภามเห็นว่าตอนนี้เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว การกลับกรุงเทพฯ ในเวลาค่ำคงไม่ปลอดภัยนักหลังจากเกิดเรื่องมา อีกทั้งเขาอยากให้เมษามีเวลาได้พักก่อนเดินทางด้วยจึงโทรหาผู้จัดการโรงแรมพริ๊นท์ตันที่หัวหินเพื่อเข้าพักในคืนนี้
พยาบาลเดินออกมาหาญาติเมษา ภามรีบเดินตามไปแล้วได้พบหมอที่ทำการรักษาเมษา ตอนนี้เธอฟื้นแล้ว แต่หมอให้นอนพักอยู่บนเตียงก่อน
“คนไข้เป็นลม เช็คแล้วไม่มีอะไรรุนแรงครับ คนไข้อาจจะพักผ่อนน้อย ส่วนเลือดกำเดาไหลเป็นเพราะเส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกแตก แต่ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ ต้องตรวจให้ละเอียดเพราะอาจเป็นโรคบางอย่างได้ เช่น เนื้องอกที่โพรงจมูก มะเร็งที่โพรงจมูก”
ที่ผ่านมาเมษาจะหน้าซีดดูเพลียๆ บ้าง แต่คราวนี้เลือดกำเดาไหลและเป็นลมอีกด้วย ภามเริ่มคิดว่ามันจะเกี่ยวกับเธอที่ต้องมาเป็นสื่อกลางระหว่างเขากับพี่ภูมิหรือเปล่า
“ขอบคุณครับหมอ แล้วเมษาต้องนอนดูอาการที่โรงพยาบาลไหมครับ”
“ไม่ต้องครับ ถ้าเลือดกำเดาไหลอีกควรมาเช็คให้ละเอียด” หมอแนะนำ
ภามคิดแบบนั้นเอาไว้เหมือนกัน เอาไว้กลับไปกรุงเทพฯ เขาจะพาเมษาไปตรวจด้วยตัวเอง ชายหนุ่มเดินมายืนข้างเตียง เมษาขยับตัวนั่งโดยมีเขาช่วยประคองหลัง แม้จะคิดว่าไม่รู้สึกอะไร แต่พอจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง สายตาของหญิงสาวที่มองชายหนุ่มจึงเห็นใจระคนสงสาร ภามยิ้มบางไม่แน่ใจว่าทำไมเมษาถึงมองเขาแบบนั้น
“เดี๋ยวไปพักที่โรงแรมของผมก่อนนะ หมอกำชับว่าคุณควรพักผ่อนให้มาก ส่วนที่เลือดกำเดาไหล ที่ผ่านมาคุณมีอาการแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า”
เมษาส่ายหน้า “ทั้งเป็นลมกับเลือดกำเดาไหล ฉันไม่เป็นมาก่อน บางทีฉันคงทำงานหนักเกินไป”
“กลับไปคราวนี้ผมต้องไปดูแลจริงๆ จังๆ เสียทีแล้วว่าคุณทำอะไรในแต่ละวันบ้าง แล้วพาคุณไปตรวจอย่างละเอียดด้วยว่าเป็นอะไรหรือเปล่า” ภามจับไหล่บางเอาไว้เบาๆ เมษาเงยหน้ามองเขากำลังจะเอ่ยปาก แต่เขาชิงพูดต่อไปว่า “ที่ผมบอกว่าจะดูแลคุณไง คุณไม่ต้องห่วงว่าจะรบกวนผมหรอกนะ ผมเต็มใจ”
สายตาของชายหนุ่มมากมายที่เมษาเคยพบที่เข้ามาในร้านเมนา มีทั้งเป็นมิตรภาพดีๆ และที่เข้ามาจีบ แต่กลับไม่เคยมีใครทำให้เธอรู้สึกอยากหลบตาเท่าตอนที่ภามมองมาที่เธอ อาจเพราะเขาเหมือนจะห่วงใยและอบอุ่นใจเมื่ออยู่ใกล้ ช่างเป็นความรู้สึกที่คล้ายกับนานมาแล้วเธอเคยรู้สึกต่อชายคนหนึ่ง ก่อนที่เรื่องราวสวยงามนั้นจะจบลงที่เธอเจ็บปวดใจเพียงฝ่ายเดียว
หากภามทำทั้งหมดนี้เพราะเธอช่วยให้เขาได้พบกับพี่ชาย เธอจะได้บอกตัวเองเสียแต่เนิ่นๆ ว่าอย่าเข้าใจผิด
“ขอบคุณค่ะ” เมษาตอบพลางก้าวลงจากเตียงโดยมีพยาบาลและภามคอยช่วย จนกระทั่งเธอนั่งลงบนรถเข็น
ภามเข็นรถที่เมษานั่งมาถึงรถซึ่งโมกข์เป็นคนขับเข้ามาจอด ส่วนรถของเขาในตอนนี้ถูกขับโดยเพื่อนบอดี้การ์ดที่เดินทางมาสมทบได้ทันเวลาก่อนการเดินทางไปโรงแรมจะเริ่มขึ้น ภามช่วยดูแลจนกระทั่งเมษานั่งด้วยความสบายตัวที่เบาะหลัง โดยมีเขานั่งอยู่ใกล้ๆ กัน เมษาหลับตาลงเพราะยังเพลียอยู่มาก
แต่แล้วสัมผัสนุ่มนวลของผ้าห่มผืนหนึ่งก็ทำให้เธอลืมตาเพื่อเห็นว่าภามกำลังห่มผ้าให้ เขาช่วยปรับแอร์ให้เบาลง ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ของเขา ทำให้หญิงสาวต้องบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าอย่าคิดไปไกล ภามเพียงแค่เป็นคนดีเท่านั้น
เมษาเข้ามาในห้องที่ภามเพิ่งปิดประตูให้เมื่อสักครู่ พอได้นั่งพักมาในรถเกือบชั่วโมงก็ทำให้หญิงสาวหายเพลียไปได้มาก แต่ตอนนี้เกือบ 1 ทุ่มแล้ว ทำให้การเดินทางกลับกรุงเทพฯ ไม่สะดวกนัก เมษาเข้าใจในหลายๆ เหตุผลนั้นจึงไม่แย้งเมื่อภามขอให้เธอพักที่โรงแรมของเขาก่อนในคืนนี้ ฉะนั้นสิ่งแรกที่เธอต้องทำคือโทรหามีนา การที่เธอไม่เคยผิดคำพูดทำให้ป่านนี้น้องสาวคงรอเธอกลับบ้านแล้ว หญิงสาวกดโทรออกแล้วรอแป๊บเดียว มีนาก็กดรับสาย
“คืนนี้พี่ยังกลับบ้านไม่ได้นะ พอดีว่ามีเรื่องนิดหน่อยน่ะ” เมษาบอกพลางเดินไปนั่งที่ระเบียงด้านนอกห้องเพื่อมองทะเลในยามที่พระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า นานแล้วที่เธอไม่ได้มีเวลามาเที่ยวแบบนี้ แม้คราวนี้ไม่ได้มาเที่ยว แต่เหตุสุดวิสัยก็ทำให้เธอได้พักสมองไปในตัว
“ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุใช่ไหมพี่เม” มีนาถามเรื่องที่กังวล
เมษาเข้าใจทันทีการที่เราสองคนเหลือกันเพียงเท่านี้เพราะพ่อแม่จากไปเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การที่มีนากลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกจึงเป็นความฝังใจ
“เปล่าหรอกจ้ามีน การเดินทางเรียบร้อยดี แต่ว่าพี่เป็นลมและเลือดกำเดาไหล กว่าจะตรวจเสร็จ พอออกมาจากโรงพยาบาลก็ค่ำแล้ว ถ้าขับรถกลับบ้านตอนนี้คงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่น่ะ”
มีนาถอนใจค่อยโล่งอกในเรื่องหนึ่ง แต่กลับกังวลอีกเรื่องแทน ที่ผ่านมาเมษาแข็งแรงดีไม่เคยเป็นลมเลยสักครั้ง เลือดกำเดาไหลยิ่งไม่เคยเกิดขึ้น การที่เมษาตื่นนอนตั้งแต่ตี 3 มานานจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงได้ไหมนะ
“แล้วหมอบอกว่ายังไงบ้างน่ะพี่เม ไม่มีอะไรร้ายแรงใช่ไหม”
“พี่คงนอนน้อยไปน่ะ พักผ่อนไม่พอมั้ง” เมษาเองก็ไม่แน่ใจ แต่ไม่อยากให้มีนากังวลจนนอนไม่หลับจึงบอกไปแบบนั้น
มีนาคิดเร็วรี่หากไม่อยากให้เมษาต้องใช้ร่างกายหนักจนเกินไปต้องทำอย่างไร “ถ้างั้นมีนลงประกาศหาผู้ช่วยอีกคนดีกว่า พี่เมจะได้ไม่ต้องตื่นเช้าทุกวัน”
“พี่แล้วแต่มีนเลย ฝากร้านด้วยนะ”
ตอนนี้รายได้ที่เข้าร้านกำลังไปได้สวยและลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากที่คิดว่าคนพอดีกับงานก็เริ่มจะไม่ค่อยสมดุลกันเท่าไหร่แล้ว การเพิ่มผู้ช่วยอีกคนย่อมดีกว่าเธอ ป้าพิสมัย ป้าอรทำงานหนักกันเกินไป ใจจริงเมษาก็กำลังจะหาผู้ช่วยเพิ่มอยู่เหมือนกัน แต่อยากรอดูอีกสักหน่อยเท่านั้นเอง
“พี่เมดูแลตัวเองดีๆ นะ มีนเป็นห่วง”
“มีนก็เหมือนกัน พรุ่งนี้เจอกัน” เมษาเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะวางสาย
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพอดี เมษาเดินไปเปิดประตูจึงพบกันพนักงานของโรงแรมที่นำเสื้อผ้าและของที่ต้องใช้มาให้เธอ แล้วยังบอกว่าหากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วให้โทรแจ้งพนักงานที่แผนกต้อนรับเพื่อที่จะได้พาเมษาไปทานอาหารค่ำ เมษาบอกขอบคุณก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่พนักงานเตรียมมาเข้าไปในห้องน้ำ ภามช่างใส่ใจและรู้ว่าเธอยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปหาอะไรใส่ท้องมาก เกือบ 1 ทุ่มแล้ว ตอนนี้เธอหิวจนจะกินดอกไม้ในแจกันได้อยู่แล้ว
ประมาณวันที่ 21 ที่จะถึงนี้ โบว์ลงขาย E-Book แล้วนะคะ แต่นะอัพต่อไปเรื่อยๆ ถึงตอนที่เท่าไหร่เดี๋ยวมาแจ้งอีกทีค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 190
แสดงความคิดเห็น