บทที่ 2...1/3
ชิงช้าสวรรค์ยังไม่ได้ถล่ม แต่เสียงแอ๊ดๆ ช่างตามหลอนอย่างกับหนังผี เสียงผู้คนเซ็งแซ่ เพียงครู่เดียวไฟพ่วงจากหม้อแบตรถของใครสักคนก็ทำให้ไฟหลายดวงสว่างพอให้เห็นกัน มีเสียงตะโกนว่าเดี๋ยวไฟฟ้าก็มา มีนาฟังแล้วค่อยโล่งอกว่าอีกประเดี๋ยวไฟฟ้าก็มา สักพักเธอจะได้ลงไปจากชิงช้าสวรรค์
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น มีนกลัวหรือเปล่า” เขมินท์ถาม
“ตอนแรกกลัว ตอนนี้ไม่เข้าใจค่ะพี่เขม” มีนาถอนใจ “มีนไม่ได้เกลียดไม่เขมหรอกนะคะ มีน...”
ไฟสว่างจ้า!
มีนาแทบจะตะโกนออกไปด้วยความโมโห ไฟมันจะติดจะดับได้จังหวะอะไรขนาดนี้ กระเช้าค่อยๆ เลื่อนลงไปด้านล่างซึ่งมีคนคอยเปิดบานเหล็กดัดให้แต่คนละคนออกไป
“ป่านนี้ทุกคนคงไปรอกันที่รถแล้วล่ะ” เขมินท์บอกมีนาตอนเดินมาตามทางด้วยกัน “ระวัง...”
ยังไม่ทันขาดคำ มีนาก็สะดุดเข้ากับก้อนหิน ยังดีที่เขมินท์คว้าเอวของเธอไว้ได้ทัน เขาอาจไม่ได้คิดอะไร แต่เธอเนี่ยแหละที่คิด มันคือเหตุผลที่เธอรีบกระเด้งออกไปยืนดีๆ เพราะกลัวเขาจะได้ยินว่าหัวใจของเธอเต้นแรงอย่างกับกลองชุด เธอจะมาหวั่นไหวเพราะพี่ชายของเพื่อนรักไม่ได้ ท่องไว้เขาเป็นได้แค่อาหารตา แต่ถลำลึกไม่ได้
“ขอโทษทีพี่แค่จะช่วย”
“เอ่อ มีนเค่บ้าจี้ค่ะพี่เขม” เมื่อเช้ามีนาก้าวขาผิดข้างตอนออกจากบ้านหรือไง จังหวะดีๆ กลายเป็นหายนะเสียหมด
“ถ้างั้นมีนเดินดีๆ พี่จำได้ว่าทางมันมีหินตะปุ่มตะป่ำแถวๆ นี้”
มีนาก้มลงมองทางตั้งใจเดิน โดยมีเขมินท์เดินมาใกล้ๆ มันคือความอุ่นใจว่ามีเขาอยู่ตรงนี้ หากจะล้ม เขาจะคว้าเธอไว้ แต่พอมองไปยังปลายทางที่มีอาจารย์ภัทรีมองมาแล้ว หัวใจที่กำลังฟูฟ่องของมีนาก็ยวบหาย ในสายตาของเขมินท์คงมองเธอเป็นเพื่อนของน้องชาย ไม่มีความรู้สึกอะไร แล้วที่สำคัญเธอคงทำได้แค่แอบชอบเขมินท์จากมุมเล็กๆ เพราะสัญญากับภาคินไปแล้วว่าหากมีแฟนจะต้องไม่ใช่พี่ชายของเขาเด็ดขาด!
งานสร้างเรือนนอนสำหรับเด็กๆ เริ่มขึ้นในเวลา 7 โมงกว่าของวันต่อมา แต่ละคนมีอาการเมื่อยล้ากันไปตามๆ กัน แต่มีกำลังใจที่จะทำเรือนนอนให้เด็กได้มานอนที่นี่เวลากลางวัน หรือค้างคืนได้ในกรณีที่ผู้ปกครองบางคนฝากเด็กไว้กับคุณครู ช่วงเช้าเป็นการมุงหลังคา ส่วนมีนากับเพื่อนๆ และคนอื่นที่ว่างมืออยู่ก็มาช่วยกันทาสีและเคลียร์พื้นที่ด้านล่างเพื่อรอพื้นสำเร็จรูปที่จะมาส่ง ในตอนสาย
งานดำเนินไปได้ด้วยดีและรวดเร็ว อาจเพราะทีมอาสาทำงานด้วยกันมาหลายครั้ง อีกทั้งมีทีมงานจากบริษัทของเขมินท์มาช่วยอีกแรง หลังคาและพื้นเสร็จในเวลาก่อนเที่ยง พอทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว งานตกแต่งและจัดของก็เป็นลำดับสุดท้าย
ครูใหญ่และบรรดาผู้ปกครองของเด็กๆ มาช่วยกันอีกแรง ทำให้งานเสร็จทันตามกำหนดในเวลา 4 โมงเย็น ครูใหญ่เตรียมผลไม้และของพื้นถิ่นพวกเสื้อถักมาให้ทีมงานทุกคน ก่อนที่จะบอกลากันเพื่อเดินทางกลับในเวลาต่อมา
“คราวหน้าไปไหนกันต่อดีล่ะ” ใครคนหนึ่งเอ่ยเมื่อรถกำลังแล่นออกมาสู่ถนนเส้นหลักซึ่งจะพาทั้งหมดกลับกรุงเทพฯ
“หลังสอบไฟนอลเสร็จแล้วกัน ขอเรียนจบชัวร์ๆ ก่อน จบแล้วโทรเรียกกันได้” วารีตอบแทนเพื่อนปี 4 หลายคนที่อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะสอบแล้ว
“แต่ถ้าเป็นงานเพ้นท์เสื้อขาย หรือออกแบบสมุดก็บอกได้นะ มีนจะปลีกเวลามาทำให้” มีนาเสนอตัวเองเพราะเธอช่วยทำงานส่วนนี้มาตลอด
เพื่อนผู้ชายที่รู้จักมีนามานานแกล้งเอ่ย “จีบเพื่อนจะได้ไหมเนี่ย”
“ไปบอกแฟนแกก่อน มีนไม่อยากถูกตบ” มีนาพอรู้มาบ้างว่ารายนี้มีแฟนแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าพูดเล่นหรือพูดจริง เธอปิดประตูให้ทันควัน
“อาจารย์เขมินท์มีแฟนหรือยังคะ” สาวๆ กลุ่มที่ทำอาหารกับภัทรีถามขึ้น ทำให้คนในรถพากันสนใจ
เขมินท์ยิ้มเกือบจะหัวเราะในความกล้าถามของนักศึกษาคนนั้น “เอาไว้ถ้าคุณทำข้อสอบได้ 100 คะแนนเต็ม ผมถึงจะตอบนะครับ”
มีเสียงหัวเราะตามมาทันที การที่จะได้ร้อยเต็มเป็นเรื่องเพ้อฝัน การติดอยู่ในทะเลซี(C) ต่างหากเรื่องจริง ภัทรีแอบถอนใจเสียดายเพราะเธอก็อยากรู้ในเรื่องนี้ แม้จะเป็นเพื่อนมหา’ลัยกับเขมินท์ แต่ตอนนั้นเขาเหมือนจะสนิทกับพริมามากกว่าใคร ยังดีที่พอเรียนจบแล้วพริมาไปเรียนต่อที่อังกฤษ ตอนนี้ยังติดต่อกันอยู่หรือเปล่า เธอไม่รู้เลย และไม่กล้าถาม
มีนาหลับไปนานจนตื่นอีกทีก็ถึงมหา’ลัยพอดี หญิงสาวลงจากรถพร้อมกระเป๋าเป้ใบเดิมกำลังจะเดินไปขึ้นรถเมล์เพราะเพิ่งจะ 2 ทุ่ม ยังไม่ต้องพึ่งรถแท็กซี่
“ใช่ไหมหว่า”
มีนาเห็นรถของเขมินท์กำลังออกมาจากประตูทางออกของมหา’ลัย เธอพยายามส่องว่าเขามากับใคร แต่รถเมล์สายที่เธอจะขึ้นมาพอดี ความอยากรู้เลยถูกกองไว้ตรงนั้น พอขึ้นรถได้ เธอรีบมองไปข้างหลัง เธอเห็นเขาชะลอรถตรงป้ายรถเมล์ อาจเพราะรถของเขาอยู่ข้างหลังรถเมล์ไปหลายคันกระมัง รถเลยวิ่งได้ช้าลง มีนาถอนใจเซ็งๆ อกหักทิพย์แม้เขาไม่รู้ตัวอีกแล้ว
สอบไฟนอลใกล้เข้ามาแล้วทำให้ช่วงนี้มีนาไม่ได้ไปช่วยงานของเมษานัก การเรียนให้จบคือเป้าหมายสำคัญสำหรับเธอ เพราะฉะนั้นการพบเขมินท์ในคลาสสุดท้ายก็ทำให้มีนาคิดว่าไม่แย่นัก หากว่าต่อไปจากนี้จะไม่ค่อยได้พบเขาอีก แม้บ้านติดกัน แต่เขากลับบ้านมาก็ไม่เคยเฉียดใกล้มาที่บ้านของเธอ จึงมีค่าเท่ากับไม่พบนั่นเอง
เย็นวันศุกร์ภาคินโทรมานัดมีนาให้มาเจอกันที่ร้านประจำ มีนาสั่งส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ยางมารอไว้ก่อน ถ้าภาคินอยากจะกินอะไรค่อยสั่งเพิ่ม แต่วันนี้เพื่อนไม่ได้มาคนเดียวอย่างเคย ซึ่งเหตุผลของการนัดพบคงเพราะสาวสวยหุ่นนางแบบคนนั้นกระมัง นี่ก็พ่อหนุ่มหัวกระไดไม่เคยแห้งอีกคน มีนายิ้มให้แขกคนพิเศษที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอ
“นี่มีน เพื่อนสนิทของคิน” ภาคินยิ้มกว้าง ก่อนจะหันมามองสาวข้างกาย “นี่เบญ แฟนของคิน”
ว่าแล้วเชียว... มีนาพูดอยู่ในใจ “ไม่เจอกันแป๊บเดียว มีแฟนมาอวดเพื่อนแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“เหมือนกันค่ะ คินคุยเรื่องของมีนให้เบญฟังบ่อยๆ วันนี้ได้มาเจอตัวจริงแล้ว ทั้งสวยและดูดีเลยค่ะ” เบญญามองเพื่อนสนิทของภาคินแล้วค่อยเบาใจ การที่เขาพูดถึงมีนาบ่อยๆ ทำให้เธอสงสัยว่าถ้าเพื่อนดีขนาดนี้ ทำไมสองคนนี้ไม่เป็นแฟนกันเสียเอง
มีนาหัวเราะทำหน้าอวดๆ ภาคิน “เพิ่งมีเบญชมมีนเป็นคนแรกนะคะ ที่ผ่านมาคินไม่เคยชมมีนเลย เห็นไหมว่าเพื่อนสวยและดูดี”
“คินแค่ไม่อยากชมไง เดี๋ยวมีนหนีไปมีแฟน คินก็เหงาแย่น่ะสิ” ภาคินหมายความตามที่พูดจริงๆ เพื่อนแบบมีนาหาง่ายๆ เสียที่ไหน
เบญญายิ้ม แต่ว่าในใจเกิดความสงสัย ทั้งที่เพิ่งสบายใจไปเมื่อครู่
“ย่ะ แล้วคินมีแฟน มีนไม่เหงาเลยเนอะ” มีนาหัวเราะหมั่นไส้เพื่อน พอนึกได้ว่าเบญญาจะเหงาเลยชวนคุย “พูดเล่นนะคะ มีนดีใจที่คินมีแฟน ถ้าคินพูดอะไรไม่เข้าหูโทรมาฟ้องได้นะคะ มีนจะโทรไปเช็คบิลให้”
มีเสียงจากภาคินที่ร้องหูยเบาๆ เลยถูกมีนาหยิบน่องไก่มายัดปาก ภาคินหัวเราะชอบใจ เบญญายิ้มกว้าง แต่ชักใจแป้ว
“คินกับมีนดูสนิทกันดีจังเลยนะ”
“ต้องสนิทสิ เราสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก บ้านก็ติดกัน วันเกิดก็อยู่เดือนเดียวกัน” ภาคินพยักพเยิดกับมีนา
มีนาชักรู้สึกได้จะเรียกมีเซ้นส์แบบผู้หญิงกระมัง จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “หิวแล้ว กินดีกว่า”
ภาคินแยกหนังไก่มาส่งให้มีนา ส่วนมีนาก็ส่งใบโหระพาให้เพื่อนเพราะเธอชอบกินถั่วฝักยาว เบญญามองอยู่เงียบๆ มีนาชักรู้สึกตัวเลยใช้เท้าสะกิดเพื่อนจากใต้โต๊ะพลางหันไปมองเบญญา ภาคินรีบเอาใจแฟน เขาไม่ได้มีแฟนมานานแล้วเลยลืมตัวไปว่าต้องทำตัวยังไง ดีจริงๆ ที่มีนามาคอยเตือน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 284
แสดงความคิดเห็น