ตอนที่ 473 เกษียณ
ตอนที่ 473 เกษียณ
“ดูนั่น! นั่นมันกองยานที่ 1 ของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ด”
ภายในเมืองมีหน้าจออยู่หลาย ๆ แห่งเพื่อเปิดเพลงสร้างบรรยากาศสนุกสนานฟื้นฟูความตึงเครียดจากสงครามให้ประชาชนได้ผ่อนคลายหลังจากรู้สึกกดดันมาเป็นเวลานาน แต่จู่ ๆ ภาพบนหน้าจอก็เปลี่ยนเป็นภาพของกองยานที่ 1 ของบริษัทยูไนเต็ด ซึ่งมันเป็นภาพที่ทำให้ทุกคนได้ตระหนักว่าวีรบุรุษสงครามอย่างเซี่ยเฟยได้เดินทางมายังดาวดวงนี้แล้ว
“หือ? ทำไมมันถึงมียานแครีเออร์ตามพวกเขามาด้วย? มันมีปัญหาอะไรระหว่างการเดินทางหรือเปล่า?”
“ยานแครีเออร์ลำนั้นเป็นของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดด้วยงั้นเหรอ? แต่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะว่าพวกเขามียานแครีเออร์อยู่ในครอบครองด้วย”
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังแสดงความคิดเห็นอยู่นั้น ภาพของวิลเลียมก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับอธิบายออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เนื่องจากวีรกรรมในช่วงสงคราม ทางกองทัพจึงอนุญาตให้เซี่ยเฟยกับบริษัทควอนตัมสามารถครอบครองยานบัญชาการขนาดใหญ่ได้”
ในบรรดาสามจอมพลไทสันกับเลย์ตันกำลังนำกองกำลังยึดคืนดินแดนของพันธมิตรกลับคืนมา มันจึงเหลือวิลเลียมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังคอยดูแลเมืองหลวงชั่วคราวแห่งนี้อยู่ แน่นอนว่าเมื่อเซี่ยเฟยกลับมาเขาย่อมจะต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง และเนื่องจากเซี่ยเฟยปฏิเสธที่จะรับมอบเหรียญเกียรติยศ เขาจึงต้องเดินทางมายังตระกูลเจี่ยนซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐ
“นั่นสินะ เซี่ยเฟยย่อมมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้ครอบครองยานบัญชาการขนาดใหญ่แล้ว”
“ดูหมายเลขประจำยานลำนั้นสิ บางทีทางกองทัพอาจจะมอบยานลำนั้นให้เป็นของขวัญกับเขาก็ได้”
มนุษย์ทุกคนต่างก็คิดว่าเซี่ยเฟยมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าของยานบัญชาการขนาดใหญ่แล้ว แม้แต่สมาชิกของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดก็รู้สึกมีความสุขกับความสำเร็จของว่าที่คุณชายคนใหม่ที่พวกเขาจะต้องรับใช้ในอนาคต
ขนาดของฟินิกซ์ใหญ่เกินกว่าจะลงจอดบนดาวหลวงตะวันตกได้ เซี่ยเฟยจึงขับแวมไพร์ลงไปด้านล่างโดยทิ้งกระป๋องเอาไว้ดูแลยาน เนื่องมาจากมนุษย์ส่วนใหญ่ยังคงไม่ยอมรับหุ่นยนต์
แวมไพร์ค่อย ๆ ร่อนลงจอดสวนหลังบ้านของตระกูลเจี่ยนโดยตรง ก่อนที่เซี่ยเฟยจะก้าวเท้าลงมาทักทายทุกคนที่รอต้อนรับเขาอย่างเป็นกันเอง
หลังจากเดินมาจนถึงห้องวีไอพีเซี่ยเฟยก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เขาไม่เห็นแอวริลอยู่ที่นี่ แต่เนื่องมาจากทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเจี่ยน ชายหนุ่มจึงไม่ปฏิเสธที่จะสานสัมพันธ์กับพวกเขาเลย
ในที่สุดทุกคนก็เดินจากไปอย่างมีชั้นเชิง ซึ่งส่วนใหญ่พวกเขาก็รู้จักวิธีเข้าหาอย่างมีมารยาท มีเพียงคนบางคนเท่านั้นที่ต้องการเข้าใกล้เซี่ยเฟยอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่คนพวกนั้นก็ถูกผางชิงกับผางไห่กีดกันออกไปอย่างสุภาพ เพื่อให้เซี่ยเฟยได้เดินทางเข้าไปพบกับกลุ่มคนสนิทในห้องวีไอพีอีกห้อง
เหล่าบรรดาชนชั้นสูงเริ่มจดจำรายชื่อของผู้ใกล้ชิดเซี่ยเฟยทีละคน เพื่อที่พวกเขาจะหาทางใกล้ชิดกับคนพวกนี้มากยิ่งขึ้น เพราะท้ายที่สุดคนใกล้ชิดกับเซี่ยเฟยก็คือผู้ที่รอรับคำสั่งจากเซี่ยเฟยโดยตรง ดังนั้นช่วงเวลาหลังจากนี้คนใกล้ชิดของเซี่ยเฟยทุกคนจึงล้วนแล้วแต่กลายเป็นคนที่พวกเขาไม่สามารถ มองข้ามได้
“ผมไม่คิดเลยว่าจะมีคนมารอต้อนรับผมมากขนาดนี้” เซี่ยเฟยกล่าวขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ไอ้หนู! นายก็น่าจะรู้ว่าคนพวกนี้มารอต้อนรับนายทำไม?” ฉินหมางกล่าว
“สงครามเพิ่งจะสิ้นสุดลง ขั้วอำนาจทางธุรกิจก็เปลี่ยนผันไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และไม่ว่าใคร ๆ ต่างก็ล้วนแล้วแต่ต้องการจะฟื้นฟูกิจการของตัวเองกลับมาให้ได้อย่างรวดเร็วสินะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ตอนนี้ไม่เพียงแต่บริษัทควอนตัมเท่านั้นที่เนื้อหอม แต่บริษัทสตาร์ยูไนเต็ดของแอวริลก็เนื้อหอมไม่แพ้กัน ท้ายที่สุดความสัมพันธ์ระหว่างนายกับแอวริลก็โด่งดังไปทั่วทั้งพันธมิตร และหลังจากนี้บริษัทควอนตัมก็มีแนวโน้มสูงมากที่จะทะยานขึ้นสู่บัลลังก์บริษัทอันดับ 1 ของพันธมิตรที่กำลังจะสร้างขึ้นมาใหม่” ฉินหมางกล่าว
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย เนื่องจากปัจจุบันเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องอำนาจภายในพันธมิตรอีกต่อไปแล้ว เพราะหลังจากที่เขาได้เจอผู้ใช้กฎเขาก็ได้รู้ว่าพันธมิตรเป็นเพียงแค่พื้นที่เล็ก ๆ ในจักรวาลเท่านั้น สิ่งที่เขาให้ความสนใจจึงเป็นเรื่องในดินแดนกฎที่เขาจะต้องเดินทางไปในอนาคตมากกว่า
ห่างออกไปไม่ไกลเออเนสกำลังพูดคุยกับอันเดร์อย่างสนิทสนม ในขณะที่นิวแมนกำลังพูดคุยกับชาร์ลีด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน คล้ายกับว่าพวกเขากำลังสานสัมพันธ์สร้างเครือข่ายธุรกิจขึ้นมาอย่างช้า ๆ แล้วมันก็คงจะกลายเป็นรูปเป็นร่างหลังจากนี้อีกไม่นานนัก
“ในบรรดาอารยธรรมของสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา มันก็มีเพียงแค่พลังเท่านั้นที่สามารถปกป้องสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจากปีศาจร้ายที่คุกคามเผ่าพันธุ์พวกเขาได้ ตอนนี้พันธมิตรเพิ่งจะเดินกลับมาจากขอบเหวของการถูกทำลายล้างอีกครั้ง แล้วมันก็พิสูจน์ให้เห็นเป็นอย่างดีว่าถ้าหากปราศจากพลัง มันก็ยากที่พวกเราจะยืนหยัดในจักรวาลอย่างมั่นคงได้” ฉินหมางกล่าว
“คุณตากำลังพูดถึงไททันสินะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถ้ามนุษย์มียานไททันพวกเราก็ไม่มีทางที่จะถูกพวกเซิร์กรังแก ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าทำไมมนุษย์โบราณจะพยายามอย่างหนักในการหาพิมพ์เขียวของไททัน แต่ฉันก็รู้ดีว่ายานลำนั้นมีความสำคัญสำหรับพันธมิตรในปัจจุบันมากแค่ไหน” ฉินหมางกล่าว
แม้ชายหนุ่มจะรู้ความจริงแล้วว่ามนุษย์โบราณพยายามสร้างไททันเพื่อป้องกันการรุกรานจากผู้ใช้กฎ แต่เขาก็ยังไม่คิดที่จะเล่าเรื่องนี้ให้กับฉินหมางได้ฟัง
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ได้คิดที่จะเล่าเรื่องที่เขาได้ครอบครองพิมพ์เขียวของยานไททันทั้งลำให้ชายชราได้ฟังด้วยเช่นกัน เพราะอารยธรรมที่เคยพยายามสร้างไททันในอดีตต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกกวาดล้างไปทั้งหมด ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่สามารถที่จะประมาทในเรื่องนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉันเกือบลืมไปแล้วว่าปัจจุบันนายยังมียศเป็นเพียงแค่จัสทิสฝึกหัดของสมาพันธ์จัสทิส แต่ด้วยสถานะในปัจจุบันของนายยศเพียงแค่นั้นคงจะไม่เหมาะสมสำหรับนายอีกต่อไปแล้ว ไม่อย่างนั้นทางสมาพันธ์ก็คงจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะว่าพวกเขาปล่อยให้วีรบุรุษสงครามถือครองยศระดับต่ำแบบนั้นได้ยังไง”
“ทางประธานสมาพันธ์จึงมีความเห็นว่าเขาจะมอบยศจัสทิสระดับเพชรให้กับนาย เพื่อให้เหมาะสมกับสถานะวีรบุรุษในสงคราม” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยเบา ๆ
จัสทิสระดับเพชรถือได้ว่าเป็นตำแหน่งที่สูงมากในสมาพันธ์จัสทิส และมันก็เป็นตำแหน่งที่มีสิทธิพิเศษตามมาอย่างมากมาย การเสนอยศจัสทิสระดับเพชรให้กับเซี่ยเฟยจึงถือว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ของทางสมาพันธ์แล้ว
“ไม่จำเป็นหรอกครับ ท้ายที่สุดผมก็ไม่ได้เซ็นสัญญากับทางสมาพันธ์และผมก็ไม่อยากถูกใครควบคุม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ฮ่า ๆ ๆ ใช่แล้ว ในวันนี้แม้แต่ตำแหน่งจัสทิสระดับเพชรก็ยังไม่เหมาะสมกับสถานะของนาย อย่างน้อยนายก็ควรจะต้องขึ้นไปยืนอยู่ใน 10 ผู้อาวุโสของสมาพันธ์มากกว่า แต่พวกไดโนเสาร์ในสมาพันธ์หวงตำแหน่งผู้อาวุโสพวกนั้นอย่างกับอะไรดี แล้วมันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะมอบตำแหน่งผู้อาวุโสของสมาพันธ์ให้กับนายอย่างเด็ดขาด” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“คุณตาก็น่าจะรู้ว่าผมไม่ใช่คนชอบยึดติดกับยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะถ้าหากว่าผมยึดติดกับเรื่องพวกนั้นจริง ๆ ผมก็คงจะไม่สมัครเป็นบรรณารักษ์ในห้องสมุดของคุณตาตั้งแต่แรก ความจริงแล้วหลังจากจบเรื่องในคราวนี้ผมก็คิดที่จะลาออกจากสมาพันธ์จัสทิสแล้วด้วยซ้ำ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉินหมางชะงักไปเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดว่าหลังจากที่ชายหนุ่มได้กลายเป็นวีรบุรุษสงครามเขาก็ยังคงเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับยศถาบรรดาศักดิ์อยู่เช่นเดิม ท้ายที่สุดตำแหน่ง 10 ผู้อาวุโสของทางสมาพันธ์จัสทิสก็เป็นตำแหน่งที่ทำให้เขาสามารถเข้าถึงความลับระดับสุดยอดของพันธมิตรมนุษย์ได้ แล้วถ้าหากว่าเขาเอาตำแหน่งนี้ไปเสนอให้กับใคร มันก็คงจะไม่มีใครกล้าปฏิเสธตำแหน่งนี้อย่างแน่นอน
“ลาออกจากสมาพันธ์จัสทิสหรือว่าทางกองทัพหยิบยื่นผลประโยชน์ให้กับนายมากยิ่งกว่า?” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับหันหน้ามองไปทางวิลเลียมที่อยู่ไม่ไกล
“คุณตาน่าจะรู้แล้วใช่ไหมครับว่าทางพันธมิตรสัญญาจะมอบภูมิภาคดาวเหวทมิฬให้กับผม?” เซี่ยเฟยกล่าว
“ใช่ ฉันรู้เรื่องนี้แล้ว แต่นายจะไปอยู่ในภูมิภาคดาวที่ทุรกันดารนั้นงั้นเหรอ?” ฉินหมางถาม
“อย่างน้อยที่นั่นก็เป็นดินแดนของผมเอง แล้วผมก็ไม่จำเป็นจะต้องคอยฟังคำสั่งจากใคร” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างผ่อนคลาย
ชายหนุ่มรู้ดีว่าฉินหมางพยายามผลักดันให้เขากลายเป็นผู้มีอำนาจในสมาพันธ์ แต่ในปัจจุบันอำนาจเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถดึงดูดเซี่ยเฟยได้อีกต่อไปแล้ว ท้ายที่สุดดินแดนของผู้ใช้กฎก็เป็นสิ่งที่มีอำนาจมากยิ่งกว่า เพียงแต่เขาไม่สามารถเล่าเรื่องของดินแดนผู้ใช้กฎให้ฉินหมางฟังได้ เขาจึงต้องพยายามบ่ายเบี่ยงไปยังเรื่องอื่น
“นายเป็นพวกที่ชอบเลือกทางเดินที่แตกต่างจากคนอื่นเสมอ ๆ เลยสินะ ทุกคนต่างก็คิดว่านายจะทะยานขึ้นสู่อำนาจหลังจากกลับมาในครั้งนี้ แต่ความจริงนายกลับมีความคิดที่จะปลีกวิเวกออกไปอยู่ในภูมิภาคดาวเหวทมิฬที่อยู่ห่างไกล ซึ่งครั้งนี้แม้แต่ฉันก็เดาใจนายไม่ถูกจริง ๆ” ฉินหมางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณตาไม่ต้องห่วงครับ ถึงยังไงผมก็ยังเป็นบรรณารักษ์ตัวน้อยของคุณตาอยู่เสมอ”
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลย ถ้านายไปอยู่ที่ภูมิภาคดาวเหวทมิฬแล้วใครจะคอยส่งชาดี ๆ มาให้กับฉันกัน” ฉินหมางหยอกล้ออย่างมีความสุข
“คุณตาไม่ต้องห่วงเลยครับ เดี๋ยวผมจะสั่งให้ชาร์ลีคอยส่งชาไปให้ทุกปี ถึงแม้ว่าดาวโลกจะได้รับความเสียหายไปบ้างแต่อย่างน้อยสวนชาบนโลกก็ยังปลอดภัยดี”
หลังจากพูดคุยไปสักพักฉินหมางก็ปลีกตัวไปหาทูราม เพราะเขารู้ว่ามันยังมีคนอีกมากที่กำลังรอพูดคุยกับชายหนุ่มอยู่
“เป็นยังไง? หลังจากเซี่ยเฟยรู้ว่านายจะส่งเขาเข้าไปเป็นสมาชิกระดับสูงของสมาพันธ์ เขาก็คงจะรู้สึกตื่นเต้นมากเลยใช่ไหม?” ทูรามกล่าวอย่างสบาย ๆ
“เขาปฏิเสธ” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“อะไรนะ?! นี่เขาปฏิเสธตำแหน่งที่จะสามารถเข้าถึงอำนาจระดับสูงของพันธมิตรไปง่าย ๆ แบบนั้นเลยเหรอ?” ทูรามอุทานด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“นายก็น่าจะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง” ฉินหมางกล่าว
“เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก แสดงว่าเขาจะต้องมีแผนการอะไรบางอย่างอยู่แน่ ๆ” ทูรามกล่าว
“ในตอนที่เขามาเป็นบรรณารักษ์ให้กับฉัน ทุกคนต่างก็คิดว่าเขาเป็นพวกไม่มีสมอง แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเขาเลือกทางเดินได้ฉลาดกว่าใคร ๆ และถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะดูเหมือนเขาละทิ้งโอกาสไป แต่มันจะต้องมีอะไรบางอย่างกำลังดึงดูดเขาอยู่แน่ ๆ” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
หลังจากนั้นไม่นานวิลเลียมก็เดินมาหาฉินหมางกับทูรามด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจ
“ขอแสดงความยินดีด้วย เซี่ยเฟยไม่คิดที่จะขึ้นมาแทนตำแหน่งของเลย์ตันที่กำลังจะเกษียณครั้งนี้ สมาพันธ์จัสทิสของพวกคุณเป็นฝ่ายชนะ” วิลเลียมกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
เมื่อได้ยินแบบนั้นฉินหมางกับทูรามก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ทูรามจะกล่าวออกไปว่า
“ทางกองทัพใจกว้างมากจริง ๆ ที่ขนาดยื่นตำแหน่งจอมพลใหญ่ให้กับเซี่ยเฟยไปแบบนั้น”
“แต่ผมว่าความใจกว้างของเราคงจะยังไม่พอ” วิลเลียมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อันที่จริงเซี่ยเฟยก็ปฏิเสธข้อเสนอของพวกเราด้วยเหมือนกัน” ทูรามกล่าว
“แล้วเขาต้องการอะไร?” วิลเลียมถามด้วยความสงสัย
“เขาแค่ต้องการเกษียณและไปใช้ชีวิตอย่างสงบในภูมิภาคดาวเหวทมิฬที่คุณให้กับเขา”
“ห๊ะ!” วิลเลียมชะงักไปด้วยความตกใจ ขณะที่แก้วภายในมือของเขาร่วงหล่นลงไปแตกเป็นเสี่ยง ๆ
เสียงแก้วแตกไม่ดังมากนักแต่มันกลับทำให้ทั่วทั้งห้องตกอยู่ภายใต้ความเงียบงันอย่างรวดเร็ว เพราะท้ายที่สุดวิลเลียมก็คือเสนาธิการคนสำคัญ และสิ่งที่ทำให้เขาตกใจได้ย่อมเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพันธมิตรแน่นอน
แต่ในความเป็นจริงการที่ทุกคนเงียบไม่ใช่เพราะเสียงแก้วที่แตก แต่มันเป็นเพราะผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาภายในห้องต่างหาก
***************
เปิดตัวสาวงามได้!!!!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 200
แสดงความคิดเห็น