ตอนที่ 735 ยอมรับการท้าทาย
ตอนที่ 735 ยอมรับการท้าทาย
เห็นได้ชัดว่าทางฝั่งของเผ่าเทพไม่ต้องการให้ความสูญเสียแพร่กระจายออกไปมากกว่านี้ พวกเขาจึงบังคับให้ทั้งสองตระกูลส่งตัวแทนของตระกูลออกมาห้ำหั่นกัน เพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตในสงครามครั้งนี้ลง
แม้ว่าการนำตัวแทนเป็นจักรพรรดิกฎของทั้งสองตระกูล และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเซี่ยเฟยกับหยูฮัวมาประลองกันจะดูเหมือนเป็นการตัดสินที่ยุติธรรม แต่ในความเป็นจริงแล้วการตัดสินนี้กลับทำให้ตระกูลสกายวิงตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบเป็นอย่างมาก
เซี่ยเฟยเคยเห็นด้วยตาของตัวเองแล้วว่าเซียงจินเฉิงมีวิธีการพิเศษที่สามารถหลอมรวมกฎทั้งสองชนิดเข้าด้วยกันได้ แล้วมันก็จะทำให้พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นสองเท่าได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้เซียงจินเฉิงยังเป็นถึงจักรพรรดิกฎขั้นที่ 5 ซึ่งมีความแข็งแกร่งสูงกว่านักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของสกายวิงมาก
ยิ่งไปกว่านั้นสกายวิงยังโดดเด่นในการต่อสู้แบบกลุ่ม และถ้าหากว่าการประลองในครั้งนี้เป็นการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว มันก็หมายความว่าไม่มีใครในฝั่งของสกายวิงสามารถเอาชนะเซียงจินเฉิงได้อย่างแน่นอน
“ทำไมพวกเราถึงต้องรออีกหนึ่งเดือนด้วย พวกเราเริ่มการประลองตอนนี้เลยไม่ได้เหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างสงสัย
เซียงจินเฉิงจับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยสายตาอาฆาตแค้น เพราะในตอนนี้นักรบทางฝั่งของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมากพอสมควร แม้กระทั่งตัวเขาก็ยังไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ถ้าหากการประลองเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ มันก็หมายความว่าทางฝั่งของเขาจะไม่สามารถใช้ความได้เปรียบออกมาได้อย่างเต็มที่
เซี่ยบูหยุนยังคงสงบโดยสอดมือซ้ายเข้าไปในอกเสื้อเพื่อรับข้อความจากเบื้องบนตลอดเวลา คล้ายกับว่าเขากำลังฟังความเห็นจากบรรพบุรุษที่อยู่บนเผ่าเทพอันห่างไกล
ในผิวเผินสงครามครั้งนี้อาจจะเป็นเพียงแค่ความวุ่นวายในกลุ่มดาวม้าขาว แต่ในความเป็นจริงความวุ่นวายมันได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเขตแดนเทพแล้ว เซี่ยบูหยุนจึงไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้อีกต่อไป สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงการรอคำตัดสินของบรรพบุรุษที่ส่งตรงมาจากเผ่าเทพเท่านั้น
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่านี่คือการตัดสินจากเบื้องบน ถ้าหากใครไม่พอใจก็ออกจากกลุ่มดาวม้าขาวไปไม่ต้องมาถามความเห็นจากฉัน” เฝิงคูชานกล่าวอย่างเย็นชา
หยูฮัวรับฟังคำตัดสินอย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะจู่ ๆ เซี่ยเฟยก็ได้เข้าร่วมกับตระกูลสกายวิง ขณะที่เขาเป็นเพียงแค่คนนอกเพียงคนเดียวในสถานที่แห่งนี้ ชะตากรรมของเขาจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินของผู้อื่นเท่านั้น
“ตระกูลสกายวิงไม่มีปัญหากับคำตัดสินของพวกคุณ” เซี่ยบูหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้มหลังจากที่เขาได้นำมือออกมาจากอกเสื้อ
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเทียนขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างสับสน เพราะไม่ว่าใคร ๆ ก็สามารถมองเห็นได้อย่างง่ายดายว่าการประลองครั้งนี้เป็นการประลองที่ไม่ยุติธรรม
หากวัดความแข็งแกร่งของนักรบกันแบบตัวต่อตัว ทางฝั่งของสกายวิงก็เสียเปรียบอีกฝั่งอย่างเต็มประตู และถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเวลาในการเตรียมตัวอีกหนึ่งเดือน แต่เวลาเพียงแค่นั้นมันย่อมไม่สามารถลดช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายลงได้อย่างแน่นอน
แล้วทำไมบรรพบุรุษของพวกเขาถึงยอมรับการประลองที่ไม่ยุติธรรมแบบนี้ด้วย?
“พวกเราตระกูลมูนวอร์ดก็เห็นด้วยกับคำตัดสินเช่นกัน” เซียงจินเฉิงกล่าวขณะเหลือบมองไปทางตระกูลสกายวิงด้วยแววตาอันเย่อหยิ่ง
“ถ้าอย่างนั้นเชิญทุกคนกลับไปได้ อีกหนึ่งเดือนฉันจะส่งคนไปแจ้งสถานที่ประลองให้กับพวกคุณเอง แต่จำเอาไว้ว่าเรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายให้คนนอกรู้อย่างเด็ดขาด ถ้าหากว่าข่าวได้แพร่งพรายออกไปฉันก็จะไม่รับผิดชอบว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น” เฝิงคูชานพยักหน้าอย่างโล่งใจ
ทุกคนต่างก็พยักหน้าตกลงที่จะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ เพราะท้ายที่สุดการประลองระหว่างสองตระกูลใหญ่แห่งกลุ่มดาวม้าขาวก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ถ้าหากว่าเรื่องนี้ได้แพร่กระจายออกไป มันก็อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายในกลุ่มดาวม้าขาวได้ด้วยเช่นเดียวกัน
—
เซี่ยเฟยเดินออกมาจากห้องโถงด้วยความกังวล เพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่ใช่คนจากตระกูลสกายวิงจริง ๆ เขาจึงจำเป็นจะต้องหาโอกาสอธิบายเรื่องนี้ให้เซี่ยบูหยุนฟัง แต่น่าเสียดายที่สมาชิกในตระกูลสกายวิงทุกคนต่างก็เป็นพวกเลือดร้อนจนไม่เปิดโอกาสให้เขาได้อธิบายเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“เซี่ยเฟย”
เมื่อมีเสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ชายหนุ่มก็เงยหน้ามองไปยังทางต้นเสียงก่อนที่เขาจะได้พบชายสองคนที่คุ้นเคยรอเขาอยู่นอกประตู และแน่นอนว่าชายทั้งสองคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเฝิงซินเหนียนกับหลางซุนเย่นั่นเอง
“ฉันให้เวลานาย 10 นาที แล้วกลับไปเจอกันที่สวนสายลม” เซี่ยบูหยุนกล่าวโดยไม่หันกลับมามอง จากนั้นเขากับเซี่ยเทียนก็พาเซี่ยอู๋เย่กลับไปที่ตระกูล
“ฉันต้องขอบคุณพวกนายมากจริง ๆ ถ้าหากว่าพวกนายไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือฉันในครั้งนี้ ฉันก็คงจะไม่มีทางทวงคืนความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ และคงจะต้องซ่อนตัวอยู่ในความมืดไปตลอดชีวิต” เซี่ยเฟยเริ่มกล่าวทักทายด้วยการขอบคุณ
ชายหนุ่มรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนได้ทำอะไรเพื่อเขาบ้างผ่านการรายงานของพวกซุยเซน ซึ่งในความเป็นจริงสหายทั้งสองคนนี้ทำได้ดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาถือเป็นสหายที่จริงใจที่ต้องการจะยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือเขาจริง ๆ
“ทำไมไม่บอกพวกเราตั้งแต่แรกล่ะว่านายเป็นคนของสกายวิง พูดตามตรงนะตระกูลของนายโหดเหี้ยมกว่าเรื่องเล่าที่ฉันเคยได้ยินมาซะอีก สงครามระหว่างพวกนายกับตระกูลมูนวอร์ดสร้างความตึงเครียดไปทั่วเลยรู้ไหม ฉันไม่เคยเห็นตาแก่ที่บ้านรู้สึกกังวลแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต” หลางซุนเย่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปตบบ่าของเซี่ยเฟยหลายครั้ง
ในทางกลับกันเฝิงซินเหนียนทำได้เพียงแต่เผยรอยยิ้มออกมาด้วยความขมขื่นเท่านั้น เพราะสาเหตุที่เขาพยายามช่วยเหลือเซี่ยเฟยอย่างเต็มที่ นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการให้อีกฝ่ายกลายมาเป็นมือขวาของเขาในอนาคต
น่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะคำนวณเรื่องทุกอย่างเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว แต่การที่เซี่ยเฟยได้เข้าร่วมกับตระกูลสกายวิงก็เป็นสิ่งที่อยู่เหนือเกินกว่าการคำนวณของเขาไปจริง ๆ แล้วเขาจะเก็บคนจากตระกูลสกายวิงมาเคียงข้างเขาได้ยังไง ในเมื่อตระกูลสกายวิงก็มีอำนาจไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลเฝิงของเขาเลย
เซี่ยเฟยพูดคุยกับสหายทั้งสองคนไปสักพัก ซึ่งในระหว่างนั้นเขาก็พยายามกล่าวขอบคุณออกมาซ้ำ ๆ
ในจักรวาลนี้จะมีคนสักกี่คนที่จะยอมช่วยเหลือสหายในยามที่ลำบาก และถึงแม้ว่าทั้งสองคนนี้จะรู้ว่าเซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่นักสู้ที่ไม่มีอำนาจ แต่พวกเขาก็ยังเต็มใจยื่นมือออกมาให้ความช่วยเหลือโดยไม่หวังที่จะได้รับสิ่งตอบแทน
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่รู้ว่าเฝิงซินเหนียนมีเบื้องหลังการตัดสินใจในครั้งนี้อยู่ แต่ถึงยังไงอีกฝ่ายก็ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเขาจริง ๆ เซี่ยเฟยจึงรู้สึกขอบคุณทั้งสองจากก้นบึ้งของหัวใจเช่นเดียวกัน
“ความจริงแล้วครั้งนี้คุณหนูมู่ฟู่ผิงจากตระกูลวิทเทอร์ก็พยายามช่วยนายเอาไว้ด้วยเหมือนกัน ไม่ว่ายังไงฉันกับหลางซุนเย่ก็เป็นสหายของนายอยู่แล้ว นายไม่จำเป็นจะต้องขอบคุณพวกเราขนาดนั้นหรอก ถ้านายอยากจะขอบคุณใครสักคนจริง ๆ ก็ไปขอบคุณคุณหนูมู่ฟู่ผิงเถอะ เธอคนนั้นถึงกับพยายามลากปู่ของเธอมาเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับนาย” เฝิงซินเหนียนกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ตอนนี้นายก็เป็นคนจากตระกูลสกายวิงแล้ว มันก็หมายความว่านายเป็นคู่ครองที่เหมาะสมกับคุณหนูมู่ฟู่ผิงด้วยเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเธอจะค่อนข้างเอาแต่ใจไปสักหน่อย แต่ฉันว่าเธอก็เหมาะสมกับนายดีนะ” หลางซุนเย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง เพราะเขาไม่รู้ว่าหลางซุนเย่มองยังไงว่าเขากับมู่ฟู่ผิงเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดี ทั้ง ๆ ที่คุณหนูคนนั้นทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาแล้วตั้งหลายรอบ
—
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังพูดคุยกันกับเฝิงซินเหนียนและหลางซุนเย่ เซี่ยบูหยุนและเซี่ยเทียนก็กลับเข้ามาในสวนสายลม
ก่อนหน้านี้นักรบหลาย ๆ คนยังคงรอฟังข่าวและเตรียมที่จะทำลายสวนซากุระให้ราบเป็นหน้ากลอง แต่เมื่อผู้นำตระกูลออกคำสั่งแค่เพียงไม่กี่คำ ทุกคนก็กลับไปยังสวนสายลมโดยไม่อิดออดใด ๆ
แม้ว่านักรบทุกคนจะรู้สึกไม่ดีแต่มันก็ไม่มีใครคัดค้านอะไรออกมา เพราะทุกคนรู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาคือ 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอด มันย่อมจะต้องมีแรงกดดันจากเบื้องบนส่งผลกระทบต่อสงครามในครั้งนี้อย่างแน่นอน พวกเขาจึงไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับบรรพบุรุษมากกว่าเดิม และบรรพบุรุษของพวกเขาย่อมตัดสินใจดีแล้วถึงเลือกให้พวกเขาพักสงครามในครั้งนี้เอาไว้เป็นการชั่วคราว
“เซี่ยอู๋เย่ ช่วงนี้ก็ขอให้คุณอยู่แต่ในสวนสายลมไปก่อนนะ” เซี่ยบูหยุนกล่าวอย่างสุภาพ
เซี่ยอู๋เย่พยักหน้ารับอย่างเคารพ เพราะถ้าหากว่าเซี่ยบูหยุนไม่ได้ออกหน้ามาปกป้องความผิดของเขา ในตอนนี้เขาก็คงจะต้องถูกส่งตัวไปลงโทษเพื่อรับความผิดกับสิ่งที่เขาเคยก่อเอาไว้ในอดีตแล้ว
หลังจากที่เซี่ยบูหยุนจัดการความวุ่นวายภายในตระกูลเรียบร้อยแล้ว เขากับเซี่ยเทียนก็เดินเข้าไปในห้องประชุมเพื่อปรึกษาหารือกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
“ท่านผู้นำ ท่านบรรพบุรุษกำลังพยายามจะทำอะไรกันแน่? ตระกูลของพวกเรากำลังได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด แล้วทำไมพวกเราถึงต้องไปประลองกับพวกมูนวอร์ดที่จะทำให้พวกเราได้กลายเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบด้วย?” เซี่ยเทียนกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ฉันคิดว่าพวกมูนวอร์ดบนเผ่าเทพคงจะสร้างแรงกดดันให้กับบรรพบุรุษของพวกเราเป็นอย่างมาก อย่าลืมว่าเซี่ยอู๋เย่คืออาชญากรหลบหนีจากเผ่าเทพ และถึงแม้ว่าความผิดของเขาจะไม่ค่อยร้ายแรง แต่การพยายามช่วยเหลือเขาไว้มันก็ทำให้เราต้องยอมตกเป็นเบี้ยล่างด้วยเหมือนกัน” เซี่ยบูหยุนกล่าว
“คุณกำลังบอกว่าถ้าหากเราต้องการปกป้องคุณลุงเอาไว้ พวกเราก็จำเป็นจะต้องเข้าร่วมการประลองที่พวกเราเป็นฝ่ายเสียเปรียบครั้งนี้งั้นเหรอ?” เซี่ยเทียนพูดขึ้นมาเบา ๆ
“บรรพบุรุษแค่อยากให้เราปกป้องเซี่ยอู๋เย่เอาไว้ แม้ว่าเราจะต้องเสียเปรียบฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อยก็ตาม” เซี่ยบูหยุนกล่าว
เมื่อได้ยินเหตุผลเซี่ยเทียนก็ยืดตัวขึ้นมาอย่างกล้าหาญในทันที เพราะถึงแม้ว่าเซี่ยอู๋เย่จะไม่ใช่สมาชิกของสกายวิงตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้ทุกคนในตระกูลก็ถือว่าชายชราเป็นสมาชิกคนหนึ่งในตระกูลของพวกเขาแล้ว มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าหากว่าพวกเขาจะต้องยอมตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบเพื่อช่วยเหลือสมาชิกคนหนึ่งในตระกูลของตัวเอง
“หลังจากนี้ทั้งฉันและนายจะต้องเก็บตัวฝึกฝนอย่างหนักตลอดทั้งเดือน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประลองที่กำลังจะมาถึง” เซี่ยบูหยุนกล่าว
“แล้วเซี่ยเฟยล่ะครับ?” เซี่ยเทียนถาม
“ให้เขาไปที่ศูนย์ฝึกสายลมแล้วฝึกกับคุณปู่เหล่าสือ 1 เดือน ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับพวกเรา แต่เราก็ไม่สามารถปล่อยเซี่ยเฟยเอาไว้เฉย ๆ ได้ ถ้าหากก่อนหน้านี้เขาสามารถทำให้เซียงอู๋เฉิงได้รับบาดเจ็บด้วยตัวเอง บางทีเมื่อถึงเวลาเขาอาจจะกลายมาเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยพวกเราพลิกสถานการณ์กลับมาก็ได้” เซี่ยบูหยุนกล่าว
“ให้ไปฝึกกับคุณปู่เหล่าสืองั้นเหรอครับ? เขาจะทนได้ใช่ไหม?” เซี่ยเทียนกล่าวขณะสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย
“แล้วนายมีความคิดที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ?” เซี่ยบูหยุนถาม
เซี่ยเทียนส่ายหัวด้วยท่าทีอันหวาดกลัวคล้ายกับว่าเขารู้สึกขยาดกับชื่อเหล่าสือเป็นอย่างมาก
“พวกเราคงทำได้แค่ส่งเขาไปฝึกเท่านั้น ส่วนเซี่ยเฟยจะทำได้แค่ไหนมันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขาแล้ว” เซี่ยเทียนกล่าวพร้อมกับยักไหล่
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 323
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น