บทที่ 14...4/4 สิ้นสุดการ up นิยายค่ะ
เขมินท์ทราบดีว่าเรื่องไม่คาดคิดที่เจตน์พูดมาหมายถึงเหตุการณ์ที่พ่อกับแม่ของเขาจากไปเพราะอุบัติเหตุ ไม่มีใครทันได้เตรียมใจ ทุกคนในครอบครัวผ่านช่วงเวลานั้นมาด้วยหัวใจที่บอบช้ำ
“ปู่อย่าพูดแบบนี้สิครับ สิ่งที่เกิดกับพ่อแม่ของผมเป็นอุบัติเหตุ แต่การที่ปู่ไส้ติ่งอักเสบสามารถรักษาได้และปลอดภัยแน่นอน ปู่อย่ากังวลนะครับ ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี”
เจตน์ไม่ได้กังวลเกินไป เพียงแต่เขาเชื่อเรื่องความแน่นอนคือความไม่แน่นอน “แต่ปู่กลัวนะถ้ายังไม่เห็นว่าเขมมีคนมาดูแล พาใครคนนั้นของเขมมาหาปู่ได้ไหม ถ้าอะไรๆ มันไม่เป็นอย่างที่คิด ปู่จะได้สบายใจว่าไม่มีอะไรต้องห่วงอีก”
เขมินท์เข้าใจว่าบางครั้งความห่วงก็ไม่ได้ถูกทำให้น้อยลงได้เพราะบอกว่า...อย่าห่วงเลย การสูญเสียในอดีตจึงเหมือนบทเรียนที่สอนว่าอย่าได้รั้งรอหากยังมีโอกาสที่จะได้ทำ คนที่ปู่ห่วงที่สุดก็คือเขา เช่นเดียวกับคนที่เขาห่วงที่สุดก็คือปู่ เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรที่จะทำให้การผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ราบรื่น เขาพร้อมจะทำให้เขาปู่ได้เสมอ
“ถ้าปู่ต้องการแบบนั้น ผมจะพาเธอคนนั้นมาให้ปู่ได้รู้จัก แต่คืนนี้ปู่ควรพักผ่อนก่อนนะครับ”
“เขมสัญญากับปู่แล้วนะ” รอยยิ้มของเจตน์คือคำตอบว่าเขาต้องการเพียงเท่านี้จริงๆ
“ผมสัญญาครับ” เขมินท์จับมือเจตน์แล้วบีบเบาๆ ก่อนจะวางลงแนบตัว แล้วช่วยห่มผ้าให้ “ผมจะรอให้ปู่หลับก่อนแล้วค่อยกลับ”
เจตน์หลับตาลงพร้อมกับมีรอยยิ้มประดับที่ริมฝีปาก เขมินท์เดินไปเปิดประตูซึ่งพยาบาลมารออยู่แล้ว เขาฝากปู่ให้พยาบาลดูแลก่อนจะเดินไปหามีนาซึ่งนั่งอยู่ตรงระเบียงห่างออกไปนิดเดียว
มีนาเห็นเขมินท์เดินมา จึงหยิบกาแฟของเขามาด้วยแล้วส่งให้กับมือเขา ก่อนจะเดินกลับมาที่ห้องของเจตน์ด้วยกัน
“พี่อยากรอให้ปู่หลับสนิทก่อนแล้วค่อยกลับ ถ้ามีนง่วงจะหลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ปลุก” เขมินท์พูดเสียงเบาไม่อยากรบกวนปู่ที่กำลังหลับ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มีนไม่ง่วงเลย กาแฟช่วยได้จริงๆ” มีนาขยับมาใกล้แล้วกระซิบเบาๆ เช่นกัน “แต่ถ้าพี่เขมง่วง ขากลับเดี๋ยวมีนขับรถให้ก็ได้นะคะ”
“ขอบใจนะมีนที่อยู่กับพี่ตอนนี้”
มีนาเป็นฝ่ายจับมือของเขมินท์มากุมไว้เพียงหวังแค่อยากให้กำลังใจ แม้ใบหน้าของเขาจะเรียบราวกับไม่มีสิ่งใดบนโลกมาสั่นคลอน ทว่าดวงตากังวลคู่นั้นไม่สามารถหลอกเธอได้ ในความมั่นคงดุจหินผา เขาก็อ่อนไหวและอยากให้ใครสักคนอยู่ใกล้ๆ แม้จะไม่ได้คำปลอบใจ แต่ย่อมดีกว่าโดดเดี่ยวเพียงลำพัง
“มีนต้องอยู่เป็นเพื่อนพี่เขมสิคะ ปู่พี่เขมก็เหมือนปู่ของมีนเหมือนกันนะ”
เขมินท์ขยับไหล่ของเขามาแนบกับไหล่ของมีนา ก่อนจะซบหน้าลงกับไหล่บางแล้วหลับตาลงราวกับว่าอยากทำแบบนี้มาตลอด การรู้สึกเป็นที่พึ่งพาของใครๆ มาตลอดทำให้บางครั้งเขาเหนื่อยล้า ทว่าการได้ซบไหล่ของใครสักคนช่างเป็นความรู้สึกที่ผู้ชายที่มีความฝันเล็กๆ อย่างการมีครอบครัวที่พร้อมพ่อแม่และลูกอยากได้พบเจอ จนมาพบด้วยตัวเองว่าใครคนนั้นที่เขาตามหาบางทีไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย เธออาจอยู่ใกล้ๆ แค่ตรงนี้เอง
สายตาของมีนามองไปบนถนนที่เวลานี้เหลือเพียงรถไม่กี่คัน หนึ่งในนั้นมีรถของเขมินท์รวมอยู่ด้วย หญิงสาวไม่แน่ใจว่าปู่หลับสนิทไปตอนไหน แต่ที่แน่ใจนั่นคือเธอหลับจนเขมินท์เป็นฝ่ายที่ปลุก แล้วจับมือพาเธอเดินมาที่รถในสภาพยังตื่นไม่ค่อยเต็มตา ทั้งที่เธออาสาว่าจะขับรถพาเขากลับบ้าน แต่เธอดันเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ เขมินท์มองมาที่มีนาเป็นระยะ จนเห็นว่าเธอตื่นเต็มตาแล้วก็ยิ้มออกมา หญิงสาวยิ้มเขินๆ ที่เป็นที่พึ่งให้เขาไม่ได้เสียอย่างนั้น
มีนาหันมามองเขมินท์ แม้จะเห็นเพียงเสี้ยวของใบหน้าที่กำลังตั้งใจมองทาง แต่ก็ทำลายล้างต่อใจดวงน้อยที่เต้นแรง จนเธอต้องยกแขนขึ้นมากอดอก เขมินท์เลื่อนนิ้วมาหรี่แอร์ให้ราวกับว่าทุกอิริยาบถของเธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา
“พรุ่งนี้มีนไปเยี่ยมปู่กับพี่ ก่อนที่ปู่จะผ่าตัดได้ไหม” น้ำเสียงของเขมินท์อ่อนโยนไม่ราบเรียบอย่างที่ใครๆ เคยชิน
รอยยิ้มคือคำตอบแรกของมีนา “ได้ค่ะ มีนจะรอพี่เขมนะคะ”
เรียวปากหนาที่เม้มปิดเป็นนิจคลี่ออกอีกครั้ง มีคนเคยบอกจะรอเขามาก่อนหน้านี้มากมาย ทั้งเรื่องงานและในความสัมพันธ์ของหนุ่มสาว ทว่าการพูดคำว่า ‘รอ’ ของมีนากลับทำให้เขารู้สึกอยากให้ถึงเวลานั้นอย่างใจจดจ่อ
รถกำลังเลี้ยวเข้าสู่ซอยที่มีนาคุ้นเคยมาตลอดชีวิต แสงไฟส่องทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดลงที่รั้วบ้านของเธอในเวลาที่เข้าสู่วันใหม่พอดี หญิงสาวปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วลงจากรถเพื่อเดินมาหาเขมินท์ที่ฝั่งคนขับ เขมินท์กดเลื่อนกระจกลงเพื่อรอให้มีนาเข้าบ้านก่อน
“อย่ากังวลไปเลยนะคะพี่เขม มีนเชื่อว่าปู่จะปลอดภัย” มีนาค้อมไหล่ให้เขมินท์เป็นเชิงลากำลังจะหันไปเปิดรั้วบานเล็ก
เขมินท์มองใบหน้าเล็กจ้อยที่กำลังหันไป แล้วเป็นฝ่ายเปิดประตูลงมาจากรถ เพราะเขายังอยากให้เวลาระหว่างเราสองคนทอดยาวไปอีกสักนาที
“มีน...”
“คะ” มีนาหันมาเพิ่งเห็นว่าเขมินท์ลงมาจากรถ แต่ไม่ได้ก้าวมาหาเธอ เธอไม่ได้ลืมอะไรเอาไว้บนรถใช่ไหมนะ
หญิงสาวได้คำตอบกับตัวเองในวินาทีนั้นเองว่าเธอไม่ได้ลืมอะไร แต่มีเหตุผลอะไรที่เขมินท์มองเธอนิ่ง แต่กลับไม่พูดอะไรอยู่หลายวินาที เธอมองเขาราวกับอยากค้นหาคำตอบของสายตาหวานละมุนนั้น
“จะแปลกไหมถ้าพี่ไม่อยากคิดว่ามีนเป็นน้องสาวของพี่แล้ว”
ความน้อยใจเผยออกมาจากดวงตาที่มองเขมินท์ หลังจากฟังประโยคที่คล้ายคำบอกเล่าจากเขา มีนาเม้มปากหากเขมินท์ไม่เห็นเธอเป็นน้องสาวอีกแล้ว ถ้าอย่างนั้นเธอควรเป็นอะไร เพียงเด็กข้างบ้านหรือคนรู้จักอย่างนั้นเหรอ
“ทำไมพี่เขมจะทำแบบนั้นหรือคะ มีนทำอะไรผิดไปหรือเปล่า”
เกิดความเงียบงันที่ทำให้เสียงเพลงจากในรถลอยออกมาราวกับแทนความรู้สึกของใครสักคน หากที่ผ่านมาความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
Do you remember
When we were young you were always with your friends
Wanted to grab your hand and run away from them
I knew that it was time to tell you how I feel*
เพลง Give Me Your Forever ของ Zack Tabudlo
แล้วตอนไหนกันที่ความรู้สึกนั้นเปลี่ยนไปจนทำให้โลกใบเดิมๆ ที่หม่นเศร้ากลายเป็นสดใสงดงาม บางคนอาจมีคำตอบอยู่แล้ว แต่บางคนอาจต้องรอจนกว่าเวลาจะพาไปพบคำตอบ
“เข้าบ้านไปได้แล้วนะ พี่จะให้คำตอบมีนพรุ่งนี้แทนแล้วกัน”
รอยยิ้มและสายตาของเขมินท์อาจเป็นคำตอบที่เขาบอกมีนาไปแล้ว แต่ว่ามีนาไม่แน่ใจเลยสักนิด สายตาอบอุ่นที่มาพร้อมกับรอยยิ้มละมุนนั้น เขามอบให้เธอเพราะอะไร เขาหวั่นไหวเหมือนกับที่เธอรู้สึก หรือว่าเขาแค่อยากขอบคุณที่เธอแบ่งปันความทุกข์ใจในค่ำคืนนี้เท่านั้น
สิ้นสุดการลงนิยายเพียงเท่านี้นะคะ ความรักของมีนกับพี่เขมจะเป็นอย่างไรต่อไป หากอยากอ่านต่อรบกวนไปที่เว็บหรือแอป MEB นะคะ ตอนนี้ เพราะคุณคือรักแรก วางจำหน่ายใน MEB แล้วค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 254
แสดงความคิดเห็น