ตอนที่ 734 ราคาของการให้ที่พักพิงอาชญากร

-A A +A

ตอนที่ 734 ราคาของการให้ที่พักพิงอาชญากร

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 734 ราคาของการให้ที่พักพิงอาชญากร

“ไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเซี่ยอู๋เย่จะเป็นใคร แต่เขาก็คือสมาชิกตระกูลสกายวิงของเรา” เซี่ยบูหยุนยังคงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา

ทุกคนที่ฟังต่างก็แทบจะไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง ท้ายที่สุดกู่หลี่ก็เป็นอาชญากรของแดนเทพที่มีโทษร้ายแรงมาก แล้วตระกูลสกายวิงจะยอมรับปัญหาที่น่าปวดหัวนี้เข้าตระกูลตัวเองไปทำไม

คำตอบของเซี่ยบูหยุนยิ่งทำให้สีหน้าของฉินหวง ผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิกฎที่มาให้ความช่วยเหลือตระกูลมูนวอร์ดเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าเกลียดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเขาอุตส่าห์ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือตระกูลมูนวอร์ด แต่เขากลับถูกทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดี 

ขณะที่ทางฝั่งสกายวิงพยายามปกป้องพันธมิตรของตัวเองเอาไว้อย่างเต็มที่ แม้ว่าคำประกาศนั้นจะไม่ต่างไปจากการพยายามท้าทายเผ่าเทพผู้อยู่เบื้องบนเลยก็ตาม

“ฉันมันโง่เองที่ไปหลงเชื่อพวกแก!!” ฉินหวงกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปทางเซียงจินเฉิงและเซียงอู๋เฉิงด้วยแววตาอันดุเดือด

ก่อนที่ฉินหวงจะพูดจบลงเขาก็เริ่มรวบรวมพลังของกฎแห่งสสาร เพื่อจู่โจมเข้าใส่พี่น้องตระกูลมูนวอร์ดทั้งสองคน ท้ายที่สุดชะตากรรมของเขาก็คงจะไม่พ้นไปจากความตาย เขาจึงตั้งใจที่จะลากคนทรยศทั้งสองคนนี้ให้ตกตายไปพร้อมกับเขาด้วย

ตูม!

อย่างไรก็ตามผู้พิทักษ์มังกรฟ้าก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน ก่อนที่บรูซจะหักแขนของฉินหวงจนก่อให้เกิดเสียงกรีดร้องโหยหวนไปทั่วทั้งห้องโถง

“อย่าคิดจะมาสร้างความวุ่นวายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เอาตัวเขาออกไปแล้วสอบสวนเขาซะ!” เฝิงคูชานกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา

“ครับ”

หลังจากรับคำสั่งบรูซก็ลากร่างของฉินหวงออกไปจากห้อง และเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ชายร่างผอมได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเขาถูกโจมตีโดยบรูซอีกครั้ง มันจึงทำให้เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนอีกต่อไป

“ฉันทำตามคำสั่งของพวกมันแล้ว ไอ้สองพี่น้องนั่นมันขอให้ฉันบุกโจมตีตระกูลสกายวิง อย่ามาคิดที่จะโยนความผิดทั้งหมดให้กับฉันคนเดียว!!” ฉินหวงพยายามส่งเสียงร้องขณะที่เขาถูกลากตัวออกจากห้องไป ซึ่งมันก็ทำให้พี่น้องตระกูลมูนวอร์ดรู้สึกเสียดายที่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในตำหนักฟ้าดิน มันจึงทำให้เขาไม่สามารถสังหารฉินหวงเพื่อปิดปากอดีตพันธมิตรคนนี้ได้

“พี่เซี่ยบูหยุน คุณควรคิดให้ดี ๆ กู่หลี่คืออาชญากรจากเบื้องบน คุณยังยืนยันว่าเขาคือคนของสกายวิงอยู่จริง ๆ งั้นเหรอ?” เฝิงคูชานหันมาถามเซี่ยบูหยุนด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม

“ไม่จำเป็นจะต้องคิดอะไรทั้งนั้น เซี่ยอู๋เย่คือพ่อบ้านตระกูลของเรา ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเป็นใคร แต่ตอนนี้เขาเป็นสมาชิกของตระกูลสกายวิง” เซี่ยบูหยุนกล่าวอย่างใจเย็น

คำตอบของผู้นำตระกูลสกายวิงทำให้เซี่ยอู๋เย่มองไปยังเซี่ยบูหยุนด้วยแววตาอันซาบซึ้ง พร้อม ๆ กับน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาอย่างไม่สามารถจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

“การรับใช้ตระกูลสกายวิงถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตของฉันแล้ว” เซี่ยอู๋เย่กล่าวด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง

“คุณคอยดูแลพวกเรามานานมากแล้ว พวกเราต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายขอบคุณความพยายามของคุณ” เซี่ยบูหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

คำยืนยันของเซี่ยบูหยุนทำให้สีหน้าของเฝิงคูชานเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าเกลียดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะในเมื่ออีกฝ่ายให้คำยืนยันแบบนี้ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปแทรกแซงการตัดสินใจอะไรได้ทั้งนั้น

หลังจากบรูซโยนฉินหวงเข้าไปในคุก เขาก็กลับเข้ามาภายในห้องโถงสำหรับการเจรจาห้องนี้อีกครั้ง

“กู่หลี่ คุณรู้ดีใช่ไหมว่าเราจะต้องจัดการกับความผิดที่คุณเคยก่อขึ้นในอดีต?” เฝิงคูชานกล่าว

“เชิญคุณตัดสินได้เลย” กู่หลี่กล่าวพร้อมกับลุกยืนขึ้น

“เซี่ยอู๋เย่นั่งลง ไม่มีใครจะมาพรากสมาชิกในตระกูลสกายวิงไปได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นตระกูลเฝิงก็ตาม” จู่ ๆ เซี่ยบูหยุนก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่เซี่ยบูหยุน ฉันแค่ต้องการจะสอบสวนเขาเท่านั้น สกายวิงอย่ามาทำให้เราลำบากใจได้ไหม?” เฝิงคูชานเริ่มกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด

“ถ้าจะสอบสวนอะไรก็คุยกันตรงนี้ได้เลย เซี่ยอู๋เย่คือคนจากตระกูลของฉัน ถ้าหากพวกคุณคิดจะพรากใครไปแม้แต่บรรพบุรุษของฉันก็คงจะต้องออกมาคัดค้านด้วยเหมือนกัน” เซี่ยบูหยุนกล่าวอย่างเย็นชา

เซี่ยบูหยุนยังคงแสดงอาการดื้อรั้นออกมาเช่นเดิม และเขาก็ไม่สนใจเลยว่าอีกฝ่ายคือตัวแทนจากเผ่าเทพ ซึ่งมีสถานะสูงกว่าตัวเขาที่เป็นผู้นำตระกูลสกายวิงมาก

ปัง!

“สกายวิงจะไม่มีคนที่พูดจารู้เรื่องอยู่ในตระกูลบ้างเลยหรือยังไง!” เฝิงคูชานตบแขนเก้าอี้ด้วยความโกรธ

ในอีกด้านหนึ่งเซียงจินเฉิงกับเซียงอู๋เฉิงต่างก็มองไปยังภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม

‘ถึงแม้ตระกูลมูนวอร์ดของฉันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลสกายวิง แต่พวกแกกล้าดียังไงมาทำให้พวกมังกรฟ้ารู้สึกขุ่นเคือง ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกแกจะเย่อหยิ่งต่อไปได้อีกนานสักแค่ไหน ถึงขนาดที่กล้าท้าทายตัวแทนของเผ่าเทพแบบนี้’ สองพี่น้องตระกูลมูนวอร์ดต่างก็คิดภายในใจอย่างยินดีที่สกายวิงพยายามท้าทายอำนาจของกลุ่มมังกรฟ้าแล้ว

“ทุกคนรออยู่นี่ เดี๋ยวฉันกลับมา” เฝิงคูชานลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนที่เขาจะรีบเดินออกไปนอกห้อง

ใบหน้าของผู้นำกลุ่มมังกรฟ้าคนนี้บิดเบี้ยวไปอย่างน่าเกลียด และทุกคนก็สามารถบอกได้โดยไม่ต้องถามว่าเฝิงคูชานกำลังออกไปขอความช่วยเหลือจากทางเผ่าเทพอย่างแน่นอน

“ท่านผู้นำความผิดของฉันควรจะต้องได้รับการลงโทษ เพียงแค่ตระกูลสกายวิงได้ให้ที่พักพิงฉันมานานขนาดนี้ มันก็ทำให้ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากพอแล้ว” กู่หลี่โค้งคำนับให้กับเซี่ยบูหยุนอย่างสุภาพ

“คุณอย่าพูดแบบนั้นเลย นับตั้งแต่ตระกูลของเราได้ก่อตั้งขึ้นมาพวกเราก็ไม่เคยทอดทิ้งสมาชิกคนใดของตระกูลมาก่อน ถ้าหากว่าวันนี้ฉันทอดทิ้งคุณไปมันก็คงจะเป็นตราบาปครั้งใหญ่ของตระกูลสกายวิง และบรรพบุรุษก็คงจะไม่ยอมปล่อยฉันไปแน่ ๆ” เซี่ยบูหยุนช่วยดึงกู่หลี่กลับมานั่งลงอีกครั้งพร้อมกับกล่าวออกไปด้วยสีหน้าที่จริงจังเป็นอย่างมาก

“แม้ว่าปัญหาในครั้งนี้จะเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมาก แต่ตระกูลสกายวิงก็มีคติประจำใจที่ต้องยึดมั่นเอาไว้ด้วยเหมือนกัน”

เหตุการณ์ในคราวนี้ทำให้คนจากกลุ่มมังกรฟ้าได้เห็นความดื้อรั้นของตระกูลสกายวิงด้วยตาของตัวเองแล้ว เพราะถึงแม้มันจะมีแรงกดดันมาจากทางเผ่าเทพ แต่ตระกูลสกายวิงก็ยังคงความดื้อรั้นของตัวเองเอาไว้เช่นเดิม คล้ายกับว่าเขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาจะไม่ละเมิดคติประจำใจตระกูลของตัวเองอย่างเด็ดขาด

หลังจากนั้นไม่นานเฝิงคูชานก็กลับเข้ามาภายในห้องอีกครั้ง แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าการเจรจาระหว่างเขากับทางเผ่าเทพจะเป็นการเจรจาที่ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

“เอาล่ะ กู่หลี่ได้รับการละเว้นโทษ แต่เขาจะต้องอยู่ภายใต้สายตาของกลุ่มมังกรฟ้าตลอดเวลาจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลง ไม่อย่างนั้นตระกูลสกายวิงจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในความผิดครั้งนี้ทั้งหมด” เฝิงคูชานกล่าวหลังจากกลับมานั่งประจำตำแหน่งของตัวเอง

“หา!”

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนต่างก็เบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกตะลึง เพราะคำตอบของเฝิงคูชานมันไม่มีอะไรต่างไปจากการบอกว่าเผ่าเทพต้องการที่จะประนีประนอมกับตระกูลสกายวิง

นี่คือสิทธิพิเศษของตระกูลดาบคลั่งแห่งเผ่าเทพงั้นเหรอ?

สกายวิงไม่เพียงแต่จะเป็นที่รู้จักในหมู่ประชาชนของกลุ่มดาวม้าขาวเท่านั้น แต่ชื่อเสียงของพวกเขายังโด่งดังในพื้นที่ของเผ่าเทพอีกด้วย ไม่อย่างนั้นเผ่าเทพก็คงจะไม่ยอมลดศักดิ์ศรีลงมาเพื่อเจรจาเงื่อนไขกับสกายวิงแบบนี้

ไม่มีใครรู้ว่าช่วงไม่กี่นาทีที่ผ่านมามันมีอะไรเกิดขึ้นภายในเผ่าเทพ แต่ผลลัพธ์มันแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าตระกูลสกายวิงเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ และถ้าหากว่าเผ่าเทพตั้งใจที่จะเก็บตระกูลดาบคลั่งแห่งนี้เอาไว้ มันก็หมายความว่าความซวยมันจะตกลงมาที่ตระกูลมูนวอร์ดได้ตลอดเวลา

“นี่มันไม่ยุติธรรม! กู่หลี่เป็นอาชญากรขั้นร้ายแรงไม่ใช่เหรอ แล้วเขาจะถูกยกโทษให้ง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง?!” เซียงจินเฉิงกล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธ

ภายในใจของเซียงจินเฉิงเริ่มเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และการต่อสู้ในครั้งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถกำหนดโชคชะตาของตระกูลได้อีกต่อไป แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับบรรพบุรุษของตระกูลเขาแล้วว่าบรรพบุรุษที่อยู่บนเผ่าเทพจะสามารถจัดการกับปัญหาในเรื่องนี้ได้หรือไม่

เหล่าบรรดาบรรพบุรุษของตระกูลต่าง ๆ ที่อยู่บนเผ่าเทพจะต้องทะเลาะกันครั้งใหญ่ในเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่การที่ผลลัพธ์ออกมาว่ากู่หลี่ได้รับการละเว้นโทษ มันก็หมายความว่าบรรพบุรุษของพวกเขาพ่ายแพ้ในการเจรจา มันจึงทำให้เซียงจินเฉิงรู้สึกกังวล เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างมันกำลังหมายความว่าตระกูลของเขาได้สูญเสียการคุ้มครองจากเผ่าเทพไปแล้ว

“ความยุติธรรม? ความยุติธรรมมันไม่เคยมีอยู่จริงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าคุณรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมก็ใช้ความแข็งแกร่งของตระกูลมูนวอร์ดทำให้มันกลายเป็นความยุติธรรมของคุณสิ” เฝิงคูชานกล่าวอย่างเย็นชา

การที่เฝิงคูชานไม่สามารถเถียงเอาชนะเซี่ยบูหยุนได้ มันก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจมากพอแล้ว เมื่อเซียงจินเฉิงพยายามหาเรื่องเขาอีกคน เขาจึงระบายความไม่พอใจทั้งหมดลงไปที่ชายชราคนนี้เพียงคนเดียว

เซียงจินเฉิงมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยความโกรธ เพราะทุกสิ่งที่เขาพบเจอในปัจจุบันต่างก็ล้วนแล้วแต่มีต้นกำเนิดมาจากเซี่ยเฟย

ใครจะไปคิดว่านักรบตัวน้อยผู้ไร้อำนาจจะมีสายเลือดของสกายวิง มันจึงเป็นต้นกำเนิดของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตระกูลมูนวอร์ดแบบนี้ เขาจึงรู้สึกเกลียดเซี่ยเฟยจนเข้ากระดูกดำ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อน มันยังมีเรื่องสำคัญที่ฉันจะต้องไปทำ” เซี่ยบูหยุนกล่าว

แววตาอันเย็นชาของเซี่ยบูหยุนบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีทางปล่อยตระกูลมูนวอร์ดไป เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาออกจากตำหนักแห่งนี้ เขาก็จะทำสงครามต่อไปจนกว่าตระกูลมูนวอร์ดจะถูกทำลายล้างอย่างสมบูรณ์

“ใจเย็น ๆ ถึงแม้เบื้องบนจะยอมละเว้นโทษให้กู่หลี่ แต่พวกเขาก็มีเงื่อนไขด้วยเหมือนกัน” เฝิงคูชานกล่าวพร้อมกับยื่นมือออกไปหยุดเซี่ยบูหยุนเอาไว้

เมื่อได้ยินคำว่าเบื้องบนทุกคนต่างก็รู้สึกตกใจ เพราะคำพูดหลังจากนี้คือข้อความจากเผ่าพันธุ์ที่มีอำนาจมากที่สุดในจักรวาล

“พวกเราตัดสินใจละเว้นโทษให้กู่หลี่แลกมากับสงครามจะต้องหยุดขยายตัวออกไป ไม่อย่างนั้นมันจะทำให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก” เฝิงคูชานกล่าวด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม

“พวกเราไม่ได้มีความตั้งใจที่จะให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอยู่แล้ว” เซี่ยบูหยุนกล่าว

คำประกาศของเฝิงคูชานทำให้สีหน้าของเซียงจินเฉิงเปลี่ยนไปอย่างบิดเบี้ยว เพราะถ้าหากว่าเขาไม่สามารถใช้กลยุทธ์ฝูงชนมารุมเข้าใส่สกายวิงได้ มันก็หมายความว่าทางฝ่ายของเขาเป็นฝ่ายที่ได้รับความพ่ายแพ้แล้ว

กฎแห่งความเร็วเป็นพลังที่รับมือได้ยากมากที่สุดในจักรวาล แล้วมันก็ไม่มีตระกูลไหนกล้าที่จะเข้ามาท้าทายตระกูลคนบ้าพวกนี้

“คุณกำลังหมายความว่าอะไรกันแน่?” เซียงจินเฉิงกล่าวถามด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด

“เบื้องบนแสดงเจตนารมณ์ออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าถ้าหากทั้งสองตระกูลต้องการจะทำลายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้หายไปโดยสมบูรณ์ ทางเบื้องบนจะไม่ลงมาแทรกแซงเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่สงครามระหว่างทั้งสองตระกูลห้ามแผ่ขยายความวุ่นวายออกไปจนส่งผลกระทบต่อคนนอกอย่างเด็ดขาด และผู้แพ้ก็จะต้องถอนตัวออกไปจากเขตแดนเทพโดยไม่มีเงื่อนไข” เฝิงคูชานกล่าว

เหล่าบรรดานักรบของสกายวิงยังคงสงบ แต่เซียงจินเฉิงกลับหัวใจเต้นแรง เพราะหลังจากที่สงครามได้เริ่มต้นขึ้นไปเพียงแค่ไม่กี่นาที ทางฝั่งของตระกูลมูนวอร์ดก็ได้สูญเสียราชากฎไปแล้วกว่า 20 คน แม้แต่เซียงไป๋ผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิกฎก็ถูกฝูงหมาป่าจากสกายวิงรุมสังหารด้วยเช่นกัน 

ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ตระกูลมูนวอร์ดยังเสียเปรียบทั้งในด้านของกำลังคนและกำลังใจ ดังนั้นถ้าหากว่าพวกเขาไม่สามารถใช้กลยุทธ์ชักจูงฝูงชนหมู่มาก มันก็หมายความว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายได้รับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

“ในอีกหนึ่งเดือนทางเราจะตัดสินใจเลือกสถานที่ให้จักรพรรดิกฎทั้งสองตระกูลเข้าร่วมการประลอง ซึ่งเซี่ยเฟยและหยูฮัวที่เป็นต้นเหตุของสงครามครั้งนี้ก็จำเป็นจะต้องเข้าร่วมการประลองด้วย”

“เรื่องนี้คือคำสั่งจากเบื้องบนห้ามไม่ให้ใครตอบปฏิเสธทั้งนั้น ถ้าหากใครมีปัญหาตระกูลนั้นจะถูกขับไล่ออกจากกลุ่มดาวม้าขาวในทันที ส่วนกู่หลี่ก็ต้องถูกส่งตัวไปยังสมาคมผู้คุมกฎเพื่อจัดการโทษในอดีตต่อไป”

คำประกาศต่อมาทำให้สีหน้าของตระกูลสกายวิงเปลี่ยนไปในทันที แต่ในทางกลับกันตระกูลมูนวอร์ดกลับรู้สึกมีความสุขมาก

หากวัดกันเฉพาะจักรพรรดิกฎของทั้งสองตระกูล จักรพรรดิกฎของตระกูลมูนวอร์ดก็มีความได้เปรียบอย่างชัดเจน เพราะทางฝั่งของตระกูลมูนวอร์ดมีเซียงจินเฉิงซึ่งเป็นจักรพรรดิขั้นที่ 5 กับเซียงอู๋เฉิงจักรพรรดิขั้นที่ 3 ขณะที่ทางสกายวิงมีเซี่ยบูหยุนผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิกฎขั้นที่ 2 กับเซี่ยเทียนที่เป็นจักรพรรดิกฎขั้น 1 เท่านั้น

ในกรณีที่หยูฮัวปะทะเซี่ยเฟยมันก็เป็นการปะทะกันระหว่างราชากฎขั้นที่ 7 กับราชากฎขั้นที่ 1 เช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ว่าจะมองยังไงตระกูลมูนวอร์ดก็มีความได้เปรียบเต็มประตู

การตัดสินใจของเผ่าเทพทำให้สถานการณ์พลิกผันไปมา แล้วในขณะนี้สมดุลย์แห่งชัยชนะมันก็ได้เอนเอียงไปทางฝั่งตระกูลมูนวอร์ดอีกครั้ง

***************

ถึงพี่เฟยจะต้องประลองกับหยูฮัว แต่เราก็มั่นใจว่าพี่เฟยชนะแน่ๆ ความห่างชั้นแค่นี้ทำอะไรไม่ได้หรอก!

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.