ตอนที่ 743 ความปั่นป่วนในสวนสายลม
ตอนที่ 743 ความปั่นป่วนในสวนสายลม
เมื่อเซี่ยเหล่าสือได้เห็นบัตรระดับทองเข้มของเซี่ยเฟย มันก็ทำให้เขาได้จ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยแววตาอันเป็นประกาย
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขาไม่รู้ว่าจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสามารถยืนยันได้คือเซี่ยเหล่าสือจะต้องคิดหาวิธีทำเงินจากเขาเพิ่มอย่างแน่นอน
“เรื่องอะไรงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นายมีพรสวรรค์ในด้านการควบคุมพลังงาน และมีความเชี่ยวชาญทางด้านเครื่องกลด้วยใช่ไหม?” เซี่ยเหล่าสือกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผมเคยคิดที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นพลังงานอยู่เหมือนกัน แต่เวลาและพลังงานภายในร่างของผมมีอย่างจำกัด ผมเลยจำเป็นจะต้องหยุดฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานเอาไว้ก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“การที่นายมีบัตรระดับทองเข้มของธนาคารฟารซี มันก็หมายความว่านายรวยมาก ทำไมนายถึงไม่ลองแก้ปัญหาด้วยเงินดูล่ะ ถึงยังไงฉันก็ไม่สามารถอยู่ที่ศูนย์ฝึกสายลมได้ตลอดไปอยู่แล้ว สักวันหนึ่งฉันก็ต้องทิ้งมันไปเพื่อไล่ตามความฝันของฉัน”
“ถ้าหากว่ามันยังไม่มีใครมีคุณสมบัติจะขึ้นมาดูแลศูนย์ฝึกสายลมได้ บรรพบุรุษย่อมไม่มีทางปล่อยฉันไปอย่างแน่นอน ในเมื่อนายทั้งมีความสามารถและร่ำรวย นายสนใจมาอยู่ที่นี่แล้วเรียนรู้เทคนิคการเป็นนักหลอมพลังงานดูดีไหม?”
ข้อเสนอของเซี่ยเหล่าสือทำให้เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดมากจริง ๆ
ย้อนกลับไปในอดีตเซี่ยเฟยสนใจเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มาโดยตลอด ซึ่งนอกเหนือจากการเรียนรู้กฎแห่งการกลั่นพลังงานและเรื่องเครื่องยนต์กลไกลแล้ว เขายังได้เรียนรู้เรื่องการปรุงยาจนจัดอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย แต่เขาไม่สามารถนำความรู้พวกนั้นมาประยุกต์รวมกันได้เลย แตกต่างจากเซี่ยเหล่าสือที่สามารถหลอมรวมพลังงานเข้ากับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมือของเขาไปได้
นักหลอมพลังงานในดินแดนกฎได้รับความเคารพจากทุกคนเป็นอย่างมาก เพราะแม้แต่ผู้นำตระกูลสกายวิงคนปัจจุบันก็ยังต้องยอมกำราบเมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยเหล่าสือที่เป็นนักหลอมพลังงาน มันจึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสถานะของนักหลอมพลังงานในดินแดนกฎอยู่ในระดับที่สูงมากแค่ไหน
“นั่นมันเป็นความคิดที่ดีมาก ถ้าหากว่านายสามารถประยุกต์ใช้กฎแห่งการกลั่นพลังงานร่วมกันกับความรู้ทางด้านเครื่องยนต์กลไกลและการปรุงยา ในเวลานั้นนายก็คงจะเป็นนักหลอมพลังงานรอบด้านอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน!” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น และเขาก็อดที่จะชื่นชมเซี่ยเหล่าสือขึ้นมาไม่ได้ที่ชายชราคนนี้สามารถมองเห็นจุดเด่นของเซี่ยเฟยได้อย่างรวดเร็ว
“ผมขอขอบคุณในความหวังดีของคุณปู่จริง ๆ แต่ผมขอใช้เวลาในการพิจารณาสักพักนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบพร้อมกับส่ายหัว
ข้อเสนอของเซี่ยเหล่าสือเป็นเรื่องที่น่าดึงดูดมากจริง ๆ แต่มันก็ต้องแลกมากับราคามหาศาลอย่างแน่นอน เพราะเพียงแค่เขาเข้ามาฝึกพิเศษที่สวนสายลมเพียง 1 เดือน มันก็ทำให้เขาต้องสูญเสียคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ไปมากกว่า 1.7 ล้านชิ้นแล้ว เซี่ยเฟยจึงไม่อยากจะคิดว่าถ้าหากเขาต้องการจะเป็นนักหลอมพลังงาน เขาจะต้องสูญเสียเงินในระหว่างการฝึกฝนไปอีกมากแค่ไหน
แน่นอนว่าการได้รับชุดเกราะระดับราชากฎขั้นสูงมาเป็นของรางวัลตอบแทนจากการฝึก ย่อมคุ้มค่าสำหรับเงินตราที่เขาได้จ่ายไปอย่างแน่นอน แม้ว่าของรางวัลชิ้นนี้จะเป็นของรางวัลจากบรรพบุรุษไม่ใช่ของรางวัลจากเซี่ยเหล่าสือก็ตาม
“ค่อย ๆ คิดไปก็ได้ แต่นายต้องจำไว้ว่าเส้นทางการเป็นนักหลอมพลังงานมีอยู่ที่นี่เพียงเท่านั้น และตราบใดก็ตามที่นายมีเงินมากพอ นายย่อมเป็นนักหลอมพลังงานได้อย่างแน่นอน” เซี่ยเหล่าสือกล่าว
ท้ายที่สุดบทสนทนานี้ก็จบลงแล้ว เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องกลับไปยังสวนสายลมเพื่อเข้าร่วมงานประลองที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ชายหนุ่มจึงสวมใส่ชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นก่อนที่เขาจะมุ่งหน้ากลับไปยังสวนสายลมในกลุ่มดาวม้าขาว
—
สวนสายลม
เมื่อเซี่ยเฟยเดินทางออกจากประตูมิติ เขาก็ได้พบกับสภาพแวดล้อมอันเงียบสงบ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเหล่าบรรดาราชากฎของสกายวิงที่อยู่ที่นี่กำลังทำอะไรอยู่ มันถึงทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบแบบนี้
หลังจากเดินไปยังสวนด้านหลัง เขาก็ได้เห็นนักรบสกายวิงรวมตัวร้องรำทำเพลงพูดคุยกันอย่างสังสรรค์ ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้รู้สึกกังวลกับการประลองที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้เลย
“เฮ้ย!”
“นั่นมันชุดดาร์กยูนิคอร์น”
“ชุดดาร์กยูนิคอร์นจริง ๆ ด้วย”
“ไม่มีทาง! นี่ตาเฒ่าเซี่ยเหล่าสือมอบชุดเกราะชุดนี้ให้กับนายงั้นเหรอ?”
“นายไปทำอะไรที่ศูนย์ฝึกสายลมมากันแน่? อย่าบอกนะว่านายฆ่าตาแก่นั่นไปแล้วและแย่งชิงชุดเกราะชุดนี้มา”
เหล่าบรรดานักรบสกายวิงรีบมารวมตัวกันรอบ ๆ เซี่ยเฟยในทันที ขณะที่จ้องมองไปยังชุดเกราะบนร่างของชายหนุ่มด้วยสีหน้าอันตกตะลึง
“ทำไมชุดเกราะชุดนี้ถึงไปอยู่ที่นายได้? รู้ไหมว่าฉันมองมันมานานหลายปีแล้ว”
“บอกมานะ นายติดสินบนตาแก่นั่นใช่ไหม?”
เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะรีบปฏิเสธข้อสันนิษฐานทั้งหมด ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าเหล่าบรรดานักรบสกายวิงต่างก็หมายปองชุดเกราะชุดนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เมื่อเขาได้ครอบครองชุดดาร์กยูนิคอร์นมันจึงทำให้ทุกคนรีบเข้ามาถามด้วยความอยากรู้
“นายพัฒนามาจนถึงขั้นไหนแล้ว? ทำไมเซี่ยเหล่าสือถึงมอบชุดเกราะนี้เป็นของรางวัลให้กับนาย” เซี่ยจงไห่กล่าวถามอย่างสงสัย
“ใช่ รีบบอกมาเร็ว ๆ เข้า! ตอนนี้นายเป็นราชากฎขั้นไหนแล้ว?”
“ระดับพลังของผมยังอยู่เท่าเดิม ช่วง 1 เดือนมานี้ผมไม่ได้พัฒนาพลังของผมขึ้นมาเลย” เซี่ยเฟยกล่าวตอบพร้อมกับส่ายหัว
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ท้ายที่สุดปัจจุบันระดับพลังของเซี่ยเฟยก็พัฒนามาจนถึงระดับราชากฎแล้ว และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากเซี่ยเฟยจะไม่สามารถพัฒนาพลังได้หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ 1 เดือน
กุญแจสำคัญอยู่ที่เซี่ยเฟยได้รับชุดเกราะชุดนี้มาได้ยังไงต่างหาก
เท่าที่ดูชายหนุ่มก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แล้วเขาได้รับชุดเกราะชุดนี้มาได้ยังไง?
เหล่าบรรดาพี่น้องสกายวิงทะเลาะกันเรื่องเงื่อนไขการครอบครองชุดเกราะชุดนี้มาเป็นเวลานานแล้ว และพวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่าผู้ที่จะได้ครอบครองชุดดาร์กยูนิคอร์นจะต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นยอดของตระกูลเท่านั้น ทุกคนจึงมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาผมไม่ได้เรียนรู้กฏแห่งความเร็วหรือกฎมิติเลย ผมแค่ฝึกพลังพิเศษความเร็วจนถึงระดับ 9 เท่านั้นเอง” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสบาย ๆ ราวกับว่าเขาไม่ค่อยพอใจกับความก้าวหน้าของตัวเองมากนัก
อย่างไรก็ตามคำตอบของเขากลับทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง และพวกเขาก็กำลังมองไปทางเซี่ยเฟยราวกับว่าพวกเขากำลังมองไปยังสัตว์ประหลาด
“ทำไม... ทุกคนถึงมองผมแบบนั้นล่ะครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างประหม่า
“เมื่อกี้นายบอกว่าอะไรนะ?!” เซี่ยจงไห่กล่าวถามอย่างประหม่าด้วยเหมือนกัน
“ผมบอกว่าในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมพัฒนาพลังความเร็วจนถึงระดับ 9 ทำให้ตอนนี้ผมมีความเร็วอยู่ที่ 120,000 เมตรต่อวินาทีแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวตอบโดยไม่รู้ถึงน้ำหนักคำพูดของตัวเอง
“120,000 เมตรต่อวินาที! นายพัฒนาพลังความเร็วจนถึงระดับ 9 แล้วงั้นเหรอ?!” เซี่ยจงไห่ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงตะโกนด้วยความประหลาดใจดังออกมาจากภายในห้อง
“พลังพิเศษระดับสูงสุด!? นี่นายพัฒนาความเร็วจนถึงระดับ 9 แล้วจริง ๆ เหรอ?!” เซี่ยบูหยุนและเซี่ยเทียนเปิดประตูมองมาทางเซี่ยเฟยด้วยความตกตะลึง แม้แต่พ่อบ้านชราอย่างเซี่ยอู๋เย่ก็กำลังมองมาทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อด้วยเช่นกัน
“ความเร็วสูงสุดของผมยังแค่ 120,000 เมตรต่อวินาทีเอง ผมยังช้ากว่าคนอื่น ๆ อยู่เยอะเลย” เซี่ยเฟยอธิบายขึ้นมาเบา ๆ
แค่ 120,000 เมตรต่อวินาที!!
คำตอบของเซี่ยเฟยถึงกับทำให้ทุกคนพูดไม่ออก
เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่วัดกันแค่ตัวเลขอีกต่อไป เพราะการที่เซี่ยเฟยสามารถฝึกฝนพลังพิเศษจนถึงขั้นสูงสุดได้ มันก็หมายความว่าชายหนุ่มมีที่ว่างเหลือให้พัฒนาในอนาคตอีกมหาศาล และในวันหนึ่งความเร็วของชายหนุ่มย่อมพุ่งทะยานเหนือกว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่อย่างแน่นอน
“ฉันยอมรับในความพยายามของนายจริง ๆ ตอนนั้นฉันยอมแพ้หลังจากพัฒนาพลังความเร็วจนได้ถึงระดับ 7 แม้แต่ผู้นำของเราก็พัฒนาพลังความเร็วไปได้จนถึงระดับ 8 เท่านั้น” เซี่ยจงไห่เดินเข้ามาตบไหล่เซี่ยเฟยเบา ๆ
ในเวลานั้นเซี่ยบูหยุนก็กำลังมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยความตกตะลึงอยู่เช่นเดียวกัน และเขาก็ต้องยอมรับอยู่ภายในใจว่าชายหนุ่มคนนี้คืออัจฉริยะที่มีพรสวรรค์อยู่เหนือกว่าตัวของเขาเอง แล้วมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะบอกว่าเซี่ยเฟยคืออัจฉริยะระดับสูงสุดของตระกูล
ไม่ว่าในอนาคตเซี่ยเฟยจะพัฒนาพลังไปได้จนถึงระดับไหน แต่การที่เขาสามารถพัฒนาพลังพิเศษความเร็วไปได้จนถึงระดับ 9 มันก็เพียงพอที่จะบันทึกชื่อของเขาเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของตระกูลสกายวิงแล้ว
ในที่สุดมันก็ไม่มีใครตั้งคำถามถึงเรื่องการเป็นเจ้าของชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นอีกต่อไป ทุกคนทำได้เพียงแต่เข้ามาแสดงความยินดีกับเซี่ยเฟย และคิดว่าชายหนุ่มคือคนที่คู่ควรสำหรับการครอบครองชุดเกราะชั้นยอดชุดนี้แล้ว
เซี่ยเฟยไม่เคยคิดเลยว่าการพัฒนาพลังพิเศษจนถึงระดับ 9 จะส่งผลกระทบต่อทุกคนขนาดนี้ เขาจึงทำได้เพียงแต่พูดขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแสดงความยินดีอย่างอ่อนน้อม และมันก็ทำให้เขาถูกคนอื่นเอ็นดูมากขึ้นกว่าเดิม
“เซี่ยเฟยมานี่ก่อน พวกเรายังมีเรื่องที่จะต้องคุยกัน” เซี่ยบูหยุนกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ
เซี่ยเฟยกล่าวอำลาทุกคนก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องประชุมของตระกูล
ระหว่างนั้นเซี่ยเทียนก็ได้ชกเข้าใส่หน้าอกของชายหนุ่มเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่ชายหนุ่มสามารถพัฒนาพลังพิเศษมาได้จนถึงระดับ 9 ด้วยเหมือนกัน
“พรุ่งนี้คือวันตัดสินชะตาของสงครามระหว่างพวกเรากับมูนวอร์ดแล้ว กติกาของการประลองคือการจับฉลากต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว” เซี่ยบูหยุนกล่าวหลังจากที่พวกเขาทั้งสามนั่งรอบโต๊ะวงกลม
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความเคร่งเครียด เพราะถ้าหากว่าการประลองใช้ระบบจับฉลาก มันก็หมายความว่าเขามีโอกาสที่จะได้พบกับจักรพรรดิกฎอย่างเซียงอู๋เฉิงหรือเซียงจินเฉิงด้วยเหมือนกัน ซึ่งในกรณีนั้นโอกาสที่เขาจะได้รับชัยชนะมันก็จะหลงเหลือเพียงแค่น้อยนิดอย่างแน่นอน
“ไม่จำเป็นจะต้องกังวล คำถามเดียวที่ฉันอยากจะถามนายนั่นก็คือถ้าหากคู่ต่อสู้ของนายคือหยูฮัว นายมั่นใจไหมว่านายจะได้รับชัยชนะ?” เซี่ยบูหยุนกล่าวถามด้วยรอยยิ้มเมื่อได้เห็นความกังวลบนสีหน้าของเซี่ยเฟย
“มั่นใจครับ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบโดยไม่ต้องคิด เพราะก่อนหน้านี้เขาสามารถยืนหยัดต่อสู้กับจักรพรรดิกฎขั้นที่ 3 อย่างเซียงอู๋เฉิงได้เป็นเวลานาน มันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการเผชิญหน้ากับราชากฎขั้นที่ 7 อย่างหยูฮัวเลย
“ถ้านายจับฉลากได้สู้กับหยูฮัวหรือเซียงอู๋เฉิง นายก็จะต้องต่อสู้กับพวกเขาอย่างสุดกำลัง แต่ถ้าหากว่านายจับฉลากได้สู้กับเซียงจินเฉิง นายจะต้องประกาศยอมแพ้ในทันที”
“ฉันกับเซี่ยเทียนจะเป็นกองกำลังหลักในการประลองครั้งนี้เอง พวกเราจำเป็นจะต้องได้รับชัยชนะเพียงแค่ 2 ใน 3 เท่านั้น นายไม่จำเป็นจะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยง เพราะมันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม”
ทั้งเซี่ยบูหยุนและเซี่ยเทียนต่างก็มีความแข็งแกร่งมากเพียงพอที่จะเอาชนะเซียงอู๋เฉิงกับหยูฮัวได้ ดังนั้นถ้าหากเซี่ยเฟยจับฉลากได้พบกับเซียงจินเฉิงจริง ๆ มันก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์โดยรวมดูดีขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนั่นก็คือในกรณีที่เซี่ยเฟยจับฉลากได้พบกับเซียงอู๋เฉิง ซึ่งในกรณีนั้นเขาก็จำเป็นจะต้องพยายามเสมอกับอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้ เพื่อให้สถานการณ์โดยรวมของตระกูลไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
“ไม่จำเป็นจะต้องคิดอะไรเยอะแยะหรอก พวกเราแค่ต้องสู้อย่างสุดกำลัง เดิมทีฉันได้เตรียมชุดต่อสู้ชุดใหม่เอาไว้ให้กับนายแล้ว แต่ดูเหมือนตอนนี้ชุดเกราะของฉันมันคงจะไม่จำเป็น”
ในระหว่างที่พวกเขากำลังประชุมอยู่นั่นเอง มันก็ได้มีน้ำเสียงอันเกรี้ยวกราดของเซี่ยเหล่าสือดังขึ้นมาจากสนามหญ้า
“เซี่ยเฟยออกมาอธิบายกับฉันเดี๋ยวนี้!!”
เซี่ยเฟยมองออกไปนอกห้องประชุมอย่างสับสน เพราะเขาได้เคลียร์หนี้สินกับเซี่ยเหล่าสือไปเรียบร้อยแล้ว แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงต้องไล่ตามเขามาจนถึงสวนสายลมด้วย
“นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันขาดทุน! เซี่ยเฟย นายมันจะโหดร้ายกับฉันมากเกินไปแล้ว!!” เซี่ยเหล่าสือตะโกนด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ
***************
ถึงกับบุกมาหาเรื่องถึงสวนสายลมเลยเหรอคุณปู่!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 261
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น