บทที่6 นัดตรวจติดตามอาการ#1
เช้าวันศุกร์
“สวัสดีค่ะ หนูมาตรวจตามนัดค่ะ” รดายื่นเอกสารใบนัดให้เจ้าหน้าที่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์
“เอ่อ..รบกวนคนไข้รอสักครู่นะคะ” เมื่อดูรายละเอียดในใบนัดเจ้าหน้าที่ก็ยกโทรศัพท์ต่อสายหาใครบางคนสักพัก ก่อนจะวางสายและหันมาบอกกับรดาที่ยืนรออยู่ด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“คุณหมอแจ้งว่าให้คนไข้ขึ้นไปพบคุณหมอที่ห้องทำงานได้เลยค่ะ ใช้ลิฟต์ฝั่งด้านซ้ายนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” รดาทำหน้างงเล็กน้อยที่คุณหมอหนุ่มให้เธอขึ้นไปพบบนห้องทำงานทั้งที่ควรจะเป็นห้องตรวจคนไข้ชั้นล่าง แต่ก็กดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 20 ตามคำสั่งของชายหนุ่ม
ติ๊ง เสียงประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อขึ้นมาถึงชั้นจุดหมายปลายทาง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
รดาเคาะประตูหน้าห้องสามครั้งตามมารยาท ยืนรอสักพักเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดประตู
“สวัสดีค่ะ” มือเรียวเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นสวัสดีคุณหมอหนุ่มอย่างมีมารยาท
“ทำไมมาแต่เช้า วันนี้ไม่มีเรียนหรือไง”
“วันนี้อาจารย์ยกคลาสค่ะ”
“เข้ามาด้านในสิ” รดาเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในห้อง วันนี้แฟ้มเอกสารบนโต๊ะทำงานกองทัพมีไม่มากนักอาจจะเป็นเพราะเขาเคลียร์เสร็จไปเมื่อวันก่อนแล้ว ภายในห้องจึงดูเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกระเบียบนิ้ว
“มานั่งนี่ ผมขอดูแผลหน่อย” กองทัพกวักมือเรียกรดาที่เอาแต่ยืนมองรอบๆ ห้องจนลืมตัว
“เอ่อ..ค่ะ” สะโพกกลมมนนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่ม กระโปรงสั้นสีฟ้าร่นขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นเรียวขาสวย
“นั่งรถอะไรมา” ด้วยความที่ห้องพักของรดาอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลสามารถนั่งวินมอเตอร์ไซต์มาไม่ถึง20นาทีก็ถึง
“นั่งวินมาค่ะ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำตอบจากหญิงสาว
“ใส่กระโปรงสั้นแบบนี้ นั่งวินมอเตอร์ไซต์มาเนี่ยนะ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามย้ำอีกรอบ แค่จินตนาการว่ามีใครเห็นขาสวยๆ ของเด็กสาวตรงหน้าก็รู้สึกไม่พอใจแล้ว
“ปกติหนูก็นั่งประจำ ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ” รดาถามกลับน้ำเสียงเธออ่อนลงเพราะรู้สึกน้อยใจ
“แท็กซี่ก็มี ทำไมชอบนั่งวินมอเตอร์ไซต์ มันอันตราย” เสียงดุดันในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นโทนเสียงปกติ เมื่อรับรู้ได้ว่าเด็กสาวตรงหน้าเริ่มไม่พอใจ
“ใกล้แค่นี้ ทำไมต้องนั่งแท็กซี่ให้เปลืองเงิน”
“ถ้าเดินมาไม่ถึง ก็เรียกว่าไกลทั้งนั้นแหละ คราวหลังถ้าจะนั่งวินมอเตอร์ไซต์ก็ใส่กางเกงขายาว” กองทัพบอกออกไปเสียงเรียบ
“ตาหมอขี้บ่น” ริมฝีปากบางบ่นอุบอิบเสียงอยู่ในลำคอ
“ทายาทุกวันใช่ไหม”
“ทาทุกวันค่ะ หลังอาหารก่อนนอน” รดาตอบกลับกวนๆ เน้นเสียงประโยคหลังน้ำเสียงยั่วโมโห
“ประชด” กองทัพถามกลับ คิ้วหนาสองข้างเลิ่กขึ้นเป็นคำถาม
“เปล่าค่ะ ก็คุณหมอสั่งให้ทาทุกวันก่อนนอนไม่ใช่เหรอคะ” รดาย้อนกลับอย่างไม่นึกกลัว
“ปากเก่งแบบนี้ คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงสินะ” เมื่อตรวจดูแผลตามร่างกายทุกจุดจนแน่ใจแล้วกองทัพจึงพูดขึ้น
“ค่ะ คุณหมอ..” เสียงใสลากยาวกว่าปกติก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหย่อนสะโพกลงโซฟาอีกตัว
“หนังสือเล่มนั้นอ่านจบหรือยัง” ทั้งคู่นั่งเงียบกันอยู่สักพักก่อนที่กองทัพจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน
“จบแล้วค่ะ แต่หนูขอยืมอีกสักอาทิตย์นะคะเพราะหนูต้องทำรายงานเกี่ยวกับธุรกิจระหว่างประเทศ ไม่รู้ว่าจะไปหาข้อมูลได้จากที่ไหนจะติดต่อขอสัมภาษณ์นักธุรกิจที่ทำงานด้านนี้โดยตรงก็คงยาก คงไม่มีใครเสียเวลามานั่งให้สัมภาษณ์หรอกค่ะ”
“ลองติดต่อดูหรือยัง”
“ยังค่ะ แต่หนูคิดว่าติดต่อไปคงโดนปฏิเสธอยู่ดี เลยไม่ติดต่อไปดีกว่า”
“ระดับรองกรรมการผู้จัดการบริษัทนำเข้ารถยนต์ได้ไหม” กองทัพแกล้งถามเพื่อดูปฏิกิริยาของเด็กสาว
“ถ้าได้ก็ดีสิคะ เป็นถึงรองกรรมการผู้จัดการ แต่ใครเขาจะยอมมาล่ะคะ”
“สะดวกวันไหนก็แจ้งผมมาล่ะกัน วันหยุดนี้ผมว่างอยู่พอดี”
“จริงเหรอคะ คุณจะมาให้พวกหนูสัมภาษณ์จริงๆ เหรอคะ พวกหนูไม่มีเงินจ้างคุณหรอกนะคะ” จากตอนแรกที่ดีใจตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นหน้าเศร้าเมื่อนึกถึงค่าตัวหรือค่าเสียเวลาที่ต้องจ่ายให้ชายหนุ่ม
“ข้าวหนึ่งมื้อ คงไม่เยอะเกินไปใช่ไหม แลกกับข้อมูลด้านการส่งออกและตำแหน่งที่ปรึกษาตลอดโครงการ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นมุมปาก
“ขอบคุณค่ะ คุณหมอหล่อแถมใจดีอีกต่างหาก” ร่างบางโผเข้ากอดชายหนุ่มอย่างลืมตัวจนอีกฝ่ายเกือบเสียหลัก กลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัวของรดาทำให้กองทัพหลงใหลมากกว่ากลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่พวกดารานางแบบชอบใช้ซะอีก
“หึ ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เอ่อ..ขอโทษค่ะ หนูดีใจจนลืมตัวมากไปหน่อย ขอโทษนะคะ” ร่างบางรีบผละออกทันทีเมื่อรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่ม
“ไม่เป็นไร อย่าไปลืมตัวแบบนี้กับคนอื่นแล้วกัน” แก้วเนียนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เบนสายตามองไปทางอื่น อายจนไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม
“วันเสาร์ไปหาผมที่คอนโดแล้วกัน เดี๋ยวผมให้คนขับรถไปรับ” กองทัพมีเวลาว่างสำหรับคนอื่นขึ้นมาทันที ปกติก็ทำงานแทบไม่มีวันหยุดให้ตัวเอง แต่พอเป็นเรื่องของเด็กสาวตรงหน้ากลับมีวันว่างขึ้นมาทันที
“พวกหนูไปเองได้ค่ะ คุณหมอแค่ส่งโลเคชั่นมาให้ก็พอ”
“อย่าดื้อ เอาตามที่ผมบอกนั่นแหละ”
“ผมหยิบหนังสือมาใหม่หลายเล่ม ลองไปเลือกดูสิเผื่อสนใจ” หนังสือหลายสิบเล่มที่กองอยู่ที่บ้านตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาถูกย้ายมาอยู่ที่นี่เกือบหมด
“จริงเหรอคะ”
“อือ”
“หนูขอนั่งอ่านอยู่ในนี้ได้ไหมคะ”
“ตามสบาย แค่ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผมก็พอ”
“ขอบคุณค่ะ” วันนี้รดามีเวลาว่างทั้งวันเลยไม่รู้จะไปไหน จึงคิดว่านั่งอ่านหนังสืออยู่ที่นี่จะดีกว่า
ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์รดาสั่นเมื่อมีสายเรียกเข้า
“ว่าไงเชอรี่”
“ชะนีแกอยู่ไหน”
“อยู่โรงพยาบาลน่ะ วันนี้คุณหมอนัดตรวจติดตามอาการ”
“อยู่โรงพยาบาลทำไมเสียงเงียบจัง แกโกหกพวกฉันหรือเปล่า”
“จริงสิ ฉันจะโกหกพวกแกทำไม เออนี่ฉันมีข่าวดีจะบอกพวกแกด้วย” รดาพูดกับเพื่อนเสียงดังอย่างลืมตัว
“เรื่องอะไรชะนี ทำไมต้องทำเสียงตื่นเต้นขนาดนี้”
“ฉันหาคนที่จะมาให้เราสัมภาษณ์ได้แล้วนะ”
“จริงเหรอ ใครน่ะแก”
“คุณหมอเธียรวิชญ์ไง รองกรรมการผู้จัดการบริษัทนำเข้ารถยนต์”
“ฮะ แกว่าใครนะเมื่อกี้”
“คุณหมอเธียรวิชญ์ เขาให้คิวเราวันเสาร์นี้ด้วยนะ”
“รดา ไปชงกาแฟมาให้ผมหน่อย ขอเป็นกาแฟดำนะ” เสียงกองทัพดังแทรกเข้ามาในสาย
“ชะนี เดี๋ยวนี้แกถึงขั้นไปนั่งเฝ้าคุณหมอแล้วเหรอ”
“เปล่า ฉันมาตรวจติดตามอาการเฉยๆ”
“แล้วทำไมแกไปอยู่ในห้องหมอได้ล่ะ”
“ก็คุณหมอเขาเป็นหมอที่รักษาเคสของฉันตั้งแต่ต้นไหม”
“แล้วป่านนี้ยังไม่เสร็จหรือไง ทำไมแกยังไม่กลับ”
“เสร็จแล้ว แต่ฉันนั่งอ่านหนังสือต่อ”
“รดา ผมขอกาแฟหน่อยแก้วหนึ่ง” กองทัพแกล้งสั่งขึ้นอีกครั้งเสียงดังเพราะเห็นเด็กสาวนั่งคุยโทรศัพท์อยู่นานไม่วางสายสักที
“ค่ะ ได้ยินแล้วค่ะ จะไปชงเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” รดาตอบกลับน้ำเสียงประชด ร่างบางลุกจากโซฟาเดินไปยังประตูที่เชื่อมต่ออีกห้องซึ่งเป็นห้องครัว เมื่อเปิดประตูเข้าไปถึงกลับต้องตกใจเมื่อของใช้จำเป็นทุกอย่างถูกยกมาไว้ที่นี่ ของในห้องนี้เยอะกว่าของที่ห้องครัวที่บ้านเธอซะอีก
“เอสเปรสโซ่ได้แล้วค่ะ แถมขนมปังให้ด้วยหนึ่งชิ้นค่ะ เดี๋ยวจะหาว่าหนูแอบทำกินคนเดียว” ผ่านไปราว10นาที รดาก็ออกจากห้องมาพร้อมกาแฟหนึ่งแก้วและขนมปังปิ้งวางอยู่ในจานหนึ่งชิ้น
“ขอบใจ”
เวลาผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรดาก็ฟุบหลับกับโซฟา หนังสือเล่มหนายังคาอยู่ในมือ คงจะอ่านหนังสือจนตาลายเลยผล็อยหลับไป เมื่อตอนเที่ยงทานข้าวเสร็จบวกกับแอร์เย็นๆ จึงไม่แปลกที่จะง่วงแล้วผล็อยหลับไป
โซฟาตัวใหญ่ถูกเปลี่ยนเป็นที่นอนชั่วคราว กองทัพที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะสายตาเหลือบไปเห็นเด็กสาวนั่งหลับคอพับพิงกับพนักโซฟาทั้งที่หนังสือยังคาอยู่ที่มือ คุณหมอหนุ่มละจากงานตรงหน้าสาวเท้าเดินตรงมาที่เด็กสาวทันที มือหนาค่อยๆ ดึงหนังสือออกจากมือเล็ก ร่างบางถูกจัดท่านอนให้นอนราบไปกับโซฟา รองเท้าผ้าใบสีขาวถูกถอดออกวางไว้ที่พื้นด้านล่าง แขนเรียวเล็กทั้งสองข้างกอดเข้าหากันเพราะอากาศในห้องค่อนข้างเย็น
เท้ายาวเดินตรงดิ่งไปยังห้องนอน ผ้าห่มผืนหนาถูกหยิบออกมาจากตู้และเดินกลับออกมาพร้อมหมอนหนุนใบใหญ่และผ้าห่ม ขายาวย่อตัวลงนั่งยองๆ จัดการห่มผ้าให้คนตัวเล็ก เมื่อร่างกายได้รับความอบอุ่นก็ขยับตัวพลิกท่านอนในท่าสบายขึ้น
แพขนตางอนสีดำปกคลุมดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้ม แก้มเนียนอมชมพู จมูกโด่งเรียวเล็ก ริมฝีปากอมชมพูเผยอขึ้นเล็กน้อยบ่งบอกว่าคนคนนั้นกำลังหลับสนิท
“เด็กน้อย เวลาหลับทำไมดูน่ารักกว่าตอนตื่นน๊า” กองทัพนั่งมองใบหน้าเรียวเล็กอย่างพินิจพิเคราะห์ มือหนายกขึ้นลูบกลุ่มผมดกดำ นิ้วเรียวยาวเกลี่ยปอยผมที่หล่นลงมาปกคลุมใบหน้าไปทัดไว้ที่ใบหู ปากหยักกำลังโน้มลงสัมผัสแก้มเนียน
“คุณหมอ จะทำอะไรคะ” รดารู้สึกตัวตื่นเมื่อรู้สึกถึงไอร้อนเป่ารดใบหน้า ขณะที่ใบหน้าทั้งสองนั้นห่างกันไม่ถึง10เซนติเมตร
“แค่จะดูแผลที่หน้าผาก” ใบหน้าคมเข้มผละออกรู้สึกเสียดาย สูดอากาศเข้าปอดหายใจติดขัดเล็กน้อย
“คุณหมอดูไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“ตอนนั้นดูยังไม่ละเอียด” ตอบกลับเสียงเรียบใบหน้าเคร่งขึมดูไม่มีพิรุธ
“แล้วก็ไม่ดูให้ดีตั้งแต่แรก”
ฮ้าวว..วว..วว เสียงหาวดังขึ้น มือเรียวเล็กยกขึ้นปิดปาก ตาปรือแทบลืมไม่ขึ้น
“เข้าไปนอนในห้อง นอนตรงนี้เดี๋ยวปวดหลัง”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูว่าหนูขอตัวกลับก่อนดีกว่า”
“ข้างนอกฝนตกหนัก จะกลับยังไง” ฝนเทลงมาราวกับฟ้ารั่ว เสียงฟ้าร้องคำรามเสียงดัง แสงฟ้าแลปลอดผ่านม่านเข้ามาให้เห็น
“ฝนมาตกอะไรตอนนี้ แล้วหนูจะกลับบ้านยังไงเนี่ย..ฮ้าวว..วว..วว”
“แทบจะกินหัวผมอยู่แล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยบอกออกไป รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นมุมปาก
“หนูไม่ได้ปากกว้างขนาดนั้นค่ะ ถึงจะกินคุณได้” รดาสวนกลับทันควัน ลุกพรวดพราดขึ้นจากโซฟา มือทั้งสองข้างหอบผ้าห่มผืนใหญ่เดินกระแทกเท้าเข้าไปยังห้องนอนที่เชื่อมต่อกับห้องทำงาน
“กินได้สิ แต่ไม่ใช่กินทางปากนะ” เสียงทุ้มตะโกนดังไล่หลังคนตัวเล็กขณะที่เท้าเรียวก้าวพ้นขอบประตู กองทัพเผลอยิ้มอย่างลืมตัว จากแต่ก่อนที่เป็นคนยิ้มยากหรือจะเรียกยิ้มไม่เป็นเลยก็ได้ ตั้งแต่เจอเด็กสาวก็กลายเป็นคนยิ้มพร่ำเพรื่อขึ้นมาทันที
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 650
แสดงความคิดเห็น