ตอนที่ 754 ศักยภาพของอีวิลวิง!?

-A A +A

ตอนที่ 754 ศักยภาพของอีวิลวิง!?

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 754 ศักยภาพของอีวิลวิง!?

“ว่าแต่ตอนนี้ขาวน้อยกับดำน้อยเป็นยังไงบ้าง?” เทพชรากล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

‘ขาวน้อย? ดำน้อย? เขากำลังหมายถึงเทพขาวกับเทพดำใช่ไหม?’

‘เขามีความสัมพันธ์อะไรกับเทพขาวเทพดำกันแน่?’

‘หรือว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูกัน?’

คำถามมากมายผุดขึ้นมาภายในใจของเซี่ยเฟยอย่างรวดเร็ว

เทพขาวกับเทพดำคือผู้ที่มอบกฎแห่งความโกลาหลให้กับเซี่ยเฟย ซึ่งชายหนุ่มก็คาดเดาว่าทั้งสองคือผู้ที่เดินทางมาจากดินแดนกฎ

อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ที่เขาเดินทางมายังดินแดนแห่งนี้ เขาก็ยังไม่เคยได้พบกับใครที่สามารถใช้กฎแห่งความโกลาหลได้เลยแม้แต่คนเดียว มันจึงเปรียบเสมือนกับเป็นท่าไม้ตายที่ชายหนุ่มสามารถนำมาพลิกสถานการณ์ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ผิดปกติมาก!

เซี่ยเฟยพยายามบอกกับตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนว่าตัวตนของเทพขาวกับเทพดำเป็นตัวตนที่น่าสงสัย ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลว่าทำไมกฎที่ทรงพลังแบบนี้ถึงไม่ปรากฏให้เห็นแม้แต่ภายในเผ่าเทพหรือเผ่ามารเลย

“ขาวน้อยดำน้อยอะไร? ฉันรู้จักแต่ขนอุย” เซี่ยเฟยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“นี่นายตั้งชื่ออสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นว่าขนอุยงั้นเหรอ? นายคิดชื่อแบบนั้นให้กับมันได้ยังไง?!” เทพชรากล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง อย่างไรก็ตามในพริบตาต่อมาท่าทางของเขากลับเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างฉับพลัน

“การที่นายรู้วิธีใช้กฎแปลก ๆ นั่นของดำน้อยได้ มันก็พิสูจน์ได้อย่างดีแล้วว่านายจะต้องรู้จักกับทั้งสองคนนั้นแน่ ๆ ตอนนี้นายมีทางเลือกแค่ 2 ทางคือเล่าทุกอย่างออกมาหรือไม่ก็ตายไปซะ”

ตูม!

จู่ ๆ มันก็มีพลังลึกลับแยกแขนทั้งสองข้างออกจากร่างของอันธอย่างฉับพลัน พร้อมกับทำให้ร่างจักรกลของเขานั้นกระเด็นขึ้นไปในอากาศอย่างรุนแรง

“เดี๋ยวฉันถ่วงเวลาให้รีบหนีไปซะ ยังไงฉันก็ไม่มีทางตายอยู่แล้ว” เสียงของอันธดังขึ้นมาในจิตใจของเซี่ยเฟย ซึ่งการสื่อสารของทั้งสองคนนี้แตกต่างจากการสื่อสารระหว่างชายหนุ่มกับโอโร่ เพราะทั้งคู่มีการผูกติดจิตวิญญาณกันเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ดังนั้นตราบใดก็ตามที่พวกเขาอยู่ใกล้กันมากพอ พวกเขาก็สามารถที่จะสื่อสารผ่านทางจิตได้ตลอดเวลา

“ฉันไม่เคยรู้จักขาวน้อยดำน้อยอะไรของคุณสักหน่อย!” เซี่ยเฟยกล่าวย้ำอีกครั้ง

“ถ้าไม่เห็นโลงศพก็คงจะไม่หลั่งน้ำตาสินะ วันนี้ฉันจะแสดงให้นายได้เห็นเองว่าฉันคนนี้แข็งแกร่งมากแค่ไหน”

เทพชราคนนี้แข็งแกร่งมากและเซี่ยเฟยก็ไม่มีทางที่จะต่อต้านอีกฝ่ายได้เลยด้วยซ้ำ เขาจึงถูกส่งขึ้นไปบนท้องฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะทำให้ร่างของเขาตกลงกระทบกับพื้นอย่างแรง

เทพชราใช้พลังคว้าร่างของเซี่ยเฟยให้ลอยขึ้นมากลางอากาศ ก่อนที่เขาจะดึงร่างอันสะบักสะบอมให้มาเผชิญหน้ากันในระยะใกล้

ปัจจุบันทั่วทั้งใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด แสดงให้เห็นถึงความทุกข์ทรมานที่เขาต้องพบไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทนรับได้

การทรมานอันโหดร้ายในคราวนี้กินระยะเวลานานถึงครึ่งชั่วโมงเต็ม ๆ และมันก็ทำให้ชายหนุ่มตกอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัสอย่างในปัจจุบัน

“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย…” ชายชรากล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แต่ก่อนที่เขาจะพูดจนจบเซี่ยเฟยก็ถุยเลือดใส่หน้าของเขาเสียก่อน

ใบหน้าที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดของชายหนุ่มค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตอบคำถาม แต่การกระทำที่เขาแสดงออกมามันก็เพียงพอที่จะแสดงเจตนาของเขาแล้ว

นี่คือความยิ่งผยองจนถึงขีดสุด เพราะถึงแม้ว่าความตายจะใกล้เข้ามา แต่เขาก็ยังไม่คิดจะลดความบ้าของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว

อย่าลืมว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มในตอนนี้คือเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่แม้แต่จักรพรรดิกฎก็ยังต้องรีบคุกเข่าลงด้วยความเคารพอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าในสายตาของเซี่ยเฟยเขากลับไม่รู้สึกเกรงกลัวชายชราผู้นี้เลยแม้แต่นิดเดียว

นี่มันหมายความว่ายังไง!?

เทพชราเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ก่อนที่จิตสังหารของเขาจะไหลทะลักออกมาอย่างรุนแรง

‘ขอโทษด้วยนะแอวริล ดูเหมือนว่าชีวิตของฉันจะมาได้เพียงแค่เท่านี้’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจอย่างเงียบ ๆ

ขณะเดียวกันทั้งขนอุย, หงส์ครามและอันธต่างก็พยายามจะพุ่งตัวเข้ามาช่วยเหลือเซี่ยเฟยอย่างบ้าคลั่ง แต่แรงกดดันอันทรงพลังกดร่างกายของพวกมันเอาไว้ จนทำให้แม้แต่การเคลื่อนไหวก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบาก

แต่ในทันใดนั้นเองจู่ ๆ แรงกดดันจากเทพชราก็อ่อนแรงลง ก่อนที่เขาจะส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ตูม!

เซี่ยเฟยถูกโยนลงไปบนพื้นดินอีกครั้ง ก่อนที่พลังงานสีขาวซีดจะปกคลุมทั่วทั้งร่างของเขาอย่างรวดเร็ว ซึ่งพลังงานแสงสีขาวนี้ดูคล้ายกับจะเป็นพลังในการรักษา มันจึงทำให้อาการบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอกของเขาฟื้นฟูขึ้นมาด้วยอัตราที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

“ถ้าฉันฆ่านายจริง ๆ พวกสกายวิงก็คงจะไม่ปล่อยฉันไปเหมือนกัน” เทพชรากล่าวพร้อมกับใช้พลังทำความสะอาดเลือดของเซี่ยเฟยที่ติดอยู่บนใบหน้าของเขา

จู่ ๆ ชายชราคนนี้ก็ไม่หลงเหลือความดุร้ายอีกต่อไป คล้ายกับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างในก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมดำน้อยกับขาวน้อยถึงกล้าฝากฝังสิ่งสำคัญเอาไว้กับนาย พวกเขาตัดสินใจได้อย่างดีจริง ๆ ที่เลือกเชื่อมั่นในคนที่มีความซื่อสัตย์เหมือนอย่างนาย” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะโบกมือใช้พลังแห่งการรักษาเพื่อฟื้นฟูพละกำลังให้กับขนอุยและหงส์ครามด้วยเช่นกัน

เซี่ยเฟยจ้องมองไปยังเทพชราตรงหน้าด้วยความสงสัย ว่าทำไมชายแก่คนนี้ถึงจะต้องลงมือทรมานเขาก่อนแล้วค่อยแสดงความเมตตาออกมาแบบนี้

ภายในแววตาของชายหนุ่มยังคงเต็มไปด้วยความระมัดระวัง และพร้อมจะจู่โจมเข้าใส่เทพชราตรงหน้าได้ทุกเมื่อ แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามทำดีกับเขามากแค่ไหนก็ตาม

“ถ้าวันนี้นายยอมขายข้อมูลของดำน้อยกับขาวน้อยให้กับฉัน นายก็คงจะถูกฉันฆ่าไปแล้วจริง ๆ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าในตระกูลสกายวิงจะมีคนแบบนายถือกำเนิดขึ้นมาอีก ดูเหมือนสกายวิงจะไม่เคยขาดนักรบพรสวรรค์เลยสินะ”

“เอาเป็นว่าลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปซะ ไม่ว่าใครจะถามอะไรนายก็แค่ตอบทุกคนกลับไปว่าพวกเราแค่มาพูดคุยปรับความเข้าใจกันเฉย ๆ”

“อันที่จริงดำน้อยกับขาวน้อยแค่โชคร้ายตกเป็นเหยื่อของการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของพวกชนชั้นสูง ถ้าหากว่านายไม่อยากตายเร็วเกินไปก็พยายามใช้พลังนั้นให้น้อยที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอาวุธที่ทรงพลังแต่มันก็พร้อมที่จะนำความเดือดร้อนมาให้นายอีกมากมายด้วยเหมือนกัน และนายก็เชื่อฉันเถอะว่าแม้แต่บรรพบุรุษของนายก็ปกป้องนายจากคนพวกนั้นไม่ได้หรอก” ชายชรากล่าวอธิบายด้วยท่าทางสบาย ๆ

คำอธิบายของชายชราทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย เพราะมันดูเหมือนกับว่าทั้งเทพขาวและเทพดำกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ ซึ่งมันก็โชคดีที่เขายังไม่ได้พูดข้อมูลอะไรออกไป ไม่อย่างนั้นอันตรายก็คงจะคืบคลานเข้ามาหาเขาแล้วจริง ๆ

ทันใดนั้นมันก็มีแสงสีเขียวปกคลุมทั่วทั้งร่างของเขาอย่างฉับพลัน ก่อนที่เขาจะได้พบว่าตอนนี้เขาได้กลับมาอยู่ในดาวเคราะห์มีชีวิตที่เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด แตกต่างจากดาวเคราะห์อันแห้งแล้งที่เต็มไปด้วยความร้อนเหมือนกับในก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

‘เคลื่อนที่ผ่านดาวเคราะห์ได้ด้วยแค่การสะบัดมือเนี่ยนะ?!’ เซี่ยเฟยคิดอย่างตกตะลึง และเขาก็จำเป็นจะต้องประเมินความแข็งแกร่งของชายชราตรงหน้าใหม่อีกครั้ง

“ฉันแค่พานายไปที่นั่นเพื่อให้นายรู้สึกกลัว ความจริงแล้วฉันก็ชอบดาวที่มีชีวิตชีวาแบบนี้มากกว่า” เทพชรากล่าวพร้อมกับเดินไปหยุดอยู่ที่ริมลำธาร

“ไม่ต้องห่วงไปหรอก ถ้าฉันบอกว่าไม่ฆ่าก็คือไม่ฆ่านั่นแหละ ถ้าฉันฆ่านายขึ้นมาพวกอีวิลวิงก็คงจะมาสร้างปัญหาให้กับฉันไม่รู้จบแน่ ๆ” ชายชรากล่าวพร้อมกับมองไปทางเซี่ยเฟยอย่างหลากหลายอารมณ์

“อีวิลวิง?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสับสน

“อะไรกันนี่นายไม่รู้จักงั้นเหรอ?” ชายชรากล่าวถามอย่างสงสัย

“แล้วฉันจำเป็นจะต้องรู้ด้วยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามด้วยท่าทางที่ยังคงเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

ปฏิกิริยาของชายหนุ่มถึงกับทำให้ชายชราทำอะไรไม่ถูก แต่ท้ายที่สุดเขาก็เป็นคนที่เริ่มรังแกชายหนุ่มคนนี้ก่อนจริง ๆ การที่อีกฝ่ายไม่เชื่อใจเขามันก็เป็นเรื่องปกติที่เขาต้องพบเจอ

“ตอนนี้พลังพิเศษสายความเร็วของนายพัฒนาไปจนถึงขีดสูงสุดแล้วใช่ไหม?” ชายชรากล่าวถามพร้อมกับถอนหายใจ

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับเป็นคำตอบ

“แม้ว่าความเร็ว 120,000 เมตรต่อวินาทีอาจจะดูเป็นความเร็วที่ไม่สูงมากนัก แต่มันก็หมายความว่านายมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งในตระกูลของนายก็จะมีการแบ่งแยกนักรบในแต่ละระดับด้วยเหมือนกัน”

“หากใครเริ่มฝึกฝนกฎแห่งความเร็วในตอนที่พลังความเร็วอยู่ในขั้นที่ 1-2 จะถูกเรียกว่าไลท์วิง หากใครเริ่มฝึกฝนกฎแห่งความเร็วในตอนที่พลังความเร็วอยู่ในขั้นที่ 3-4 จะถูกเรียกว่าฟีเทอร์วิง หากใครเริ่มฝึกฝนตอนที่พลังความเร็วอยู่ในระดับขั้นที่ 5-6 จะถูกเรียกว่าฟลายอิ้งวิง” 

“หากใครเริ่มฝึกฝนตอนพลังความเร็วอยู่ในระดับขั้นที่ 7-8 จะถูกเรียกว่าสกายวิง และผู้ที่เริ่มฝึกฝนกฎแห่งความเร็วตอนที่พลังความเร็วอยู่ในระดับขั้นที่ 9 จะถูกเรียกว่าอีวิลวิง ซึ่งเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลสกายวิงของนายแล้ว”

“แน่นอนว่าตอนนี้นายยังไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะถูกเรียกว่าอีวิลวิง แต่นายมีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นอีวิลวิงในอนาคต ส่วนทางด้านไลท์วิงกับฟีเทอร์วิงในตระกูลของนายก็หาได้ยากมากเหมือนกัน เพราะตระกูลของนายจะทำการฝึกฝนเฉพาะนักรบที่มีพรสวรรค์สูงมาก ๆ อยู่เสมอ ดังนั้นโดยพื้นฐานภายในตระกูลของนายจึงมักที่จะมีแต่นักรบสกายวิงขึ้นไป”

‘ในตระกูลของฉันมันมีการแบ่งระดับชั้นแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจพร้อมกับขมวดคิ้ว

“เซี่ยบูหยุนผู้นำตระกูลสกายวิงคนปัจจุบันเริ่มฝึกฝนกฎแห่งความเร็วในตอนที่เขามีพลังพิเศษสายความเร็วอยู่ในขั้นที่ 8 หมายความว่าความเร็วเริ่มต้นของเขาอยู่ที่ 60,000 เมตรต่อวินาที เมื่อเขาเริ่มฝึกฝนกฎแห่งความเร็วขั้นที่ 1 พลังความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 120,000 เมตรต่อวินาที เมื่อเขาฝึกฝนกฎแห่งความเร็วจนถึงขั้นที่ 2 ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 240,000 เมตรต่อวินาที” 

“ความเร็วจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นไประดับขั้นละ 2 เท่าแบบนี้ไปเรื่อย ๆ และเมื่อเขาฝึกกฎแห่งความเร็วจนถึงระดับขั้นที่ 6 มันก็ทำให้ความเร็วในปัจจุบันของเขาอยู่ที่ 1,920,000 เมตรต่อวินาที”

“อย่างไรก็ตามการที่นายเริ่มฝึกฝนกฎแห่งความเร็วด้วยพลังพิเศษที่มากกว่าเซี่ยบูหยุน 1 ระดับ มันก็หมายความว่าในทุก ๆ ระดับนายจะมีความเร็วสูงกว่าเขา 2 เท่าด้วยเหมือนกัน เพราะที่กฎแห่งความเร็วขั้นแรกเซี่ยบูหยุนสามารถทำความเร็วได้เพียงแค่ 120,000 เมตรต่อวินาทีเท่านั้น ขณะที่ถ้าหากนายสามารถฝึกกฎแห่งความเร็วขั้นแรกได้สำเร็จ นายก็จะมีความเร็วเริ่มต้นอยู่ที่ 240,000 เมตรต่อวินาที” ชายชรากล่าวอธิบายด้วยรอยยิ้ม

‘เขากำลังจะบอกว่าถ้าฉันสามารถฝึกกฎแห่งความเร็วได้จนถึงขีดสุด ฉันก็จะมีความเร็วทะลุ 30 ล้านเมตรต่อวินาทีงั้นหรอ?’

‘ความเร็วแสงมีความเร็วอยู่ที่ 299,792,458 เมตรต่อวินาที ถ้าหากว่าฉันสามารถทำความเร็วได้ 30 ล้านเมตรต่อวินาที มันก็หมายความว่าฉันจะสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็ว 1 ใน 10 ของความเร็วแสง!!’

เซี่ยเฟยคิดภายในใจอย่างตกตะลึง และเขาก็ไม่สามารถจินตนาการได้จริง ๆ ว่าการที่คนคนหนึ่งออกวิ่งด้วยความเร็ว 1 ใน 10 ของความเร็วแสง มันจะทำให้คนคนนั้นรู้สึกยังไง

“มันไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจอะไรหรอก อีวิลวิงคือผู้ที่มีศักยภาพในการเข้าถึงความเร็ว 1 ใน 10 ของความเร็วแสงได้จริง ๆ” ชายชรากล่าวขึ้นมาอย่างรู้ทันขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้ายามค่ำคืน

ท่าทางของชายชราคนนี้ราวกับว่าเขากำลังพูดคุยกับใครสักคนบนท้องฟ้า แต่เมื่อเซี่ยเฟยเงยหน้าขึ้นไปมองเขาก็พบเพียงแค่ท้องฟ้าอันว่างเปล่าเท่านั้น

“ทั้งพลังความเร็วและกฎแห่งความเร็วต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ยากมาก และมันก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมอีวิลวิงถึงกลายเป็นตัวตนที่ได้รับการยกย่องมากขนาดนั้น เพราะถึงแม้ว่ามันจะมีผู้ฝึกฝนกฎแห่งความเร็วอยู่พอสมควร แต่มันกลับมีผู้ที่เริ่มฝึกฝนกฎแห่งความเร็วในตอนที่ความเร็วพัฒนามาจนถึงจุดสูงสุดเพียงแค่หยิบมือเดียว”

“เอาล่ะได้เวลาจากลากันเพียงเท่านี้ ฉันหวังว่านายจะยังคงเก็บซ่อนความลับต่อไปได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเขาคนนั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในแหวนมิติ มันก็ไม่ใช่สิ่งที่นายควรจะเก็บเอาไว้เลย”

***************

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.