11
มือกุมมือสัมผัสอันอบอุ่นละมุนไปถึงใจถึงกันและกันของเขาและเธอ แต่อาการผิดปกติของเขาก็เริ่มขึ้นด้วยเสียงลมหายใจหอบถี่ขึ้นและเร่งจังหวะเร็วๆแรงขึ้นเหมือนกับว่าหัวใจดวงนี้จะหลุดทะลุอกของเขาออกมา รินรดาตกใจกับอาการของเขาที่หายใจถี่ขึ้นราวกับคนเป็นหอบ เธอรับรู้ถึงมือที่สั่นเทาของเขาที่เธอจับอยู่ มากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ เธอฉุดคิดขึ้นในใจว่า
เอ๊ะ!หรือเขาจะตื่นเต้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะตื่นเต้นเพียงเพราะจับมือที่สำคัญเหงื่อก็ไหลโชก
ใบหน้าของรินรดาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลแล้วพูดขึ้นว่า
“คุ๊ณ คุณ เป็นอะไรหรือป่าวค่ะ”
รินรดาพยายามจับแขนของเขาเขย่าแขนเพื่อให้เขารู้สึกตัว ขณะเดียวกันทัศเองก็พยายามเรียกสติเพื่อความควบคุมตัวเองต่อหน้าหญิงสาวคนนี้เขาไม่อยากขายหน้าต่อเธอ
“ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ที่เกาะนั่นแล้ว นี่คุณอยู่ที่นี่กับชั้น” รินรดายกมือของเธอทั้งสองข้างลูบที่แก้มทั้งสองของเขาเบาๆเพื่อให้เขาได้สติและมองมาที่เธอ รินรดารู้สึกสงสารเขาขึ้นมาอย่างจับใจ เธอพยายามคิดว่าจะทำอย่างไรให้เขารู้สึกตัวขึ้นมา
‘อะไรเกิดขึ้นกับผู้ชายคนนี้กันแน่ ความทรงจำของเขาคงโหดร้ายจนส่งผลรุนแรงทำร้ายจิตใจจนมีอาการที่ส่งผลต่อปฏิกริยาทางร่างกายทำให้เขาเป็นแบบนี้’
เพียงเสี้ยววินาทีรินรดาตัดสินใจอย่างรวดเร็วพร้อมกับริมฝีปากของเธอประกบจูบกับริมฝีปากของเขา ทันทีที่เขารู้สึกว่ามีริมฝีปากอ่อนนุ่มประกบอยู่เขาเองความรู้สึกโหยหาอยากทำเช่นนี้กับเธออยู่แล้วเขาจึงสนองตอบกลับด้วยจูบที่เร่าร้อนและดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆไม่เว้นให้เธอได้หายใจได้เต็มปอดอีก มือที่สั่นของเขาลูบไล้สัมผัสแผ่นหลังของเธออย่างแผ่วเบา
อนงค์ที่คุณหญิงป้าฝากมาให้มานอนเป็นเพื่อนรินรดาจะได้เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลตอนที่เธอมาทำงานที่โรงเรียนด้วย ขณะที่อนงค์เดินมาเห็นทั้งสองอยู่ในห้องเธอถึงกับยืนตะลึง ในท่ากำลังจะอ้าปากร้องแต่ไม่มีเสียง แล้วอุทานเบาๆแทนว่า
“อุ๊ย! ผีบ้านผีเรือนจะโกรธไหมนะ”
ทั้งสองผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นอนงค์ ทั้งรินรดาและทัศก็ทำหน้าเลิกลั่ก ทัศเองก็แก้เก้อด้วยการเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อดื่มวิสกี้ ส่วนรินรดาก็ถามอนงค์ว่า
“อนงค์มีอะไรหรา”
“ปะป่าวจ้า เดี๋ยวไปหยิบหนังสือที่คุณจะสอนมาให้ก่อนนะคะ ว่าแล้วลืมอะไร”
อนงค์เดินยิ้มออกจากห้องไป รินรดาไม่ได้เอ๊ะใจแม้แต่น้อยว่าอาการของเขาไม่ใช่อาการทางจิตที่กลัวเกาะที่เขาเล่าหากแต่เป็นอาการ
“ลงแดงอยากดื่มเหล้านี่เอง”
รินรดาพอจะเดาเหตุการณ์ต่อจากนี้ได้เพราะเธอเองที่เป็นคนเทเหล้าของเขาทิ้งหมดและใส่น้ำชาจีนลงไปแทน เธอไม่อยากจะคิดว่าอาการลงแดงเขาจะหนักมากแค่ไหนไม่ทันที่เธอจะคิดอะไรต่อ เสียงแก้วแตกก็ดังขึ้น
“เพล้ง! ....”
เสียงแก้วแตกดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนเรียก
“ลุงจรัส ลุงจรัส...”
เสียงของทัศดังคำรามราวกับราชสีห์ที่กำลังเกรียวกราด ดวงตาแดงก่ำ มือไม้สั่น อย่างเห็นได้ชัด รินรดาต้องแอบมองไม่กล้าแม้จะสบตาเขา อาจเป็นเพราะความผิดที่เธอทำและไม่คิดว่าเขาจะติดเหล้ามากถึงกับมีอาการลงแดง
ลุงจรัส ป้าแสง อนงค์ ยายชื่น ทุกคนปรากฏตัวขึ้นมาในห้องอย่างรวดเร็ว เห็นทัศที่เริ่มคลุ้มคลั่งอยู่ ส่วนอนงค์จับมือรินรดาบีบเพื่อเป็นกำลังใจให้เธอ ตอนนี้เธอก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะตกใจไม่คิดว่าสิ่งที่ทำจะมีผลมากถึงเพียงนี้ ลุงจรัสที่เห็นอาการของเขาก็สั่งให้ป้าแสงไปต้มน้ำชงยาหอมมาให้ แล้วจากนั้นลุงจรัสก็พยายามจะเข้าไปหาทัศ แต่รินรดาสงสัยว่าลุงจรัสจะเข้าไปหาเขาทำไม
“ลุงจะเข้าหาคุณทัศของลุงทำไมล่ะค่ะ”
“ถ้าไม่ไปจับคุณหนูไว้ ข้าวของไม่มีเหลือแน่ค่า แกอาละวาดทีข้าวของพังทั้งบ้านค่า” ยายชื่นบอกรินรดาทำให้เธอเข้ามาช่วยจับทัศไว้ แล้วลุงจรัสก็พูดขึ้นขณะที่ยืนอยู่ใกล้ๆเธอว่า
“เมื่อวานก่อนตาถมที่ตลาดก็ลงแดงขาดเหล้าตาย”
“ห๊า! จริงหรือพ่อ หักดิบเหล้าหรอกหรือ” อนงค์ได้ยินจึงอุทานด้วยความตกใจ ยิ่งทำให้รินรดาร้อนใจมากที่สุดเพราะเธอกลัวว่าสิ่งที่ทำลงไปจะทำให้เขาตายเพราะหักดิบเหล้า จนรินรดาถามความเห็นของทุกคนว่า
“ตอนนี้พวกเราจะต้องทำยังไงดีค่ะ”
ลุงจรัสบอกว่า
“ต้องพาคุณทัศไปนอนแล้วให้กินยาหอม”
รินรดาพูดขึ้นด้วยเสียงสูงว่า
“ยาหอม อะไรกันยาหอมนี่เป็นยาครอบจักรวาลหราค่ะ ยาหอมนี่ช่วยได้หราค่ะ พาไปหาหมอดีกว่าค่ะ”
“หมอพิเชษฐ์ไปเยี่ยมลูกสาวที่ปีนังเดือนหน้าถึงจะกลับ” อนงค์ตอบ รินรดาถึงหมอประจำตัวของทัศ
“ไปโรงพยาบาลกันค่ะเดี๋ยวคุณทัศอาจจะช็อค”
“คุณทัศไม่ยอมไปเป็นแน่” ลุงจรัสพูดจบก็นัดแนะทุกคนให้เข้าช่วยจับทัศที่มีอาการคลุ้มคลั่งเกรียวกราดทั้งโกรธโวยวายที่เหล้ากลายเป็นน้ำชา
รินรดาที่สำนึกผิด อยู่ๆเธอก็เดินเข้าไปเพื่อสารภาพกับเขาที่เธอทำเช่นนั้นเพื่อให้เขาเลิกเหล้าอีกทั้งถ้าเขากินเหล้าแล้วเธออยู่ที่นี่ก็อาจจะทำให้เธอไม่ปลอดภัย ในเวลาเช่นนี้ดูเหมือนทัศจะไม่ฟังอะไรที่เธอพูดแม้แต่น้อย เขามองเธอตาขวางแล้วเหวี่ยงขวดเหล้าทิ้งแล้วเขาก็ยืนนิ่งสักพัก
รินรดาเห็นจังหวะที่เขาดูท่าทางสงบลงเธอหมายจะพุ่งตัวเข้าไปกอดที่ลำตัวเขาไว้ ส่วนอนงค์และลุงจรัสก็เข้ามาช่วยจับข้อมือของเขาไว้
แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิดในช่วงที่ชุลมุนวุ่นวายนั้นด้วยความตกใจของทัศที่เห็นรินรดาพุ่งตรงเข้ามาหาเขาและยังมีทั้งอนงค์และลุงจรัสตามเข้ามาด้วยทำให้เขาต้องหลบจนเสียหลักล้มลง นั่งกึ่งนอนโดยมีรินรดาล้มตามลงไปนั่งค่อมบนท้องของเขาพอดี
ทัศรู้สึกตัวขึ้นมาในทันทีที่เห็นว่ารินรดานั่งค่อมบนตัวเขา นัยน์ตาแดงก่ำที่จ้องเธอ ตัวอุ่นๆร้อนๆของเขาที่สัมผัสกับขาของเธอทำให้เธอตกใจรีบลุกขึ้น เขาเองก็ตกใจไม่ต่างจากเธอสัมผัสที่แนบชิดของเธอทำให้เขาหวนคิดถึงคืนนั้น
เมื่อทัศนิ่งอยู่นั้นลุงจรัสก็เข้ามาประคองทัศลุกขึ้น
รินรดาที่ทั้งอายทั้งเขินก็พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า
“ขอโทษ”
ทัศไม่พูดอะไรนอกจากมองหน้าเธอและตอนนี้เขาที่คลุ้มคลั่งก็พอจะได้สติอยู่บ้างหรืออาจจะเป็นเพราะอาการลงแดงเหล้าของเขาทำให้เขารู้สึกตัวเองไม่มีเรี่ยวแรง อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนไข้ขึ้นอยู่ๆตัวก็รุ่มๆและร้อนขึ้น ทัศบอกทุกคนให้แยกย้ายกลับห้อง
“ผมอยากนอน ทุกคนไปนอนได้แล้วครับ”
รินรดาที่เป็นห่วงเขาและคิดว่าคืนนี้เขาน่าจะไข้ขึ้นหรือไม่ก็อาจจะช็อคเพราะไข้สูง เธอจึงบอกกับเขาว่า
“คุณตัวร้อน เดี๋ยวชั้นจะช่วยเช็ดตัวให้ไข้ลดไม่งั้นคุณอาจจะไข้สูงจนช็อคนะคะ”
“เช็ดตัวให้ผม”
ทัศจ้องหน้ารินรดาและพูดตามที่เธอพูดย้ำเพื่อความแน่ใจ รินรดาถูกเขาจ้องหน้าจนรู้สึกประหม่าจึงพูดว่า
“ให้ลุงจรัสช่วยเช็ดตัวให้คุณไข้จะได้ลด”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 193
แสดงความคิดเห็น