ตอนที่ 756 นับถอยหลังเดินทางสู่สนามรบโบราณ
ตอนที่ 756 นับถอยหลังเดินทางสู่สนามรบโบราณ
เบญจมาศดาวกระจายจัดอยู่ในอันดับที่ 4 ของ 7 พฤกษาแห่งทะเลเมฆ หากหงส์ครามคือตัวแทนของพืชที่ดื้อรั้น, ต้นพลัมเก้าราตรีเป็นตัวแทนของพิษอันร้ายกาจ, เบญจมาศดาวกระจายก็เป็นตัวแทนของศูนย์รวมพลังงานที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาอาวุธมายาธาตุพืชทั้งหมด
“ดูเหมือนว่าตระกูลมูนวอร์ดคงจะพยายามรวบรวมอาวุธมายาธาตุพืชอยู่นะ แต่น่าเสียดายที่หลังจากพวกเขาพยายามอย่างหนัก ทั้งต้นพลัมเก้าราตรีและเบญจมาศดาวกระจายกลับได้มาอยู่ในมือของนาย โดยที่นายไม่จำเป็นจะต้องออกไปตามหาพวกมันเลย”
“ปกติโอกาสที่จะได้พบกับอาวุธมายาถือว่ามีโอกาสที่น้อยมาก แล้วมันก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมพวกเขาถึงวางแผนมานานหลายปี เพื่อทำลายตระกูลหยูแล้วแย่งชิงต้นพลัมเก้าราตรีมาครอบครอง ว่าแต่ตอนนี้นายมีอาวุธมายาธาตุพืช 3 ชิ้นแล้วนายมีแผนจะทำอะไรต่อไป?” โอโร่กล่าวหลังจากที่เซี่ยเฟยได้นำอาวุธมายาธาตุพืชชิ้นที่ 3 ออกมา
“ผมก็จะเอามันไปหลอมรวมกับหงส์ครามน่ะสิ ในการต่อสู้ครั้งที่ผ่านมาถ้าหากว่าผมไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหงส์คราม, ขนอุยและอันธ ผมก็คงจะไม่สามารถผ่านพ้นอันตรายในครั้งนี้มาได้ ว่าแต่ทำไมคุณถึงถามแบบนั้นขึ้นมาล่ะ?” เซี่ยเฟยกล่าว
“แต่ตอนนี้สภาพร่างกายของนายยังอ่อนแอมาก น้ำยาทะลุจุดเดือดของนายมันมีประสิทธิภาพมากเกินไปจริง ๆ นี่นายรู้ไหมว่าทำไมจู่ ๆ ไซถึงปรากฏตัวขึ้นมา?” โอโร่กล่าว
“ทำไมเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“แม้ว่ามันจะหาเหตุผลมาอ้างว่ามันพยายามปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อรักษาหน้าของเซียงจินเฉิง แต่ความเป็นจริงแล้วมันพยายามจะมาขโมยสูตรน้ำยาทะลุจุดเดือดของนายต่างหาก น่าเสียดายที่มันคำนวณความบ้าของนายน้อยไปหน่อย มันเลยไม่คิดว่าน้ำยาของนายคือการเผาผลาญพลังชีวิตเพื่อแลกมากับพลังงานปริมาณมหาศาล”
“เมื่อได้เห็นผลข้างเคียงของน้ำยาแม้ว่ามันจะได้รับสูตรของน้ำยาไป แต่สูตรน้ำยานี้ก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับมัน ท้ายที่สุดคนบ้าที่กล้าใช้น้ำยาแบบนั้นก็มีไม่มาก นายลองนึกถึงหน้าของมันตอนที่วิเคราะห์สูตรน้ำยาสิว่าตอนนั้นมันทำหน้าตลกมากแค่ไหน” โอโร่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อย่าคิดว่าไซมันจะให้เบญจมาศดาวกระจายกับนายด้วยความหวังดีล่ะ ฉันเดาว่ามันกลัวว่าตระกูลสกายวิงจะมาล้างแค้นมันแทนนายต่างหาก ไม่ว่ายังไงดินแดนแห่งนี้ผลประโยชน์ก็มาก่อนเรื่องอื่นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ฉันคิดว่าตอนนี้ร่างกายของนายยังไม่พร้อม หลังจากที่นายพักรักษาตัวไปสักหน่อยแล้วพวกเราค่อยมาคิดหาวิธีหลอมรวมเบญจมาศดาวกระจายอีกครั้งกันดีกว่า” โอโร่กล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเงียบ ๆ เพราะในตอนนี้เหมือนเขาก็กำลังรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองหนักมากกว่าปกติ การพยายามพิชิตเบญจมาศดาวกระจายในตอนที่ร่างกายยังไม่พร้อม มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะทำจริง ๆ
“เซี่ยเฟย ฉันรู้ดีว่าพวกเราตกลงเวลากันเอาไว้ที่ 3 ปี แม้ว่าตอนนี้มันจะยังไม่ครบเวลาที่พวกเราคุยกันเอาไว้ แต่ฉันก็ช่วยเหลือนายมามากแล้ว นายพอจะฆ่าฉันก่อนเวลาที่เราตกลงกันได้ไหม? ไม่ว่ายังไงนายก็พาฉันขึ้นไปที่เผ่าเทพพร้อมกับนายไม่ได้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่ามีใครคนอื่นรับรู้ถึงตัวตนของฉันเข้าอีกคน ในตอนนั้นมันก็จะเป็นเรื่องอันตรายทั้งกับตัวฉันและตัวนาย” โอโร่กล่าว
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจะทำการฆ่าคุณก่อนเวลาที่พวกเราตกลงกันเอาไว้ก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า แต่ในระหว่างที่โอโร่กำลังจะกระโดดด้วยความตื่นเต้น ชายหนุ่มก็กล่าวขัดขึ้นมาเสียก่อนว่า
“แต่ว่ามันยังอีกนานกว่าผมจะพร้อมขึ้นไปบนเผ่าเทพ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นจะต้องรีบดีใจเกินไปนักล่ะ”
คำตอบของชายหนุ่มถึงกับทำให้โอโร่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน และเขาก็ต้องยอมรับว่านิสัยของชายหนุ่มคนนี้มักที่จะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอยู่บ่อย ๆ ได้จริง ๆ
โอโร่รู้ดีว่าเซี่ยเฟยพยายามหาประโยชน์จากตัวเขาอยู่ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าการมาอยู่กับเซี่ยเฟยอีกแล้ว ท้ายที่สุดชายหนุ่มคนนี้ก็ได้กุมความเป็นอิสระของเขาเอาไว้ แม้ว่าเซี่ยเฟยจะเอาแต่ใจไปสักหน่อยแต่เขาก็จำเป็นจะต้องทำใจยอมรับมัน
ทางออกเดียวที่จะช่วยให้เขาไปเกิดใหม่โดยเร็วที่สุดคือการพยายามช่วยเหลือเซี่ยเฟยให้ขึ้นสู่เผ่าเทพอย่างรวดเร็ว และตราบใดก็ตามที่ชายหนุ่มคนนี้มีความสุขมากพอ ในวันนั้นมันก็อาจจะเป็นวันที่เขาถูกสังหารก็ได้
“ลองดูเข็มทิศสีเงินนั่นสิ” โอโร่กล่าวอย่างพยายามเอาใจเซี่ยเฟย
“เข็มทิศมันมีอะไรแปลกไปงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับหยิบเข็มทิศมิติที่เป็นเข็มทิศนำทางไปยังสนามรบโบราณออกมาถือไว้ในมือ
อย่างไรก็ตามทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้เขารู้สึกตกตะลึง เพราะมันได้มีตัวเลขปรากฏขึ้นมาบนเข็มทิศ และตัวเลขนั้นยังค่อย ๆ นับถอยหลังลงไปเรื่อย ๆ ราวกับว่าเวลาของการใช้เข็มทิศนี้ใกล้จะเดินทางมาถึงแล้ว
“เวลามันนับถอยหลัง!? เวลาเดินทางไปยังสนามรบโบราณใกล้จะมาถึงแล้วงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
“เวลาของเข็มทิศเริ่มนับถอยหลังตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าสนามรบโบราณกำลังจะเปิดเส้นทางให้ทุกคนเดินทางกลับไปที่นั่นอีกครั้ง” โอโร่กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
สนามรบโบราณเป็นสถานที่ทำสงครามระหว่างเผ่าเทพกับเผ่ามารเมื่อนานมาแล้ว มันจึงเป็นสถานที่ที่มีอาวุธอุปกรณ์ล้ำค่าถูกฝังเอาไว้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และการที่โอโร่พยายามจะให้เขาคืนเข็มทิศนี้ไปให้กับเผ่าไลอ้อนฮาร์ท มันก็หมายความว่าการเดินทางไปยังสนามรบโบราณมีความสำคัญมาก
“นายคงไม่ได้คิดที่จะไปหาสมบัติที่สนามรบโบราณใช่ไหม?” โอโร่กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าไม่ให้ผมไปหาสมบัติแล้วจะให้ผมไปทำอะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างสับสน
“หากนายอยากจะไปหาสมบัติมันก็ไม่ผิดอะไรหรอก แต่ฉันคิดว่านายน่าจะหวังน้อยเกินไปหน่อย ความเป็นจริงมันเคยมีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาว่าในสนามรบโบราณแห่งนั้นมีกฎแห่งเวลาถูกซุกซ่อนเอาไว้อยู่” โอโร่กล่าวพร้อมกับจับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยอย่างมีเลศนัย
“กฎแห่งเวลา! กฎที่หายสาบสูญของเผ่าเทพน่ะเหรอ?!” เซี่ยเฟยกล่าวถามขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
“ใช่แล้ว นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่ทุกตระกูลต่างก็พยายามอยากไปสำรวจสนามรบโบราณ เมื่อก่อนมันก็มีหลาย ๆ ตระกูลครอบครองกฎแห่งเวลาอยู่เหมือนกัน แต่จู่ ๆ ตระกูลพวกนั้นก็ค่อย ๆ ถูกทำลายหายไปจนทำให้กฎแห่งเวลาไม่เหลือใครสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบันอีกแล้ว”
“ที่แปลกไปกว่านั้นคือช่วงเวลาที่กฎแห่งเวลาสูญหายไป มันก็เป็นช่วงเวลาที่กฎแห่งชีวิตของเผ่ามารสูญหายไปด้วยเหมือนกัน คล้ายกับว่ามันมีใครบางคนพยายามทำให้กฎทั้งสองนี้หายไปพร้อม ๆ กัน ไม่อย่างนั้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็คงจะมีความได้เปรียบในสงคราม” โอโร่กล่าว
“คุณจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ในมือของคุณยังมีกฎแห่งชีวิตอยู่เลย แต่กฎแห่งเวลาได้สูญหายไปแล้วจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“หากฉันไม่พูดเรื่องกฎแห่งชีวิตออกไป มันก็ไม่ต่างไปจากกฎแห่งชีวิตได้สูญหายไปแล้วหรอกนะ” โอโร่กล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
ไม่ว่าจะเป็นอาวุธอุปกรณ์ในสนามรบโบราณหรือเรื่องกฎแห่งเวลา ต่างก็กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเซี่ยเฟยได้เป็นอย่างมาก และมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องละทิ้งโอกาสดี ๆ แบบนี้ไปเปล่า ๆ
—
หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเฟยก็เดินออกมาจากห้องประชุมและเดินไปยังลานหน้าบ้านที่พ่อบ้านเซี่ยอู๋เย่อาศัยอยู่
เซี่ยจงไห่มีงานอดิเรกคือการเล่นหมากรุก ชายชราคนนั้นจึงไม่ค่อยจะได้อยู่บ้านมากนัก ดังนั้นในปัจจุบันสวนสายลมจึงมีเพียงแค่เซี่ยเฟยและเซี่ยอู๋เย่ 2 คนเท่านั้น
ปัจจุบันพ่อบ้านชรายังคงกวาดใบไม้บนลานอย่างช้า ๆ ซึ่งถ้าหากว่ามองจากภาพภายนอก มันก็เป็นเรื่องยากจะเชื่อว่าชายชราคนนี้คือจักรพรรดิกฎผู้ทรงพลัง
“สวัสดีครับปู่” เซี่ยเฟยทักทายจากระยะไกล
“สวัสดีนายน้อยเฟย” เซี่ยอู๋เย่กล่าวทักทายกลับไปด้วยรอยยิ้ม
นายน้อยเฟย?
เซี่ยเฟยไม่ค่อยคุ้นเคยกับชื่อเรียกแบบนี้มากนัก เพราะเขาเติบโตมาบนโลกด้วยการใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แล้วมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาสักพักเพื่อให้เขาปรับตัว
“เรียกผมว่าเซี่ยเฟยเฉย ๆ เถอะครับ พอดีว่าอยู่บ้านแล้วเบื่อ ๆ ผมเลยอยากจะออกไปเที่ยวข้างนอก” เซี่ยเฟยกล่าว
“ตระกูลของเราชื่นชอบการผจญภัยเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว ถ้าหากว่าคุณต้องการอะไรก็บอกฉันได้เลย เดี๋ยวฉันจะไปเอาของพวกนั้นจากโกดังมาให้” เซี่ยอู๋เย่กล่าวพร้อมกับพยักหน้าซ้ำ ๆ
ภายในโกดังของตระกูลสกายวิงมีของดี ๆ อยู่อย่างมากมาย แต่ตอนนี้เซี่ยเฟยไม่ได้อยากได้อาวุธอุปกรณ์อะไรอีกแล้ว ซึ่งถ้าหากว่ามันจะมีของที่เขาต้องการจริง ๆ มันก็คงจะมีเพียงแต่สมุนไพรบางชนิดที่เขาจำเป็นจะต้องนำพวกมันมาเป็นวัตถุดิบสำหรับการปรุงยาเท่านั้น
หลังจากชายหนุ่มบอกชื่อสมุนไพรไปหลายอย่าง เซี่ยอู๋เย่ก็พยักหน้าซ้ำ ๆ ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบสมุนไพรพวกนั้นมาให้กับเซี่ยเฟย
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็สังเกตเห็นผู้ชาย 2 คนกำลังแอบมองเข้ามาภายในบ้านอยู่ตรงประตู และเมื่อเขาได้พิจารณาดี ๆ เขาก็ได้พบว่าชายสองคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นใดเลย นอกเสียจากเฝิงซินเหนียนกับหลางซุนเย่นั่นเอง
เมื่อได้เห็นเซี่ยเฟยโบกมือให้หลางซุนเย่กับเฝิงซินเหนียนก็ค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้ามาภายในสวนสายลมอย่างระมัดระวัง
“นี่สินะสวนสายลมในตำนาน” หลางซุนเย่กล่าว
“อะไรกัน มันก็เป็นแค่สวนธรรมดา ๆ พวกนายไม่เคยมาที่นี่ก่อนงั้นเหรอ” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงติดตลก
“ภายนอกสวนสายลมเป็นสวนที่ดูธรรมดาก็จริง แต่คนที่อยู่ที่นี่มันไม่ใช่คนธรรมดาน่ะสิ นี่ถ้าหากไม่ใช่เพราะนาย ฉันไม่มีทางมาที่สถานที่ที่น่ากลัวแบบนี้หรอก อย่าลืมนะว่าที่นี่มันคือที่อยู่ของพวกสกายวิงเชียวนะ” หลางซุนเย่กล่าวอย่างจริงจัง
ท่าทางของหลางซุนเย่ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออก แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าความน่ากลัวของสกายวิงคงจะฝังลึกเข้าไปในจิตใจของทุกคนมาระยะหนึ่งแล้ว
“ว่าแต่พวกนายมาหาฉันงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
“พอดีวันนี้ฉันกับไอ้หมาน้อยไม่มีอะไรทำ เลยจะชวนนายออกไปหาอะไรกินด้วยกันสักหน่อย อาการบาดเจ็บของนายเป็นยังไงบ้าง?” เฝิงซินเหนียนกล่าว
“มันมีร้านรัญจวนเปิดใหม่ทางตอนใต้ของเมือง ฉันได้ยินมาว่าสาว ๆ ที่นั่นแจ่มมากเลย!” หลางซุนเย่กล่าวพร้อมกับเดินเข้ามากอดคอเซี่ยเฟย
ร้านรัญจวน?
แค่ได้ยินชื่อเซี่ยเฟยก็รู้แล้วว่าสถานที่แห่งนั้นน่าจะเป็นซ่องมากกว่าร้านอาหาร เพียงแต่เซี่ยเฟยไม่คิดว่าเฝิงซินเหนียนที่มีท่าทางจริงจังจะชวนเขาไปที่นั่นพร้อมกับหลางซุนเย่ด้วย
“ฉันขอตัวดีกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“อะไรกันพวกเราไปดื่มฉลองกับตัวตนใหม่ของนายกันสักหน่อยแล้วนายค่อยกลับมาก็ได้” หลางซุนเย่กล่าว
“ตัวตนใหม่ของฉัน?” เซี่ยเฟยอุทานอย่างสงสัย
“ก็ใช่น่ะสิ ตอนนี้นายเป็นตัวเต็งที่จะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลสกายวิงในอนาคตและนายก็ยังไม่ได้แต่งงาน นายรู้ไหมว่าตอนนี้พวกผู้หญิงกำลังหมายตานายเอาไว้มากแค่ไหน?” หลางซุนเย่กล่าวพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยเบา ๆ
“หลางซุนเย่พูดถูกแล้ว ตอนนี้สถานะของนายเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ความจริงฉันก็มีเรื่องสำคัญบางอย่างอยากจะคุยกับนายอยู่เหมือนกัน” เฝิงซินเหนียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
***************
เฝิงซินเหนียนจะแนะนำสาวให้?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 249
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น