ตอนที่ 730 จักรพรรดิกฎเสียชีวิต
ตอนที่ 730 จักรพรรดิกฎเสียชีวิต
ณ ห้องทำงานของเฝิงคูชานภายในสำนักงานมังกรฟ้า
“ตอนนี้ตระกูลสกายวิงกำลังปิดล้อมตำหนักจันทร์สว่างเอาไว้แล้วครับ เซียงฟานเพิ่งจะถูกสังหาร เซียงจินเฉิงปรากฏตัวต่อหน้าสกายวิงแล้ว ตอนนี้พวกเราสามารถยืนยันได้แล้วว่าทางตระกูลมูนวอร์ดมีกองกำลังเป็นจักรพรรดิกฎ 3 คน, ราชากฎ 46 คนและนักรบระดับล่างอีกนับล้านคน” สายลับของกลุ่มมังกรฟ้ากล่าวรายงานผ่านทางหน้าจอสื่อสารอย่างรวดเร็ว
สายลับคนนี้ติดตามคนของตระกูลสกายวิงอย่างเหนื่อยล้า เพราะท้ายที่สุดนักรบของตระกูลสกายวิงก็เคลื่อนที่ได้เร็วมาก หากนับจากเวลาที่ตราอสูรคลั่งถูกทำลายเวลาก็เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ในปัจจุบันนักรบชาวสกายวิงกลับเริ่มทำการแก้แค้นให้กับเซี่ยเฟยแล้ว
แม้ว่าพวกสายลับจะไล่ตามการเคลื่อนไหวของสกายวิงอย่างเหนื่อยล้า แต่เจ้านายของพวกเขาก็ต้องการข้อมูลที่อัปเดตตลอดเวลา มันจึงทำให้พวกเขาต้องทำงานอย่างยากลำบากมาก และสงครามระหว่างตระกูลมูนวอร์ดกับตระกูลสกายวิงในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นบททดสอบครั้งใหญ่สำหรับพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ของสงครามก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตระกูลไหนจะได้รับผลกระทบจากสงครามครั้งนี้หรือไม่ มันก็สามารถวัดผลได้จากพวกสายลับสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของพวกสกายวิงได้ทันหรือเปล่า
“จับตาดูสถานการณ์ต่อไป แล้วจับตาดูสถานการณ์ของตระกูลชั้นยอดตระกูลอื่นด้วย โดยเฉพาะตระกูลแอจจิเททที่มีความใกล้ชิดกับตระกูลมูนวอร์ดมาโดยตลอด ถ้าหากว่าจำเป็นก็ให้เรียกคนไปหาข้อมูลเพิ่ม” หลังจากพูดจบเฝิงคูชานก็ตัดการสื่อสารไปโดยไม่รอฟังคำบ่นจากลูกน้องของเขาเลย
‘เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้โดดเด่นที่สุดในเขตแดนเทพด้วยซ้ำ แต่พวกเรากลับมาทำสงครามกันเองแบบนี้เนี่ยนะ?!’ บรูซตะโกนในใจพร้อมกับตบแขนเก้าอี้อย่างแรง
ในบรรดาองครักษ์มังกรฟ้าทั้งสี่ มีบรูซเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เพียงคนเดียวเท่านั้น ยิ่งตระกูลในเผ่าพันธุ์มนุษย์มีความขัดแย้งกันมากเท่าไหร่ เหล่าบรรดาเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ย่อมมีความสุขมากขึ้นเช่นเดียวกัน
ความเป็นจริงตระกูลต่าง ๆ ไม่ได้แข่งขันกันเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ในแต่ละเขตแดนต่างก็กำลังแข่งขันแย่งชิงอำนาจกันอยู่เช่นเดียวกัน และในฐานะที่พวกเขาเป็นกลุ่มนักสู้ที่ขึ้นตรงกับแดนเทพ พวกเขาก็มีหน้าที่ทำให้สงครามครั้งนี้ไม่ลุกลามจนกลายเป็นความวุ่นวายใหญ่โต
“หัวหน้า การที่พวกมูนวอร์ดระดมกองกำลังทหารชั้นล่างมาอยู่รอบ ๆ ตำหนักจันทร์สว่างแบบนี้ มันจะต้องเป็นแผนการร้ายของพวกเขาแน่ ๆ หากสถานการณ์เริ่มเลวร้ายลงพวกเขาก็คงจะส่งทหารชั้นล่างออกไปให้พวกสกายวิงฆ่า”
“ในเวลานั้นผู้คนทั่วทั้งกลุ่มดาวม้าขาวก็คงจะออกมาต่อต้านความโหดเหี้ยมของสกายวิง ก่อนที่ตระกูลขนาดใหญ่หลาย ๆ ตระกูลจะถูกบังคับให้ต้องร่วมมือกันทำลายตระกูลสกายวิงลงในที่สุด”
“ไม่ว่าตระกูลสกายวิงจะทรงพลังแค่ไหน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะต่อต้านกองกำลังจากตระกูลทั่วทั้งกลุ่มดาวม้าขาวได้แน่นอน” แครี่ผู้ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวจาก 4 องครักษ์มังกรฟ้ากล่าวขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม
ความวุ่นวายในครั้งนี้มีเพียงแค่บรูซกับแครี่ที่ให้ความสนใจเพียงแค่สองคนเท่านั้น ส่วนผู้พิทักษ์อีกสองคนไม่สนใจที่จะออกความเห็นใด ๆ เลย อย่างไรก็ตามเนื่องมาจากว่าเฝิงคูชานยังอยู่ที่นี่พวกเขาจึงไม่สามารถที่จะปลีกตัวออกไปที่ไหนได้
“เธอพูดถูก คราวนี้สกายวิงกับเก้าตระกูลชั้นยอดกำลังสุ่มเสี่ยงที่จะทำสงครามกันอยู่จริง ๆ แล้วมันก็เป็นสิ่งที่เบื้องบนไม่อยากเห็นอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดสกายวิงก็คือดาบคลั่งของเผ่าเทพ ถ้าหากกองกำลังของทางฝั่งเทพสูญเสียดาบเล่มนี้ไป มันย่อมจะต้องเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับพวกเรามาก” เฝิงคูชานกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ทันใดนั้นมันก็เกิดความเงียบไปชั่วขณะ เพราะมันไม่มีใครสามารถหาทางออกดี ๆ ให้กับเรื่องนี้ได้ น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตระกูล ส่วนผู้ที่เข้าไปแทรกแซงได้อย่างสมาคมผู้คุมกฎตอนนี้มันก็ยังไม่มีข่าวการเคลื่อนไหวมาจากทางฝั่งนั้นเลย
“พวกเราคงหวังได้แค่ว่าอย่าให้พวกมูนวอร์ดต้องใช้กลอุบายสกปรกเพื่อต่อต้านสกายวิงเลย ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้มันก็คงจะเป็นเรื่องใหญ่เกินไป จนยากที่จะแก้ไขอะไรได้แล้ว” บรูซพูดขึ้นมาอย่างเศร้าสร้อย
“เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้ามูนวอร์ดมั่นใจว่าพวกเขาสามารถจัดการกับสกายวิงได้ พวกเขาก็คงจะไม่เตรียมกลอุบายชาติชั่วแบบนี้เอาไว้ล่วงหน้า” แครี่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“จักรพรรดิกฎเซียงจินเฉิงก็อยู่ที่นั่นด้วยไม่ใช่เหรอ?” บรูซถามอย่างสงสัย
“คนที่มีกำลังพอจะต่อต้านสกายวิงได้จริง ๆ มีเพียงแค่เซียงจินเฉิงเพียงคนเดียว แต่น่าเสียดายที่กำลังของเขายังไม่พอที่จะหยุดความบ้าคลั่งของพวกสกายวิงได้”
“เราอย่าโดนหลอกว่าพวกสกายวิงมีแต่คนบ้าชอบทำอะไรโดยไร้เหตุผลเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าหากพวกเขาใช้แต่ความบ้าโดยไร้สมอง ตระกูลของพวกเขาก็คงจะไม่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้” เฝิงคูชานกล่าวพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างกังวล
—
ณ ตำหนักจันทร์สว่าง
เซี่ยบูหยุนไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเซียงจินเฉิงเลยแม้แต่นิดเดียว และเหล่าบรรดานักรบจากตระกูลสกายวิงก็หัวเราะให้กับท่าทางอันเย่อหยิ่งของชายชราตรงหน้าด้วย
ท่าทางของพวกสกายวิงทำให้เซียงจินเฉิงรู้สึกเสียหน้ามาก ภายในแววตาของเขาจึงปรากฏจิตสังหารขึ้นมามากขึ้นกว่าเดิม
เหล่าบรรดานักรบระดับล่างของตระกูลมูนวอร์ดหลายหมื่นคนที่มีหน้าที่คอยเฝ้ายามตำหนักจันทร์สว่างได้อพยพออกไปแล้ว เพราะการต่อสู้ในระดับนี้มันไม่มีที่ว่างให้กับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย โอกาสเดียวที่ตระกูลมูนวอร์ดจะได้รับชัยชนะ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าจักรพรรดิกฎทั้งสามจะสามารถจัดการกับพวกสกายวิงได้หรือไม่
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็สังเกตเห็นรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์บนริมฝีปากของเซี่ยบูหยุน แล้วมันก็ก็ทำให้เขาคิดว่าชายชราคนนี้จะต้องวางแผนอะไรบางอย่างเอาไว้แน่ ๆ ถึงได้จงใจหยุดไม่เคลื่อนไหวอย่างฉับพลันมาเป็นเวลานานกว่า 10 วินาทีแล้ว
“ตัดหัวพวกมันซะ!!” เซี่ยบูหยุนตะโกนออกคำสั่งพร้อมกับโบกมือไปด้านหน้า
ฟุบ ๆ ๆ ๆ
ในตอนแรกนักรบจากตระกูลสกายวิงจู่โจมเข้าใส่ศัตรูโดยอาศัยเพียงแค่ค่าความเร็วของพวกเขาเท่านั้น แต่ทันทีที่ผู้นำตระกูลอย่างเซี่ยบูหยุนออกคำสั่ง รูปแบบการโจมตีของสกายวิงก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ตอนนี้นักรบของสกายวิงได้จับกลุ่มร่วมกันเป็นทีมเล็ก ๆ ประมาณ 5-6 คนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันจู่โจมเป็นทีมที่ประสานงานกันเป็นอย่างดี
‘สกายวิงไม่ใช่แค่ตระกูลคนบ้า แต่พวกเขามีกลยุทธ์ในการรบด้วยกันเหรอ?’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจอย่างตกตะลึง
น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่ได้มีโอกาสที่จะเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้เลย เหตุผลประการแรกนั่นก็เพราะว่าเขามีความเร็วไม่มากพอ เหตุผลประการที่สองคือเขาไม่รู้ว่ากลยุทธ์ที่สกายวิงกำลังใช้อยู่นั้นมันมีรายละเอียดยังไง เซี่ยเฟยจึงตัดสินใจพยายามหาช่องว่างเพื่อจู่โจมเข้าใส่ศัตรูที่หลุดรอดออกมา
ฟุบ!
ชายหนุ่มปล่อยพลังของกฎแห่งความโกลาหลเพื่อเจาะทะลุการป้องกันของคู่ต่อสู้ พร้อมกับใช้มือข้างซ้ายตวัดบลัดบิวเทียสออกไปเข้าใส่หน้าอกของศัตรู
แต่ในทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็ถูกคว้าคอเสื้ออย่างแรง และเมื่อเขาได้เห็นว่าดาบของตัวเองจู่โจมพลาดเป้า เขาก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด
ในที่สุดชายหนุ่มก็ถูกวางตัวลงบนหลังคา และคนที่มาคว้าคอเสื้อเขาเอาไว้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเซี่ยบูหยุนผู้ซึ่งเป็นผู้นำของตระกูลสกายวิง
ภาพที่ชายหนุ่มได้เห็นอยู่ในปัจจุบันคือเหล่าบรรดานักรบของตระกูลมูนวอร์ดกำลังรับมือนักรบของสกายวิงด้วยความตื่นตระหนก เพราะเมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความเร็วอันน่าหวาดกลัว มันก็ทำให้พวกเขาแทบที่จะไม่สามารถใช้วิธีการจู่โจมที่ถนัดเข้าใส่ฝูงหมาป่าที่คล่องแคล่วพวกนี้ได้เลย
“พวกสกายวิงจะแข็งแกร่งมากจนเกินไปแล้ว!” โอโร่อุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
เมื่อไหร่ก็ตามที่นักรบสกายวิงได้รับบาดเจ็บ พวกเขาก็จะถูกนำตัวไปปฐมพยาบาลทางด้านหลังอย่างเร่งด่วน ก่อนที่พวกเขาจะกลับมาเข้าร่วมต่อสู้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว ขณะที่นักรบของทางตระกูลมูนวอร์ดไม่มีโอกาสที่จะได้รับการปฐมพยาบาลเลย
ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาจักรพรรดิกฎเซียงไป๋ ผู้ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลมูนวอร์ดคนปัจจุบันก็ถูกสังหารลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางสกายวิงได้สูญเสียเซี่ยจื่อหยวนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
นี่มันจะน่าเหลือเชื่อมากจนเกินไปแล้ว!
สกายวิงสามารถแลกชีวิตของจักรพรรดิกฎกับอาการบาดเจ็บสาหัสของนักรบเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น!!
เซี่ยเฟยมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง เพราะกลยุทธ์การจู่โจมของสกายวิงมีความซับซ้อนมากเกินไป และทุกคนก็ดูเหมือนจะจู่โจมเข้าขากันได้เป็นอย่างดี
“เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ เซียงไป๋ถึงตายง่าย ๆ แบบนั้น?” เซี่ยเฟยถามขึ้นมาด้วยความตกใจ
ตำแหน่งที่เขายืนอยู่ในปัจจุบันค่อนข้างห่างไกลจากพื้นที่ใจกลางสนามรบมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังมองตามการเคลื่อนไหวของนักรบสกายวิงไม่ทัน เขาจึงไม่รู้ว่าเซียงไป๋เสียชีวิตลงได้ยังไง
ย้อนกลับไปในตอนที่เขา, ขนอุยและหงส์ครามพยายามต่อสู้กับเซียงอู๋เฉิงอย่างเต็มที่ ในเวลานั้นพวกเขาก็แทบที่จะไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้ด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่ตระกูลสกายวิงลงมือเพียงแค่ไม่กี่วินาที พวกเขากลับสามารถตัดศีรษะของจักรพรรดิกฎลงมาได้แล้วถึงหนึ่งคน
ยิ่งไปกว่านั้นเซียงไป๋ยังเสียชีวิตท่ามกลางจักรพรรดิกฎ 2 คนและราชากฎอีก 46 คนด้วย การกระทำของพวกสกายวิงจึงถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก
“นักรบสกายวิงแบ่งกลุ่มออกเป็น 7 กลุ่มเคลื่อนที่เข้าไปท่ามกลางศัตรูอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันจะมีนักรบหนึ่งคนจากแต่ละกลุ่มจู่โจมออกมาในเวลาเดียวกัน น่าเสียดายที่เซียงอู๋เฉิงตอบสนองต่อเหตุการณ์เร็วไปหน่อย ร่างของเขาจึงหายไปจากตำแหน่งเดิมในพริบตา แต่เซียงไป๋ที่อยู่ใกล้ ๆ ตอบสนองช้าเกินไปเล็กน้อย เขาเลยถูกรุมโจมตีจนตายโดยไม่ทันได้ทำอะไรเลย”
“พวกสกายวิงเป็นฝูงหมาป่าที่โหดร้ายมาก และสมาชิกภายในทีมก็พร้อมที่จะเสียสละตัวเองได้ทุกเมื่อ นักรบร่างอ้วนคนนั้นไม่สนใจเลยว่าตัวเองจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน เพราะเขาอาศัยใช้ร่างของตัวเองกอดรัดศัตรูเอาไว้เพื่อเปิดโอกาสให้หมาป่าอีกหกตัวรุมจู่โจม”
“นี่มันเป็นกลยุทธ์ทีมของฝูงหมาป่าชัด ๆ”
ยิ่งโอโร่อธิบายกลยุทธ์ของสกายวิงมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
ใครบอกว่าพวกสกายวิงเป็นแค่คนบ้าที่หยิ่งยโส ความจริงแล้วคนบ้าพวกนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยกลยุทธ์ที่พร้อมจะใช้ในการสังหารศัตรูต่างหาก
“ท่าน…ท่านผู้นำ!!!”
เหล่าบรรดาสมาชิกของตระกูลมูนวอร์ดต่างก็อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะก่อนที่ใครจะทันได้ตั้งตัวผู้นำตระกูลของพวกเขาก็ได้เสียชีวิตลงไปแล้ว
“สมแล้วที่กลยุทธ์เด็ดปีกสังหารจะเป็นกลยุทธ์ที่โด่งดัง” เซียงจินเฉิงกล่าวด้วยดวงตาสีแดงก่ำ แต่เขายังคงเอามือไพล่เอาไว้ด้านหลังโดยไม่รู้ว่าชายชราคนนี้กำลังซ่อนแผนการอะไรเอาไว้กันแน่
ขณะเดียวกันแม้ว่าทางฝั่งสกายวิงจะสังหารจักรพรรดิกฎคนหนึ่งของฝั่งศัตรูได้แล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เคลื่อนไหวบุ่มบ่าม แต่ยังคงเดินไปรอบ ๆ อย่างช้า ๆ คล้ายกับหมาป่าที่กำลังจับจ้องมองไปที่เหยื่อ
สกายวิงเริ่มเปิดฉากจู่โจมเข้าใส่ศัตรูอย่างเต็มรูปแบบ ก่อนที่จะใช้กลยุทธ์เด็ดปีกสังหารเพื่อจัดการเซียงไป๋ซึ่งเป็นจักรพรรดิกฎขั้นที่ 2 ผู้ทรงพลัง
เพียงแค่เริ่มต้นการต่อสู้จักรพรรดิกฎคนหนึ่งของตระกูลมูนวอร์ดก็ได้เสียชีวิตถามกลางสนามรบแล้ว
***************
ไม่ได้บ้าอย่างเดียวนะ ถึงไวแต่ก็วางแผนกลยุทธ์มาแล้วด้วย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 269
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น