ตอนที่ 701 ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ
ตอนที่ 701 ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ
‘นี่เขาต้องการที่จะโจมตีก่อนงั้นเหรอ?’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อเซี่ยเฟยสังเกตดี ๆ เขาก็มั่นใจว่าควินซี่กำลังทดสอบเซธอยู่แน่ ๆ เขาจึงหันไปกล่าวถามเซธด้วยรอยยิ้มว่า
“นายเคยพบกับผู้อาวุโสเกรย์มาก่อนไหม?”
เซธรีบส่ายหัวอย่างแรงโดยไม่พูดอะไรตอบกลับมา
“แล้วทำไมนายจะต้องแต่งตัวน่าสงสัยแบบนั้นในระหว่างที่เข้าพบกับผู้อาวุโสด้วย รู้ไหมว่าการทำแบบนั้นมันเป็นสิ่งที่หยาบคายมาก ๆ รีบถอดเสื้อผ้าของนายออกซะ แสดงความจริงใจให้ผู้อาวุโสได้เห็นว่านายกับเขาไม่เคยพบเจอกันมาก่อนจริง ๆ” เซี่ยเฟยหันไปออกคำสั่งกับเซธ
คำสั่งของเซี่ยเฟยทำให้เซธชะงักค้างด้วยความตกใจ แต่เขาก็ยังคงถอดผ้าคลุมกับหน้ากากของเขาออกตามคำสั่งของเจ้านาย
ในตอนแรกควินซี่จ้องมองไปยังชายตรงหน้าด้วยความสงสัย แต่เมื่อเขาได้เห็นรูปลักษณ์หน้าตาของอีกฝ่ายเขาก็ทำได้เพียงแต่ส่ายหัว
ใบหน้าของเซธในปัจจุบันน่าเกลียดมาก ชนิดที่ว่าการสวมใส่เสื้อคลุมแบบเดิมทำให้ชายคนนี้ดูดีกว่าการถอดผ้าคลุมกับหน้ากากออกเสียอีก และด้วยรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดของชายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ควินซี่ก็ไม่มีทางลืมรูปร่างหน้าตาแบบนี้อย่างเด็ดขาด
จีเวนต์กับโจอี้ที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ตกตะลึงกับรูปร่างหน้าตาของเซธเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขาไม่เคยคาดหวังว่าเซี่ยเฟยจะมีทาสที่หน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้
‘ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงปกปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้อย่างมิดชิด ที่แท้ใบหน้าของเขาก็น่าเกลียดแบบนี้นี่เอง’ จีเวนต์คิดกับตัวเองภายในใจ
“เขาคือทาสของฉันเอง แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะน่าเกลียดไปบ้าง แต่เขาก็ค่อนข้างซื่อสัตย์และทำงานให้กับฉันได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาแบบนั้นฉันจึงมักให้เขาปกปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้ เพราะกลัวว่ามันจะไปทำให้ใครร้องไห้ไปซะก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวโดยพยายามทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องตลก
ทุกคนต่างก็ส่งเสียงหัวเราะหลังจากคำพูดของเซี่ยเฟย ทางด้านศิลาหางฟินิกซ์ก็เลิกแสดงท่าทางดุร้ายแล้วกลับไปอยู่ด้านหลังเซธเหมือนเดิมด้วยเช่นกัน
“ทาสของคุณหมอคนนี้น่าสนใจจริง ๆ ในเมื่อคุณหมอเก่งกาจขนาดนั้นแล้วทำไมคุณถึงไม่ช่วยเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้กับเขาล่ะ?” ควินซี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เขาก็เป็นเพียงแค่ทาส ตราบใดก็ตามที่เขาทำงานได้ผมก็ไม่ได้สนใจรูปร่างหน้าตาอะไรของเขาหรอก นอกจากนี้การเปลี่ยนรูปลักษณ์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำกันได้ง่าย ๆ ฉันคิดว่าฉันเอาเงินก้อนนั้นไปซื้อทาสคนใหม่น่าจะคุ้มค่ากว่า” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ควินซี่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะในแดนเนรเทศชีวิตของทาสมันก็มีราคาถูกมากกว่าสัตว์อสูรบางตัวเสียอีก มันจึงไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจกับความเป็นอยู่ของทาสมากนัก
ตอนนี้ความสงสัยในใจของควินซี่ได้หายไปมากกว่า 70% แล้ว เพราะสิ่งที่เขารู้สึกกังวลตั้งแต่แรกมากที่สุดคือความลึกลับของเซธ ส่วนทางด้านของเซี่ยเฟยก็เป็นเพียงแค่ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางที่ควินซี่ไม่ได้รู้สึกถึงภัยคุกคามจากชายคนนี้เลย
หลังจากพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ ไปอีกสักพัก ควินซี่ก็ชักจูงหัวข้อบทสนทนากลับมาที่การวินิจฉัยอาการของเขา
“เหตุผลหลักที่ฉันเชิญคุณหมอมาในวันนี้ก็เพราะว่าฉันอยากจะให้คุณหมอตรวจดูอาการของฉันให้หน่อย อาการนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นมาเรื้อรังนานมากแล้ว และตราบใดก็ตามที่มันมีความชื้นในอากาศ ทั่วทั้งร่างของฉันก็จะปวดร้าวอย่างแสนสาหัส ยิ่งไปกว่านั้นอาการปวดร้าวยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่ฉันค่อย ๆ แก่ตัวลง” ควินซี่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“คุณเกรย์ไม่จำเป็นจะต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ไม่ทราบว่าฉันขอดูอาการบาดเจ็บของคุณหน่อยจะได้ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ควินซี่ก็กดปุ่มกลไกบนชุดเกราะเพื่อให้ชุดเกราะถูกเปิดออกเผยให้เห็นเนื้อหนังที่ซ่อนอยู่ด้านใน
โดยปกติราชวงศ์ชาวไลอ้อนฮาร์ทจะมีร่างที่ถูกปกคลุมไปด้วยขนสีทอง แต่ขนของควินซี่แบ่งออกเป็น 2 สีอย่างชัดเจน โดยครึ่งซ้ายเป็นขนสีเทาและมีพื้นที่บางส่วนที่ขนหลุดลอกออกไป จนเผยให้เห็นเพียงแค่ผิวหนังที่เหี่ยวย่นเท่านั้น ส่วนขนทางด้านขวายังคงเป็นขนสีทองตามปกติ
“นี่มันอาการที่ถูกกฎแห่งความมืดแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาเสียงดัง
ควินซี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เขาจะสวมชุดเกราะเพื่อปกปิดร่างกายตามเดิม
“คุณเป็นมนุษย์ไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมคุณถึงรู้เรื่องกฎแห่งความมืดด้วย?”
“ในช่วงหลาย ๆ ปีมานี้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองเผ่าค่อย ๆ ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น พูดตามตรงว่าฉันเคยเห็นอาการบาดเจ็บที่เกิดจากกฎแห่งความมืดและกฎแห่งแสงสว่างมาหลายครั้งแล้ว เนื่องมาจากนักรบของทางฝั่งเราได้ไปปะทะกับนักรบของทางฝั่งมาร” เซี่ยเฟยกล่าว
ควินซี่พยักหน้ารับเพราะคำตอบของเซี่ยเฟยเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ท้ายที่สุดทั้งเผ่าเทพและเผ่ามารต่างก็มีการปะทะกันตลอดเวลา มันจึงเป็นเรื่องปกติที่หมออย่างเซี่ยเฟยจะได้พบเห็นอาการบาดเจ็บที่เกิดจากกฎของทางฝั่งมาร
“หากคุณหมอเคยเห็นอาการบาดเจ็บนี้มาก่อน แล้วคุณพอจะรู้วิธีรักษามันหรือเปล่า?” ควินซี่ถามขึ้นมาอย่างประหม่า เพราะอาการบาดเจ็บนี้ทรมานเขามานานมากแล้ว เขาจึงคิดถึงวันที่อาการบาดเจ็บจะหายไปในทุก ๆ วัน
“มันยากมาก... หากมองจากภายนอกแล้ว มันก็สามารถบอกได้เลยว่าคนที่สามารถสร้างอาการบาดเจ็บแบบนี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่มีทักษะสูงมาก ยิ่งไปกว่านั้นอาการบาดเจ็บนี้เป็นอาการบาดเจ็บที่เรื้อรังมานานหลายปี ทำให้พลังของกฎแห่งความมืดแทรกซึมไปทั่วทั้งร่างกาย”
“หากพูดถึงการกำจัดพลังของกฎแห่งความมืดให้หมดไป มันก็อย่าว่าแต่ฉันเลย เพราะฉันแน่ใจว่านักปรุงยาทั่วทั้งดินแดนกฎก็ไม่สามารถที่จะทำเรื่องนี้ได้”
คำตอบของเซี่ยเฟยทำให้ควินซี่ถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกสงสัยในการวินิจฉัยของชายหนุ่ม ท้ายที่สุดเขาก็รู้อาการบาดเจ็บของตัวเองดีกว่าใคร และเขาก็พอจะคาดเดาคำตอบเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
“ถึงฉันจะไม่มีวิธีกำจัดโรคให้หายไป แต่ฉันพอจะมีวิธีบรรเทาความเจ็บปวดได้ ถ้าโชคดีความถี่ที่อาการจะกำเริบน่าจะลดลงประมาณ 50% ไม่ทราบว่าคุณพอจะยังสนใจวิธีการนี้อยู่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากยกมือขึ้นมาจับคาง
เหตุการณ์นี้ทำให้ควินซี่รู้สึกตกตะลึงจนชะงักค้างไปพักหนึ่งเลยทีเดียว เพราะถ้าหากว่าเซี่ยเฟยสามารถลดความถี่ของอาการกำเริบได้ถึงครึ่งหนึ่งจริง ๆ เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับเขาในรอบหลายหมื่นปีเลย
ในความเป็นจริงควินซี่ก็ไม่ได้คิดที่จะให้เซี่ยเฟยรักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นคำตอบของชายหนุ่มก็ยังเกินกว่าความคาดหมายของเขามาก
“คุณหมอพูดจริง ๆ เหรอ?!” ควินซี่ถามอย่างเร่งรีบ
“ฉันพูดจริง แต่กระบวนการรักษาจำเป็นจะต้องใช้เวลาอยู่บ้าง เพราะมันต้องค่อย ๆ ดึงพลังของกฎแห่งความมืดออกมาจากร่างกายของคุณทีละน้อย ซึ่งในช่วงเวลานี้คุณก็จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของฉันอย่างเคร่งครัด” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา” ควินซี่แทบที่จะกระโดดตัวลอยด้วยความตื่นเต้น เพราะเขารอคอยการรักษาเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว และในที่สุดเขาก็ได้ค้นพบกับคนที่ช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บของเขาได้สักที
สิ่งที่เซี่ยเฟยพูดไม่ต่างไปจากความจริงเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะรักษาควินซี่จริง ๆ อย่างที่พูดเอาไว้ แต่ตั้งใจที่จะใช้กระบวนรักษานี้เพื่อสังหารอีกฝ่าย
“ก่อนที่จะให้ยาฉันขอตรวจสอบอาการบาดเจ็บของคุณอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อที่จะได้กำหนดปริมาณของน้ำยาได้ถูกต้อง” เซี่ยเฟยกล่าว
“เชิญเลย ๆ” ควินซี่พยักหน้าก่อนที่จะไปยื่นแขนซ้ายให้เซี่ยเฟยได้ตรวจสอบ
“อาการบาดเจ็บทางซีกซ้ายของคุณรุนแรงมากเกินไป ฉันไม่สามารถที่จะตรวจสอบความเสียหายทางด้านนี้ได้ เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างแม่นยำ มันจะต้องเริ่มจากการตรวจแขนขวาของคุณก่อน” เซี่ยเฟยกล่าว
“นั่นสินะ แขนซ้ายของฉันได้รับความเสียหายมากเกินไปจริง ๆ และตอนนี้ฉันก็แทบที่จะไม่รู้สึกอะไรบนแขนซ้ายแล้วด้วยซ้ำ” ควินซี่กล่าวด้วยรอยยิ้มขณะยื่นแขนขวาไปให้กับเซี่ยเฟย
ชายหนุ่มเคลื่อนที่ไปทางมือขวาของควินซี่อย่างช้า ๆ โดยมีเจตนาสังหารซุกซ่อนอยู่ในแววตาของเขา
ตราบใดก็ตามที่เขาสามารถส่งกระแสจิตเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายได้ เขาก็สามารถที่จะฉีกกระชากพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของควินซี่ออกจากกันได้ในทันที และในตอนนั้นแม้ว่าควินซี่จะแข็งแกร่งกว่านี้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทางที่จะรอดไปจากเงื้อมมือของชายหนุ่มได้
เหตุการณ์นี้ทำให้โอโร่รู้สึกกดดันจนพูดไม่ออก และถึงแม้ว่าเขาจะพยายามยุยงให้เซี่ยเฟยจัดการกับควินซี่โดยตรง แต่อัตราการชนะของชายหนุ่มก็เป็นเพียงแค่อัตราการชนะในทางทฤษฎีเท่านั้น หากมันเกิดการต่อสู้จริง ๆ มันก็มีตัวแปรอื่น ๆ ที่พร้อมจะพลิกผันผลการต่อสู้ได้ตลอดเวลา
นิ้วทั้งสองของชายหนุ่มค่อย ๆ ยื่นออกไปอย่างช้า ๆ โดยแต่ละคนต่างก็มีภาพหลังจากเหตุการณ์นี้เป็นของตัวเอง โดยเซี่ยเฟยต้องการที่จะสังหารควินซี่ลงในคราวเดียว ส่วนทางควินซี่ก็ต้องการที่จะบรรเทาอาการบาดเจ็บของตัวเองลง ขณะที่จีเวนต์กับโจอี้ก็กำลังรอที่จะได้รับของรางวัลอย่างมากมาย
แต่ในขณะที่นิ้วของเซี่ยเฟยอยู่ห่างจากแขนของควินซี่ไม่ถึง 1 เซนติเมตร จู่ ๆ มันก็มีเสียงร้องคำรามดังขึ้นมาจากหน้าอกของชายหนุ่ม และถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เสียงที่ดังมากนัก แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ควินซี่ตั้งกำแพงป้องกันขึ้นมาอีกครั้ง
ขนอุยค่อย ๆ มุดออกมาจากอกเสื้อของเซี่ยเฟยอย่างเกียจคร้าน โดยมันไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเสียงร้องคำรามจากการหลับใหลของมันได้ทำลายแผนการทุกอย่างที่เซี่ยเฟยพยายามเตรียมการมานานหลายวัน
“อสูรศักดิ์สิทธิ์! นายเป็นใครกันแน่? มันไม่มีทางที่นักปรุงยาจะสามารถพิชิตอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้” ควินซี่จ้องมองไปทางเซี่ยเฟยอย่างระมัดระวัง
ขนอุยเป็นสัตว์อสูรที่ฉลาด มันจึงสามารถทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าในคราวนี้มันได้สร้างปัญหาขึ้นมาอีกแล้ว มันจึงเตรียมตัวที่จะช่วยเซี่ยเฟยจัดการกับควินซี่อย่างสุดกำลัง เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ชายหนุ่มมาตำหนิมันหลังจากที่เหตุการณ์ในครั้งนี้จบลง
“ฉันเป็นนักปรุงยาจริง ๆ แต่ที่ฉันเดินทางมาในวันนี้ไม่ใช่มาเพื่อรักษา แต่ฉันมาเพื่อสังหารแกต่างหาก” เซี่ยเฟยร้องคำรามออกไปเสียงดัง
ฉัวะ!
ก่อนที่ใครจะทันได้รู้ตัวเซธก็ทำการเด็ดหัวจีเวนต์กับโจอี้ออกจากบ่า
สถานการณ์ในปัจจุบันทำให้เซธไม่เหลือทางถอยอีกต่อไปแล้ว และในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังหลังชนฝา พวกเขาก็จะสามารถระเบิดพลังออกมาได้มากกว่าช่วงเวลาปกติ
เซธมีความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าเซี่ยเฟยจะไม่เป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ เขาจึงพร้อมที่จะร่วมต่อสู้ไปพร้อมกับเจ้านายของเขาอย่างเต็มที่
“ฉันไม่เคยสร้างความบาดหมางอะไรให้กับนายมาก่อน แล้วทำไมนายถึงอยากจะเอาชีวิตของฉันไปด้วย?” ควินซี่ถามด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร ขณะที่ศิลาหางฟินิกซ์กำลังบินวนรอบ ๆ ตัวเขาเพื่อพยายามปกป้องเจ้านายของมันอย่างสุดกำลังเช่นเดียวกัน
“เลิกคุยกับมันได้แล้ว รีบฆ่ามันเร็ว ๆ เข้า!!” โอโร่ส่งเสียงร้องคำรามขึ้นมาอย่างร้อนรน
***************
ขนอุยเอาอีกแล้วววววว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 295
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น