ตอนที่ 755 เบญจมาศดาวกระจาย

-A A +A

ตอนที่ 755 เบญจมาศดาวกระจาย

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 755 เบญจมาศดาวกระจาย

“ฉันหวังว่านายจะยังคงเก็บซ่อนความลับต่อไปได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเขาคนนั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในแหวนมิติ มันก็ไม่ใช่สิ่งที่นายควรจะเก็บเอาไว้เลย” เทพชรากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“เอ่อ…” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกับเหงื่อที่ไหลท่วมไปทั่วทั้งหน้าผาก เพราะคนที่อยู่ในแหวนมิติของเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย นอกเสียจากอดีตจอมมารโอโร่แห่งเผ่าไลอ้อนฮาร์ทนั่นเอง

เผ่าเทพกับเผ่ามารเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความขัดแย้งกันมาเป็นเวลานาน ซึ่งมันก็หมายความว่าโอโร่ย่อมเป็นศัตรูของเทพชราตรงหน้าของเขาเหมือนกัน

อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่เข้าใจว่าเทพชราสามารถค้นพบโอโร่ที่ซ่อนตัวอยู่ในแหวนมิติได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่ช่องว่างมิติภายในแหวนอยู่ห่างไกลจากสถานที่แห่งนี้มาก ๆ เลยไม่ใช่เหรอ

หรือว่ามันจะเป็นเพราะอีกฝ่ายคือเทพ?

ไม่!! 

เซี่ยเฟยปฏิเสธความคิดของตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะเขาไม่เชื่อแนวคิดเรื่องเทพตามนิทานปรัมปรา เขาคิดเพียงแค่ว่าชายชราตรงหน้าคือผู้ที่ฝึกฝนจนไปถึงจุดสูงสุดของจักรวาลแล้วต่างหาก

เมื่อชายหนุ่มส่งกระแสจิตเข้าไปภายในแหวน เขาก็ได้พบว่าโอโร่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้มากนัก และอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเงียบไปอย่างผิดปกติอีกด้วย

ทันใดนั้นเองมุมปากของเซี่ยเฟยก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเขาจำขึ้นมาได้ว่าโอโร่คือมารผู้เป็นอมตะที่พยายามขอร้องให้เขาทำการสังหารตัวเองโดยเร็วที่สุด ซึ่งถ้าหากว่าเทพชราตรงหน้าลงมือสังหารอดีตจอมมารคนนี้จริง ๆ มันก็จะเป็นไปตามความปรารถนาที่โอโร่เฝ้ารอมาเป็นเวลานาน

“ช่วยเปิดลำโพงให้หน่อย ฉันอยากจะคุยกับเขา” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะกดปุ่มเล็ก ๆ บริเวณข้อมือเพื่อทำการขยายเสียงให้คนนอกสามารถพูดคุยกับโอโร่ได้

“ว่าไงเทพอมตะ ในเมื่อพวกเรามาเจอกันแล้วทำไมพวกเราถึงไม่มาทักทายกันหน่อยล่ะ?” โอโร่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจอมมารเกราะดำจะมาอยู่ที่นี่ได้ ว่าแต่การถูกผนึกด้วยกฎแห่งแสงแบบนั้นช่วยให้นายสบายตัวดีไหม?” ผู้ที่ถูกเรียกว่าเทพอมตะกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา

‘นี่พวกเขารู้จักกันงั้นเหรอ?!’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจอย่างตกตะลึง ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าความสัมพันธ์ระหว่างเทพกับมารมันจะไม่ได้เลวร้ายเหมือนดังในตำนานได้เล่าเอาไว้

“นายก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าการถูกผนึกด้วยกฎแห่งแสงมันเป็นยังไง? ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นนายเกือบจะถูกทรมานจนตายด้วยกฎแห่งแสงไปรอบหนึ่งแล้วนี่” โอโร่กล่าวอย่างเย้ยหยัน

“นายก็ถูกกฎมิติแทงเข้าซี่โครงเหมือนกันนั่นแหละ” เทพอมตะกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

บทสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายคล้ายกับการประชดประชันเข้าใส่กัน และเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีเซี่ยเฟยก็ทำการปิดช่องทางติดต่อในทันที เพราะถ้าหากอีกฝ่ายรู้สึกโกรธขึ้นมา คนซวยจริง ๆ มันก็คือเขาคนนี้ไม่ใช่โอโร่ที่อยู่ในแหวนมิติสักหน่อย

“ที่แท้เขาก็คือโอโร่ ว่าแต่ทำไมนายถึงซ่อนจอมมารเกราะดำเอาไว้ในแหวนแบบนั้น? เขาคือบุคคลสำคัญของเผ่ามารเชียวนะ” เทพอมตะกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายว่าทำไมโอโร่ถึงมาอยู่กับเขา

“เอาล่ะไม่ว่ายังไงเผ่าเทพกับเผ่ามารก็ขัดแย้งกันมาเป็นเวลานาน นายจึงไม่สมควรที่จะเก็บเขาเอาไว้ รีบ ๆ หาโอกาสส่งเขาไปเกิดใหม่ซะ เห็นแก่ตระกูลสกายวิงครั้งนี้ฉันจะไม่เอาผิดนายในเรื่องของเขาก็แล้วกัน” เทพอมตะกล่าว

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจ

ไม่ว่ายังไงตอนนี้เขาก็เดินทางเข้ามาอยู่ใกล้กับเผ่าพันธุ์เทพมากแล้ว เขาจึงไม่สามารถที่จะเก็บโอโร่เอาไว้กับตัวตามอำเภอใจได้อีกต่อไป เพียงแต่ว่าเขายังขโมยความรู้มาจากโอโร่ได้เพียงแค่เล็กน้อย ชายหนุ่มจึงไม่อยากจะปล่อยให้อีกฝ่ายไปเกิดใหม่มากนัก

“จะทำอะไรก็คิดถึงอนาคตให้ดี ไม่ช้าก็เร็วนายก็จะต้องเข้าไปอยู่ในเผ่าเทพอยู่แล้ว อย่าทำอะไรที่จะสร้างปัญหาให้กับตัวเองในอนาคตเลย” เทพอมตะกล่าวก่อนที่เขาจะโยนแหวนมิติวงใหม่ไปให้กับเซี่ยเฟย

“นี่มันหมายความว่าอะไรครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ

“ผู้ชนะย่อมต้องได้รับรางวัลไม่ใช่เหรอ? ถึงแม้ว่าในคราวนี้ฉันจะตัดสินผลการประลองให้ออกมาเสมอกัน แต่ในความเป็นจริงนายเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะต่างหาก ฉันแค่พยายามช่วยรักษาหน้าให้กับเซียงจินเฉิงเท่านั้นเอง” เทพอมตะกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“แหวนวงนั้นเป็นของเซียงจินเฉิง นายเลือกของที่นายชอบที่สุดออกไปจากแหวนได้เลย ในฐานะที่เขาเป็นถึงจักรพรรดิกฎที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูล ฉันคิดว่าของในแหวนของเขาคงจะมากพอที่จะทำให้นายรู้สึกพึงพอใจ”

คำอธิบายของชายชราถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง เพราะหากพูดกันตามหลักการและเหตุผลแล้ว ของทุกอย่างที่อยู่ภายในแหวนนี้สมควรจะเป็นของเขา แต่ชายชรากลับให้เขาเลือกของในแหวนไปเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น มันจึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดอยู่พอสมควร

อย่างไรก็ตามเทพชราตรงหน้าก็คือผู้ครอบครองพลังที่เขาไม่อาจจะต่อต้านได้ ดังนั้นถ้าหากอีกฝ่ายบอกว่าจะให้ของรางวัลกับเขาเพียงแค่ชิ้นเดียว เขาก็ต้องยอมรับของรางวัลชิ้นนั้นเอาไว้ เพราะอย่างน้อยมันก็ดีกว่าการที่เขาไม่ได้รับอะไรมาเป็นของรางวัลในการประลองครั้งนี้เลย

ชายหนุ่มเริ่มส่งกระแสจิตเข้าไปสำรวจสิ่งของที่อยู่ภายในแหวน และทันใดนั้นเขาก็ชะงักค้างขึ้นมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับรอยยิ้มอันน่าพึงพอใจที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

“เอาอันนี้แหละ!”

หลังจากเซี่ยเฟยเลือกของรางวัลของตัวเองเสร็จ เทพอมตะก็กลับไปพร้อมกับแหวนมิติของเซียงจินเฉิงในทันที โดยทิ้งประตูมิติเอาไว้อีกหนึ่งบาน ซึ่งตราบใดก็ตามที่ชายหนุ่มเคลื่อนที่ผ่านประตูบานนี้ไป เขาก็จะสามารถเดินทางกลับไปยังยานรบของกลุ่มมังกรฟ้าได้อย่างรวดเร็ว

ขนอุยกลับเข้ามาอยู่ในอกเสื้อของเซี่ยเฟยตามเดิม พร้อมกับเคี้ยวคริสตัลต้นกำเนิดภายในปากอย่างเงียบ ๆ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ที่มันได้ลิ้มรสความอร่อยของคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 มันก็หมดความสนใจในตัวคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 อีกต่อไป มันจึงแทะคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 อย่างช้า ๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมาเป็นระยะ ๆ

“ส่งฉันกลับไปเถอะ ถึงฉันจะอยู่กับนายต่อไปฉันก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรกับนายมากนัก อีกอย่างฉันกับโซฟีก็ยังวิจัยร่างนี้ไม่เสร็จ ให้ฉันกลับไปวิจัยร่างกายใหม่น่าจะมีประโยชน์กับนายในอนาคตมากกว่า” อันธกล่าว

แขนทั้งสองข้างของเขาถูกตัดขาดออกจากร่างกาย ทำให้อันธแทบไม่เหลือกำลังสำหรับการสู้รบอีกต่อไปแล้ว เขาจึงต้องการที่จะกลับไปยังดินแดนลับของหุ่นยนต์ เพื่อทำการซ่อมแซมร่างกายใหม่ให้กลับมาอยู่ในสภาพพร้อมรบอีกครั้ง

“การวิจัยยังไม่สมบูรณ์อีกงั้นเหรอ? ฉันว่าตอนนี้พลังของนายก็ค่อนข้างน่าพอใจแล้วนะ ฉันกล้าเดิมพันได้เลยว่าตอนนี้คงไม่มีนักรบคนไหนจากพันธมิตรที่สามารถเผชิญหน้ากับนายได้” เซี่ยเฟยกล่าว

“โซฟีบอกว่าพ่อของเธอมีพลังการสู้รบที่แข็งแกร่งกว่านี้มาก ฉันยังตามหลังเขาอยู่อีกห่างไกลพอสมควร การวิจัยเรื่องของฉันน่าจะอยู่ห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์”

“อีกอย่างฉันก็สามารถใช้ร่างกายนี้ได้เพียงแค่ 48 ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนที่ฉันจะไม่สามารถควบคุมร่างกายได้อีกต่อไป พวกเราคงจะต้องกลับไปวิจัยกันอีกเยอะเลย” อันธกล่าว

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะก่อนหน้านี้เขารีบนำอันธมาช่วยเหลืออย่างฉุกละหุก รายละเอียดบางอย่างจึงเป็นเรื่องที่พวกเขายังไม่ได้พูดคุยกัน และเมื่อพิจารณาจากเหตุผลที่อันธบอกมาเขาก็สมควรจะต้องส่งอีกฝ่ายกลับไปหาโซฟีจริง ๆ

“ฝากบอกแอวริลด้วยว่าอีกเดี๋ยวฉันจะกลับไปหา” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่เขาจะใช้เข็มทิศมิติส่งอันธกลับไปยังดินแดนลับ

ณ สวนสายลมภายในกลุ่มดาวม้าขาว

ในที่สุดสงครามระหว่างตระกูลสกายวิงกับตระกูลมูนวอร์ดก็จบลงโดยสมบูรณ์ และผลลัพธ์ก็คือการที่หนึ่งในตระกูลชั้นยอดถูกบังคับให้ต้องเนรเทศออกไปจากกลุ่มดาวม้าขาว ซึ่งมันก็หมายความว่าหลังจากนี้กลุ่มดาวม้าขาวจะไม่มี 9 ตระกูลชั้นยอดอีกต่อไป แต่ถูกลดลงมาเหลือเพียงแค่ 8 ตระกูลชั้นยอดแทน

ขณะเดียวกันเมื่อหยูฮัวเสียชีวิต ตระกูลหยูก็กลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของตระกูลก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะภายในตระกูลไม่เหลือราชากฎอีกต่อไป แม้แต่หยูเสี่ยวเป่ยผู้ซึ่งมีสิทธิ์จะพัฒนาไปเป็นราชากฎคนต่อไปก็ถูกลอบสังหารอย่างลึกลับด้วยเช่นกัน แล้วมันก็อาจจำเป็นจะต้องใช้เวลานานนับพันปีตระกูลหยูจึงจะสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับขึ้นมาจนถึงระดับเดิม

การเคลื่อนไหวของสกายวิงในครั้งนี้ได้สร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนทั่วทั้งดินแดนกฎ และข้อเท็จจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ว่าดาบคลั่งแห่งเผ่าเทพจะถูกปิดผนึกเอาไว้นานสักแค่ไหน แต่ตราบใดก็ตามที่มันถูกชักออกมา มันก็พร้อมที่จะฝ่าฟันทุกอย่างโดยไม่เลือกหน้า แม้ว่าศัตรูของมันจะเป็น 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอดของกลุ่มดาวม้าขาวก็ตาม

สวนสายลมในปัจจุบันเงียบสงบมาก เพราะทันทีที่สงครามสิ้นสุดลงเหล่าบรรดานักรบสกายวิงก็แยกย้ายกันกลับไปใช้ชีวิตของตัวเองตามเดิม ภายในที่พักจึงลงเหลือเพียงแค่เซี่ยเฟย, เซี่ยจงไห่และเซี่ยอู๋เย่เพียง 3 คนเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีภาระผูกพันธ์ทำให้พวกเขาไม่สามารถเดินทางไปที่ไหนได้

แม้ว่าสวนสายลมจะเหลือสกายวิงอยู่เพียงแค่ 3 คน แต่มันกลับกลายเป็นสถานที่ที่มีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม เพราะท้ายที่สุดสกายวิงได้แสดงความแข็งแกร่งของพวกเขาออกมาแล้ว มันจึงไม่น่าจะมีใครกล้ามาหาเรื่องตระกูลคนบ้าตระกูลนี้อีกเป็นเวลานาน

ณ ห้องประชุมในสวนสายลม

ปัจจุบันเซี่ยเฟยปล่อยโลงศพน้ำแข็งของโอโร่ออกมาด้านนอก ขณะที่เขาก็นั่งสนทนากับอดีตราชามารอยู่ใกล้ ๆ

“ในที่สุดเรื่องทุกอย่างก็จบลงสักที ว่าแต่เทพคนนั้นคือใครงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

“เขาชื่อไซ เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของเผ่าเทพ” โอโร่กล่าว

“ไซที่แปลว่าถอนหายใจน่ะเหรอ? ทำไมชื่อของเขามันถึงดูแปลก ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างสับสน

“ด้วยวัฒนธรรมที่ต่างกัน ชื่อบางชื่อมันก็อาจจะดูแปลกสำหรับนายไปบ้าง แต่ในสังคมระดับจักรวาลใครจะชื่ออะไรมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรทั้งนั้นแหละ ว่าแต่นายจะฆ่าฉันเมื่อไหร่?” โอโร่กล่าวถาม

เป็นไปได้เขาก็อยากจะตายเพื่อไปเกิดใหม่โดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะหลังจากที่เขาได้เห็นราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทในปัจจุบัน มันก็ทำให้เขาอยากจะกลับไปในสังคมดั้งเดิมของตัวเองแล้ว

“เขาบอกว่าให้ผมรีบ ๆ หาโอกาสสังหารคุณซะ แต่เขาไม่ได้ระบุเอาไว้สักหน่อยว่าให้ผมฆ่าคุณเมื่อไหร่” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์

โอโร่ถึงกับพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง เพราะเขาไม่สามารถที่จะเรียกร้องได้แม้กระทั่งความตายของตัวเอง และมันก็ถือว่าเป็นคราวซวยที่เขาต้องมาติดอยู่กับคนเจ้าเล่ห์อย่างเซี่ยเฟย

‘นายคือจอมมารเกราะดำผู้น่าเกรงขามเชียวนะ ใครจะไปปล่อยคนแบบนี้ให้กลับไปเกิดใหม่ง่าย ๆ’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ

หลังจากเงียบเสียงไปสักพัก เซี่ยเฟยก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและวางมันเอาไว้บนโต๊ะ

สิ่งที่ชายหนุ่มหยิบออกมาคือดอกเบญจมาศสีเหลืองสดใส ที่กลีบดอกของมันให้ความรู้สึกราวกับดวงดาวที่กำลังส่องแสงสว่างและให้ความรู้สึกถึงความบริสุทธิ์

ปัจจุบันเซี่ยเฟยได้ครอบครองอาวุธมายาธาตุพืชมาทั้งสิ้นสองชนิดแล้ว นั่นก็คือหงส์ครามและต้นพลัมเก้าราตรี ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่เขาได้รับคำแนะนำจากโอโร่ มันก็ทำให้เขาสามารถหลอมรวมอาวุธมายาทั้งสองชนิดนี้เข้าด้วยกันได้

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือของรางวัลที่เขาได้รับมาจากแหวนมิติของเซียงจินเฉิง นั่นก็คืออาวุธมายาธาตุพืชชนิดที่ 3 ซึ่งมันก็คือเบญจมาศดาวกระจาย อาวุธมายาลำดับที่ 4 ของอาวุธมายาธาตุพืชทั้งเจ็ดชนิดนั่นเอง

***************

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.