ตอนที่ 729 จักรพรรดิกฎผู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มดาวม้าขาว
ตอนที่ 729 จักรพรรดิกฎผู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มดาวม้าขาว
ตูม!
ม่านพลังถูกทำลาย
เหล่าบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ สวนซากุระต่างก็รู้สึกตกตะลึง ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตระกูลมูนวอร์ดอันแข็งแกร่งจะเป็นฝ่ายถูกบุกจู่โจมด้วยกลุ่มคนบ้าจากเขตแดนของเผ่าเทพ
“นี่คือเรื่องของสกายวิง ใครไม่เกี่ยวไสหัวออกไปซะ!” เซี่ยจื่อหยวนตะโกนเสียงดังเพื่อกระตุ้นให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องรีบหลบหนีไปในทันที
“นายได้ยินไหมตระกูลสกายวิงกำลังบุกโจมตีตระกูลมูนวอร์ดอยู่จริง ๆ” ชาวบ้านที่วิ่งหนีเริ่มพูดคุยกับพรรคพวกของตัวเอง
“สกายวิง? ตระกูลที่มีแต่สมาชิกนิสัยบ้า ๆ อ่ะนะ?”
“มันจะมีสกายวิงที่ไหนอีก สกายวิงนั้นนั่นแหละ”
“รีบหนีเร็วเข้า! พวกสกายวิงเป็นพวกคนไร้เหตุผล ถ้าหากเราไม่หนีบางทีพวกเราอาจจะถูกลูกหลงจนตาย”
“มันไม่ใช่ว่าสมาคมผู้คุมกฎจะต้องลงมาจัดการเรื่องนี้งั้นเหรอ?”
“นี่นายโง่หรือเปล่า? ถ้าหากตระกูลสกายวิงถึงขนาดกล้าท้าทายตระกูลมูนวอร์ดแล้วสมาคมผู้คุมกฎจะเอาความกล้าที่ไหนไปควบคุมพวกเขา ถ้าหากสมาคมปรากฏตัวขึ้นมาจริง ๆ เผลอ ๆ คนของทางสมาคมจะถูกตระกูลสกายวิงจู่โจมเข้าใส่ด้วยซ้ำ”
“เชื่อฉันเถอะว่ามันไม่มีใครหยุดสงครามครั้งนี้ได้แล้ว ฉันจะรีบกลับบ้านไปรับลูกชายแล้วจะซ่อนตัวอยู่ในดาวชนบทสักพัก”
เหล่าบรรดาชาวบ้านต่างก็เริ่มวิ่งหนีออกไปอย่างร้อนรน เพราะพวกเขากลัวว่าสงครามครั้งนี้จะมีลูกหลงมาส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของพวกเขา
—
เหล่าบรรดาหมาป่าจากสกายวิงต่างก็รีบวิ่งเข้าไปภายในสวนซากุระด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
“ฆ่าพวกมัน แล้วปกป้องตระกูลของเราเอาไว้”
“ถึงแม้ฉันจะตาย ฉันก็ต้องปกป้องศักดิ์ศรีของตระกูลมูนวอร์ดเอาไว้ให้ได้!”
ในขณะที่ม่านพลังที่ปกคลุมท้องฟ้าแตกสลาย เหล่าบรรดานักสู้ของตระกูลมูนวอร์ดต่างก็รู้สึกใจเสียเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงพยายามพูดปลุกระดมเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับตัวเอง
น่าเสียดายที่กำลังใจพวกนั้นไม่สามารถที่จะนำมาพลิกสถานการณ์ในครั้งนี้ได้ ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีนักสู้เหล่านี้จึงเสียชีวิตภายใต้คมเขี้ยวของสกายวิงโดยที่พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว
“ท่านผู้นำ คนพวกนี้มีแต่นักรบระดับต่ำ ทำไมมันถึงไม่มีนักรบระดับสูงของตระกูลอยู่ที่นี่เลย?” เซี่ยเทียนหยุดถามเซี่ยบูหยุนด้วยความเคลือบแคลงใจ
“ช่างหัวไอ้พวกนี้แล้วไปตำหนักจันทร์สว่างก่อน” เซี่ยบูหยุนตะโกนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ครับ” เหล่าบรรดาหมาป่าจากตระกูลสกายวิงต่างก็ตะโกนตอบรับพร้อมกัน
ตำหนักจันทร์สว่างเป็นที่พักของเหล่าบรรดาผู้นำในตระกูลมูนวอร์ดทั้งหมด การพยายามบุกจู่โจมตำหนักจันทร์สว่างจึงถือว่าเป็นการทำลายรากฐานของตระกูลมูนวอร์ดอย่างแท้จริง
แม้แต่ในสายตาของสมาชิกตระกูลมูนวอร์ด ตำหนักจันทร์สว่างก็ถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับ 2 รองจากโถงบรรพบุรุษของพวกเขา ซึ่งถ้าหากพวกสกายวิงบุกจู่โจมตำหนักจันทร์สว่างโดยตรง มันก็คือการพยายามเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตระกูลนี้โดยตรงนั่นเอง
อย่างไรก็ตามในสายตาของสกายวิงมันไม่มีพื้นที่ใดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกเขาทั้งนั้น เพราะที่ใดคือที่มั่นของศัตรูที่นั่นก็จะเป็นสถานที่ที่พวกเขาจะบุกเข้าไปเหยียบย่ำด้วยเช่นกัน
ฟุบ ๆ ๆ ๆ ๆ
สมาชิกของตระกูลสกายวิงเคลื่อนที่ภายในสวนซากุระโดยไร้สิ่งกีดขวาง และการเคลื่อนไหวของพวกเขาทุกคนก็ให้ความรู้สึกราวกับภูตผี
เร็ว!
เร็วมาก!
เร็วจนยากจะหยุดยั้งได้!!
ในระหว่างการจู่โจมหากใครได้รับบาดเจ็บพวกเขาก็จะถอยกลับไปหาหน่วยปฐมพยาบาลได้ทันที แต่ในเวลาอีกเพียงแค่ 3 วินาทีต่อมาพวกเขาก็กระโดดเข้าร่วมสนามรบอีกครั้ง โดยที่บาดแผลของพวกเขาได้รับการปฐมพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
3 วินาที!
ปฐมพยาบาลบาดแผลในเวลาเพียงแค่ 3 วินาทีเท่านั้น
ความสามารถในการกลับเข้าร่วมสนามรบหลังจากกลับไปปฐมพยาบาลเพียงแค่ 3 วินาที นี่มันจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจนเกินไปแล้ว
นี่คือความน่ากลัวของตระกูลที่เชี่ยวชาญเรื่องความเร็ว พวกเขาจึงสามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที
ตลอดการจู่โจมจะมีนักรบที่ได้รับบาดเจ็บถอยกลับมายังหน่วยสนับสนุนอยู่เสมอ แต่หลังจากที่พวกเขาได้รับการปฐมพยาบาลภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที พวกเขาก็สามารถกระโดดกลับไปเข้าร่วมการต่อสู้ได้อีกครั้ง
การจู่โจมและการสนับสนุนที่รวดเร็วทำให้นักรบจากตระกูลมูนวอร์ดรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้สู้กับมนุษย์ แต่กำลังสู้กับอสูรผู้บ้าคลั่งที่พวกเขายากจะแตะต้องอสูรที่รวดเร็วเหล่านี้ได้
โจมตี? เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเงาดำที่เคลื่อนที่ทั่วทั้งท้องฟ้าพวกเขาควรจะโจมตีไปทางไหน
ป้องกัน? เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเงาดำที่จู่โจมราวกับสายฟ้าแล้วพวกเขาจะต้องป้องกันยังไง
ศัตรูที่มีตัวตนแต่เหมือนกับไม่มีตัวตนพวกนี้เป็นศัตรูที่น่ากลัวจริง ๆ และนี่ก็คือความคิดของนักรบที่กำลังเผชิญหน้ากับสกายวิง
ไม่ว่าจะเป็นพลังพิเศษสายความเร็วหรือกฎแห่งความเร็วต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ยากลำบากเป็นอย่างมาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ใครสามารถฝึกฝนพลังเหล่านี้ได้สำเร็จ สิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้หลังจากนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ต่างไปจากการพยายามท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง
สงครามครั้งนี้สกายวิงได้เรียกรวมตัวผู้ที่มีพลังเหนือเกินกว่าราชากฎทั้งหมดออกมา และการบุกจู่โจมของสกายวิงทั้ง 39 คนนี้ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าฝูงหมาป่ากำลังกระโจนเข้าไปท่ามกลางฝูงแกะ
ในเวลาเพียงแค่ 5 วินาทีสวนซากุระของตระกูลมูนวอร์ดก็ชุ่มโชกไปด้วยเลือด
—
ฟุบ ๆ ๆ ๆ
เงาร่างสีดำ 36 ร่างพุ่งตัวขึ้นไปบนยอดอาคารที่สวยงาม โดยพื้นที่อาคารในบริเวณนี้เรียกได้ว่าถูกตกแต่งอย่างงดงามโดยแท้จริง
นี่คือตำหนักจันทร์สว่าง สถานที่ซึ่งเป็นที่พักของผู้นำตระกูลมูนวอร์ด
“บุก!!” เซี่ยบูหยุนส่งเสียงร้องคำรามขณะชี้นิ้วไปยังอาคารตรงหน้า
แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังจะลงมืออยู่นั่นเอง จู่ ๆ ร่าง ๆ หนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า และเขาคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกเสียจากตัวแทนจากตระกูลมูนวอร์ดที่เข้าไปทำหน้าที่ในสมาคมผู้คุมกฎเซียงฟานนั่นเอง
“ที่นี่คือที่พำนักของผู้นำตระกูลมูนวอร์ด ถ้าหากว่าพวกคุณกล้าใช้กำลังที่นี่ไม่กลัวว่าทางสมาคมจะเข้ามาจัดการกับพวกคุณหรือยังไง?” เซียงฟานรวบรวมความกล้าถามออกไปด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด เพราะในขณะนี้เขากำลังรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นลูกแกะที่กำลังถูกจับจ้องด้วยฝูงหมาป่าที่โหดร้าย
“นั่นพวกคุณกำลังจะทำอะไร? ฉันเป็นรองประธานสมาคมผู้คุมกฎนะ…”
อย่างไรก็ตามก่อนที่ชายคนนี้จะทันได้พูดจบ ราชากฎทั้งห้าของสกายวิงก็เคลื่อนที่เข้ามาถึงตัวของเขาแล้ว โดยชาย 2 คนจับแขนทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ ชายอีกสองคนจับขาทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ ส่วนชายคนสุดท้ายรัดศีรษะของเขาเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
แควก!
ร่างกายของเซียงฟานถูกฉีกกระชากออกจากกันเป็นชิ้น ๆ ก่อนที่เหล่านักรบจากสกายวิงจะโยนชิ้นส่วนร่างกายของเขาลงบนพื้นที่อย่างไม่ใยดี
“ช่างหัวสมาคมผู้คุมกฎไปสิ เป็นคนของสมาคมแล้วมีสิทธิ์อะไรมาห้ามพวกเรา!!”
ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีหนึ่งในรองประธานสมาคมผู้คุมกฎก็เสียชีวิตอย่างอเนจอนาถเช่นนี้นี่เอง
นี่คือตระกูลสกายวิง ตระกูลที่พร้อมจะแหกกฎทุกอย่างได้ตลอดเวลา และพวกเขาก็เป็นตระกูลผู้ใช้ความเร็วที่ท้าทายสวรรค์
หลังจากที่เซียงฟานเสียชีวิต มันก็ได้มีทีมนักรบพุ่งขึ้นมาจากตำหนักจันทร์สว่างเพื่อเผชิญหน้ากับพวกสกายวิงโดยตรง
“จักรพรรดิกฎ 3 คนกับราชากฎอีก 46 คน? นี่น่ะเหรอความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตระกูลมูนวอร์ด” โอโร่อุทานออกมาอย่างเคร่งเครียด ขณะที่เขาทำการตรวจสอบความแข็งแกร่งของกลุ่มนักรบตรงหน้า
เซี่ยเฟยจ้องมองไปยังภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเคร่งเครียดเช่นเดียวกัน โดยในตอนนี้สงครามที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“เซียงจินเฉิงงั้นเหรอ? ฉันคิดว่าแกขึ้นไปเบื้องบนแล้วซะอีก” เซี่ยบูหยุนกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
ปัจจุบันมันได้มีชายชราคางแหลมคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเซียงไป๋และเซียงอู๋เฉิง โดยเขาคนนี้คือเซียงจินเฉิงพี่ชายของเซียงอู๋เฉิงผู้ซึ่งมีพลังระดับจักรพรรดิกฎขั้นที่ 5 และเขาก็คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลมูนวอร์ดแห่งกลุ่มดาวม้าขาว
ชายคนนี้อยู่ห่างจากการเป็นจักรพรรดิกฎขั้นสูงเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ซึ่งถ้าหากว่าเขาสามารถพัฒนาพลังจนถึงระดับจักรพรรดิกฎขั้นสูงได้เมื่อไหร่ ในเวลานั้นแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการขึ้นไปยังแดนเทพ แต่บรรพบุรุษของพวกเขาก็คงจะบังคับให้เขาขึ้นไปอยู่บนแดนเทพอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดพลังในระดับจักรพรรดิกฎขั้นสูงมันก็เป็นพลังที่เหนือเกินกว่าขีดจำกัดของกลุ่มดาวม้าขาวมากเกินไป ดังนั้นหากจักรพรรดิกฎขั้นสูงยังไม่ขึ้นไปอยู่ในแดนเทพ มันก็จะเป็นการทำลายสมดุลย์ระหว่างตระกูลชั้นยอดอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เองเซียงจินเฉิงผู้ซึ่งอยู่ห่างจากการเป็นจักรพรรดิกฎขั้นสูงเพียงก้าวเดียว จึงไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลมูนวอร์ดเท่านั้น แต่เขายังเป็นผู้ที่มีระดับพลังสูงที่สุดในกลุ่มดาวม้าขาวอีกด้วย
ขณะเดียวกันถึงแม้ว่าชายชราคนนี้จะคอยซุ่มตัวอยู่ในเงามืด โดยมีเซียงไป๋เป็นผู้นำตระกูลอยู่ในมุมสว่าง แต่เหล่าบรรดาผู้นำของตระกูลใหญ่ก็รู้ดีว่าเขาคนนี้ต่างหากที่เป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในตระกูลมูนวอร์ด
ไม่นานหลังจากเหตุการณ์บนเกาะอสรพิษพิทักษ์ เซียงจินเฉิงก็ได้ถูกรับคัดเลือกให้เดินทางไปยังเผ่าเทพ มันจึงไม่มีใครคาดคิดว่าหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นมาหลายวันแล้ว แต่ชายคนนี้ก็ยังไม่ลงทะเบียนเข้าสู่เผ่าเทพอย่างเป็นทางการ เมื่อสกายวิงได้ยกกองทัพบุกมาเซียงจินเฉิงจึงนำกองกำลังออกมาต่อต้านศัตรูด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมเป็นข่าวดีสำหรับตระกูลมูนวอร์ด โดยในตอนแรกพวกเขาคิดว่าตระกูลตัวเองเหลือจักรพรรดิกฎเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเซียงอู๋เฉิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะกับเซี่ยเฟย เขาจึงเหลือกำลังต่อสู้อยู่เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น สถานการณ์ของทางฝั่งตระกูลมูนวอร์ดจึงดูเสียเปรียบในตอนแรก แต่ถ้าหากพวกเขามีเซียงจินเฉิงมาเข้าร่วมกองกำลังในครั้งนี้ด้วย มันก็อาจจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
จักรพรรดิกฎผู้ทรงพลังที่สุดได้กลับคืนสู่ตระกูลมูนวอร์ดแล้ว!!
ขณะเดียวกันแม้ว่าเซี่ยบูหยุนจะเป็นจักรพรรดิกฎผู้แข็งแกร่ง แต่เขาก็มีพลังในระดับจักรพรรดิกฎขั้นที่ 2 เท่านั้น มันจึงเห็นได้ชัดเลยว่าทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพ จักรพรรดิกฎของทางฝั่งสกายวิงมีความเสียเปรียบจักรพรรดิกฎของทางฝั่งมูนวอร์ดอย่างชัดเจน
“ใช่ ฉันขึ้นไปเบื้องบนแล้วแต่ฉันก็กลับมาอีกครั้ง” เซียงจินเฉิงกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกไปเสียงดัง
นอกเหนือจากชายคนนี้จะมีความแข็งแกร่งทางด้านของพลังการต่อสู้แล้ว เขายังเป็นกุนซือผู้ชาญฉลาดอีกด้วย ตระกูลมูนวอร์ดที่มีเขากับไม่มีเขาจึงมีความแข็งแกร่งแตกต่างกันอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน
เซียงอู๋เฉิงกับเซียงไป๋มองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่ดุเดือด โดยในตอนนี้แขนที่เคยขาดของเซียงอู๋เฉิงได้ถูกต่อติดกลับไปใหม่แล้ว แผลบนใบหน้าของเซียงไป๋ก็หายไปด้วยเช่นเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในตระกูลที่พวกเขาได้ครอบครองอยู่
ท้ายที่สุดตระกูลมูนวอร์ดก็เป็น 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอดที่ยืนหยัดอยู่ในดินแดนกฎมาเป็นเวลานานหลายหมื่นหลายแสนปี มันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมีสมบัติที่ช่วยสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้กลับมาได้ภายในพริบตา
“อะไรนี่แกแปลกใจงั้นเหรอ?” เซียงจินเฉิงกล่าวถามอย่างดูถูก
“ใช่ฉันแปลกใจจริง ๆ แต่ฉันก็ดีใจมากด้วยเหมือนกัน เพราะถ้าหากว่าฉันจัดการกับแกได้ในวันนี้ มันก็จะช่วยให้ฉันไม่ต้องเจอกับปัญหาที่น่าปวดหัวในอนาคต” เซี่ยบูหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
แม้ว่าสกายวิงจะต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิกฎที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มดาวม้าขาว แต่พวกเขาก็ไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่เซี่ยบูหยุนพูดจบลงเหล่าบรรดานักรบที่อยู่ข้างหลังต่างก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ในที่สุดการต่อสู้ระหว่างราชากฎนับร้อยคนมันก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นมาแล้ว
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 295
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น