ตอนที่ 708 เข็มทิศสีเงิน
ตอนที่ 708 เข็มทิศสีเงิน
เข็มทิศมิติที่ไม่โดดเด่นภายในมือของเซี่ยเฟยทำให้โอโร่รู้สึกตกตะลึง เพราะในตอนแรกเขาคิดว่าชายหนุ่มไม่สามารถหาสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดภายในสิ่งของหลายพันชิ้นของควินซี่ได้แล้ว แต่ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยกลับได้เก็บของสิ่งนี้เอาไว้ตั้งคำถามกับเขาในตอนจบต่างหาก
“มันก็แค่ขยะอันหนึ่งไม่ใช่เหรอ?” โอโร่กัดฟันแสร้งตอบออกไปอย่างผ่อนคลาย
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เขาพูดคำว่าขยะออกไปนั้น ใบหน้าของเขากลับบิดเบี้ยวอย่างผิดธรรมชาติ และเนื่องจากระบบสื่อสารนี้เป็นการเชื่อมต่อกับระบบประสาท ทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายจึงอยู่ภายใต้การสังเกตของชายหนุ่มอย่างชัดเจน
“ขยะงั้นเหรอ? ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นขยะนะ แม้ว่ารูปร่างภายนอกของมันจะดูราบเรียบไปบ้าง แต่น้ำหนักของมันดูไม่เหมือนเข็มทิศมิติส่วนใหญ่เลย ของชิ้นแค่นี้จะมีน้ำหนักหลายสิบกิโลกรัมได้ยังไง หรือว่ามันจะสร้างขึ้นมาจากแร่มิธริลสตาร์ในตำนานกันนะ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไร้สาระ! แร่มิธริลสตาร์เป็นโลหะหนักชั้น 1 ในดินแดนกฎที่มีคุณสมบัติสามารถกักเก็บพลังของกฎเอาไว้ในนั้นได้ แล้วใครมันจะใช้แร่ล้ำค่าแบบนั้นมาทำเข็มทิศมิติกิ๊กก๊อกแบบนี้” โอโร่กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ
“ผมไม่เคยเห็นแร่มิธริลสตาร์มาก่อน แต่คงจะมีคนเคยเห็นมันมาก่อนแน่ ๆ เอาเป็นว่าเมื่อเราเจอคนคนนั้น เราค่อยให้เขาช่วยตรวจสอบเข็มทิศนี้ในอนาคตก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสบาย ๆ
คำตอบของชายหนุ่มทำให้หัวใจของโอโร่เริ่มสั่นสะท้าน แต่เขาก็ยังพยายามกดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ โดยสมองของเขาพยายามคิดหาวิธีดึงความสนใจไม่ให้เซี่ยเฟยถามคำถามเกี่ยวกับเข็มทิศชิ้นนี้เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็เป็นพวกดื้อด้านมากที่สุดคนหนึ่งในจักรวาล เมื่อเขาให้ความสนใจในอะไรบางสิ่งบางอย่างแล้วเขาก็จะทำการศึกษาในเรื่อง ๆ นั้นโดยละเอียด ดังนั้นไม่ว่าโอโร่จะพยายามพูดอะไรแต่เซี่ยเฟยก็ยังคงมุ่งเน้นความสนใจไปยังเข็มทิศมิติภายในมือ
“โครงสร้างของเข็มทิศมิติชิ้นนี้ดูเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติมาก ตอนแรกที่ผมเห็นมันผมก็หลงคิดว่ามันเป็นก้อนโลหะดิบซะอีก ปกติของถูก ๆ มักจะถูกออกแบบมาอย่างโดดเด่น และมีการตกแต่งในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้งานมากมาย มีเพียงแค่สินค้าราคาสูงเท่านั้นที่จะถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่ายเพื่อให้มันถูกใช้งานอย่างเป็นธรรมชาติ”
เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพลิกเข็มทิศมิติสีเงินเพื่อไปสังเกตทางด้านหลัง
“เข็มทิศมิติชิ้นนี้เป็นเข็มทิศที่สมบูรณ์แบบมากจริง ๆ ผมมั่นใจได้เลยว่ามันจะต้องเป็นผลงานของปรมาจารย์ชั้นยอดแน่ ๆ” เซี่ยเฟยชื่นชมด้วยดวงตาอันเป็นประกาย
“ไร้สาระ! ควินซี่ไม่ได้เก็บเข็มทิศนี้เอาไว้ในกล่องด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่ามันก็เป็นเพียงแค่ของดาด ๆ ที่สามารถหาพบได้โดยทั่วไป” โอโร่กล่าวออกไปอย่างกังวล
น่าเสียดายที่ยิ่งอดีตจอมมารคนนี้พยายามปฏิเสธออกมาอย่างรวดเร็วเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสนใจเข็มทิศมิติชิ้นนี้มากขึ้นเท่านั้น
“ผมคิดว่าสาเหตุที่ควินซี่ไม่เก็บมันเอาไว้ในกล่องเป็นเพราะว่ากล่องทั้งหมดมีค่าไม่มากพอที่จะบรรจุมันเข้าไปมากกว่า ราวกับว่าของชิ้นนี้มีค่ามากเกินไปและการเก็บมันเอาไว้ในกล่องถือว่าเป็นการดูหมิ่นเกียรติของมัน”
“ยิ่งไปกว่านั้นเนื้อสัมผัสของมันยังแข็งมากและถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกเก็บใส่เอาไว้ภายในกล่องเป็นอย่างดี แต่มันก็ไม่ต้องกลัวว่าเข็มทิศมิติชิ้นนี้จะได้รับความเสียหายอะไร”
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ เขาก็หยิบบลัดบิวเทียสขึ้นมาและแทงไปยังเข็มทิศมิติสีเงินอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ใช้พลังสายความเร็วแต่พละกำลังของเขาก็ไม่ถือว่าอ่อนด้อยเช่นเดียวกัน การจู่โจมในครั้งนี้จึงถือว่าเป็นการจู่โจมที่รุนแรงมาก
เป้ง!
เสียงโลหะปะทะกันดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องโถง ทำให้ขนอุยที่นอนหลับพักผ่อนอยู่รีบเงยหน้าขึ้นมาสำรวจสถานการณ์อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมันได้เห็นว่าเจ้านายของมันพยายามตัดเข็มทิศมิติภายในมือ มันจึงกลับไปนอนหลับพักผ่อนอีกครั้งอย่างสบายใจ
ระหว่างที่ชายหนุ่มจู่โจมหัวใจของโอโร่ก็กระตุกขึ้นมาอย่างฉับพลัน แต่คำพูดทุกอย่างเหมือนกับกระจุกอยู่ที่ลำคอจนทำให้เขาไม่สามารถส่งเสียงตะโกนอะไรออกมาได้
ผลที่เกิดขึ้นจากการโจมตีคือเข็มทิศมิติสีเงินชิ้นนี้ไม่ได้มีรอยขีดข่วนเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันแขนของเซี่ยเฟยที่ใช้ในการจู่โจมออกไปนั้นกลับรู้สึกเจ็บจนชา คล้ายกับว่าเขาได้จู่โจมเข้าใส่กำแพงเหล็ก
แข็ง!
แข็งมาก!
“ถึงแม้ว่ามันจะแข็งแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นของดีหรอกนะ” โอโร่พยายามโน้มน้าวเซี่ยเฟยอีกครั้ง
เซี่ยเฟยเพิกเฉยความคิดเห็นของโอโร่และพยายามพลิกเข็มทิศไปด้านหน้า
“บนเข็มทิศไม่มีปุ่มสำหรับการระบุตำแหน่งเป้าหมาย บางทีเข็มทิศมิติชิ้นนี้อาจจะเอาไว้สำหรับการนำพาไปยังสถานที่พิเศษบางแห่ง…”
“ใครบอกว่าไม่มี ตรงด้านหน้านั่นก็มีที่ใส่หมายเลขอยู่นั่นไง” โอโร่รีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“นี่มันไม่ใช่จุดป้อนหมายเลขตำแหน่งแต่เป็นช่องสำหรับการเข้ารหัส 128 บิต พอดีว่าผมเคยเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชายหนุ่มมีพื้นฐานในเรื่องเครื่องยนต์กลไกลที่ค่อนข้างดี และมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานที่เขาจะสามารถถอดรหัสผ่านของเข็มทิศมิติชิ้นนี้ได้
การที่อีกฝ่ายพยายามออกแบบเข็มทิศมิติขึ้นมาอย่างเรียบง่าย มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ออกแบบจงใจที่จะหลอกลวงผู้อื่น แต่ในสายตาของเซี่ยเฟยผลงานชิ้นนี้ถือว่าเป็นผลงานชั้นยอดที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี เขาจึงสามารถพบเห็นมันท่ามกลางสิ่งของนับพันได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้เข็มทิศมิติที่มีการเข้ารหัสเอาไว้ยังดูเป็นสิ่งที่ผิดปกติมาก ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ใช่เข็มทิศมิติที่สามารถหาพบได้โดยทั่วไป
หลังจากได้ยินการวิเคราะห์ของเซี่ยเฟย โอโร่ก็รู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็ได้ตระหนักแล้วว่าเขาคงจะไม่สามารถซ่อนความลับเรื่องนี้กับเซี่ยเฟยได้ แล้ววันหนึ่งชายหนุ่มก็คงจะสามารถไขความลับของเข็มทิศมิตินี้ได้ด้วยตัวเอง
“ทักษะในการวิเคราะห์ของนายมันน่ากลัวมากเกินไปจริง ๆ” โอโร่กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“ถ้าผมเดาไม่ผิดเจ้านี่คือสิ่งที่คุณอยากจะให้ผมนำมันกลับไปคืนราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับยกเข็มทิศมิติขึ้นมากระดิกภายในมือ
โอโร่พยักหน้าพร้อมกับถอนหายใจ เพราะในเมื่อเซี่ยเฟยตรวจจับความผิดปกติของเข็มทิศมิติชิ้นนี้ได้แล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์ที่เขาจะต้องซ่อนเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับต่อไป
แม้ว่าในปัจจุบันเขาจะไม่ใช่ราชาแห่งเผ่าพันธุ์ไลอ้อนฮาร์ทอีกต่อไปแล้ว แต่ใจของเขาก็ยังคงเป็นห่วงเผ่าพันธุ์ของตัวเองอยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่แนะนำให้เฉินตงเข้าไปเป็นนักรบของตระกูลตัวเองแบบนี้
“ในบรรดาสิ่งที่ควินซี่ขโมยไปในตอนนั้น นอกเหนือจากกฎแห่งชีวิตแล้วเข็มทิศมิติชิ้นนี้ก็คือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด เพราะของชิ้นอื่น ๆ พวกเราสามารถหามาทดแทนสิ่งที่สูญหายไปในตอนนั้นได้ แต่ของสองสิ่งนี้มันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถหามาทดแทนได้จริง ๆ” โอโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันแปรปรวนราวกับว่าเขากำลังนึกถึงประสบการณ์ในอดีต
“จุดหมายปลายทางของเข็มทิศมิตินี้คือที่ไหน?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“สนามรบโบราณที่เทพกับมารเคยใช้ในการห้ำหั่นกัน” โอโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เผ่าเทพกับมารมีความขัดแย้งกันมานานมากแล้ว แล้วมันก็มีช่วงเวลาหนึ่งที่ทั้งสองเผ่าพันธุ์ได้ตกลงกันสร้างสนามรบโดยเฉพาะขึ้นมา และจะทำสงครามในพื้นที่นั้นในช่วงเวลาทุก ๆ 10 ปี”
“ฝ่ายที่พ่ายแพ้จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้ชนะจนกว่าจะถึงสงครามครั้งถัดไป และสาเหตุที่เราทำแบบนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามแผ่ขยายออกไปโดยไม่จำเป็น” โอโร่อธิบาย
“ทั้งเผ่าเทพกับเผ่ามารต่างก็มีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมพวกเขาถึงจะต้องทำสงครามแบบนี้ด้วย?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ความจริงมันไม่ได้ง่ายแบบนั้นน่ะสิ ในตอนนั้นเผ่าเทพกับเผ่ามารเพิ่งจะแยกทางกันพวกเขาจึงเกลียดกันมากและลงมือเข่นฆ่ากันและกันในทุก ๆ วัน สถานการณ์ในตอนนั้นวุ่นวายมากจนทำให้ทั้งสองฝั่งหยุดการพัฒนาไปนานหลายปี”
“แม้ว่าการแข่งขันในสนามรบแบบนี้จะไม่ใช่ทางออกที่ดีเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยมันก็เป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้คนที่ขุ่นเคืองใช้สนามรบในการระบายความแค้นได้ และมันก็ยังช่วยให้สงครามไม่บานปลายออกไปส่งผลกระทบกับผู้บริสุทธิ์อีกด้วย” โอโร่กล่าวอธิบาย
“แล้วในสนามรบโบราณฝ่ายไหนเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะมากกว่ากัน?” เซี่ยเฟยเอ่ยถามอย่างสนใจ
“ทั้งเผ่าเทพและเผ่ามารต่างก็เป็นกลุ่มที่รวบรวมนักรบชั้นยอดทั่วทั้งจักรวาลเข้ามาภายในกลุ่มของตัวเอง ฉันจำได้ว่าสนามรบแห่งนี้ถูกใช้มาอย่างยาวนานร่วม 70,000 ปี และทั้งสองฝ่ายต่างก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะเท่า ๆ กัน”
“เมื่อเวลาผ่านไปความขัดแย้งระหว่างทั้งสองเผ่าก็มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การทำสงครามในพื้นที่ปิดทุก ๆ 10 ปีไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้อีกต่อไป สงครามครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของจักรวาลจึงได้อุบัติขึ้น”
“โดยสงครามครั้งนั้นได้กินเวลายาวนานหลายหมื่นปีและมีจำนวนผู้เสียชีวิตนับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายมันก็ยังไม่สามารถที่จะหาตัวผู้ชนะได้ สงครามจึงถูกบังคับให้จบลงเนื่องมาจากว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับความเสียหายมากเกินไป”
“หลังจากใช้เวลาฟื้นฟูไปอีกประมาณ 100,000 ปีทั้งสองเผ่าพันธุ์ก็เริ่มสงครามใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง โดยครั้งนี้สงครามได้กินระยะเวลาไปนับหมื่นปีแต่มันก็ยังคงไม่มีผู้ชนะอยู่เช่นเดิม ทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มการฟื้นฟูอีกครั้งเพื่อจะเริ่มทำสงครามในอนาคต” โอโร่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของดินแดนผู้ใช้กฎ
คำอธิบายของอดีตจอมมารทำให้เซี่ยเฟยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่คิดเลยว่าสงครามในดินแดนแห่งนี้จะกินระยะเวลายาวนานมากขนาดนั้น และความขัดแย้งระหว่างสองเผ่าพันธุ์ก็ยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าเวลาจะดำเนินมาจนถึงยุคปัจจุบันแล้วก็ตาม
“ทำไมทั้งสองฝ่ายยังคงทำสงครามกันอยู่ทั้ง ๆ ที่มันไม่สามารถหาตัวผู้ชนะได้ หากนักรบต้องไปเสียชีวิตในสงครามเป็นจำนวนมาก รากฐานของดินแดนกฎก็ควรจะถูกทำลายลงไปด้วยเหมือนกัน ผมว่าอย่างน้อยการทำสงครามในสนามรบแบบเมื่อก่อนมันก็ควรจะช่วยลดความเสียหายได้แท้ ๆ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่นักรบของทั้งสองฝ่ายมีการสูญเสียมากจนเกินไป พวกผู้นำเผ่าก็จะเริ่มยุติสงครามในทันที แล้วมันก็คล้ายกับว่าทั้งสองเผ่าพันธุ์นี้จะมีการตกลงเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว” โอโร่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ว่าแต่เข็มทิศที่ส่งคนไปยังสนามรบโบราณมันสำคัญยังไง?” เซี่ยเฟยถามต่อ
“นายก็ลองคิดดูสิว่าถ้าหากนักรบโบราณเสียชีวิตลง แล้วมันจะหลงเหลืออะไรอยู่ในสนามรบโบราณบ้าง?” โอโร่กล่าวด้วยแววตาที่เจ้าเล่ห์
“อย่าบอกนะว่าสนามรบโบราณ มันคือสถานที่ที่รวบรวมวัตถุโบราณของทั้งสองเผ่าพันธุ์เอาไว้งั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
***************
เครื่องมือวาร์ปไปหาขุมสมบัติ?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 245
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น