หวานใจพี่รหัส ตอนที่ 9 เมื่อคู่อริไปด้วยกันจะเกิดอะไรขึ้น
นรินทร์อึกอักอยากจะปฏิเสธ แต่ยังหาเหตุผลเด็ดดูดียังไม่ได้ จึงต้องยอมรับโดยปริยาย ในแววตานั้นมีความอึดอัดขัดเคืองซ่อนอยู่ที่เขาต้องไปกับยัยตัวแสบสองคน แทนที่จะได้เดินไปกับปาร ได้อยู่ใกล้เจ้าของรอยยิ้มสดใส ช่วยเลือกซื้อของด้วยกัน วิมานของเขาพังทลายหมดเลย หนุ่มหล่อถอนหายใจออกเบา ๆ อะไรมันช่างกลับตาลปัตรสิ้นดีเลย
‘ก็ดี!! คราวนี้จะได้จัดการยัยตัวแสบอย่างเต็มไม้เต็มมือหน่อย ไม่ต้องเกรงใจใคร เตรียมตัวนะ!! ยัยนภาเอ๊ย’ อีกความคิดหนึ่งแทรกขึ้นมาในสมอง
“นภา...” ยนตร์อยากจะบอกน้องสาวให้ไปด้วยกัน เพราะอย่างไรเสียเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี โดยเฉพาะเวลาต้องข้ามถนน แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อไปน้องสาวของเขาก็พูดทับขึ้นมาทันที
“ฉันโตแล้ว ไม่เป็นไรหรอก ฉันดูแลตัวเองได้ พี่ยนตร์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
นภาตอบพี่ชายอย่างมั่นใจ พลางเหลือบมองหนุ่มหน้าขาว ถ้าเธอไม่อยากให้พี่ชายได้ไปกับปารสองต่อสอง ไม่มีนรินทร์คอยเกะกะละก็ เธอไม่มีทางไปกับหมอนี่หรอก ดูท่าทางเขาช่างสำอาง คงจะทำงานไม่ได้เรื่อง ดีแต่หล่อไปวัน ๆ อดสบประมาทเขาอยู่ในใจไม่ได้
ยนตร์ถอนหายใจในความดื้อรั้นของน้องสาว แต่ถ้าไม่แยกกันไปคงซื้อของไม่หมดแน่ ยังอดกังวลอาการในวัยเด็กที่เธอเคยเป็นนั้น เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นมานานมากแล้ว ตอนนี้เธออาจจะหายแล้วก็ได้
“นรินทร์ฝากภาด้วยนะ โดยเฉพาะเวลาข้ามถนน น้องข้าเพิ่งมาอยู่กรุงเทพได้ไม่กี่วันเอง” เขารู้ดีว่าเธอยังไม่ชินกับถนนหนทางของกรุงเทพนัก แถมยังไม่ค่อยจดจำสถานที่ต่าง ๆ อีกด้วย จนมักจะหลงทางประจำเลย โดยเฉพาะเส้นทางที่ไม่เคยไปมาก่อนแบบนี้
“ห้ามทำน้องข้าหายนะ ไม่งั้น! ข้าเอาเรื่องแกแน่” ยนตร์หันไปเน้นเสียงเข้มกับเพื่อนสุดหล่อ
“เออน่ะ รู้แล้ว” คู่ซี้รับคำเพื่อนอย่างขอไปที
“ลืมบอกว่า รายการที่ข้ากากบาทไว้ไม่ต้องซื้อมานะ”
นรินทร์พยักหน้ารับเหงาหงอย อดอิจฉายนตร์ไม่ได้ที่ได้เดินไปกับปาร ทำอะไรด้วยกัน แถมได้อยู่ใกล้ชิดแบบสองต่อสองอีกต่างหาก
============
ยนตร์ยื่นกระดาษสามแผ่นให้น้องรหัส ปารมองดูรายการส่วนใหญ่นั้นเป็นพวกเครื่องเขียน พวกระดาษสี กระดาษแข็งขนาดต่างๆ และอุปกรณ์อื่น ๆ เป็นสิ่งที่ไม่เกินความสามารถของเธออยู่แล้ว
“เราจะไปที่ไหนบ้างคะ พี่ยนตร์” ปารหันมาถามพี่รหัส
“ถึงแล้วจะบอก” ยนตร์ตอบเสียงเรียบ เหมือนสีหน้าที่เรียบเฉย สายตาเขาแสร้งทำเป็นมองตรงไปข้างหน้า เหมือนไม่สนใจเธอ แต่ก็แอบหันมามองเธออย่างเงียบ ๆ แอบอมยิ้มอย่างมีความสุข ที่มีเธอเดินอยู่ข้าง ๆ เวลานี้ บางครั้งพอน้องรหัสหันมามอง เขากลับทำเป็นนิ่งเฉยเฉไฉมองอย่างอื่น เก๊กสีหน้าขรึมต่อไป แต่ก็คอยแอบมองสาวน้อยที่เดินอยู่เคียงข้างเป็นระยะ ๆ
“ขอทางหน่อยคร้าบ...” เด็กหนุ่มเข็นของหนักมาเต็มคันรถ ทำให้ผู้คนต้องเดินหลบเบียดไปทางเดียวกัน และเบียดมาหาปารที่ยังไม่ทันเห็น เพราะมัวแต่สนใจข้าวของข้างทางตามร้านรวงต่าง ๆ ยนตร์รีบโอบไหล่ปารพาหลบเข้าด้านในของฟุตบาท หลบรถเข็นคันนั้นได้ทันท่วงที
ปารอึ้งไปชั่วขณะว่าเกิดอะไรขึ้น! ทำไมเธอถึงตกอยู่ในวงแขนของชายหนุ่มเสียแล้ว มองเห็นใบหน้าของพี่รหัสนั้นอยู่ใกล้กันเพียงนิดเดียว
“เดินระวังด้วยสิ เกือบโดนรถเข็นชนแล้วเห็นมั้ย” หนุ่มแว่นดุเด็กสาวในอ้อมแขน ก่อนจะลดมือลงจากไหล่ของปาร แล้วขยับตัวห่างออกไป เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว
ปารค่อยรู้สึกหายใจได้ทั่วท้องขึ้น เมื่อชายหนุ่มถอยตัวห่างออกไปแล้ว ความงุนงง ความตกใจค่อยคลี่คลายลงเปลี่ยนเป็นอมยิ้มน้อย ๆ แทน แม้จะถูกเขาดุ แต่เธอก็รู้ว่าเขาดุไปอย่างนั้นเอง ที่แท้ก็เป็นห่วงเธออยู่ดี
เดินได้ครู่หนึ่งยนตร์หันมาบอกลูกมือ “ร้านนี้แหละ”
“พี่ยนตร์ ร้านโน้นดีกว่าค่ะ” ปารมองเห็นกระดาษสีสวยในร้านนั้น มีของเล่นตัวการ์ตูนน่ารัก ๆ ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม
“ร้านนี้ก่อน” ยนตร์เน้นเสียงเมื่อผู้ช่วยขัดคำสั่ง
ปารทำหน้ายู่เล็กน้อย ก่อนจะเดินตามยนตร์เข้าไปในร้านอย่างว่าง่าย
ยนตร์แอบอมยิ้ม ถ้าเป็นตอนที่ไม่ได้โกรธกัน ปารจะไม่ยอมตามใจเขาง่าย ๆ แบบนี้แน่นอน คงจะต้องลากเขาเข้าร้านนั้นให้ได้ไปแล้ว
“พี่ยนตร์ ร้านนี้กระดาษเกรดไม่ดี ไปร้านโน้นเถอะ” ปารยังบ่ายเบี่ยง เท้าทำท่าจะเดินออกจากร้าน
“อะไร! ยังไม่ทันดูกระดาษเลย ดู! ก่อน!” ยนตร์จับแขนปารแล้วดึงกลับมา
“เร็ว!”
“จ้ะ ไปเดี๋ยวนี้จ้ะ” ปารแกล้งฉีกยิ้มกว้าง แม้จะไม่อยากทำตามนัก แต่ก็ยอมเดินกลับไปดูกระดาษตามที่เขาบอก
‘ยอมตามใจพี่ยนตร์เฉพาะตอนนี้เท่านั้นนะ’ เด็กสาวบ่นในใจ แล้วก้มหน้าก้มตาเลือกกระดาษตามโพยกระดาษสามใบที่อยู่ในมือ
ยนตร์อมยิ้มมองปารเลือกกระดาษอยู่ข้าง ๆ อย่างมีความสุข เขาไม่เคยโกรธเธอได้นานเลย เพราะเวลาน้องรหัสมาง้อจะเป็นช่วงเวลาที่น่ารักเป็นพิเศษ จะคอยดูแลเขาเป็นอย่างดี ตามใจทุกอย่าง ใช้อะไรก็ทำให้ไม่งองแง ไม่อิดออด ไม่มีบ่นเลย ทำให้เขาไม่เคยโกรธเธอได้นานซักที ไม่ว่าจะเป็นสมัยที่ยังเด็ก หรือจะเป็นตอนนี้ก็ตาม เขาหายโกรธเธอ ตั้งแต่เปิดดูถุงขนมสีน้ำตาลใบแรกแล้ว แต่การหายโกรธเร็วเกินไปมันก็เสียฟอร์ม แถมยังหมั่นไส้ไม่หายที่ได้ยินปารคุยโวกับนภาว่า
“เรื่องพี่ยนตร์ปารง้อมากี่ครั้งแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ง้อง่ายจะตายไป ไม่เกินสามวันก็หายโกรธแล้ว เชื่อมือเราสิ**”**
แถมยังได้ยินสาว ๆ พนันกันอีกว่า งานนี้ไม่พลาดเขาต้องหายโกรธแน่ ๆ คำพูดนั้นของปารทำให้ยนตร์ต้องเก๊กหน้าขรึมต่อไป แม้จะรู้สึกว่าเมื่อยหน้าเหลือเกินแล้ว อยากจะยิ้มกับเธอ อยากจะหัวเราะกับเธอให้สมกับที่จากกันไปนาน แต่ก็ยังกลัวเสียฟอร์มอยู่ร่ำไป
ที่สำคัญหากเขาหายโกรธเธอเมื่อไหร่ ปารคงไม่มาดูแล ไม่ตามใจ ไม่เอาใจใส่เป็นอย่างดีเหมือนอย่างตอนนี้ เขารู้สึกดีมีความสุขที่มีเธอมาเดินอยู่ข้างกันแบบนี้
“ของครบมั้ย ขาดอะไรบ้าง” ยนตร์ถามลูกมือคนโปรดเมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย
“เหลืออีกนิดหน่อย พวกสก็อตเทปแล้วก็กรรไกรค่ะ” ปารมองเครื่องหมายกากบาทหน้ารายการบนกระดาษในมือ
“เราฝากของไว้ที่นี่ก่อน เดี๋ยวค่อยให้นรินทร์วนรถมารับไปทีเดียวเลย เดี๋ยวไปซื้อของที่ขาดกันต่อ”
ปารหยุดยืนมองหน้าร้านกระดาษสีสวยตาละห้อย อยากจะเดินเข้าไปดู แต่พอได้ยินเสียงยนตร์เรียกจึงต้องตัดใจ เดินไปซื้อของที่ขาดต่อให้เสร็จก่อน
บนทางเท้าเต็มไปด้วยผู้คนเดินกันขวักไขว่อย่างหนาแน่น หลายคนถือข้าวของพะลุงพะลังเต็มไม้เต็มมือทั้งสองข้าง บางคนมีรถเข็นคันเล็กมาช่วยผ่อนแรงด้วย พื้นที่บนทางเท้าแคบลงไปยิ่งกว่าเดิมถ้าบริเวณนั้นมีร้านขายของกิน บางร้านเปิดเสียงเพลงซะดังเชียว ไหนจะเสียงจากรถลาบนถนนอีก บางทีคนขับขี่ใจร้อนก็กดแตรถี่ๆ หรือบางทีก็กดค้างไว้ยาวเลย ดังจนแสบแก้วหู
ปารก้มลงมองกระดาษในมือ แล้วนับรายการที่ยังขาดอยู่นั้นมีกี่รายการ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ทันเห็นชนเข้ากับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ข้าวของของหญิงคนนั้นหล่นกระจายลงบนพื้น ปารจึงรีบขอโทษแล้วก้มลงช่วยเก็บของให้ เมื่อปารลุกขึ้นมา เธอมองไม่เห็นพี่รหัสเสียแล้ว ปารพยายามเดินแทรกตัวเองเบียดผู้คนตามไป พยายามชะเง้อคอมองหาเขา พยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ ทุกทิศทุกทางด้วยจิตใจกระวนกระวาย แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่พบเขา มองเห็นแต่ผู้คนหนาแน่นเบียดเสียดกันแบบไหล่ชนไหล่
‘พี่ยนตร์...’
‘พี่ยนตร์....หาย...ไปไหน?’
‘พี่..ยนตร์...ทิ้งปารจริง ๆ เหรอ....?’
ปารหายใจออกเบา ๆ อย่างอ่อนล้า เหมือนขาแข้งจะอ่อนแรง น้ำตาพลันรื้นขึ้นมาคลอดวงตาเอาไว้ สมองคิดน้อยใจไปร้อยแปดเหตุผล
“ปาร!”
เสียงยนตร์ตะโกนเรียกชื่อของเธอ เท้ารีบพาเจ้าของเสียงเดินเบียดผู้คนเข้าไปหาสาวน้อยอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขามองเห็นเธอยืนหน้าเศร้าอยู่ สายตาหม่นหมองคู่นั้นคอยมองหาเขาทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“ปาร หายไปไหนมา ทำไมไม่เดินตามพี่ไปล่ะ เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรรึเปล่า” เขารัวคำถามใส่เธอเป็นชุดทันทีเมื่อเดินถึงตัวเด็กสาว สองมือรีบจับมือน้องรหัสไว้แน่นด้วยความดีใจเหลือเกินที่หาเธอพบแล้ว ความเป็นห่วงกังวล ความร้อนใจเมื่อครู่ค่อย ๆ มลายหายไปจนหมดสิ้น
“เมื่อกี๊ปารเดินชนใครไม่รู้ พอหันมาอีกทีก็ไม่เห็นพี่ยนตร์ ปารหาพี่ยนตร์ไม่เจอ นึกว่าพี่ยนตร์...จะทิ้งปาร” เด็กสาวพยายามบังคับน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือให้เป็นปกติที่สุด พยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ ให้น้ำในดวงตานั้นเหือดแห้งไป
“ใครจะทิ้งปารลง เห็นพี่เป็นคนใจร้ายไปได้น่า... ไปกันต่อเถอะ ร้านอยู่ข้างหน้านี้เอง” ยนตร์จับมือปารไว้พาเดินไปด้วยกัน เขาจะไม่ปล่อยให้เธอเดินหลงหายตัวไปไหนอีกแล้ว
ปารอมยิ้มบาง ๆ มองมือตัวเองที่อยู่ในฝ่ามืออุ่นของชายหนุ่มที่เดินนำอยู่ข้างหน้า เคยคิดน้อยใจว่า พี่ยนตร์ของเธออาจจะเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่วันนี้เธอรู้ว่า เขายังเป็นห่วงเธอเสมอ เหมือนตอนเด็ก ๆ เวลาไปเที่ยวงานวัดแล้วเจอคนมาก ๆ เขาจะจูงมือเธอเดินไปด้วยกันแบบนี้
=============
นรินทร์ไล่สายตาบนกระดาษรายการสิ่งของที่ต้องซื้อมีแต่พวกของใช้ทั้งนั้น เป็นพวกขันน้ำ ถังน้ำ กะละมัง มีตั้งแต่ใบเล็กจนถึงใบใหญ่ และของใหญ่แบบนี้คงหนีไม่พ้นเขาที่จะต้องเป็นคนแบก ยัยนภาจะแกล้งให้เขาต้องแบกแต่ของหนักใบใหญ่ ๆ หรือไงเนี่ย อดเขม่นเข่นเขี้ยวเด็กสาวที่เดินทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างตัวไม่ได้
“ร้านที่เราจะไปซื้ออยู่ทางไหนล่ะ” นภาเอ่ยถามหนุ่มหล่อที่เดินเงียบมาอยู่นานแล้ว
“ฝั่งโน้น ต้องข้ามถนนไป” เขาเบ้หน้าไปยังถนนฝั่งตรงกันข้าม
นภามองถนนตรงหน้าอย่างกังวลใจว่าจะข้ามได้หรือนี่ มีแต่รถยนต์วิ่งกันให้ขวัก วิ่งกันไม่มีหยุดเลย
“เธอเคยข้ามถนนรึเปล่า” หนุ่มหน้าใสถามเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เพราะยนตร์กำชับมาเป็นพิเศษ
นภาเชิดหน้าตอบ “เคยสิ โตขนาดนี้ไม่เคยข้ามถนนก็แย่แล้ว”
“งั้นเราจะข้ามไปฝั่งโน้นกัน” เขาบอกถึงจุดหมายปลายทาง
นภาพยักหน้ารับด้วยสีหน้ากังวลใจ แต่พยายามบอกตัวเองว่า เธอต้องทำได้ อาการนั้นเธอไม่ได้เป็นมานานแล้ว มันคงจะไม่เป็นขึ้นมาอีก
เมื่อนรินทร์มองเห็นรถขับมาไม่เร็วนัก จึงรีบก้าวเร็ว ๆ ข้ามถนนไป แต่พอข้ามไปถึงฝั่งเป้าหมายแล้วหันกลับมามองยัยตัวแสบที่น่าจะข้ามถนนตามมาอยู่ข้างตัวเขา กลับไม่เห็นเธอ ข้างตัวเขามันว่างเปล่า รีบมองกลับไปฝั่งตรงข้าม ยังเห็นนภายืนอยู่ที่เดิม ดูละล้าละลังไม่กล้าตัดสินใจข้ามถนนมาเสียที หนุ่มหล่อส่ายหัว ตัดสินใจข้ามถนนกลับไป
“ทำไมไม่ข้ามตามไปล่ะ ไหนบอกว่าเคยข้ามถนนไง”
“ฉันเคยข้ามนะ แต่....ไม่มีรถเยอะขนาดนี้นี่” เด็กสาวตอบเสียงอ่อย
“รถวิ่งมาตลอดเลย จะให้ข้ามยังไงล่ะ ถ้าฉันโดนรถชน พี่จะรับผิดชอบไหวเหรอ” นภาตอบเสียงอ่อนลงไม่ดูมาดมั่นเหมือนทุกครั้ง
หนุ่มหล่อถอนหายใจ
“ข้ามถนนไม่เป็นก็บอกมาเถอะน่า...” เขาบ่นเบา ๆ แล้วเดินไปยืนอยู่ด้านขวาของนภา หากรถวิ่งมาชนจะต้องโดนเขาก่อน ตามคำฝากฝังของเพื่อนที่ให้ดูแลเธอเป็นพิเศษโดยเฉพาะเวลาข้ามถนน
“ส่งมือมาสิ” ชายหนุ่มผายมือ ให้เธอวางมือลงบนมือของเขา
“ไว้จูงสาว ๆ ของพี่เถอะ” เธอไม่ยอมส่งมือของตนเองให้เขาจูงพาเดินข้ามถนน
‘อยากจูงจะแย่แล้ว’ นรินทร์อดบ่นเธอในใจไม่ได้ เขาเนี่ยไม่เคยจูงมือผู้หญิงคนไหนพาข้ามถนนเลยแม้แต่คนเดียวนะ จะบอกให้! เห็นเขาเป็นคนใจง่ายเที่ยวพาผู้หญิงข้ามถนนหรือไง ถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวของยนตร์ และเพื่อนได้กำชับมาให้ดูแลเวลาเธอข้ามถนนเป็นพิเศษ ก็ฝันไปเถอะ ที่เขาจะจูงมือเธอพาข้ามถนน
นรินทร์ถอนหายใจออกผ่อนคลายความขุ่นข้องหมองใจ ก่อนจะรวบรวมกำลังใจพูดกับเธออีกครั้ง
“งั้นก็เกาะแขนพี่ไว้ ถ้าพี่พาข้ามต้องข้ามไปพร้อม ๆ กัน เข้าใจนะ”
เด็กสาวที่ยืนข้างตัวยังนิ่งเฉยไม่ทำตามที่เขาบอกซักอย่าง เธอช่างไม่รู้อะไรเลย มีแต่สาว ๆ อยากจะมาเกาะแขนเขาเอาไว้ทั้งนั้น
“ตามใจ”
เขาหันไปมองรถยนต์บนถนน เมื่อเห็นรถที่วิ่งมาเริ่มชะลอตัวรีบตัดสินใจข้ามถนนไปทันที พร้อมกับคว้าข้อมือยัยตัวแสบดึงข้ามไปด้วยกัน แต่ทว่าข้ามไปยังไม่ถึงฝั่งโน้นเลย เพราะมีรถบางคันไม่ยอมชะลอความเร็ว แถมบีบแตรค้างไว้เสียงดังลั่น วิ่งผ่านไปอย่างเร็ว ทั้งคู่จึงติดอยู่กลางถนนที่รถกำลังวิ่งผ่านไปมา นภาเกาะแขนชายหนุ่มแน่นด้วยความกลัว ครู่หนึ่งมีรถเก๋งคันหนึ่งชะลอความเร็วลงรอให้ทั้งคู่ข้ามถนนไปจนถึงฝั่งฟุตบาท เขาผงกหัวให้รถคันนั้นแทนคำขอบคุณแล้วจึงรีบพาเธอวิ่งข้ามถนนไปถึงอีกฝั่งได้อย่างปลอดภัย
นภาพยายามหายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ เมื่อรู้สึกตัวว่า ตัวเองมีอาการกลัวจนตัวสั่นเทา มือไม้เกร็งไปหมด ขาแข้งเหมือนจะหมดแรงเอาดื้อ ๆ เธอเคยคิดว่า อาการกลัวแบบนี้จะหายไปแล้ว เพราะไม่เคยเป็นแบบนี้มานานมากแล้ว แต่มันยังอยู่กับเธอ มันยังจำฝังใจอยู่ใต้ก้นบึ้งลึก ๆ ของจิตใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่า..นภา...” นรินทร์มองหน้าซีดขาว และอาการของเธอที่ดูไม่ปกติด้วยความตกใจ สองมือของเด็กสาวเกร็งจับแขนของเขาไว้แน่นมาก ร่างของเธอทำท่าจะทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น เขารีบพยุงร่างนั้นเอาไว้ มองซ้ายมองขวาเห็นม้านั่งที่ป้ายรถประจำทาง รีบประคองเธอพาไปที่นั่นทันที
*****************
สวัสดีค่า.... ขอบคุณคุณ tor มากๆ เลยค่ะ ที่คอมเม้นท์ให้คำแนะนำมาด้วย แนะนำได้ตลอดน้า....
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 783
ความคิดเห็น
นรินทร์ดูแลดีกว่าที่คิดแฮะ
ขอบคุณค่า...ไม่ได้ใจร้ายน้า...
แสดงความคิดเห็น