บทที่ 5 อดีต
5 ปีก่อน
[หาคนใจดีช่วยติวภาษาอังกฤษให้ หนูอยากเรียนต่อบริหารธุรกิจ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ ] ข้อความบนทวิตเตอร์ที่มีคนรีทวิตกว่าหนึ่งหมื่นครั้งในเวลาไม่ถึง 24ชั่วโมง
ข้อความนั้นขึ้นโชว์หน้าฟีดของกองทัพขณะกำลังเลื่อนดูอะไรเรื่อยเปื่อยในโซเชียล เด็กนักเรียน ม.ปลาย ทำหน้าตาอ้อนๆ ดวงตากลมโตคู่นั้นใครเห็นต่างก็หลงรัก กองทัพจึงไม่ลังเลที่จะติดต่อไปยังอีเมลที่เธอให้ไว้
ข้อความในอีเมล
สวัสดีครับ พี่เห็นน้องโพสต์หาคนช่วยติวภาษาอังกฤษให้ไม่ทราบว่าตอนนี้หาได้หรือยังครับ ถ้ายังติดต่อพี่กลับมานะครับ พี่ยินดีช่วยติวให้
หลังจากที่เลิกจากงานพิเศษรดาก็เปิดเช็กอีเมลทันที
“เย้!” รดาตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยความดีใจ แค่วันเดียวเธอก็สามารถหาคนช่วยติวภาษาอังกฤษให้เธอได้แล้ว
“อย่างน้อยโลกใบนี้ก็ไม่ได้โหดร้ายกับเราเสมอไป ขอบคุณที่ยังใจดีกับหนูบ้าง” เด็กสาวผู้ที่หาเงินส่งตัวเองเรียนตั้งแต่มัธยมไม่เคยโทษโชคชะตาที่เธอเกิดมามีชีวิตที่ลำบากแบบนี้ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อดทนสู้กับทุกสิ่งและพยายามหาในสิ่งที่ตัวเองขาดด้วยตัวเอง
{สวัสดีค่ะ หนูชื่อไอรดานะคะ ขอบคุณพี่คนใจดีมากนะคะที่สละเวลามาสอนหนู หนูสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนค่ะ พี่คนใจดีอยู่แถวไหนคะหนูสามารถเจอพี่ได้ไหมคะ}
พี่อยู่ต่างประเทศครับ สามารถสอนน้องทางออนไลน์ได้เท่านั้น พี่ขอทำข้อตกลงระหว่างเราก่อนนะครับ ถ้าน้องโอเคพี่จะเริ่มสอนน้องวันพรุ่งนี้ครับ
ข้อตกลงที่1 พี่มีเวลาสอนเราแค่2สัปดาห์ เวลาที่เมืองไทยกับโปแลนด์ต่างกัน5ชั่วโมง เราอาจจะต้องเรียนดึกหน่อยเริ่มเรียน3ทุ่ม-5ทุ่ม
ข้อตกลงที่ 2 พี่จะไม่เปิดเผยหน้าให้เราเห็น แต่เราต้องเปิดกล้องตลอดเพราะพี่อยากดูรีแอคชันว่าสิ่งที่พี่สอนเราเข้าใจหรือเปล่า
หลังจากทำข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว วันถัดมารดาก็เริ่มเรียน สิ่งที่กองทัพสอนให้นั้นเป็นความรู้ที่ใช้ได้จริงและเข้าใจง่าย จากวันนั้นมารดาก็เรียกกองทัพว่าพี่ใจดีตลอดมา วันสุดท้ายระหว่างติวเตอร์กับนักเรียนคนพิเศษ
[พี่ใจดีคะ รดาขอของที่ระลึกอะไรสักอย่างจากพี่ใจดีได้ไหมคะ เวลาที่รดาท้อหรือเจอปัญหาอย่างน้อยก็ยังมีพี่ใจดีคอยอยู่ข้างๆ ให้รดาได้คิดถึง]
ปัจจุบัน
“เอก สืบประวัติเด็กคนนี้ให้ผมที” ประวัติโดยสังเขปของหญิงสาวบรรจุในซองสีน้ำตาลถูกส่งให้เลขาคนสนิท
“ครับคุณกองทัพ ผมจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดครับ” เลขาหนุ่มมากความสามารถเดินกลับออกไปทำงานที่ได้รับมอบหมายมาหมาดๆ
มหาวิทยาลัย RT
“ชะนีเป็นไงบ้างหายดีหรือยัง” เสียงเชอรี่ตะโกนดังมาแต่ไกลเมื่อเห็นรดานั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่โต๊ะม้าหินอ่อนบริเวณใต้ตึก
“โอเคแล้ว ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย”
“ไหนมาคุณหมอขอดูซิ แผลที่แขนหายดีหรือยัง” รอยขีดข่วนตามแขนขาเริ่มตกสะเก็ดและหลุดออกจนเกือบหมดแล้วเพราะยาที่ทาค่อนข้างดีมากทาแล้วแผลแห้งเร็ว
“ชะนี รอยแผลหายเกือบหมดแล้วนี่ ยาเขาดีจริงๆ ดีนะที่เพื่อนรักไม่เสียโฉมไม่งั้นฉันคงต้องขายตัวเอาเงินพาแกไปทำศัลยกรรมแน่เลย” เชอรี่เล่นละครบทเพื่อนรักตั้งแต่เช้า จนเพื่อนทุกคนต่างส่ายหัว
“ตอแหล” ทุกคนตะโกนขึ้นพร้อมกันเสียงดัง
“ทีหลังไม่ต้องชมฉันก็ได้ ฉันรู้ตัว” เชอรี่ในชุดกระโปรงทรงเอตัวสั้นเดินมากระแทกสะโพกนั่งลงข้างๆ รดา
“ไปเรียนกัน ขืนไปสายเดี๋ยวอาจารย์แม่องค์ลง” กิ่งแก้วพูดขึ้นเมื่อเหลือบดูนาฬิกาข้อมือเรือนหรูรุ่นลิมิเต็ด
ห้องเรียนภาควิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ
“รายงานที่อาจารย์สั่งให้ส่งภายในวันศุกร์หน้า วันศุกร์นี้อาจารย์จะให้เวลาพวกเธอช่วยกันหาข้อมูล รายงานเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายก่อนที่พวกเธอจะต้องไปฝึกงานเพราะฉะนั้นตั้งใจทำให้ดี” เมื่อพูดจบอาจารย์ประจำคลาสก็เดินออกจากห้องทันที
“International Business Management จะไปหาข้อมูลมาจากไหนให้ได้ละเอียดแบบนั้นวะ ที่บ้านไม่ได้มีธุรกิจเป็นของตัวเองนะโว้ย” เชอรี่ตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างเหลืออดที่หัวข้อรายงานที่อาจารย์สั่งค่อนข้างยาก ขนาดงานที่สั่งปกติในคลาสว่ายากแล้ว เจอโจทย์ครั้งนี้เข้าไปแทบร้องไห้
“ใจเย็นน่าเชอรี่ ช่วยกันหาข้อมูลเดี๋ยวมันก็ได้เองแหละ รดามีหนังสือเล่มหนึ่งอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ดีทีเดียว” หนังสือเล่มหนาที่กองทัพให้มารดาพกติดตัวไปด้วยตลอดเวลา ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าวางลงตรงหน้ากลุ่มเพื่อน
“ชะนี หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ที่ต่างประเทศนี่ เธอไปได้หนังสือเล่มนี้มาจากไหน” เพื่อนทุกคนต่างตกใจเมื่อรดาวางหนังสือที่เป็นบทความของนักธุรกิจชื่อดังลง
“ยืมคุณหมอมา เขายังบอกอีกนะว่าที่บ้านเขามีอีกหลายเล่มเพราะเขาได้มาตอนที่ไปเรียนต่อที่อเมริกา”
“ทำไมคุณหมอสุดหล่อถึงมีหนังสือเกี่ยวกับการบริหารพวกนี้ล่ะ คุณหมอเรียนหมอไม่ใช่เหรอ”
“เขาบอกว่าตอนที่เขาไปเรียนแพทย์เฉพาะทางต่อยอด (Fellow) เขาก็เรียน MBA ควบคู่ไปด้วย”
“กิ่งแก้ว มึงเสิร์ตหาประวัตินายแพทย์เธียรวิชญ์เดี๋ยวนี้” อิงเอยหันไปสั่งกิ่งแก้วที่เก่งคอมพิวเตอร์ที่สุดในกลุ่ม พร้อมตั้งหน้าตั้งตารอข้อมูลที่กำลังค้นหา
“ขอเวลา5นาที”
“ศาสตราจารย์นายแพทย์เธียรวิชญ์ เศรษฐบุตรกุญชร อายุ 26 ปี ส่วนสูง 190 เซนติเมตร การศึกษา จบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายด้วยการสอบเทียบระบบ General Educational Development (GED) ตอนอายุ 16 ปี และเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี Medical University of Lublin ที่ประเทศโปแลนด์ มีผลงานวิจัยโดดเด่นและได้ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี และได้ไปศึกษาต่อแพทย์เฉพาะทางต่อยอด (Fellow) แพทย์อายุรกรรมด้านหัวใจที่ Harvard Medical School เป็นแพทย์ที่มีคะแนน USMLE สูงสุดอันดับหนึ่ง และขณะนั้นยังเรียนหลักสูตร MBA ควบคู่ไปด้วย หลังจากจบมาก็กลับมาดูแลโรงพยาบาลของตัวเองตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาล KM” กิ่งแก้วอ่านประวัติของศาสตราจารย์นายแพทย์หนุ่มที่ปรากฏบนหน้าจอให้เพื่อนฟังเสียงสั่น
“ฮะ!! เป็นศาสตราจารย์ตั้งแต่อายุ26 แถวยังควบตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลอีก จบปริญญาโท MBA พร้อมกับจบ Fellow..กูยอม สมองทำด้วยอะไรทำไมถึงเก่งขนาดนี้ กูว่ากูเจอแล้วล่ะ”
“เจออะไร” ทุกคนถามขึ้นด้วยความงุนงง
“เจอพ่อของลูก”
“มึงไม่มีมดลูกอีเชอ” เหมือนเสียงตะโกนปลุกให้เชอรี่ตื่นจากฝันมาพบกับความจริง
“โอ้ยชะนีปากร้ายทั้งหลาย ชอบดับฝันกะเทย” เสียงแหลมแสบแก้วหูพูดขึ้นอย่างน้อยใจ ก่อนจะปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ
“รดาวันนี้แกเข้าไปขอยืมหนังสือคุณหมอเพิ่มได้ไหม พรุ่งนี้เราจะได้ช่วยกันทำ” อิงเอยหันมาพูดกับรดาสีหน้าจริงจัง
“วันศุกร์ได้ไหมแก คุณหมอจะเข้าโรงพยาบาลเฉพาะวันจันทร์กับวันศุกร์แค่สองวันน่ะ” รดาเอ่ยบอกเพื่อนออกไป
“แหม๋ รู้ตารางงานกันด้วย มันยังไงคะคุณไอรดา ไหนบอกไม่เคยรู้จักกันมาก่อนไง” กิ่งแก้วเอ่ยแซวขึ้น รดาจากที่ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรก็เริ่มทำสีหน้าเลิ่กลั่กดูมีพิรุธ
“ไม่มีอะไร ก็แค่นัดกับคุณหมอจะเอาหนังสือไปคืน..แค่นั้น” รดาตอบออกไปแก้เขินเพราะบางครั้งก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน แต่ก็ต้องดึงสติตัวเองให้กลับมาอยู่โลกความเป็นจริงว่ามันไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้แน่นอน
“จ๊ะ! ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ช่วยรักษาทั้งที่มีหมออยู่เต็มโรงพยาบาล ให้พักห้องพัก VIP ดูแลติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญยอมโดดงานเพื่ออยู่เฝ้าทั้งวัน ไม่มีอะไรเนอะแกเนอะเพราะพึ่งรู้จักกัน” อิงเอยพูดขึ้นน้ำเสียงทะเล้น รดาที่นั่งอยู่ถึงกับทำตัวไม่ถูก หากนึกย้อนกลับไปสิ่งที่เพื่อนตนพูดนั้นก็ถูกต้องทั้งหมด
หลังจากเลิกเรียนในตอนเย็นรดาก็รีบกลับห้องทันทีเพราะวันนี้ไม่ได้ไปขับรถส่งอาหารอย่างเช่นทุกวันที่เคยทำ เพราะรถมอเตอร์ไซค์ก็ยังซ่อมไม่เสร็จและตัวเธอเองก็ยังไม่หายดี อีกไม่กี่เดือนก็ต้องไปฝึกงานคงไม่มีเวลากลับไปทำแบบนั้นอีก
หนังสือเล่มหนาถูกหยิบออกจากกระเป๋าสะพายหลังจากอาบน้ำเสร็จ ที่คั่นกระดาษสีชมพูถูกหยิบออกไปสอดไว้ด้านหลัง สายตาทั้งสองจ้องไปที่ตัวหนังสือภาษาอังกฤษไล่สายตาอ่านทุกตัวอักษร รดานั่งอ่านหนังสือจนดึกเพราะติดลมวางไม่ลง อยากอ่านให้จบราวกับอ่านนวนิยายที่ต้องอ่านให้จบเรื่องถึงจะวางหนังสือลงได้ เวลาผ่านไปเกือบเที่ยงคืนไฟหน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นเตือนว่ามีคนส่งข้อความเข้ามา
[นอนได้แล้วรดา อย่ามัวแต่อ่านหนังสือจนดึก] เป็นข้อความจากกองทัพที่ส่งเข้ามาในแอปพลิเคชันไลน์
[คุณรู้ได้ไงคะว่าหนูยังไม่นอน]
[ถ้านอนแล้วใครล่ะกำลังตอบข้อความผมอยู่]
[ก็คุณส่งข้อความมารบกวนหนู หนูเลยตื่น]
[นอนขี้เซาขนาดนั้น แค่เสียงข้อความไม่ทำให้เธอตื่นได้หรอก]
[คุณรู้ได้ไงคะ ว่าหนูนอนขี้เซา]
[ก็ที่โรงพยาบาลผมปลุกคุณตั้งหลายรอบ ผมนึกว่าไม่หายใจแล้วซะอีก จนผมกำลังจะ..]
[กำลังจะอะไรคะ พูดมาให้จบสิ]
[นอนได้แล้วครับจะเที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้เจอกัน..ฝันดีครับ]
มือเรียวเล็กกำโทรศัพท์ในมือแน่น มืออีกข้างยกขึ้นทาบอกด้านซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจ หัวใจเต้นเร็วและแรงขึ้นแทบไม่เป็นจังหวะโดยไม่ทราบสาเหตุ ใบหน้าร้อนผ่าวลามไปถึงใบหู เสียงคุณหมอหนุ่มยังก้องอยู่ในหูพานให้นึกถึงคนใจดีเมื่อ 5 ปีก่อน เสียงทุ้มนุ่มดูอบอุ่นที่คอยสอนและให้กำลังใจเธอ แม้จะไม่เคยเห็นหน้าแต่เสียงนั้นยังคงอยู่ในใจเสมอคิดแล้วก็อดที่จะนึกถึงไม่ได้
หนังสือเล่มโปรดถูกวางลงตรงหัวเตียง โคมไฟหัวเตียงถูกปิดลงมีเพียงแสงไฟจากด้านนอกที่ส่องลอดม่านเข้ามา
{ใช่คุณหรือเปล่าคุณหมอ} ร่างบางนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้เพราะเสียงของคุณหมอยังก้องอยู่ในหัว รดาดีดตัวลุกขึ้นทันทีเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก
ลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือถูกเปิดออก กล่องไม้เก่าๆ สีน้ำตาลถูกหยิบขึ้นมาวางด้านบน ที่ล็อกถูกคลายออก ฝากล่องถูกเปิดขึ้น รูปถ่ายแผ่นเล็กถูกหยิบขึ้นมาจากกล่อง รูปผู้ชายใส่ชุดสีดำยืนหันหลังให้กล้องวิวด้านหลังเป็นตึกสูง
{สักวันเราคงได้มีโอกาสพบกันนะคะ คนใจดีของหนู}
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 714
แสดงความคิดเห็น