บทที่ 5...1/2
รถยนต์สีดำสุดหรูเล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านของนักธุรกิจ ในทันทีที่รถจอดคนขับก็รีบออกมาจากรถและเดินเร็วๆ ไปหาพ่อซึ่งสาวใช้บอกว่าอยู่ที่สวนด้านหลัง ในมือของร่างสูงใหญ่ที่มีใบหน้าไทยแท้ เรียวปากหนาและคิ้วเข้มมีซองเอกสารที่เขาเพิ่งให้ลูกน้องไปตามสืบมา เขาไม่น่าพลาด ผ่านไปเกือบเดือน แต่กลับเพิ่งรู้เรื่อง
จิณณ์นั่งอ่านหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คที่เขาเป็นคนเขียนเองและมียอดขาดดีมาก จนมีการพิมพ์ซ้ำเป็นครั้งที่ห้า การเป็นนักธุรกิจที่มีพื้นฐานจากตระกูลนักการเมืองทำให้เขาได้รับความนิยมได้ไม่ยาก
“พ่อรู้เรื่องนี้แล้วหรือยังครับ” จิรกรถามพร้อมกับส่งภาพที่คนของเขาเพิ่งถ่ายมาส่งให้
จิณณ์มองมาแล้วเลิกคิ้วมองลูกชายที่เขาหมายมั่นปั้นมือจะให้สืบทอดกิจการ “หลายวันแล้ว แกจะอยากรู้ไปทำไมว่าฉันรู้เมื่อไหร่”
จิรกรนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ กัน มีเพียงโต๊ะตัวเล็กคั่นกลาง “พ่อดูไม่สนใจ ผมถึงได้แปลกใจ ทั้งที่พ่อเกลียดมันทั้งพี่ทั้งน้อง”
“แกคิดว่าตอนนี้ฉันไม่เกลียดมันหรือ ตอนที่มันจะไปอเมริกามันให้ข่าวใส่ร้ายน้องชายของแกว่ายังไง แกจำไม่ได้หรือไง”
จิรกรจำได้ทั้งเรื่องเสพยาที่พ่อของเขาสั่งให้ตำรวจปิดข่าว แต่พันธินกลับให้ข่าวไปแบบนั้น นักข่าวพากันขุดคุ้ยจนร่วมกันแฉทางโซเชียลมีเดียว่าจิรเมธติดยาจริงๆ จนเป็นที่สงสัยว่าสาเหตุของการตายเป็นเพราะเสพยาหรือว่าถูกยิงกันแน่ หากจิรเมธเป็นลูกชายของใครสักคนที่ไม่ใช่จิณณ์คงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตและน่าอับอายแบบนั้น
“แล้วพ่อจะทำยังไงครับ”
จิณณ์ไม่เคยยอมเป็นผู้ถูกกระทำ ทุกอย่างกำลังดำเนินอยู่ตั้งแต่ก่อนที่พันธินจะเดินไปทางไปหาพันแสงที่อเมริกาแล้ว น่าแปลกที่มันกลับไม่ทุกข์ร้อนอะไรจนเขาต้องเปลี่ยนแผน
“ฉันรอให้มันกลับมาเพื่อที่จะทำให้มันอับอายเหมือนกับที่น้องของแกต้องอับอาย”
“ทำยังไงครับ”
“อีกไม่นานหรอก แกจะได้รู้”
จิณณ์ยิ้มเหี้ยม ยังมีวิธีที่จะฆ่าคนให้ตายทั้งเป็นได้โดยไม่เปลืองกระสุนแม้แต่นัดเดียว เรื่องสำคัญจะเกิดขึ้นในวันงานเลี้ยงต้อนรับของพันธิน เขาจะไปและเป็นพยานในความอัปยศนั้นด้วยตัวเอง
พันธินเดินทางมาถึงโรงแรมเมื่อสิบห้านาทีก่อน เขาสั่งให้พนักงานช่วยพาอรอินทุ์ไปรอที่ห้องรับรอง ในขณะที่ตัวเองมาคุยกับผู้จัดการโรงแรม งานจะเริ่มในเวลาสี่โมงเย็น ทำให้ยังพอมีเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ รายชื่อแขกที่ได้รับเชิญอยู่ในแฟ้ม ส่วนความเรียบร้อยต่างๆ เขาเดินตรวจพร้อมผู้จัดการแล้วก็เห็นว่าน่าพอใจ ไม่มีข้อบกพร่อง แต่เกิดปัญหานิดหน่อยเมื่ออาหารที่เตรียมไว้รับรองแขกเสียหายจากการลำเลียง ทำให้ต้องทำใหม่บางส่วน
พันธินเดินมาที่ห้องรับรองเห็นอรอินทุ์กำลังจดจ่ออยู่ที่โทรศัพท์ขนาดว่าเขานั่งข้างๆ แล้วมองเกมที่เธอกำลังเล่นและตายเสียหัวใจไปอีกดวงยังไม่รู้ตัว เขาแบมือขอโทรศัพท์มาแล้วจัดการเล่นด่านนั้นให้และผ่านได้โดยไม่เสียหัวใจแม้แต่ดวงเดียว หญิงสาวมองเขาทึ่งๆ เพราะด่านนี้น่ะเธอติดมาหลายวันแล้ว แต่เขาเล่นทีเดียวผ่าน ไม่ใช่ว่าที่ได้ยินสาวใช้เมาท์กันว่าเขานอนดึกน่ะ เล่นเกมหรือทำงานกันแน่ มือโปรเสียขนาดนี้
“รับไปสิ”
อรอินทุ์กะพริบตาปริบๆ เพิ่งเห็นว่าพันธินยื่นเอกสารสักอย่างมาให้ พอรับมาแล้วอ่านผ่านๆ ก็ชักสงสัยนี่มันรายชื่อและรูปของแขกที่ถูกเชิญมางานเปิดโรงแรมไม่ใช่เหรอ
“เอามาให้ฉันทำไมคะ”
“ในเมื่อเธอมาที่นี่แล้วก็น่าจะทำตัวให้เป็นประโยชน์” เขาบอก พอเห็นอรอินทุ์ขมวดคิ้วจึงพูดต่อไปว่า “จำหน้าและชื่อของคนทั้งหมด”
“ทำไมฉันต้องจำด้วยล่ะคะ” อรอินทุ์เผลอค้อนใส่ เธอไปเป็นลูกน้องเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ‘เล่นเกมให้ตาเดียวก็สั่งฉันได้เลยเหรอ’
พันธินหัวเราะเมื่อได้ยินที่อรอินทุ์คิด เขาไม่ได้เอาเรื่องแค่นั้นมาต่อรองสักหน่อย แต่ไม่อยากให้เธอนั่งเบื่อๆ อยู่ในห้องต่างหาก ลุงอิชย์บอกเขาว่าอยากเปิดบริษัทโฆษณาให้ลูกสาว ถ้าเป็นอย่างนั้น การรู้จักคนไว้มากๆ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ไม่ใช่หรือ
“ชุดและคนที่ดูแลเธอพร้อมเมื่อสิบนาทีก่อน จะจำก่อน จำตอนหลังหรือว่าแต่งตัวไปจำไป”
“อะไรนะ!” ใบหน้าของอรอินทุ์งอง้ำ พันธินมีสิทธิ์อะไรถึงทำแบบนั้นโดยไม่ถามเธอสักคำ
คนสั่งเพิ่งรู้ตัวว่าทำเกินไปเหมือนกัน การเป็นคนสั่งและคนถูกสั่งความรู้สึกย่อมต่างกัน เขาคงชินกับการสั่งจนลืมไปว่าอรอินทุ์ไม่ใช่คนที่เขาจะสั่งได้
“ฉันช่วยเธอแล้ว คราวนี้เธอก็คิดเสียว่าช่วยฉันหน่อยก็แล้วกัน อย่างที่เธอรู้ ความทรงจำของฉันยังกลับมาไม่หมด ถ้าวันนี้ฉันทำพลาด การพลาดของฉันจะถูกทำให้มันใหญ่โตขึ้น”
เรื่องการพยายามเลื่อยขาเก้าอี้อรอินทุ์รู้มาบ้าง พอฟังอย่างนี้แล้วชักใจอ่อน นี่เห็นว่าเขาขอให้ช่วยและทำให้เธอผ่านด่านเกมหรอกนะ ว่าแต่เขายังจำอะไรได้ไม่หมดจริงๆ หรือ ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเขาปกติดี
“ก็ได้ค่ะ แล้วหมอบอกไหมคะว่าคุณธินจะจำทุกอย่างได้หมดเมื่อไหร่”
“ไม่ได้บอก ว่างๆ เธอก็เล่าเรื่องในอดีตให้ฉันฟังบ้างก็ได้ ทุกเรื่องที่เธอจำได้ ฉันอยากฟัง”
อรอินทุ์หัวเราะเบาๆ เธอกับพันธินไม่ได้มีอดีตที่จะเอามาเล่าได้เลย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร เท่าที่คุยกันแล้วไม่เกิดความเงียบอันชวนอึดอัดก็น่าจะดีใจแล้ว
“ก็ได้ค่ะ ถ้าฉันนึกออก”
พันธินถอนใจสิ่งที่อรอินทุ์คิดนั้นไม่ผิดหรอก มีหลายเรื่องที่เขาอยากบอกใครสักคน แต่เขายังไม่อาจไว้ใจใครได้ บอกพ่อก็ไม่ได้ แม่เลี้ยงยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ คงมีเพียงลุงอิชย์เพียงคนเดียวที่รู้ความลับของเขาและเขาคงตายไปพร้อมกับความลับนี้เพียงผู้เดียวในบั้นปลายของชีวิต
งานเริ่มในตอนสี่โมงตรง พันธินเป็นประธานในการเปิดโรงแรม โดยมีอรอินทุ์ที่ใส่ชุดเรียบๆ แต่หรูสำหรับงานยามบ่ายที่อาจทอดเวลายาวไปจนถึงหนึ่งทุ่ม มีนักข่าวท้องถิ่นและนักข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่ประชาสัมพันธ์แจ้งไป ส่วนแขกในงานก็มีชื่อเสียงในชุมชน
อรอินทุ์ถูกขอให้เดินประกบคนสำคัญของงานไว้ ใครขอน่ะหรือ ก็คนขอให้เธอช่วยจำหน้าตาและชื่อของแขกนั่นแหละ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เธอแทบไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย ไม่เข้าใจถ้าเขาทำทุกอย่างได้ดีอยู่แล้วจะขอให้เธอมาช่วยทำไม เธอคิดอะไรไปเรื่อย จู่ๆ คนความจำดีก็หันมากระซิบถามว่าแขกรายล่าสุดเป็นใคร หญิงสาวนึกแล้วก็เลยรู้ว่าทำไมเขาไม่รู้ ก็เธอคนนี้ไม่ได้อยู่ในรายชื่อแขกที่เชิญ แต่เธอจำได้เพราะเห็นออกข่าวพวกไฮซ้อไฮโซอยู่บางครั้ง
“ผู้หญิงใส่เกาะอกสีฟ้าน่ะ คนนี้คุณธินทักทายแล้วรีบชิ่งนะคะ ประวัติแม่ม่ายทรงเครื่อง แล้วเท่าที่ได้ยินเค้าเมาท์ ยัยนี่น่ะปลื้มคุณธินจนบอกกับใครต่อใครว่าสามีคนใหม่ขอให้ได้แบบคุณธิน”
พันธินหัวเราะ “ขอบใจสำหรับข้อมูลเชิงลึก”
แม่ม่ายทรงเครื่องเข้ามาทักทายเกือบจะยื่นหน้ามาจูบแก้ม ถ้าพันธินไม่ชิงยื่นมือไปจับเสียก่อน แล้วดูเหมือนการจับมือจะนานเนิ่นเมื่อคุณเธอไม่ยอมปล่อยง่ายๆ อรอินทุ์ยื่นเครื่องดื่มส่งให้เขาแล้วพยักพเยิดให้ส่งต่อไปที่แขก คุณเธอรับไปตามมารยาทแม้จะเสียดายที่ต้องปล่อยมือ ครั้นจะยอมให้กระเป๋าราคาแพงโดนน้ำก็ใช่ที่ พันธินเลยรอดการแทะโลมมาแบบหวุดหวิด
“ผู้ชายใส่สูทสีเทาที่กำลังเดินมาหาคุณธินเป็นเจ้าของที่ดินที่เอ็มไพร์ กรุ๊ปกำลังหมายตาอยู่ พ่อเคยบอกฉันค่ะ”
พันธินพยักหน้า ข้อมูลเสริมของอรอินทุ์เป็นประโยชน์จริงๆ เขาพอจะรู้มาว่าผู้ชายคนนี้เขี้ยวลากดิน
“สวัสดีครับ ยินดีมากครับที่คุณมาร่วมงานเปิดโรงแรมในวันนี้”
“ผมต้องมาอยู่แล้วล่ะครับ ไม่มาได้ยังไงล่ะ แล้วนี่คุณเธียรไม่มาหรือครับ” แขกรายล่าสุดถามพลางมองหาพร้อมกับคิดเรื่องที่กังวลอยู่ในใจ ‘ราคาที่บอกไปตกลงจะเอายังไง จะต่อรองหรือไม่เอา ราคาสูงไปหรือเปล่า’
“พ่อไม่ได้มาครับ ตอนนี้ผมช่วยแบ่งเบางานให้พ่อแล้ว มีอะไรติดต่อผมหรือเลขาได้เลย ส่วนเรื่องราคาที่ดิน ผมจะดูตัวเลขอีกที ที่ตรงนั้นสวยมากนะ แต่อาจมีปัญหา”
“ปัญหาอะไรหรือครับ”
สีหน้าของแขกยังยิ้มแย้ม แต่ในใจเริ่มปั่นป่วน พันธินยิ้มกลับ นึกแล้วว่ามันแปลกๆ ตอนที่อ่านเอกสารของที่ดินแปลงนั้นมันราคาถูกกว่าที่คิด ทั้งที่เป็นที่ดินติดเขา อีกทั้งบริเวณใกล้เคียงก็เป็นสวนผลไม้ที่ยังให้ผลิตผลอีกด้วย
“การเวนคืนที่ดินน่ะสิครับ ฝ่ายกฎหมายของผมคงต้องตรวจสอบให้แน่ใจอีกที”
“ไม่มีปัญหาครับ ผมรับประกันได้” แขกเสียงสูงอย่างมีพิรุธ ก่อนจะเดินเข้างานไป
อรอินทุ์มองตาม ต่อให้ไม่รู้เรื่องกฎหมายก็พอเดาได้ว่ามีปัญหาแน่ๆ เรื่องแค่นี้พันธินคงรู้ก่อนเธอแล้วละมั้ง ว่าแต่แขกรายล่าสุดนี่เธอไม่เห็นรายชื่อและถึงไม่บอกพันธินก็คงรู้ได้เองว่าต้องระวัง ภาวิตเป็นเพื่อนรักของจิณณ์ แต่พันธินดูไม่แปลกใจที่มีแขกไม่ได้รับเชิญ
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะหลานชาย ได้ข่าวว่ากลับมาสักพักแล้ว แต่อางานยุ่งเหลือเกิน วันนี้มาทำธุระแถวนี้พอดี ช่างบังเอิญจริงๆ” ภาวิตยิ้มร่าเป็นฝ่ายทักทายก่อน
พันธินยกมือไหว้ตามมารยาทพลางยิ้ม ไม่ว่ามองจากมุมไหนเขาก็มั่นใจว่าไม่เคยสนิทสนมกับภาวิต
“ครับ การมาของคุณภาวิตคงจะเป็นข่าวที่ดีสำหรับโรงแรมของเอ็มไพร์ กรุ๊ป” เขาปรายตามองไปยังนักข่าวสองคนที่มาพร้อมกล้อง แม้จะเป็นนักข่าวท้องถิ่น เพราะฉะนั้นที่ได้ข่าวว่าภาวิตจะลงเล่นการเมืองคงเป็นเรื่องจริง
“นักข่าวน่ะหรือ พวกนี้ตามอามาเองน่ะ” ภาวิตหัวเราะร่า “ว่าแต่คราวก่อนที่ธินไปหาอาแล้วมีเรื่องที่จะขอให้ช่วยน่ะ มีเรื่องอะไรหรือ ถึงมันจะนานมากแล้ว แต่อาก็จำได้นะ”
พันธินยังคงยิ้มแม้สงสัยเต็มกำลังว่ามีเรื่องอะไรถึงไปให้ภาวิต ทว่าพอนิ่งฟังว่าภาวิตกำลังคิดอะไร ก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเช่นกัน แสดงว่ายังไม่รู้น่ะสิว่ามีเรื่องอะไรที่ขอให้ช่วย การหาคำตอบเองน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
“อ้อ เรื่องนั้น ตอนนี้ผมจัดการไปเรียบร้อยแล้วครับ คงไม่ต้องรบกวนคุณภาวิตแล้ว”
“งั้นรึ แหม...อาก็รอช่วย หลานบอกว่าอยากสั่งสอนคนที่ไม่หวังดี อาเลยสงสัยว่าใครหนอที่เป็นคนไม่หวังดี” ภาวิตยิ้ม หรี่ตามองพันธินอย่างพินิจพลางคิด ‘หรือว่ามันจะแค่หยั่งเชิงเท่านั้น’
“ขอบคุณครับ คุยกันนานแล้ว คุณภาวิตคงเมื่อยแย่ เชิญเข้าไปด้านในดีกว่า คนของผมจะดูแลเป็นอย่างดี”
“ก็ได้ หลานจะได้ดูแลแขกต่อ”
อรอินทุ์หัวเราะอยู่ในใจ ภาวิตนี่คงมีญาติพี่น้องทั่วประเทศ คนนั้นหลาน คนนี้ลุง คนโน้นลูก ปากหวานอย่างนี้นี่เองนักข่าวถึงได้ชอบและเขียนเชียร์อยู่บ่อยๆ ถ้าได้เป็นนักการเมืองคงเป็นที่รักของนักข่าว
บริกรผ่านมาพอดีอรอินทุ์หยิบน้ำมาสองแก้วให้ตัวเองและให้คนที่ทำหน้าเหมือนนักสืบกำลังใช้ความคิดอย่างไรอย่างนั้น ยังดีที่ตอนนี้แขกมากันเกือบครบคนแล้ว ไม่อย่างนั้นได้เกิดประเด็นผู้บริหารทำหน้าหงิกใส่ลูกค้า
“นี่ค่ะ พูดนาน คอคงแห้งแล้ว”
“ขอบใจนะ วันนี้เธอช่วยฉันได้มากเลย เดี๋ยวแขกกลับแล้วฉันจะให้คนขับรถไปส่งเธอที่บ้านแล้วกันนะ” เขาบอกพลางยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“อ้าว แล้วคุณธินยังไม่กลับหรือคะ”
“พอดีฉันมีเรื่องต้องไปจัดการ ต้องกลับพรุ่งนี้ อ้อ คืนนี้ลุงอิชย์นอนที่บ้าน ฉันเลยให้ รปภ. ไปเฝ้าที่หน้าบ้านของเธอเพื่อความปลอดภัย ส่วนเรื่องนายสมพงศ์ ฉันบอกลุงอิชย์ให้แล้ว พ่อของเธอยังสบายดี ไม่ความดันขึ้น” ก็ตอนที่เธอหลับสบายในรถของเขานั่นแหละ เขาบอกลุงอิชย์ตามตรง แต่เริ่มด้วยประโยคว่าอรอินทุ์ปลอดภัยดีและอยู่กับเขา
“คุณห้ามไม่ให้ฉันบอก แล้วทำไมคุณถึงบอกล่ะคะ” เธอถามหน้าตาเอาเรื่องเหมือนเวลาเรายังเด็กแล้วได้เป็นหัวหน้าห้อง แต่ถูกเพื่อนแย่งพูดให้ทำความเคารพคุณครู
พันธินเหลือจะเชื่อกับความคิดนั้น ให้ตายเถอะ เธอคิดได้ยังไงว่าเขากำลังแย่งหน้าที่สำคัญอยู่
“เพราะลุงอิชย์มั่นใจว่าฉันดูแลเธอได้น่ะสิ”
อรอินทุ์อยากจะเถียงแต่เถียงไม่ออก ก็ใครล่ะช่วยเธอไว้ แต่ทำไมเขาไม่โทรหาพ่อตอนที่เธอฟังอยู่ด้วยล่ะ เผื่อพ่อถามอะไรเธอจะได้ตอบ หญิงสาวถอนใจอดไม่ได้ก็เลยค้อนใส่พันธินไป ก็ได้ คราวนี้จะไม่โกรธ แต่ถ้ามีคราวหน้าเธอจะอาละวาดใส่เขาบ้าง พันธินยิ้มพร้อมกับพยักหน้า ก็ได้ คราวหน้าเขาจะให้เธอมีส่วนร่วม
อรินทุ์กลายเป็นผู้ช่วยพันธินไปแล้ว
จะมา up เรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
อัมราน_บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 218
แสดงความคิดเห็น