ตอนที่ 733 จักรพรรดิกฎกู่หลี่

-A A +A

ตอนที่ 733 จักรพรรดิกฎกู่หลี่

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 733 จักรพรรดิกฎกู่หลี่

ในที่สุดตระกูลมูนวอร์ดก็เริ่มใช้นักรบระดับล่างในการจู่โจมเข้าใส่นักรบของสกายวิง เพื่อพยายามปลุกปั่นให้ตระกูลทั่วทั้งกลุ่มดาวม้าขาวรู้สึกเกลียดชังสกายวิงและไม่ให้อีกฝ่ายมีที่ยืนในสังคม

ด้านหลังของเซียงจินเฉิงมีนักรบเดินทางมาเข้าร่วมสงครามหลายล้านคน แต่ความแข็งแกร่งของนักรบเหล่านี้ไม่สูงมากนัก หากฝูงหมาป่าของสกายวิงต้องการที่จะสังหารคนนับล้านพวกนี้จริง ๆ พวกเขาก็คงจะใช้เวลาลงมือจัดการทุกคนภายในเวลาแค่ไม่กี่นาที

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยบูหยุนขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด ท้ายที่สุดทุกคนก็น่าจะรู้ดีว่าสงครามเป็นเรื่องของเหล่าบรรดานักรบระดับสูงเสมอ ตระกูลสกายวิงจึงได้เรียกระดมพลนักรบระดับราชากฎขึ้นไปเท่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีการสูญเสียที่ไม่จำเป็น

อย่างเลวร้ายที่สุดหากพวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ พวกเขาก็ยังเหลือตัวแทนของตระกูลที่จะเติบโตต่อไปในอนาคตได้ อย่างไรก็ตามตระกูลมูนวอร์ดกับลากนักรบธรรมดาเข้าสู่สนามรบด้วย ซึ่งเรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดธรรมเนียมเท่านั้น แต่มันยังเป็นการเคลื่อนไหวที่แฝงเจตนาร้ายเอาไว้อย่างไม่ต้องสงสัย และมันก็ทำให้นักรบผู้เย็นชาอย่างเซี่ยบูหยุนเริ่มรู้สึกลังเลเป็นครั้งแรก

ในชั่วพริบตาเซียงจินเฉิงก็ได้หลอมรวมกฎได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันจึงมีแสงจาง ๆ เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขาตลอดเวลา และพลังของจักรพรรดิกฎขั้นที่ 5 ที่เพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัวก็ไม่ใช่สิ่งที่จะประมาทได้

หากทั้งสองฝ่ายเริ่มปะทะกันในครั้งนี้ ตระกูลทั่วทั้งกลุ่มดาวม้าขาวย่อมจะต้องถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับพวกเขาด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย และผลที่ตามมามันก็อาจจะเป็นการขยายความเสียหายออกไปอย่างเหนือเกินความคาดหมายของทุกคน

แต่ในทันใดนั้นเองมันก็มีกลุ่มเงาสีดำที่ตกลงมาจากท้องฟ้า โดยในตอนแรกมันเป็นเพียงจุดสีดำเล็ก ๆ แต่เมื่อร่างนั้นใกล้เข้ามาทุกทีทุกคนก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาคือผู้นำกลุ่มมังกรฟ้าแห่งกลุ่มดาวม้าขาว

เฝิงคูชาน!

ผู้นำตระกูลเฝิงคนนี้เป็นถึงจักรพรรดิกฎขั้นที่ 7 ส่วนนักรบที่เคลื่อนที่ตามเขามาใกล้ ๆ ก็คือ 4 ผู้พิทักษ์มังกรฟ้าที่แต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิกฎ

เมื่อจักรพรรดิกฎทั้งห้าเดินทางมาถึงพวกเขาก็แยกนักรบของตระกูลสกายวิงกับตระกูลมูนวอร์ดออกเป็น 2 ส่วนในทันที ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังใช้ร่างกายของตัวเองเป็นเหมือนกับกำแพงเพื่อป้องกันการโจมตีที่กำลังจะมาถึง

“ตระกูลเฝิงต้องการจะเป็นศัตรูกับพวกเราด้วยงั้นเหรอ?” เซี่ยบูหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา

ตระกูลสกายวิงจะเย่อหยิ่งมากจนเกินไปแล้ว!!

ถึงแม้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาจะเป็นผู้นำของกลุ่มมังกรฟ้า แต่คนกลุ่มนี้ก็ยังไม่สามารถทำลายความบ้าคลั่งของพวกสกายวิงได้

เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้เซียงจินเฉิงชะงักค้างไปด้วยความตกใจ เพราะแม้แต่ตัวเขาก็ไม่กล้าที่จะท้าทายกลุ่มมังกรฟ้าโดยตรง เนื่องจากทุกคนต่างก็รู้ดีว่ากลุ่มมังกรฟ้ามีหน้าที่สำคัญในการสรรหานักรบให้กับเผ่าเทพ ตัวตนของสมาชิกภายในกลุ่มมังกรฟ้าแห่งนี้จึงไม่ต่างไปจากตัวตนอันศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปแตะต้อง

การที่เฝิงคูชานเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง มันก็หมายความว่าทางเผ่าเทพได้ตัดสินใจยุติความวุ่นวายในครั้งนี้แล้ว

“พี่ชายเซี่ยบูหยุนเข้าใจผิดแล้ว พวกเราเดินทางมาที่นี่เพื่อเชิญตระกูลทั้งสองไปที่ตำหนักฟ้าดินต่างหาก” เฝิงคูชานกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นเมื่อได้พบกับความไร้เหตุผลของพวกสกายวิง

ตำหนักฟ้าดินเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของกลุ่มมังกรฟ้า แน่นอนว่าการเชิญในครั้งนี้มันมีความหมายว่าเขาจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเผ่าเทพในการเจรจาสงบศึกกับตัวแทนของทั้งสองฝ่าย

การปรากฏตัวของเฝิงคูชานทำให้เซียงจินเฉิงเหมือนได้เห็นฟางเส้นสุดท้ายที่เข้ามาช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาจึงต้องการที่จะคว้าฟางเส้นนี้เอาไว้อย่างสิ้นหวัง เพราะถ้าหากว่าเผ่าเทพเป็นผู้ออกตัวระงับความวุ่นวายในครั้งนี้ด้วยตัวเอง แม้แต่ตระกูลสกายวิงก็ไม่มีทางดื้อรั้นไปมากกว่านี้ได้อย่างแน่นอน

ท้ายที่สุดตระกูลสกายวิงก็แข็งแกร่งมากจนเกินไป และถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีราชากฎอยู่เพียงแค่ 37 คน แต่ประสิทธิภาพในการสู้รบของราชากฎเหล่านี้ไม่ต่างไปจากกลุ่มนักสู้ที่ไร้เทียมทาน 

ยิ่งไปกว่านั้นสกายวิงยังได้ซ่อนเซี่ยอู๋เย่ผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิกฎคนที่ 3 ของตระกูลเอาไว้ที่สวนสายลมอีกด้วย มันจึงทำให้ตระกูลมูนวอร์ดได้สูญเสียราชากฎไปมากกว่า 20 คนและจักรพรรดิกฎอีกหนึ่งคนแล้ว ขณะที่ทางสกายวิงมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและผู้เสียชีวิตไปเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น

น่าเสียดายที่เซียงจินเฉิงยังรู้จักความดื้อรั้นของสกายวิงน้อยเกินไป เพราะคนพวกนี้เป็นพวกที่หัวรั้นที่สุดในจักรวาลแล้วก็ไม่มีทางจะยอมทำตามคำสั่งของใครง่าย ๆ อย่างแน่นอน

“ตำหนักฟ้าดิน? วันนี้ฉันยังไม่ว่าง ขอไปวันอื่นก็แล้วกัน” เซี่ยบูหยุนกล่าวอย่างเฉยเมย ซึ่งมันก็แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ยอมหยุดจนกว่าตระกูลมูนวอร์ดจะถูกโค่นล้มลง

“คุณรู้ใช่ไหมว่านี่คือคำสั่งของใคร?” เฝิงคูชานกล่าวด้วยความรำคาญ เพราะเขาพยายามชี้แจงเรื่องในคราวนี้อย่างชัดเจนแล้วว่า ผู้ที่เข้ามาแทรกแซงความวุ่นวายในครั้งนี้ไม่ใช่ตระกูลเฝิงของเขา แต่มันเป็นเผ่าเทพจากทางเบื้องบนต่างหาก

คำตอบของชายชราทำให้ใบหน้าของเฝิงคูชานบิดเบี้ยวไปอย่างน่าเกลียด ซึ่งถ้าหากว่าเขาเลือกได้เขาก็ไม่อยากจะยุ่งกับคนจากตระกูลนี้เลยจริง ๆ เพราะใครจะไปรู้ว่าพวกสกายวิงไม่แม้แต่จะสนใจคำสั่งจากเผ่าเทพ

แต่ในทันใดนั้นเองจู่ ๆ เซี่ยบูหยุนก็ชะงักค้างขึ้นมาอย่างฉับพลัน ก่อนที่เขาจะนำมือซ้ายไปวางบนเครื่องสื่อสารเข้ารหัสบนแขนขวาเพื่อสื่อสารกับบรรพบุรุษของตระกูลโดยตรง ซึ่งข้อความเข้ารหัสนั้นก็มีใจความระบุว่า

‘หากจะเจรจาพวกเรามีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว ตระกูลมูนวอร์ดจะต้องหายไปจากกลุ่มดาวม้าขาวซะ ไม่อย่างนั้นก็อย่าคิดจะมาเจรจากับพวกเรา’

เมื่อได้เห็นข้อความจากบรรพบุรุษชายชราก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนที่เขาจะหันไปกล่าวกับเฝิงคูชานอย่างใจเย็น

“เอาล่ะ พวกเราไปที่ตำหนักฟ้าดินกันเถอะ”

“ท่านผู้นำ พวกเราจะยอมจบเอาไว้แต่เพียงเท่านี้งั้นเหรอ?” เซี่ยเทียนกระซิบถามข้างหูเซี่ยบูหยุน

“ยอมจบ? อะไรกันนี่นายคิดว่ากฎเหล็กของตระกูลเราเป็นเพียงแค่เรื่องเล่น ๆ งั้นเหรอ?” เซี่ยบูหยุนจงใจพูดออกไปเสียงดัง

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ!”

เหล่าบรรดานักรบสกายวิงต่างก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน แล้วมันก็ทำให้สีหน้าของเซียงจินเฉิงหมองคล้ำลงมากกว่าเดิม ขณะเดียวกันเฝิงคูชานก็กำลังรู้สึกอับอายด้วยเช่นกัน เพราะการประกาศของชายชราจากสกายวิงนั้น มันก็หมายความว่าทางฝั่งนี้คงจะไม่ยอมจบสงครามกับตระกูลมูนวอร์ดง่าย ๆ

ตำหนักฟ้าดิน สถานที่พักของกลุ่มมังกรฟ้า

ตัวแทนของตระกูลมูนวอร์ดกับตระกูลสกายวิงต่างก็นั่งกันคนละฟากของห้องโถง โดยตระกูลสกายวิงได้ส่งตัวแทนมาเป็นเซี่ยบูหยุนและเซี่ยเทียน ผู้ซึ่งเป็น 2 จักรพรรดิกฎของตระกูล แน่นอนว่าเซี่ยเฟยซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งนี้ย่อมจะต้องเดินทางมาด้วย ขณะเดียวกันฝั่งตรงข้ามของพวกเขาก็คือสองพี่น้องเซียงจินเฉิงกับเซียงอู๋เฉิง และมีเฝิงคูชานนั่งอยู่ตรงกลางเป็นตัวแทนสำหรับการเจรจา

บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียด เพราะผู้คนจากทั้งสองฝ่ายต่างก็มองหน้ากันด้วยแววตาอันดุเดือด

แม้ว่าทุกคนจะได้เข้ามานั่งกันในห้องเรียบร้อยแล้ว แต่เฝิงคูชานก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาราวกับว่าเขากำลังรออะไรสักอย่าง

หลังจากนั้นไม่นานผู้พิทักษ์มังกรฟ้าทั้งสี่ก็เชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งสามได้แก่ หยูฮัวอดีตพ่อค้าจากตระกูลหยู, เซี่ยอู๋เย่พ่อบ้านชราของตระกูลสกายวิง และชายร่างผอมคนหนึ่งผู้สวมหน้ากากโลหะที่เดินกะเผลกเข้ามาภายในห้องราวกับว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

เมื่อหยูฮัวได้เห็นเซี่ยเฟยอีกครั้ง เขาก็ชะงักค้างไปอย่างฉับพลัน ก่อนที่เขาจะส่ายหัวและเผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

“พวกเราได้เชิญพยานทั้งสามคนมาจนครบแล้วครับ” บรูซรายงานพร้อมกับโค้งคำนับให้กับเฝิงคูชาน

บรูซพยายามจูงใจเน้นคำว่า ‘เชิญ’ แต่ทุกคนก็สามารถคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่าพยานทั้งสามคนนี้คงจะไม่ได้ถูกเชิญตัวมาด้วยวิธีการธรรมดาแน่ ๆ โดยเฉพาะหยูฮัวและชายร่างผอมที่ได้รับบาดเจ็บ

“ขอเชิญทุกท่านนั่งลง” เฝิงคูชานกล่าวพร้อมกับโบกมือ

ทันใดนั้นพยานก็แยกตัวออกไปหาคนทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน โดยเซี่ยอู๋เย่เดินไปทางซ้ายซึ่งเป็นที่นั่งของตระกูลสกายวิง ขณะที่หยูฮัวและชายร่างผอมเคลื่อนที่ไปทางขวาเพื่อเดินไปหาตระกูลมูนวอร์ด

การปรากฏตัวของเซี่ยอู๋เย่ทำให้สีหน้าของเซี่ยบูหยุนเปลี่ยนไปด้วยความกังวล และแม้แต่เซี่ยเฟยก็ยังไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ผู้นำตระกูลสกายวิงถึงรู้สึกกังวลขึ้นมา

“เบื้องบนต้องการให้ผมเป็นตัวกลางมาไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายในกลุ่มดาวม้าขาวต่อไป ผมหวังว่าหลังจากนี้ทุกคนจะพูดคุยกันด้วยดี” เฝิงคูชานกล่าว

“ฉันไม่ได้คิดจะไกล่เกลี่ยอะไรทั้งนั้น พวกเราสกายวิงไม่ได้มีนิสัยชอบมานั่งเจรจากับศัตรู” เซี่ยบูหยุนกล่าวอย่างเย็นชา

“พี่เซี่ยบูหยุนพูดได้ดี แต่ว่ามันจะเป็นยังไงถ้าหากผู้ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลทั้งสองได้มาเข้าร่วมกับสงครามในครั้งนี้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น คุณเซี่ยอู๋เย่หรือจะให้ผมเรียกว่ากู่หลี่ดี?” เฝิงคูชานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ทันใดนั้นสีหน้าของจักรพรรดิกฎทั้งสองของตระกูลมูนวอร์ด และจักรพรรดิกฎร่างผอมก็เปลี่ยนไปในทันที มีเพียงแต่หยูฮัวเท่านั้นที่ไม่เข้าใจว่าชื่อกู่หลี่มันหมายความว่าอะไร

“จักรพรรดิกฎระดับสูงกู่หลี่คนนั้นงั้นเหรอ?!”

“ที่แท้ตระกูลสกายวิงก็แอบให้ที่หลบซ่อนอาชญากร พวกเราต้องจัดการความผิดนี้เดี๋ยวนี้เลย!!” เซียงจินเฉิงร้องคำรามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เซี่ยบูหยุนและเซี่ยเทียนต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ขณะที่เซี่ยเฟยมองไปยังชายชราที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยความสงสัย เพราะท้ายที่สุดเขาเคยเห็นอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่พ่อบ้านที่ดูใจดีเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วคนคนนี้คือจักรพรรดิกฎระดับสูงงั้นเหรอ

ชายหนุ่มไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ได้อย่างแท้จริงว่า ทำไมบุคคลที่ทรงพลังระดับนี้ถึงได้ยอมมาเป็นพ่อบ้านอยู่ในตระกูลสกายวิงโดยไม่สนศักดิ์ศรีของตัวเองเลย

“ใช่แล้ว ฉันคือกู่หลี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลสกายวิง และมันก็ไม่มีใครในตระกูลที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉันด้วย” เซี่ยอู๋เย่ยังคงพูดออกไปอย่างใจเย็น

ชายชราคนนี้รู้สถานะอาชญากรของตัวเองเป็นอย่างดี เขาจึงพยายามแยกตัวออกมาเพื่อไม่ให้ความผิดของเขาส่งผลกระทบต่อสกายวิง

“การที่สกายวิงซ่อนอาชญากรไว้ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงจริง ๆ แต่ทางฝั่งของมูนวอร์ดที่แอบร่วมมือกับกลุ่มทหารรับจ้างของแดนเนรเทศเพื่อให้พวกเขาบุกโจมตีสวนสายลม การกระทำนี้ก็ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงด้วยเหมือนกัน” เฝิงคูชานกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา เมื่อได้เห็นเซียงจินเฉิงพยายามจะโยนความผิดให้กับสกายวิงเพียงฝ่ายเดียว

“พวกเราไม่เคยติดต่อทหารรับจ้างที่ไหนทั้งนั้น เพราะคุณมีหลักฐานอะไรถึงมากล่าวหาพวกเรา?” เซียงจินเฉิงกล่าวอย่างเยาะเย้ย

ฉินหวงผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิกฎร่างผอมที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้มองไปยังเซียงจินเฉิงอย่างขุ่นเคือง เพราะเขาไม่คิดว่าเมื่อตนเองถูกจับได้อีกฝ่ายจะตัดเขาทิ้งจากความรับผิดชอบอย่างไม่ใยดีแบบนี้

“ไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเซี่ยอู๋เย่จะเป็นใคร แต่เขาก็คือสมาชิกตระกูลสกายวิงของเรา” เซี่ยบูหยุนยังคงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา อย่างไรก็ตามคำตอบของเขากลับทำให้ทุกคนเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจ

สกายวิงคิดที่จะปกป้องอาชญากรเอาไว้งั้นเหรอ? 

พวกเขาไม่เพียงแต่จะปกป้องนักรบตัวน้อย ๆ อย่างเซี่ยเฟยเท่านั้น แต่พวกเขายังคิดที่จะปกป้องกู่หลี่ซึ่งเป็นอาชญากรไปด้วย

ขณะที่มูนวอร์ดพร้อมที่จะโยนพันธมิตรทิ้งออกไปอย่างไม่ใยดี แต่สกายวิงกลับพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเผ่าเทพเพื่อปกป้องคนของตัวเองเอาไว้

สกายวิงสมแล้วที่ถูกเรียกว่าตระกูลของคนบ้าที่ไร้เหตุผล แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็เป็นคนที่รักพวกพ้องของตัวเอง และจะไม่มีวันทอดทิ้งใครในตระกูลออกไปอย่างเด็ดขาด

***************

โอ๊ยยยย รักตระกูลนี้ (ไม่ได้หมายถึงมูนวอร์ดแน่นอน)

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.