ตอนที่ 722 สองจักรพรรดิ?!
ตอนที่ 722 สองจักรพรรดิ?!
คำว่าโศกนาฏกรรมไม่สามารถที่จะอธิบายความโหดร้ายในการต่อสู้ครั้งนี้ได้อีกต่อไป ชุดเกราะชาร์ปเลสอันสวยงามที่เคยปกป้องร่างกายของเซี่ยเฟยเอาไว้ กลายเป็นเพียงแค่เศษเหล็กที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งร่างของเขาเท่านั้น
ทั่วทั้งร่างของชายหนุ่มเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ที่น่ากลัว และมันก็มีรอยแผลบาดลึกหลายรอยที่เผยให้เห็นกระดูกสีขาวที่ซ่อนอยู่ทางด้านใน
ขนอุยหอบหายใจออกมาอย่างแรง และถ้าหากไม่ใช่เพราะพลังงานต้นกำเนิดที่ปกป้องร่างของมันเอาไว้ บางทีมันก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกันกับเซี่ยเฟยไปแล้ว
หงส์ครามยังคงฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของมันขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่อัตราการฟื้นฟูของมันในตอนนี้ช้ากว่าในตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อพิจารณาจากเศษใบหญ้าที่กระจายอยู่ทั่วทั้งพื้นดิน มันก็มากพอที่จะอธิบายได้แล้วว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้มันได้รับความเสียหายไปมากแค่ไหน
เซี่ยเฟยไม่เหลือหนทางที่จะจัดการกับเซียงอู๋เฉิงอีกต่อไปแล้ว และในการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลง เขาก็พยายามใช้พลังของกฎแห่งความโกลาหลมาหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาอย่างสิ้นหวัง
โดยทั่วไปแล้วผู้ที่สามารถนำพลังกฎเข้ามาหลอมรวมกับร่างกายได้จะเป็นนักสู้ระดับจักรพรรดิกฎขึ้นไปเท่านั้น แต่ในช่วงเวลาอันสำคัญแบบนี้เซี่ยเฟยไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว และการพยายามฝ่าฝืนโชคชะตาในปัจจุบันก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในเรื่องบ้า ๆ ที่เขาเคยทำมาเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน
มินิเนบิวลา!
เซียงอู๋เฉิงตะโกนเสียงดังและยื่นแขนออกไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นพื้นที่ในรัศมีหลายร้อยกิโลเมตรก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาล และทำให้แม้แต่ภูเขาหินอันแข็งแกร่งก็ยังพังทลายลงอย่างรวดเร็ว
นี่คือพลังทำลายล้างจากมิติ มันคือวิชาการต่อสู้อันน่าหวาดกลัวที่ทำให้ตระกูลมูนวอร์ดกลายเป็นตระกูลที่โด่งดัง และในคราวนี้มันก็คือวิชาที่เซียงอู๋เฉิงต้องการที่จะใช้มันเพื่อจัดการกับเซี่ยเฟย
ในระหว่างที่กฎแห่งความโกลาหลกำลังปะทะเข้ากับพลังมิติอันรุนแรง ทันใดนั้นมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ร่างเล็ก ๆ ของขนอุยกำลังดูดทุกอย่างเข้าไปในท้องของมันอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอากาศ, พลังงาน, ก้อนหิน, ดิน, ทรายทุกอย่างต่างก็ถูกเจ้าตัวน้อยกลืนกินเข้าไปทั้งหมด
ในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีขนอุยที่เคยมีขนาดเพียงแค่เม็ดถั่วก็ขยายตัวจนมีขนาดเท่าลูกบาสเกตบอล
“ไม่นะ! ขนอุยกำลังจะระเบิดพลังงานทั้งหมดภายในร่างของมันออกมา!!” โอโร่ตะโกนพร้อมกับดวงตาอันเบิกกว้าง
แม้ว่าขนอุยจะยังเด็กมากแต่มันก็ได้ดูดซับพลังงานเข้าไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ถ้าหากพลังงานทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาในคราวเดียว แม้แต่ดาวดวงนี้ก็คงจะถูกระเบิดทำลายให้หายไปด้วยเช่นกัน
ในสายตาของสัตว์อสูรผู้จงรักภักดี ในตอนนี้มันไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว สิ่งเดียวที่ขนอุยกำลังคิดคือการพยายามทำอะไรก็ได้เพื่อปกป้องเซี่ยเฟยเอาไว้
อาการบาดเจ็บของชายหนุ่มทำให้มันไม่สามารถจะทนรับไหวได้อีกต่อไปแล้ว และด้วยศักดิ์ศรีของอสูรศักดิ์สิทธิ์ มันก็จำเป็นจะต้องปกป้องเจ้านายอย่างสุดชีวิต แม้ว่าเรื่องนั้นมันจะหมายถึงการสละชีวิตของมันไปก็ตาม
อิ้ว!!!!
ขนอุยส่งเสียงร้องคำรามด้วยดวงตาอันแดงก่ำ ซึ่งความโกรธที่มันแสดงออกมานั้นก็ยังทำให้แม้แต่จักรพรรดิกฎอย่างเซียงอู๋เฉิงก็ยังรู้สึกตกตะลึง
ในวินาทีเดียวกันนั้นหงส์ครามก็ได้ฉวยโอกาสจากการที่เซียงอู๋เฉิงกำลังตกตะลึงในการจู่โจมด้วยเช่นกัน
ในฐานะที่มันคืออาวุธมายาที่ดื้อรั้นที่สุดในจักรวาล หงส์ครามจึงมีนิสัยที่ไม่มีวันยอมแพ้ มันจึงรู้ดีว่าตอนนี้ขนอุยกำลังพยายามจะทำอะไร และความหงุดหงิดภายในใจของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าความหงุดหงิดภายในใจของขนอุยเลย
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทำให้เซียงอู๋เฉิงรู้สึกตื่นตระหนก และเขาก็รู้ดีว่าถ้าหากเขายังไม่สามารถสังหารชายหนุ่มตรงหน้าในครั้งนี้ได้ มันจะเกิดอะไรตามมาหลังจากนั้น
แม้ว่าเขาจะต้องเสียชีวิตแต่เขาก็จะต้องสังหารเซี่ยเฟยลงไปให้ได้ เพราะถ้าหากอีกฝ่ายยังไม่ตาย ผลลัพธ์ที่ตามมาจะไม่ใช่การปะทะระหว่างนักรบทั้งสองคนอีกต่อไป แต่มันจะเป็นสงครามระหว่างสองตระกูล
เมื่อสถานการณ์ดำเนินมาจนถึงจุดวิกฤต ทุกชีวิตต่างก็พยายามทำลายศัตรูตรงหน้าโดยเดิมพันด้วยชีวิตของตัวเอง
เซียงอู๋เฉิงระเบิดพลังทั้งหมดที่เขาได้สะสมเอาไว้ ซึ่งเป้าหมายของเขาในคราวนี้ไม่ใช่เพียงแค่เซี่ยเฟยคนเดียวเท่านั้น แต่มันคือทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในรัศมี 100 กิโลเมตรของวิชามินิเนบิวล่า
ตูม!
ทันใดนั้นใบหญ้า 3 ใบก็พุ่งพรวดขึ้นมาจากพื้นดิน คล้ายกับมังกรยักษ์ที่พุ่งเข้าไปพันธนาการร่างของเซียงอู๋เฉิงเอาไว้อย่างฉับพลัน
แต่ทั่วทั้งร่างของเซียงอู๋เฉิงถูกห่อหุ้มด้วยพลังของกฎมิติ การจู่โจมของหงส์ครามในครั้งนี้จึงไม่ต่างไปจากการพยายามเอามือเปล่าไปคว้าดาบที่แหลมคม
เศษหญ้าสีฟ้าปลิวว่อนไปทั่วทุกพื้นที่ แต่หงส์ครามไม่ได้สนใจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร่างกายของมันอีกต่อไปแล้ว และมันก็พยายามเร่งอัตราการฟื้นฟูเพื่อชดเชยกับพลังทำลายที่ร่างกายของมันกำลังแบกรับ
สิ่งเดียวที่หงส์ครามคิดเอาไว้ในตอนนี้คือมันจะต้องทำยังไงก็ได้ให้ขนอุยระเบิดพลังของตัวเองออกมาให้สำเร็จ เพราะทั้งเจ้าตัวน้อยและหงส์ครามต่างก็พยายามจะช่วยเหลือเจ้านายของตัวเองด้วยเหมือนกัน
เมื่อหงส์ครามพันธนาการไปทั่วทั้งร่างของเซียงอู๋เฉิง มันก็หมายความว่าศัตรูไม่สามารถที่จะหลบหนีออกไปได้อีกต่อไป ซึ่งถ้าหากว่าขนอุยได้ปลดปล่อยพลังของมันออกมา พลังนั้นก็จะพุ่งเข้าปะทะกับศัตรูของพวกมันโดยตรง
‘โจมตีเข้ามาได้เลย! ทำลายศัตรูคนนี้ให้ได้ไม่ต้องสนใจฉัน!!’
หากหงส์ครามพูดได้มันก็คงจะกำลังตะโกนข้อความนี้เพื่อบอกให้ขนอุยจู่โจมออกไปโดยไม่ต้องกังวล
แน่นอนว่าขนอุยย่อมรับรู้ถึงความหมายที่หงส์ครามกำลังพยายามจะสื่อออกมาเหมือนกัน และในฐานะที่พวกมันเป็นมือขวาที่ภักดีที่สุดของเซี่ยเฟย มันจึงพร้อมที่จะสละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องชีวิตของเจ้านาย
หนึ่งสัตว์อสูรพร้อมที่จะระเบิดพลังงานที่สะสมมาทั้งชีวิตเพื่อทำลายศัตรู ขณะที่อีกหนึ่งต้นหญ้าก็พร้อมที่จะพันธนาการศัตรูไม่ให้หลบหนีไปจากการโจมตีของสหายด้วยเช่นกัน
นี่คือมิตรภาพที่แท้จริงที่ปรากฏในยามวิกฤต มันคือมิตรภาพที่ยากจะพบเห็นได้ในสังคมอันโหดร้ายในจักรวาลนี้
ดวงตาของเซี่ยเฟยชุ่มไปด้วยหยดน้ำตาที่ไม่อาจหักห้ามได้ เพราะการที่หงส์ครามและขนอุยพยายามปกป้องเขาด้วยชีวิต แล้วเขาที่เป็นเจ้านายจะยอมอยู่เฉย ๆ ได้ยังไง
เซี่ยเฟยเร่งความเร็วพุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความเร็ว 30,000 เมตรต่อวินาที แขนซ้ายของเขาได้รับบาดเจ็บมันจึงไม่สามารถที่จะใช้บลัดบิวเทียสในการจู่โจมได้อีกต่อไป ส่วนแขนขวาของเขาก็ยังจำเป็นจะต้องป้อนพลังงานให้กับหงส์คราม เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องใช้ปากในการคาบบลัดบิวเทียสเพื่อทำการจู่โจม
ไม่ว่ายังไงเขาก็คือคนบ้าที่ไม่เคยทำอะไรตามกฎเกณฑ์ของคนอื่นอยู่แล้ว ในเมื่อแขนทั้งสองข้างไม่สามารถใช้การได้ อย่างมากที่สุดเขาก็แค่ต้องใช้ปากในการโจมตี
เซี่ยเฟยกัดด้ามดาบบลัดบิวเทียสเอาไว้แน่น และเนื่องมาจากว่าเขากัดแรงจนเกินไป มันจึงมีคราบเลือดไหลออกมาจากปากของเขา
การดิ้นรนของทั้งสามชีวิตเป็นการดิ้นรนอันบ้าคลั่ง จนทำให้แม้แต่โอโร่ก็ยังตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่เคยเห็นเหตุการณ์ที่บ้าคลั่งอะไรแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
‘แข็งแกร่ง! แข็งแกร่งมาก! ถ้าหากคราวนี้เซี่ยเฟยยังรอดชีวิตไปได้ ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาเข้าร่วมกับราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ท แม้ว่ามันจะหมายถึงฉันจะต้องถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างที่เรียนรู้มาในชีวิตให้กับเขาก็ตาม’ โอโร่คิดกับตัวเองภายในใจ
ทั้งขนอุยและหงส์ครามต่างก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเจ้านายของตัวเอง ส่วนความดื้อรั้นในช่วงวิกฤติที่เซี่ยเฟยแสดงออกมา มันก็ทำให้โอโร่สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นไปจนถึงก้นบึ้งของจิตใจ
พรสวรรค์อาจจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักรบ แต่ความมุ่งมั่นกลับเป็นสิ่งที่สำคัญมากยิ่งกว่า ทั่วทั้งจักรวาลนี้มันก็คงจะมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงพยายามต่อต้านโชคชะตาอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าตัวเองจะแทบไม่เหลือพละกำลังในการต่อต้านแล้วก็ตาม
ในเวลาเดียวกันจักรพรรดิกฎเซียงอู๋เฉิง, อสูรศักดิ์สิทธิ์มารขาว, อาวุธมายาหงส์คราม, ราชากฎเซี่ยเฟยต่างก็ปลดปล่อยพลังโจมตีที่รุนแรงที่สุดของพวกเขาออกมาในวินาทีเดียวกัน
ตูม!!!!
สิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายกับระเบิดนิวเคลียร์ที่ถูกจุดชนวน ทำให้ดาวทั้งดวงตกอยู่ภายใต้แสงสว่างอันเจิดจ้า แล้วมันก็เป็นแสงสว่างที่เกินกว่าตาของสิ่งมีชีวิตจะสามารถมองเห็นได้
เสียงที่เกิดจากการทำลายดังมากพอที่จะทำลายแก้วหูของสิ่งมีชีวิตด้วยเช่นกัน ซึ่งพลังทำลายที่ระเบิดออกมาในครั้งนี้ก็กินเวลาไปนานนับนาที จนทำให้พื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของดวงดาวถูกทำลายให้หายไปโดยสมบูรณ์
ในขณะที่การระเบิดครั้งใหญ่กำลังจะสิ้นสุดลง ประตูมิติ 10 ประตูก็ถูกเปิดออกเกือบจะพร้อม ๆ กัน
เหล่าบรรดาตัวแทนจากสมาคมผู้คุมกฎเดินทางมาถึงแล้ว!
แต่ถึงแม้ว่าคนจากสมาคมจะเดินทางมาถึงแล้ว แต่มันก็ไม่มีใครกล้าที่จะเคลื่อนไหวทำอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้พวกเขารู้สึกตกตะลึงมาก ชนิดที่ว่ามันคือมหันตภัยที่พวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิตของตัวเอง
“โอ้พระเจ้า!”
ราชากฎทั้งสิบถึงกับพูดไม่ออก พวกเขาทำได้เพียงแต่จ้องมองไปยังภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง
“โชคดีที่พวกเราโผล่ออกมาไกลพอสมควร ไม่อย่างนั้นพวกเราก็อาจจะถูกลูกหลงจากระเบิดครั้งนี้ไปแล้วก็ได้” หลางจิวหลินอุทานหลังจากที่เขาตกตะลึงเป็นเวลานาน
“ทำไมมันถึงดูเหมือนวิชามินิเนบิวลาของตระกูลนายเลย?” มู่เฉียนหลิงกล่าวถามพร้อมกับหันหน้าไปทางเซียงฟาน
เซียงฟานรีบตอบปฏิเสธในทันที แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าผลกระทบจากพลังตรงหน้านี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากวิชาประจำตระกูลของเขาเอง
“มีคนอยู่ตรงนั้น” เซี่ยจงไห่อุทานเมื่อเขาสังเกตเห็นเงาสีดำที่กำลังตกลงมาจากบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ฟุบ!
เซี่ยจงไห่หายตัวไปคว้าร่างบนท้องฟ้าโดยไม่รอคำสั่งจากประธานสมาคม และเนื่องมาจากตระกูลสกายวิงเป็นเจ้าของกฎแห่งความเร็ว การเคลื่อนไหวของคนในตระกูลนี้จึงไม่ต่างไปจากผู้ที่ติดปีกบินไปได้ทุกที่ทั่วทั้งอวกาศ
หลังจากที่เซี่ยจงไห่คว้าร่างของเซี่ยเฟยเอาไว้แล้ว ตัวของเขาก็ค่อย ๆ ร่อนลงบนพื้นดินอย่างช้า ๆ
“ทั้งหมดมันเป็นฝีมือของเขางั้นเหรอ?” เซี่ยจงไห่จ้องมองไปยังเซี่ยเฟยที่ได้รับบาดเจ็บทั่วทั้งร่าง และมันก็ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกขนลุกขึ้นมาไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่ามันจะต้องเป็นการต่อสู้ที่น่าสลดใจขนาดไหนกันแน่ ถึงทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่งต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงระดับนี้
เหล่าบรรดาตัวแทนอีกเก้าคนจากสมาคมรีบเคลื่อนตัวเข้ามาหาเซี่ยจงไห่เช่นเดียวกัน และเมื่อพวกเขาได้เห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเซี่ยเฟย ทุกคนต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด
“อย่าพึ่งทำอะไรบุ่มบ่าม ฝั่งตรงข้ามเป็นจักรพรรดิกฎ 2 คน” หมิงซินออกคำสั่งด้วยแววตาที่จริงจัง
วิชาตาเหยี่ยวเป็นวิชาลับของตระกูลไบร์ทซี พวกเขาจึงสามารถสอดแนมพื้นที่อันห่างไกลได้
“2 จักรพรรดิงั้นเหรอ?!” ทุกคนต่างก็อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจอีกครั้ง
***************
ฮือออออ สงสารพี่เฟย
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 308
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น