ตอนที่ 721 ราชา VS จักรพรรดิ
ตอนที่ 721 ราชา VS จักรพรรดิ
เซียงอู๋เฉิงเป็นถึงราชากฎขั้นที่ 2 และตัวตนของเขาก็สมควรที่จะขึ้นสู่เผ่าเทพไปได้แล้ว สาเหตุที่เขายังคงอยู่ในกลุ่มดาวม้าขาว นั่นก็เพราะว่าเขายังมีภาระหน้าที่ต้องปกป้องผู้คนในตระกูล เมื่อไหร่ก็ตามที่มันถึงเวลาอันสมควรเขาก็พร้อมที่จะเข้าสู่เผ่าเทพได้ทุกเวลา
แควก!
ฝ่ามือของเซียงอู๋เฉิงแหลมคมราวกับใบมีดฉีกใบหญ้าที่เต็มไปด้วยหนามแหลมของหงส์ครามให้ขาดออกจากกันได้อย่างง่ายดาย
เมื่อการลอบโจมตีล้มเหลวเซี่ยเฟยก็รีบใช้ฝ่ามือใบไม้ร่วงเพื่อต้านทานฝ่ามืออันแหลมคมของอีกฝ่าย
ปัง!
ฝ่ามือปะทะฝ่ามือ!!
พลังของกฎมิติปะทะเข้ากับพลังของกฎแห่งความโกลาหล และเมื่อกฎทั้งสองได้เผชิญหน้ากัน มันก็ก่อให้เกิดเสียงครวญครางราวกับผืนฟ้ากำลังจะถูกฉีกกระชากให้แยกออกจากกัน
“หึ่ย!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ ก่อนที่เขาจะรีบก้าวเท้าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นมันก็ได้มีรอยแตกปรากฏขึ้นบนชุดเกราะชาร์ปเลส
การปะทะกันเพียงแค่ครั้งเดียวทำให้แขนของชายหนุ่มเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งแขน และถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บจะไม่รุนแรงมาก แต่รอยแตกบนชุดเกราะชาร์ปเลสก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทั้งสองฝ่ายมีระดับพลังที่แตกต่างกันมากแค่ไหน
นี่มันชุดต่อสู้ระดับราชากฎจากบริษัทฟิกส์เชียวนะ และมันยังเป็นชุดที่ลินนิจผู้ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเผ่าจักรกลเป็นคนผลิตคิดค้นมันขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่ถึงกระนั้นเมื่อมันถูกจู่โจมโดยเซียงอู๋เฉิงเพียงแค่ครั้งเดียว มันกลับก่อให้เกิดรอยบาดลึกขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองไร้พลังขนาดนี้ เพราะแม้แต่กฎแห่งความโกลาหลซึ่งเคยเป็นท่าไม้ตายประจำตัวของเขามาโดยตลอดก็ไม่สามารถที่จะใช้กับศัตรูที่ทรงพลังผู้นี้ได้
แม้ว่ากฎแห่งความโกลาหลจะช่วยบั่นทอนพลังของอีกฝ่ายลงได้จริง ๆ แต่มันก็ยังคงหลงเหลือพลังบางส่วนที่พุ่งเข้ากระทบกับร่างกายของเขาอยู่ดี เซี่ยเฟยจึงไม่อยากจะจินตนาการว่าถ้าหากฝ่ามือนี้ปะทะเข้ากับร่างกายของเขาโดยตรง มันจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายขนาดไหนกันแน่
ช่องว่างระหว่างราชากฎขั้นที่ 1 กับจักรพรรดิกฎขั้นที่ 2 มีความต่างชั้นกันถึง 11 ขั้น แล้วมันก็เป็นความแตกต่างราวกับดาวเคราะห์ที่พยายามท้าทายกาแล็กซี
ไม่ว่ากฎแห่งความโกลาหลจะทรงพลังขนาดไหน แต่ท้ายที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลมันก็ย่อมมีขีดจำกัดของมันเหมือนกัน ท้ายที่สุดความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็มากจนเกินไป และมันก็เป็นความแตกต่างที่ไม่สามารถชดเชยได้แม้ชายหนุ่มจะใช้พลังของกฎแห่งความโกลาหลออกมาก็ตาม
อย่างไรก็ตามหลังจากการปะทะมันก็ทำให้เซียงอู๋เฉิงรู้สึกตกตะลึงอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะการโจมตีอันรุนแรงที่เขาเพิ่งปล่อยออกไปนั้นสามารถที่จะสังหารราชากฎระดับสูงได้ด้วยซ้ำ แต่เซี่ยเฟยกลับสามารถรอดไปจากการจู่โจมของเขาได้
‘มันช่างเป็นพลังที่น่าตกใจจริง ๆ’ เซียงอู๋เฉิงคิดภายในใจด้วยดวงตาอันเป็นประกาย
แรงปะทะในครั้งนี้ทำให้แขนของเซียงอู๋เฉิงรู้สึกเจ็บปวดไปจนถึงกระดูก ซึ่งมันเป็นความเจ็บปวดที่เขาไม่เคยได้รับจากราชากฎขั้นต้นมาก่อน เขาจึงมองไปที่เซี่ยเฟยและมองมาที่แขนขวาของตัวเองด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
เหตุการณ์นี้ทำให้เซียงอู๋เฉิงรู้สึกสนใจกฎแห่งความโกลาหลมากขึ้นกว่าเดิม แต่แรงสั่นสะเทือนที่ข้อมือของเขาได้ย้ำเตือนว่าราชากฎทั้ง 10 จากสมาคมผู้คุมกฎกำลังจะเดินทางมาถึงแล้ว ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาจะต้องทำลายร่างของชายหนุ่มตรงหน้าให้หายไปจากจักรวาลแห่งนี้ให้ได้
“เป็นยังไงบ้าง?” โอโร่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“กระดูกน่าจะร้าวนิดหน่อยแต่ผมยังสู้ต่อได้ สิ่งที่น่ากังวลจริง ๆ คือชุดเกราะของผมถูกทำลายลงไปแล้ว หากมีการปะทะกันอีกครั้งผมก็คงจะทนรับการโจมตีอีกครั้งหนึ่งไม่ไหว” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างสงบ
โอโร่รู้ดีว่าเซี่ยเฟยเป็นพวกหัวรั้นที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้มาโดยตลอด และการที่ชายหนุ่มพูดออกมาแบบนี้ มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายมันยิ่งใหญ่มากเกินไปจริง ๆ
น่าเสียดายที่อดีตจอมมารไม่มีวิธีการใดที่จะช่วยเหลือชายหนุ่มในตอนนี้ได้เลย สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ก็มีเพียงแค่การให้คำแนะนำเซี่ยเฟยต่อไปเท่านั้น
“ดูการเคลื่อนไหวของเขาให้ดี ๆ ในระหว่างที่เขาโจมตีพลังกับร่างกายของเขาได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ถึงแม้ว่าระดับการรวมพลังของเขาจะยังไม่สมบูรณ์ แต่นี่มันก็คือแก่นที่แท้จริงของการใช้พลังกฎของจักรวาล” โอโร่กล่าว
คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อย แล้วมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเซียงอู๋เฉิงถึงใช้ร่างกายตัวเองในการปะทะเข้ากับกฎแห่งความโกลาหลได้ เพราะที่แท้ร่างกายของชายคนนี้ก็ได้รวมเข้ากับพลังของกฎแล้วนั่นเอง
นับตั้งแต่ที่โอโร่ให้คำแนะนำเรื่องการหลอมรวมพลังกฎเข้ากับร่างกาย เซี่ยเฟยก็พยายามประยุกต์ใช้พลังกฎเข้ากับร่างกายของตัวเองตลอด แต่ในวันนี้เขาได้พบว่ามันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นกับตาว่าการใช้พลังกฎหลอมรวมเข้ากับร่างกายมันมีลักษณะเป็นยังไง
แม้ว่าเซียงอู๋เฉิงจะเป็นนักสู้ที่ทรงพลังในสายตาของเซี่ยเฟย แต่ในสายตาของโอโร่แล้วการใช้พลังครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้ไม่สมควรที่จะได้รับความชื่นชมจากเขาด้วยซ้ำ เพราะถ้าหากใครสามารถหลอมรวมร่างกายเข้ากับพลังของกฎได้อย่างสมบูรณ์ พลังที่แสดงออกมามันก็จะเหนือกว่าระดับนี้ไปไกล
แข็งแกร่งมาก!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเผชิญหน้ากับเซียงอู๋เฉิงในครั้งนี้ คือการเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตของเซี่ยเฟยแล้ว
เมื่อขนอุยที่โจมตีพลาดได้เห็นเจ้าของของมันได้รับบาดเจ็บ มันจึงรีบพุ่งตัวกลับมาด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด
หงส์ครามก็กำลังรู้สึกเสียหน้าจากการถูกฉีกกระชากใบหญ้าของมันด้วยเช่นกัน มันจึงรีบฟื้นฟูอาการบาดเจ็บขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และใช้ใบหญ้าขนาดใหญ่จู่โจมเข้าใส่ศัตรูด้วยหนามแหลมที่มีอยู่ทั่วทั้งใบหญ้าของมัน
ทั้งอาวุธมายาและอสูรศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกยกย่องว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล และถึงแม้ว่าเซียงอู๋เฉิงจะมีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิกฎ แต่มันก็ไม่มากพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งสองชนิดนี้รู้สึกเกรงกลัวได้
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก และถึงแม้ว่าเซียงอู๋เฉิงจะประเมินเซี่ยเฟยเอาไว้สูงแล้ว แต่เขาก็ยังคงประเมินชายหนุ่มเอาไว้ต่ำเกินไปอยู่ดี
ท้ายที่สุดชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่ราชากฎเท่านั้น เพราะเมื่อมันได้รวมกับพลังของกฎแห่งความโกลาหลและพลังการจู่โจมของขนอุยกับหงส์คราม มันก็ยิ่งทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้ทวีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
…
4 นาทีต่อมาทั่วทั้งร่างของเซี่ยเฟยก็ชุ่มโชกไปด้วยเลือด กระดูกภายในร่างของเขาแตกหักไปแล้วหลายชิ้น แม้แต่ชุดเกราะชาร์ปเลสที่ปกป้องร่างกายของเขาก็แตกออกเป็นชิ้น ๆ ที่สำคัญมันมีรอยแผลยาวทางแขนซ้ายที่เผยให้เห็นกระดูกสีขาวที่ซ่อนอยู่ทางด้านใน
เซี่ยเฟยกัดฟันหยิบเฝือกโลหะออกมาจากแหวนมิติแล้วรีบพันรอบแขนซ้ายของตัวเอง แต่มันก็ไม่สามารถที่จะหยุดเลือดที่พุ่งออกมาราวกับน้ำพุได้ ทำให้พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยแอ่งเลือดสีแดงฉาน
อาการบาดเจ็บลักษณะนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถทนรับมันได้ง่าย ๆ และเหงื่อเม็ดใหญ่บนใบหน้าของชายหนุ่มก็บ่งบอกทุกอย่างเป็นอย่างดีว่า ความเจ็บปวดที่เขากำลังแบกรับอยู่ในตอนนี้มันเกือบจะถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เซี่ยเฟยใช้ผ้าพันแผลพันหยุดเลือดที่แขนซ้าย เขาก็เป็นฝ่ายเริ่มจู่โจมเข้าใส่เซียงอู๋เฉิงอีกครั้ง
แขนซ้ายของชายหนุ่มเจ็บปวดจนเกินกว่าจะนำมาใช้ในการต่อสู้ได้ ในขณะที่ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นซีดเผือดเนื่องมาจากเสียเลือดมากจนเกินไป
การใช้พลังกฎออกมาด้วยร่างกายแบบนี้ก็สร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกายของเขาด้วยเช่นกัน เพราะการใช้พลังกฎผ่านทางร่างกายนั้นมันจำเป็นจะต้องใช้ร่างกายแบกรับพลังเอาไว้มากพอสมควร
ใบหญ้าของหงส์ครามถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จนทำให้ทั่วทั้งพื้นดินเต็มไปด้วยเศษหญ้ากระจัดกระจายกันอยู่ทั่วไปหมด และถึงแม้ว่าอัตราการฟื้นฟูของหงส์ครามจะถูกจัดอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูสู้พลังการทำลายของเซียงอู๋เฉิงได้
ขนอุยยืนหอบอยู่กลางอากาศ และถึงแม้ว่ามันจะพยายามจู่โจมอย่างสุดความสามารถ แต่มันก็ยังไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับจักรพรรดิกฎผู้แข็งแกร่งคนนี้เลย
ท้ายที่สุดทั้งหงส์ครามและขนอุยต่างก็ยังเติบโตได้ไม่เต็มที่ พวกมันจึงยังไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงของตัวเองออกมาได้
ดวงตาของเซียงอู๋เฉิงกลายเป็นสีแดงฉาน การต่อสู้ดำเนินมาถึง 4 นาทีแล้วและการที่เขายังไม่สามารถจัดการเซี่ยเฟยได้ มันก็ถือว่าการต่อสู้ครั้งนี้เป็นความอัปยศครั้งใหญ่ภายในใจของเขาอย่างแท้จริง
ราชากฎขั้นที่ 1 สามารถต่อต้านจักรพรรดิกฎขั้นที่ 2 ได้ยาวนานถึง 4 นาที และการที่เซี่ยเฟยยังคงรอดชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้มันก็ถือว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์มากแล้ว
เซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่นักรบตัวน้อย ๆ แล้วเขาได้ครอบครองอาวุธชั้นยอดมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?
ยิ่งไปกว่านั้นหงส์ครามยังแข็งแกร่งกว่าในตอนแรกที่พวกเขาพบเจอกันมาก แล้วด้วยการรวมพลังกันของอาวุธมายา, อสูรศักดิ์สิทธิ์และความเร็วของเซี่ยเฟย มันจึงทำให้ชายหนุ่มยังคงรอดพ้นจากการจู่โจมที่ถึงแก่ชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อเซียงอู๋เฉิงได้เห็นชายหนุ่มหยิบผ้าพันแผลขึ้นมาพันรัดบาดแผลของตัวเองและยังคงจู่โจมต่อไป มันก็ทำให้เขานึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ชายหนุ่มกัดหูของหยูฮัวในระหว่างที่อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน และมันก็ทำให้เขาได้ตระหนักแล้วว่ามันคงไม่มีใครในจักรวาลนี้ที่จะทำให้เซี่ยเฟยยอมจำนนแต่โดยดีได้
“ไม่มีเวลาแล้ว” เซียงอู๋เฉิงเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเคร่งเครียด ก่อนที่แขนของเขาจะเกร็งขึ้นมาอย่างฉับพลัน พร้อมกับเส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นมาให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน
มินิเนบิวลา!!
เซียงอู๋เฉิงตัดสินใจใช้พลังทั้งหมดในการจู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยในครั้งเดียว ซึ่งวิชามินิเนบิวลาถือได้ว่าเป็นหนึ่งในวิชาขั้นสูงสุดของกฎมิติ และถึงแม้ว่าในปัจจุบันเขาจะมีพลังในระดับจักรพรรดิกฎขั้นที่ 2 แต่เขาก็ยังรู้สึกลังเลที่จะใช้พลังนี้ออกมาในการโจมตีอยู่ดี เพราะพลังทำลายของมันอยู่ในระดับที่เหนือเกินกว่าเขาจะสามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์
สิ่งที่เซี่ยเฟยครอบครองอยู่นั้นมีความลึกลับมากเกินไป ถ้าหากเซียงอู๋เฉิงยังคงใช้วิธีการเดิม ๆ มันก็อาจจะต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่เขาจะสามารถสังหารชายหนุ่มคนนี้ได้ แต่ในตอนนี้เขาไม่เหลือเวลาที่จะค่อย ๆ สังหารเซี่ยเฟยอีกต่อไปแล้ว
“จำเอาไว้ ฉันชื่อเซียงอู๋เฉิง! นายแข็งแกร่งมากถึงขนาดที่ทำให้ฉันต้องใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาแบบนี้!!” เซียงอู๋เฉิงตะโกนด้วยสีหน้าอันจริงจัง
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย เพราะเขาจำได้ว่าตระกูลเซียงเป็นนามสกุลของคนจากตระกูลมูนวอร์ด ซึ่งเป็น 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอดแห่งกลุ่มดาวม้าขาว
นักรบตัวเล็ก ๆ ที่ไร้ชื่อเสียงกำลังถูกรังแกจากจักรพรรดิกฎของ 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอดเนี่ยนะ?!
ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง แต่มันก็คงจะไม่มีใครเชื่อถือคำพูดของเขาอย่างแน่นอน
“ที่แท้ศัตรูของฉันคือตระกูลมูนวอร์ดเองสินะ” เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เมื่อเขาได้รู้สักทีว่าศัตรูปริศนาที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่นั้นคือใครกันแน่
คลื่นนน!
สภาพแวดล้อมทั่วทั้งดาวเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ซึ่งวิชามินิเนบิวลานี้เป็นการจู่โจมโดยไม่เลือกเป้าหมาย และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในรัศมี 100 กิโลเมตรจะถูกมิติบีบอัดให้แหลกสลายลงโดยสมบูรณ์
พลังงานที่มองไม่เห็นปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของเซี่ยเฟยอย่างรวดเร็ว ราวกับชุดเกราะที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างปราณีตและพลังนี้มันก็คือพลังของกฎแห่งความโกลาหล
การควบคุมในครั้งนี้ทำให้โอโร่มองไปยังชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ เพราะการที่ราชากฎพยายามใช้พลังมาห่อหุ้มร่างของตัวเอง มันเป็นการกระทำที่อันตรายมากจนเกินไป
ดวงตาทั้งสองข้างของเซี่ยเฟยแดงก่ำพร้อมกับมีหยดเลือดไหลลงมาเป็นสาย
ความเจ็บปวดงั้นเหรอ?
เขาลืมมันไปตั้งนานแล้ว…
แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่นักรบตัวเล็ก ๆ แต่เขาก็พร้อมที่จะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างในการต่อต้านโชคชะตาที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า
กฎแห่งความโกลาหลปะทะเข้ากับกฎมิติของเซียงอู๋เฉิงในอากาศ ก่อให้เกิดเสียงร้องคำรามคล้ายกับสัตว์ร้าย 2 ตัวกำลังประชันเขี้ยวเล็บเข้าใส่ซึ่งกันและกัน
***************
เมื่อไหร่สมาคมผู้คุมกฎจะมาเนี่ย พี่เฟยจะไม่ไหวแล้วนะ!!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 219
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น