บทที่ 8 ถูกขัง
“เฮ้ย นั่นมันน้องคู่จิ้นของแฟนมึงป่ะว่ะ ตัวจริงน่ารักว่ะ” ชายหนุ่มร่างสูงทักขึ้น เมื่อเห็นว่ามีใครคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าโน๊ตบุ้คคนเดียวในห้องสำหรับทำงานของนักศึกษาสาขาการตลาด หลังจากพึ่งเรียนวิชาของภาคค่ำเสร็จจนตอนนี้ก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว
“น่ารักตรงไหนว่ะ มึงนี่ตาต่ำจริง ๆ ” เขมันต์มองมือเพื่อนที่ชี้ไปหญิงสาวที่กำลังนั่งง่วนอยู่กับงานตรงหน้า
“อ้าว ไอสัสนี่ มันก็รสนิยมส่วนตัวป่ะว่ะ แล้วค่ำมืดอย่างนี้น้องเค้ามานั่งทำอะไรคนเดียวว่ะ” วิทยาเพื่อนของเขมันต์ถามขึ้นอย่างสงสัย ในเวลานี้ทั้งตึกคงไม่มีคลาสไหนเหลือแล้ว คลาสของเขาคงเป็นคลาสสุดท้ายแล้ว
“ก็จริงของมึงเวลานี้คงไม่ใครอยู่ ...กูจำได้ว่าเจ๊ดาเป็นคนเก็บกุญแจห้องนี้ไว้ใช่มั้ยว่ะ” เขมันต์ถามเพื่อน
“อืม ใช่” เจ๊ดาเป็นหัวหน้าห้องปีสามรับผิดชอบดูแลห้องนี้อยู่
“งั้น มึงไปเอามาให้กูหน่อยดิตอนนี้เจ๊เค้าคงยังไปไม่ไกลหรอก”
“มึงจะเอาไปทำไมว่ะ”
“เออน่า กูบอกให้ไปเอาก็ไปเอาเถอะหน่ะ” เขมันต์เริ่มฉุนเพื่อนที่ยังไม่ยอมไปเอากุญแจสักที
“เออ ๆ ถามแค่นี้ต้องอารมณ์เสียด้วยหรอว่ะ” ทำตัวอย่างกับผู้หญิงเป็นเมนส์อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ วิทยาบ่นในใจ แต่ก็เดินไปเอาให้
พูดจบเขมันต์ก็เดินเข้าไปในห้อง พร้อมกับความรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ กับแผนร้ายที่ผุดขึ้นมาในหัว เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าทิวาที่กำลังนั่งทำงานอยู่อย่างขมักเขม่นจนไม่รู้สึกถึงคนที่เข้ามาใหม่
ปั้ง!
“กรี๊ดดด! ” ทิวาร้องลั่นด้วยความตกใจ เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาใหม่
“ฮ่าฮ่าฮ่า ขวัญอ่อนจังเลยนะครับน้องทิวา” เขมันต์รู้สึกพอใจกับผลงานของตัวเองที่ทำให้คนตรงหน้าตกใจได้ เขาใช้สองมือทุบโต๊ะ เพื่อเรียกความสนใจจากคนตรงหน้า สมน้ำหน้า! เขามายืนทนโท่อยู่ตรงนี้ยังกล้าไม่สนใจเขาอีก
“พี่เขม! ...เอ่อ พี่เขมมาเรียนหรอคะ” ทิวาที่ตอนนี้ทำงานที่อาจารย์มอบหมายให้หลังจากเรียนเสร็จตั้งแต่หกโมงเย็นแล้ว อาจารย์บอกว่าขอข้อมูลวันนี้เพราะเป็นงานด่วน ทิวาเลยตัดสินใจนั่งทำที่นี่เลย เพราะมีคอมตั้งโต๊ะเครื่องใหญ่ให้ใช้ฟรี แถมไม่เปลืองค่าไฟด้วย ซึ่งงานนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องเรียนเลย เป็นงานของอาจารย์ล้วน ๆ แต่มันก็เป็นหน้าที่ของทิวาที่ต้องช่วยอาจารย์จัดการกับการกรอกข้อมูลนักศึกษา ลงคะแนน ทำตารางงานหรืออะไรก็ตามที่อาจารย์สั่งเพราะตอนนี้เธอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ ตำแหน่งนี้เธอได้มาจากการที่อาจารย์คนนี้กำลังหาเด็กนักศึกษาช่วยงานอยู่เพราะคนเก่าเพิ่งเรียนจบไป ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ทิวารับงานนี้ก็ไม่ได้เพราะใจดีอะไรหรอกแต่เป็นเพราะ ‘เงิน’ คำเดียว ถึงจะได้แค่เทอมละห้าพันบาทแต่งานก็ไม่ได้หนักมากเพราะได้ช่วยอาจารย์เฉพาะเวลาที่อาจารย์สั่งเท่านั้น ซึ่งอาจารย์เองก็ไม่ได้ใช้งานเธอหนักขนาดนั้น งานนี้เป็นชิ้นแรกหลังจากเป็นผู้ช่วยแล้วของอาจารย์แล้วหนึ่งสัปดาห์ พอเห็นหน้าบุคคลที่มาใหม่ก็รู้สึกแปลกใจนิด ๆ ว่าเขามาทำไร
“น้องทิวาล้อเล่นรึเปล่า นี่มันเวลาไหนแล้วใครเขาจะมาเรียนเวลานี้กัน” ทิวารีบมองดูนาฬิกาที่จอคอมพิวเตอร์
“เฮ้ย! สองทุ่มแล้วหนิ” ตอนแรกทิวากะว่าน่าจะเสร็จสักทุ่มนึงค่อยกลับไปหาอะไรกินที่ตลอดหลังมอซึ่งก็อยู่แถว ๆ หอเธอเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว แต่ตอนนี้ทำเกินเวลามาตั้งหนึ่งชั่วโมงแล้ว เธอลืมดูเวลาไปเลยป่านนี้ตลาดคงใกล้วายแล้ว
“อย่าบอกนะว่าทำงานจนลืมเวลาอ่ะ”
“อืม คงงั้นแหละค่ะ” ทิวาหน้าถอดสี คงได้กินข้าวกล่องเซเว่นอีกเช่นเคย
“อาจารย์คนไหนช่างใจร้ายจริงสั่งงานเด็กหนักตั้งแต่ต้นเทอมเลย” เขมันต์แสร้งพูด
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องเรียนหรอกค่ะ พอดีทิวาเป็นผู้ช่วยอาจารย์น่ะค่ะ อาจารย์ให้ช่วยงานนิดหน่อยตอนเรียนเสร็จเลยถือโอกาสมาใช้คอมห้องสาขาเลย” หึ แค่คอมยังไม่ยอมใช้ของตัวเองเลย ทำงานได้เงินแท้ ๆ เขมันต์คิดในใจ เขารู้ว่าเป็นผู้ช่วยอาจารย์ได้เงิน แต่ก็ไม่รู้ว่าได้เท่าไหร่
“อืม แล้วเพทายไปไหนซะล่ะ ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอ” เขารู้อยู่แล้วว่าเพทายไปไหนก็เมื่อกี้พึ่งแชทคุยกัน แสร้งถามหาไปงั้นแหละ
“อ้อ ช่วงนี้มันไม่ค่อยมีเวลาหรอกค่ะ ต้องเตรียมตัวเป็นเดือนตัวแทนคณะแข่งดาวเดือนมหาลัย ขนาดเวลากิน เวลานอนยังไม่ค่อยจะมีเลย น่าสงสารมันนะคะ หนักตั้งแต่ปีหนึ่ง”
“ดูเราจะรู้เรื่องเพทายดีจังเลยนะ” เขมันต์ถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มแข็งขึ้น
“ก็วาเป็นเพื่อนมันหนิค่ะ” ถามแปลก ๆ เพื่อนกัน อยู่ด้วยกันก็ต้องรู้อยู่แล้ว เธอกับเพทายไม่ได้เป็นใบ้สักหน่อย จะไม่ให้พูดคุยกันได้ไง
“ไม่ใช่ว่าชอบเพทายหรอกนะ” เขมันต์พูดหยัน
“คะ? ” ทิวาพ่นเสียงออกมาด้วยความฉงน
“พี่พูดตรง ๆ นะ เลิกยุ่งกับเพทายซะ พี่ไม่ชอบให้พวกเธออยู่ด้วยกัน! ” เขมันต์ขึ้นเสียง ทำเอาทิวาสตั้นไปสามวิ เขาทนไม่ไหวแล้วที่จะเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกัน แค่เมื่อเช้าแฟนเขากล่าวถึงเธอหน้าระรื่นเขาก็ยิ่งอยากจะฉีกร่างของเธอออกเป็นชิ้น ๆ
“…ฮ่าฮ่าฮ่า นี่พี่เขมพูดเล่นรึเปล่าคะเนี่ย ทำไมทิวาต้องเลิกยุ่งกับเพทายเพราะพี่เขมไม่ชอบด้วย เป็นบ้ารึเปล่า” เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ อยู่ ๆ ก็มาบอกให้เลิกยุ่งกับเพทาย เธอกับเพทายเป็นเพื่อนกันไม่ได้ทำอะไรเสียหายเลย
“สรุปว่ามึงจะไม่เลิก! ” เขมันต์ตะโกนถาม
“พี่เขมเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ กินยาลืมเขย่าขวดหรอ นี่มันสิทธิส่วนตัวของวา วาจะคบกับใครพี่เขมก็ไม่มีสิทธิมายุ่ง แล้วอีกอย่างเหตุผลที่พี่เขมให้ว่าเลิกยุ่งกับเพทายยังไร้สาระอีก” ถึงจะหึงหวงแฟนยังไงเขมันต์ก็ไม่มีสิทธิบังคับให้เธอเลิกยุ่งเพทายได้อยู่แล้ว และตอนนี้เขมันต์ก็ดูจะเป็นคนไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
“นี่มึงคิดจะลองดีกับกูใช่มั้ย! ได้! แล้วเราจะได้เห็นดีกัน! ” พูดจบก็เดินกระเฟียดกระฟาดออกจากห้องไป ในใจคิดยัยผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอกล้ามาต่อล้อต่อเถียงใช้เหตุผลเข้าข้างตัวเองเพื่อที่จะอยู่ใกล้กับคนรักของเขาช่างหน้าด้าน เพทายเป็นแฟนของเขาในเมื่อเขาสั่งให้เธอเลิกยุ่งเธอก็ต้องเลิก!
ปั้ง!
เสียงปิดประตูดังขึ้น ทำเอาทิวาสะดุ้งตัวโหยงอีกรอบ ให้ตายเถอะทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ไร้มารยาทอย่างนี้นะ
………………..
“อ้าวไอ้เขมกูกำลังขึ้นไปหามึงพอดีเลย เจ๊ดามันบอกว่ามันเอาให้น้องคู่จิ้นแฟนมึงแล้วว่ะ น้องมันบอกขอทำงานอีกแป๊ปนึงเลยเอาจุญแจให้น้องมันไปปิดห้อง” วิทยาที่เดินขึ้นบันไดมาถ่ายทอดคำพูดของเจ๊ดาให้เพื่อนร่างสูงฟัง พร้อมหายใจหอบเหนื่อยที่วิ่งขึ้นบันไดมาตั้งแต่ชั้นสามจนมาถึงชั้นหกเพราะลิฟท์ถูกปิดใช้งานตั้งแต่สองทุ่มแล้ว
“อืม กูรู้แล้ว แล้วก็เลิกเรียกมันว่าคู่จิ้นแฟนกูได้แล้ว” เขมันต์พูดเสียงเรียบ คำว่าคู่ ‘จิ้นแฟนมึง’ ฟังยังไงก็ดูเหมือนเขากำลังใช้ของร่วมกับยัยเด็กสกปรกนั่น เขาไม่อยากได้ยินอีก ฟังดูแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน เขาไม่ได้รังเกียจเพทาย แต่รังเกียจมันที่อยู่ใกล้ตัวเขา ดังนั้น เขาจึงต้องกำจัดสิ่งสกปรกนี้ออกไปให้ไกลจากเพทายให้เร็วที่สุด เขาเดินไปสับคัทเอาท์วงจรไฟฟ้าของชั้นหกลง
“อ้าวมึงรู้แล้ว แล้วมึงให้กูลงไปเอาทำไมว่ะ เหนื่อยสัส อ้าว แล้วนั่นมึงสับคัทเอาท์ทำไมว่ะ”
“กูช่วยมหาลัยประหยัดไฟ” เขมันต์ตอบหน้าตาเฉยพร้อมเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์แล้วเดินลงบันไดไป วิทยาก็เดินกึ่งวิ่งตามไปติด ๆ
“แล้ว…” ยังพูดไม่จบประโยค ก็ต้องรีบตั้งหลักรับของที่เพื่อนหนุ่มโยนมาให้พร้อมคำขอกึ่งคำสั่ง
“กูฝากให้เจ๊ดาด้วย ส่วนเด็กนั้น มันกลับไปแล้ว” เขาพูดโกหกออกมา
หลังจากแยกทางกับวิทยา เพทายก็หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“หึ โทรศัพท์โกโรโกโสก็เหมาะสมกับคนอย่างมึงดี” เขมันต์มองดูมันอยู่พักหนึ่ง เขาแอบหยิบเข้ากระเป๋ากางเกงตั้งแต่เดินเข้าห้องตอนแรกแล้ว โชคยังเข้าข้างเขาที่เธอไม่ได้สนใจตอนเดินเข้าไป แล้วดันวางโทรศัพท์กับกุญแจอยู่มุมอับสายตาของทิวาพอดีเพราะคอมพิวเตอร์บังสายตาเธอไว้ แล้วเขาก็จัดการถอดซิมการ์ด ถอดเมมโมรี่การ์ดออกมาหักแล้วทิ้งทั้งหมดลงถังขยะ แล้วไปขึ้นรถกลับคอนโดอย่างสบายใจ
ตอนเข้ามานั่งในรถก็คิดถึงยัยเด็กนั่นป่านนี้คงร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้ว คงไม่มีใครไปช่วยเธอได้ เพราะ รปภ. ก็อยู่ชั้นสอง อยู่ในห้องนั้้นร้องยังไงก็ไม่มีใครได้ยิน เขาได้ตัดแขนตัดขาเธอโดยการเอาโทรศัพท์พร้อมกับปิดคัทเอาท์วงจรไฟฟ้าแล้วด้วย คอมก็คงจะใช้ไม่ได้แล้ว กว่าจะได้ออกมาก็คงเช้าตอนที่เจ๊ดาไปเปิดห้อง คิดถึงแล้วก็รู้สึกสะใจไม่น้อย ตอนแรกว่าจะสั่งสอนแค่เบาะ ๆ แต่อยากมาอวดดีกับเขาก่อนเองมันก็สมควรแล้ว ตอนนี้เขมันต์รู้สึกว่าไฟที่เผาใจเขาในตอนเช้าได้มลายหายไปหมดแล้ว เธอทำให้เขาโกรธจนหน้ามืดแล้วก็มีความสุข สนุกได้ในวันเดียวกัน เขาเริ่มจะสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่ขึ้นมาเสียแล้วสิ!
…………………..
ทิวาเองก็จัดการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ หลังจากส่งงานให้อาจารย์เสร็จ กำลังจะหยิบโทรศัพท์ แล้วปรากฏว่าไม่มี! มันหายไปได้ยังไง! ก็เธอวางเอาไว้ตรงนี้กับกุญแจที่รุ่นพี่คนนั้นเอาให้ไว้ แล้วตอนนี้มันหายไปไหนทิวามุดใต้โต๊ะหายังไงก็ไม่เจอ แล้วจู่ ๆ ไฟก็ดับลง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ทิวาคิดในใจ มือคว้าเอากระเป๋าสะพายข้าง แล้วเดินคลำทางออกไปที่ประตู มือเอื้อมไปเปิดประตู
แคร่ก ๆ ๆ
เปิดไม่ออก! นี่มันอะไรกัน ตอนนี้รู้สึกมืดแปดด้าน พยายามเปิดประตูให้ออกเผื่อว่ากลอนประตูจะเสีย แต่เปิดยังไงก็เปิดไม่ออก จึงตัดสินใจร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ พร้อมกับทุบประตูห้อง
ปัง! ปัง! ปัง!
“มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง! ช่วยเปิดประตูให้หน่อย! ยังมีคนอยู่ในนี้” ทิวาร้องตะโกนอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกเหนื่อย แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากใคร ใจก็เริ่มท้อ นั่งลงหลังพึงประตู ท้องก็เริ่มร้องเพราะความหิว ในใจเริ่มคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไอ้เขม! ต้องเป็นมันแน่ ๆ” ทิวาพึมพำออกมาคนเดียว เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขมันต์กุญแจกับโทรศัพท์เธอมันไม่มีขา ไม่สามารถเดินไปเองได้ แล้วในห้องนี้ก็มีแค่เขมันต์คนเดียวที่เข้ามา ไม่คิดว่าแค่อารมณ์หึงหวงเขาจะกล้าทำกับเธอแบบนี้
โฮ้ง ๆ บู๊วววววววววววว
เสียงหมาหอนดังขึ้น ทำเอาทิวาที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดสะดุ้งตัวโหยง
“เฮ้ย ทำไมต้องมาหอนตอนนี้ด้วยว่ะ” ทิวาบ่นกับตัวเองตาเริ่มมองไปรอบห้องที่มีแต่ความมืด ก็ยิ่งทำให้รู้สึกกลัว ในหัวเริ่มคิดถึงคำที่รุ่นพี่พูดต่อ ๆ กันมาเกี่ยวกับประวัติของคณะว่ามีคนฆ่าตัวตายที่นี่ ‘อืม คงไม่ใช่ชั้นนี้หรอกนะ’
แกร๊ก ๆ เพ๊งงงงงงงงงง ตุ๊บ
“กรี้ดดดดดดดด” ทิวาร้องลั่นเมื่อได้ยินเสียงแปลกประหลาด
“ฮือ แม่จ๋าช่วยวาด้วย” ทิวาเอามือมาปิดหู ขดตัวแทบจะเป็นวงกลมจะสิงไปกับประตูอยู่แล้ว ในใจก็คิดถึงแต่แม่ถึงรู้ว่าจะมาช่วยไม่ได้ก็ตาม
โฮ้ง บ๊ะ บู๊ววววววววววววว
“ไอ้ลูกชิ้นต้องเป็นแกแน่ ๆ แกหยุดหอนเดี๋ยวนี้นะ! ” ทิวาตะโกนเตือนหมาจรจัดที่อยู่ประจำคณะ ที่เธอเคยซื้อลูกชิ้นให้กินเธอเลยตั้งชื่อมันว่าลูกชิ้น
“เห็นอะไรก็ปล่อย ๆ ไปบ้างดิว่ะ หัดปล่อยวางซะบ้างแกอ่ะ ไอ้ลูกชิ้น! ” ตอนนี้ทิวารู้สึกกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว จนร้องตะโกนบอกไอ้ลูกชิ้นแม้รู้ว่ามันจะไม่ได้ยินเสียงเธอก็ตาม เพราะเสียงหอนของมันทำให้เธอกลัวยิ่งกว่าเดิม ทิวาตัดสินใจลุกขึ้นไปมุดตัวอยู่ใต้โต๊ะที่เธอทำงานอยู่ตอนแรก ใจก็ภาวนาให้ถึงพรุ่งนี้เช้าเร็ว ๆ แล้วตอนนี้อากาศในห้องก็เริ่มร้อนแล้วเพราะไฟถูกตัด ทิวาเริ่มรู้สึกท้อแท้ใจหนักกว่าเดิมท้องก็เริ่มร้อง กลัวก็กลัว จะนอนก็ไม่กล้านอน
“แม่จ๋า วาหิวเด้ วาอยากกินตำบักหุ่งฝีมือแม่” ถ้าอยู่กับแม่ตอนนี้แม่คงรีบหาของกินมาให้เธอกินแล้ว ถึงครอบครัวเธอจะจน แต่แม่ก็ไม่เคยปล่อยให้ทิวาต้องหิว ยามไม่มีก็หาของในไร่ในสวนให้กินหรือเอาของไปแลกกับเพื่อนบ้านมาให้กิน ยามมีหน่อยก็ซื้อของดี ๆ ให้กิน เวลากินข้าวแม่มักจะบอกว่าไม่หิวให้ทิวากินก่อนเลยเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ จนโตขึ้น ถึงได้รู้ว่าแม่ไม่ได้ไม่หิว แต่แม่แค่อยากให้ทิวากินอิ่มก่อนแค่นั้น สายตาทุกครั้งที่แม่มองทิวากินแม่จะยิ้มอย่างมีความสุข
พอคิดถึงตรงนี้น้ำใสใสก็ไหลออกจากตา ทิวามาเรียนอยู่ที่นี่ตัวคนเดียว จากบ้านมาก็ไกล ทิวาเป็นลูกมีแม่ถึงจะไม่มีพ่อก็เถอะ แต่แม่ของเธอก็ไม่เคยทำหน้าที่ขาดตกบกพร่องเลย แต่กลับถูกคนใจร้ายไม่มีเหตุผลทำกับเธอแบบนี้ เธอเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมคนง่าย ๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยโดนรังแก แต่ทุกครั้งที่โดนรังแกเธอก็จะตอบโต้กลับไปได้ทุกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เองเธอก็จะไม่ยอมโดนรังแกแค่ฝ่ายเดียวแน่ เขาจะต้องรับผิดชอบการกระทำของเขา!
*************************************
ทิวาจะมีวิธีการเอาคืนเขมันต์ยังไงรอติดตามได้เลยพรุ่งนี้
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 510
แสดงความคิดเห็น