บทที่ 13 เริ่มเคลื่อนไหว
บทที่ 13 เริ่มเคลื่อนไหว
ไอมองนาฬิกาอย่างหัวเสีย เข็มนาฬิกาค่อย ๆ เดินไปอย่างช้า ๆ จากหนึ่งนาที ก็เป็นสิบนาที จากสิบนาทีก็กลายเป็นสิบห้านาที ไอเริ่มที่จะหมดความอดทน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทหาปลายสาย เมื่อปลายสายรับโทรศัพท์ไอจึงค่อย ๆ กล่าว ทว่าเสียงของเธอกับเจือความโกรธ “นี่ใใช่รูรุหรือปล่าว ทำไมไม่รู้จัก”
ก่อนที่เธอจะกล่าวจบเสียงปลายสายก็ตัดบทเสียก่อน
“ฮัลโหล นี่ใช่อาจารย์ไอหรือเปล่าคะ”
“ใช่ข้า นี่ไอยราเองค่ะ เป็นครูประจำชั้นของรูรุ นะคะ ไม่ทราบว่ากำลังเรียนสายออยู่กับใครคะ”
ไอถามอย่างแปลกใจ นั่นก็เพราะว่ารูรุนั้นเป็นผู้ชาย แต่ตอนนี้เธอเหมือนกับว่ากำลังคุยกับใครบางคนที่ไม่ใช่รูรุ นั่นก็เพราะว่ารูรุไม่ได้มีน้ำเสียงแบบนั้น แถมจะเป็นแม่ของเจ้าตัวก็ยิ่งเป้นไปไม่ได้ นั่นก็เพราะรูรุนั้นอาศัยอยู่ในเมืองแห่งการศึกษาอยู่เพียงลำพัง
เด็กที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้เพียงลำพังนั้นไม่ได้มีแต่รูรุเพียงคนเดียว มีเด็กอีกหลายคนที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้โดยที่ไม่มีผู้ปกครอง นั่นก็เป็นเพราะว่าเมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่ไร้กฎเกณฑ์ ถึงแม้ว่าฉากน่าจะเป็นเมืองแห่งการศึกษา แต่ฉากหลังก็เป็นเบื้องหลังที่ยากจะหยั่ง
ในเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยคาสิโนและการพนันมากมาย ที่ทำให้ผู้คนล้วนอยากจะอาศัย เทคโนโลยีที่สูงค่าแสงสีสันที่สวยงาม นั่นจึงไม่เป็นเรื่องแปลกอะไรที่เราจะเห็นเด็กที่อายุ 16-17 ปี อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้เพียงลำพัง
ปลายสายหัวเราะ ก่อนที่จะพูดตอบกลับมา “ยังงั้นหรอคะ ถ้ายังงั้นก็ค่อยคุยกันง่ายหน่อย ตอนนี้ลูกศิษย์ของคุณถูกพวกฉันจับตัวไว้แล้ว ถ้าต้องการช่วยเหลือคุณต้องมาที่ป่ามรณะ”
หญิงสาวหยุดก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความโกรธเกรี้ยว “แต่ว่าถ้าฉันไปถึงแล้วพบว่าลูกศิษย์ของฉันมีอันตราย หรือถ้ามีบาดแผลแม้แต่เพียงนิดเดียว พวกคุณทุกคนไม่สิ องค์กรที่ว่าจ้างพวกคุณมาฉันก็จะทำลายมันให้สิ้นซาก”
“ได้ค่ะ พวกเราไม่คิดจะไปปลุกเสือหลับให้ตื่นจากนิทรา แต่ว่าถ้าเสืออย่างคุณเชื่อฟังเราก็จะปล่อยพวกคุณไป”
“ได้เลย”
ไอพูดจบก่อนที่จะกดตัดสาย เธอถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะมองไปยังน้องทั้งสอง มายที่กำลังดูบางสิ่งบางอย่างอยู่บนท้องฟ้า เหมือนว่าเมื่อกี้นี้เด็กสาวจะไม่สนใจในสิ่งที่พวกเธอกำลังพูดกัน อาสึนะที่คอยดูมายอยู่ไม่ห่าง ส่วนไบรท์ก็กำลังทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“เอายังไงดีพวกนายจะกลับไปบ้านก่อนแล้วให้พี่ไปลุยคนเดียวดีหรือเปล่า”
ไบรท์ส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เอาหรอก เรื่องนี้มันน่าสนุกจะตายไป ผมจะได้บุกไปช่วยลูกศิษย์ของพี่ แล้วอีกอย่างนึง ผมจะได้ทดลองเวทบทใหม่ที่ผมเจอในสมุดบันทึกของพี่ด้วย”
ไอเลิกคิ้ว “ไปอ่านมันมาแล้วอย่างนั้นเหรอ ว่าแต่นี่นายอ่านมันเข้าใจด้วยสินะ”
“เข้าใจสิ แต่ว่าก็ใช้พจนานุกรมเวทมนตร์ไปเยอะอยู่กว่าจะเข้าใจเนื้อหา พี่เป็นคนคิดค้นเว็บพวกนั้นขึ้นมาเองอย่างนั้นหรอ”
ไอส่ายหน้า เวทมนต์ที่สุดยอดขนาดนั้นเธอไม่สามารถคิดมันขึ้นมาได้เพียงลำพังอย่างแน่นอน แต่เพราะมีคนๆนั้นอยู่ข้างกายทำให้เธอสามารถคิดเวทมนตร์พวกนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถใช้ได้แต่เธอก็เชื่อมั่นลึกๆว่าน้องชายของเธอต้องสามารถใช้มันได้อย่างแน่นอน
“ฉันเพียงคนเดียวไม่สามารถคิดเวทมนตร์พวกนี้ได้หรอก แต่ว่าถ้าแกอยากจะใช้เวทมนต์บทนี้ แกก็ใช้มันเถอะ ด้วยความสามารถของแกก็คงสามารถใช้มันได้ แต่ว่าฉันก็มีบางสิ่งบางอย่างอยากจะเตือน”
“การใช้เวทมนตร์ข้ามธาตุ ที่ไม่มีในร่างมันอันตรายใช่ไหมล่ะสิ่งที่พี่ต้องการจะเตือนผม แต่เรื่องนั้นปู่กับย่าสอนผมตั้งแต่อายุ 10 ขวบแล้ว”
“อย่างนั้นหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่มีอะไรที่จะพูดกับแกอีกแล้ว ถ้าแกสามารถเข้าใจเวทมนตร์พวกนี้ได้เรื่องการสอบเข้าโรงเรียนเวทมนต์มันก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่เกินตัว”
ไบรท์ยิ้ม ‘สอบเข้าโรงเรียนเวทย์มนต์อย่างนั้นหรอ ของแบบนั้นไม่เห็นจะสนใจไม่เห็นได้อยากเข้าสักนิด’
อาสึนะจับมือของมาย ก่อนที่จะหันมามองยังไอ “หนูไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะพี่ ว่าคนอย่างรูรุจะโดนจับตัวได้ง่าย ๆ คนอย่างหมอนั่นมีแต่จะจับคนอื่นทดลอง ไม่น่าจะเป็นคนโดนจับ”
“นั่นน่ะสิ ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของเจ้านั่นหรือไง คนอย่างเจ้านั่น ต่อให้พวกเราจะใช้สมองคิดก็ไม่สามารถเข้าใจความต้องการ และไม่เข้าใจการกระทำได้”
“หนูไม่อยากจะเจอหมอนั่นเลย”
ไอพยักหน้า “ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเจอหรอกนะ คนที่มีอีโก้สูงขนาดนั้น แต่ว่าเราปฏิเสธไม่ได้หรอกนะเรื่องที่เจ้านั่นจะถูกจับเป็นตัวประกัน อาสึนะคงไม่ลืมหรอกใช่ไหมว่า ต่อให้เจ้านั่นจะมีหัวทางด้านวิทยาการเวทมนตร์ แต่ว่าเจ้านั่นก็มีจุดอ่อนที่สำคัญ”
อาสึนะพยักหน้า “ค่ะ หนูไม่ลืมหรอกค่ะว่ารูรุน่ะ เป็นคนที่ไม่มีทักษะทางด้านการต่อสู้”
เธอหยุดคิด ก่อนที่จะตัดสินใจกล่าว “แต่ว่าเรื่องที่ทำให้หนูสงสัยไม่ใช่เรื่องที่รูรุถูกจับตัวไป พี่คิดเหมือนหนูหรือเปล่าคะว่าเรื่องนี้มันมีสิ่งที่แปลก”
ไบรท์เสริม “ใช่แล้วไม่ต้องคิดให้เสียเวลาผมก็คิดว่าเรื่องนี้มันมีสิ่งที่แปลกๆอยู่ อย่างแรกก็คือทำไมการลักพาตัวลูกศิษย์ของพี่มันถึงเกิดขึ้นในช่วงนี้ หลังจากที่พี่โทรมาหาพวกผม ลูกศิษย์ของพี่ก็ถูกลักพาตัวในทันที แล้วอีกอย่างนึงที่เป็นเรื่องที่แปลกก็คือการโทรมาหา”
ไอพยักหน้า “มันแปลกๆคนที่จับตัวไปเรียกค่าถ่ายทำไมถึงไม่โทรมาหาพี่ตั้งแต่แรก ถ้าวันนี้พี่ไม่ได้โทรไปหารูรุพี่ก็คงไม่รู้ว่าหมอนั่นถูกจับอยู่ จากการสันนิษฐานของพี่คิดว่าเรื่องนี้มันต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างแน่นอน”
ไบรท์นำนิ้วขึ้นมากัด เขามีท่าทางไต่ตรอง ก่อนที่จะค่อยๆเรียบเรียงความคิดในหัว แล้วกลั่นกรองมันออกมาเป็นคำพูด
“จากการสันนิษฐานของผม ผมคิดว่าการลักพาตัวของลูกศิษย์ของพี่มันคงจะเกิดหลังจากที่พี่ได้รับภารกิจนี้มา ถ้าคิดไม่ผิดมันน่าจะเป็นการถ่วงเวลาทำให้พี่ไปทำภารกิจนี้ช้า พี่ได้รับภารกิจมายังไงผมไม่รู้หรอก”
“แต่ว่า เหตุการณ์มันประจวบเหมาะกันเกินไป ป่ามรณะมันอยู่ไกลจากที่นี่มากหรือเปล่า ทำมันอยู่ไกลเป็นสิบยี่สิบนาทีแสดงว่าเป้าหมายของคนที่รักพาตัวลูกศิษย์ของพี่ก็คือการถ่วงเวลา ไปถึงพวกเราอาจจะไม่เจออะไรเลยก็ได้ หรือไม่ถ้าเหตุการณ์มันตรงกันข้าม ไปถึงแล้วมีศัตรูจำนวนมากกำลังเตรียมตัวต้อนรับเราอยู่ มันก็คงเป็นการถ่วงเวลาชั้นดี”
อาสึนะเสริม “ใช่แล้วค่ะ หนูเห็นด้วยกับความคิดของไบรท์ เหมือนกับว่าคนที่ลักพาตัวรูรุจะรู้เลยว่าพวกเราต้องการความสามารถของเขา ถ้าเราไม่มีรูรุเราก็คงไม่สามารถเดินทางไปยังชายแดนได้ตามที่กำหนด มันทำให้เราไม่มีทางเลือกยังไงเราก็ต้องไปช่วยรูรุ”
ไอพยักหน้า “ถูกต้อง แต่ว่าถึงจะไม่ต้องใช้ประโยชน์จากรูรุ พี่ก็ยังจะไปช่วยอยู่ดี ไม่ใช่ว่าเขามีความสามารถพิเศษที่พวกเราต้องการ แต่ปัจจัยสำคัญก็คือเด็กคนนั้นเป็นลูกศิษย์ของพี่ เป็นเพื่อนของอาสึนะ และอีกอย่างหนึ่ง คนที่กล้ามาหยามน้ำหน้าพี่ถึงเมืองแห่งการศึกษามันจะไม่มีทางรอดกลับไปได้”
ป่ามรณะเป็นป่าขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กมากนักที่อยู่ด้านหลังของเมืองแห่งการศึกษา อาณาจักรบาบิโลเนียนั้นเป็นอาณาจักรที่กว้างใหญ่ ในอาณาจักรแห่งนี้จะมีบางพื้นที่ที่นักเวทย์ไม่สามารถเข้าไปได้ ในอาณาจักรแห่งนี้มีดันเจี้ยนมากมาย และหนึ่งในดันเจี้ยนสุดโหดนั่นก็คือป่ามรณะ
หากไม่มีนักเวทย์ระดับนักรบเวทย์ ก็ไม่สามารถเข้าไปในป่ามรณะได้ ถึงจะสามารถเข้าไปได้ก็คงไม่สามารถมีชีวิตรอดออกมาได้อย่างแน่นอน
สายลมเย็นๆที่พัดพากลิ่นของดินขึ้นมาเตะจมูก ทำให้เด็กหนุ่มหน้าตาอ่อนหวานมีความรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาลืมตาพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บปวดไปทั่วร่าง หนังตาที่บวมเพราะการถูกทุบตี เลือดที่ไหลย้อมผมสีฟ้าให้กลายเป็นสีแดง
ใบหน้าที่สะสวยเหมือนกับผู้หญิง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นบอบช้ำ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แต่ไม่ต้องขบคิดให้เสียเวลาก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าตอนนี้เขานั้นตกอยู่ในอันตราย
มือทั้งสองข้างที่ถูกเชือกมัด ปากก็ถูกบางสิ่งบางอย่างไว้ เมื่อเหลือบหางตาไปมองก็พบว่าสิ่งที่อุดปากของเขาอยู่นั่นก็คือผ้าขี้ริ้วสีกระดำกระด่าง รูรุรู้สึกอยากจะอ้วกออกมา ในชีวิตของเขาไม่เคยต้องอมผ้าขี้ริ้ว นอกจากเครื่องอุปกรณ์เวทย์มนต์ ในชีวิตของเขาก็คือลูกคุณหนู
เด็กหนุ่มนั้นเกิดมาอยู่ในตระกูลสูงศักดิ์ แต่ถึงอย่างนั้นพ่อแม่ของเขาก็เป็นคนที่ชอบตามใจ เขาต้องการจะได้สิ่งใดก็ได้ เขาต้องการที่จะทำอะไรก็ได้ทำ ดังนั้นเขาจึงออกจากตระกูลเพื่อมาอาศัยอยู่เพียงลำพังในเมืองแห่งการศึกษา
เขาพยายามที่จะเปล่งเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เขาก็ไม่สามารถกระทำได้ โทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆ พอชำเลืองหางตาไปมองก็พบว่าร่างนั้นก็คือผู้หญิง ผมสีดำของหล่อนเงางามเป็นประกาย ผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่ห่างไปนักก็คือชายหนุ่มผมสีทอง หน้าตาคับคล้ายคับคาคนทางฝั่งตะวันตก ใบหูที่ดูเหมือนกับเผ่าเอลฟ์ ทำให้เขาอดแปลกใจไม่ได้
ชายหนุ่มแปลกหน้าชำเลืองหางตามามองก่อนที่จะพูดกับหญิงสาว “ยาสลบของเธอไม่ได้เรื่องเลยนะทำให้เจ้าหมอนี่ตื่นมาก่อนเวลาเสียได้”
“ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ พูดเหมือนกับว่าฉันเป็นคนคิดยาสลบตัวนี้ ถ้าจะไปโทษก็ไปโทษฝ่ายที่ไปช่วยศาสตราจารย์อะไรนั่นออกจากคุกนรก งานที่พวกเราได้ทำก็คือการถ่วงเวลาไม่ให้ไอยราไปที่คุกนรกนั่น”
ชายหนุ่มเม้มปาก “ให้งานแบบนี้มาทำแต่ค่าจ้างกับน้อยนิดจนน่าท้อใจเลยนะ ได้แค่พันเหรียญทองเอง ให้พวกเราที่เป็นจิวนักฆ่ามาทำงานแบบนี้เนี่ยนะ ฉันไม่อยากจะเชื่อ”
“อย่าพูดมากเลยน่า อย่าลืมสิว่าเจ้าเด็กนี่มันตื่นแล้ว”
ชายหนุ่มยิ้ม “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ เธอก็ใช้เจ้านั่นลบความทรงจำเหมือนเดิมสิ วิชาสะกดจิตของเธอมันมีไว้เพื่อสิ่งนั้นไม่ใช่หรือไง”
หญิงสาวส่ายหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ได้”
เธอมองมายังรูรุ ก่อนที่จะค่อยๆยกมือขึ้น ตราสัญลักษณ์ตลาดค่อยๆเรืองแสงก่อนที่เธอจะพูดอย่างเช่นชา “ถ้าอย่างนั้นก็หลับไปอีกรอบก็แล้วกันนะ แล้วก็ช่วยลืมทุกอย่างที่ได้ยินด้วย”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 289
แสดงความคิดเห็น