ตอนที่ 693 สมองอุดตัน

-A A +A

ตอนที่ 693 สมองอุดตัน

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 693 สมองอุดตัน

“เขาบอกว่าอาการบาดเจ็บธรรมดา ๆ ให้คุณหมอรักษาได้เลย เขาจะลงมือรักษาเฉพาะอาการที่คุณหมอไม่สามารถรักษาได้เท่านั้น” พนักงานกล่าวขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วน

คำตอบนี้ทำให้ลูคัสไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป เขาจึงเดินออกไปจากกระโจมด้วยใบหน้าอันบูดบึ้ง และมองเห็นผู้ป่วยที่ยืนรออยู่หน้ากระโจมของเซี่ยเฟยเป็นจำนวนมาก

หน้ากระโจมของเขามีผู้ป่วยต่อแถวอยู่ยาวมากแล้ว ผู้ป่วยที่เดินทางมาทีหลังจึงไม่รู้ว่าตัวเองจะได้รับการรักษาเมื่อไหร่ มันจึงมีผู้ป่วยบางส่วนไปรวมตัวกันหน้ากระโจมของเซี่ยเฟย เพื่อหวังว่านักปรุงยาคนนี้จะเริ่มทำการรักษาพวกเขาเสียที

“ทุกคนควรขอให้คุณหมอลูคัสลองตรวจวินิจฉัยโรคของพวกคุณก่อน ถ้าหากว่าคุณหมอลูคัสไม่สามารถรักษาได้ ในเวลานั้นพวกคุณค่อยมาหาฉันก็ยังไม่สาย” เซี่ยเฟยกล่าวขณะที่นั่งอยู่หน้ากระโจมและดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ มองไปยังผู้ป่วยตรงหน้าด้วยท่าทางที่ไม่ทุกข์ร้อน

ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะรู้สึกไม่พอใจท่าทางของเซี่ยเฟย แต่มันก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำคัดค้านขึ้นมา ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางกลับบ้านด้วยความโกรธ เพราะด้วยขนาดแถวที่ยาวมากวันนี้พวกเขาไม่สามารถรักษากับลูคัสได้ทันเวลาแน่ ๆ

“นายหมายความว่ายังไง?” ลูคัสถามพร้อมกับชี้นิ้วไปยังป้าย ‘รักษาได้ทุกโรค’

“อะไรกันนี่มันเป็นวลีที่ใช้กันทั่วทั้งดินแดนกฎเลยนะ คุณไม่เคยได้ยินมันมาก่อนเลยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“มันไม่มีใครในจักรวาลที่สามารถรักษาได้ทุกโรค แม้แต่อาจารย์ของฉันที่เป็นเจ้าโอสถก็ยังไม่กล้าที่จะประกาศตัวออกไปแบบนั้น” ลูคัสตะคอกด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เสียงของลูคัสดังมากจนทำให้ทุกคนต่างก็จ้องมองมาด้วยความสนใจ ท้ายที่สุดมันก็ไม่ใช่เรื่องปกติที่นักปรุงยาสองคนจะเริ่มทะเลาะกัน พวกเขาจึงเฝ้าดูเหตุการณ์นี้อย่างอยากรู้อยากเห็น

“ฉันเป็นคนติดป้ายนี้มันก็เป็นเรื่องของฉัน แล้วมันเป็นหนักอะไรบนหัวของอาจารย์คุณด้วยหรือไง? ฉันแนะนำว่าคุณอย่าเอาอาจารย์ของคุณมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีกว่า” เซี่ยเฟยตอบกลับไปด้วยท่าทางสบาย ๆ

“ได้!!! ถ้านายรักษาได้ทุกโรคจริง ๆ แล้วทำไมไม่เริ่มรักษาผู้ป่วยสักที จะโยนผู้ป่วยมาทางฉันทำไม?” ลูคัสกัดฟันกล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธ

“ยิ่งคุณรักษาผู้ป่วยมากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งได้เงินเพิ่มขึ้นไปด้วยไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้ทำไมฉันจะต้องลงมือรักษาโรคง่าย ๆ ที่คุณรักษาได้ เอาไว้โรคไหนที่คุณรักษาไม่ได้ค่อยโยนมาให้ฉันรักษาก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับกางแขนออกทางด้านข้างและยักไหล่ราวกับเรื่องนี้มันเป็นเรื่องปกติ

ตลอดบทสนทนาเซี่ยเฟยยังคงรอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้าอยู่เสมอ แต่ในทางกลับกันลูคัสยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดจุดประสงค์ของการแข่งขันในครั้งนี้มันก็เพื่อเป็นการหาว่าใครเป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจมากกว่ากัน แต่ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยกลับปฏิบัติตัวราวกับว่าเขาไม่ใช่คู่แข่งของชายหนุ่มคนนั้นเลย

เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถที่จะเอาชนะการโต้เถียงกับเซี่ยเฟยได้ เขาจึงรีบสะบัดหัวกลับไปทางกระโจมของตัวเองด้วยความโกรธ ซึ่งก่อนที่เขาจะเข้ากระโจมเขาก็เตะเข้าใส่ถังน้ำจนทำให้ถังนั้นกลิ้งออกไปไกลนับสิบเมตร แต่การลงมือโดยไม่ดูสภาพของตัวเองก็ทำให้ลูคัสเดินกะเผลกเข้าไปในกระโจมของตัวเองเหมือนกัน

“นายท่าน พวกเราจำเป็นจะต้องบาดหมางกับลูกศิษย์ของเจ้าโอสถด้วยงั้นเหรอ?” เซธกระซิบถามเซี่ยเฟยด้วยความสงสัย

ชื่อเสียงของเจ้าโอสถมีอิทธิพลต่อแดนเนรเทศมาก ซึ่งไม่เพียงแต่เขาจะมีความสามารถในการรักษาที่โด่งดังเท่านั้น แต่เขายังมีกองกำลังภายใต้คำสั่งของตัวเองอีกด้วย

“เขาเป็นคนหาเรื่องฉันก่อนและเราก็มีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ ถ้าหากว่าเราไม่ได้ก่อเรื่องให้ชื่อเสียงของพวกเรากระจายออกไป บางทีพวกเราก็อาจจะไม่สามารถล่อเหยื่อออกมาจากรูได้” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง

ลูคัสเดินกลับเข้ามาในกระโจมด้วยความโกรธ และเนื่องมาจากว่าเขาไม่ใช่คนที่ฉลาดในการแก้เกมมากนัก เขาจึงทำได้เพียงแต่รักษาพวกบัลรอคออกไปทีละคนเท่านั้น

สิ่งที่ลูคัสพอจะคิดได้มีเพียงแค่การรักษาพวกบัลรอคทั้งหมดโดยเร็วที่สุด เพราะว่าถ้าหากเขาสามารถรักษาคนไข้ทุกคนได้อย่างไม่มีปัญหา มันก็จะไม่มีคนไข้คนไหนถูกส่งตัวไปให้เซี่ยเฟย

ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็คิดว่าการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของลูคัสคือโอกาสที่ดีที่เขาจะหลอกล่อควินซี่ออกมา เพราะถ้าหากสถานการณ์ดำเนินไปโดยปกติ เขาก็คงจะต้องใช้เวลานานมากกว่าจะสามารถหลอกล่อควินซี่ออกมาได้ แต่เมื่อมันได้มีลูคัสอยู่ที่นี่ มันก็ช่วยประหยัดเวลาในแผนการของเขาให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุดลูคัสก็เป็นลูกศิษย์ของเจ้าโอสถที่โด่งดังไปทั่วทั้งแดนเนรเทศ และถึงแม้ว่าชายคนนี้จะไม่ค่อยมีความสามารถมากนัก แต่ชื่อเสียงของเขาก็ยังคงโด่งดังอยู่ดี

ด้วยเหตุนี้ถ้าหากเซี่ยเฟยสามารถเอาชนะลูคัสได้ ชื่อเสียงของเขาก็จะโด่งดังขึ้นมาเทียบเท่ากับลูกศิษย์ของเจ้าโอสถในชั่วข้ามคืน และแน่นอนว่าเมื่อชื่อเสียงพวกนี้ไปถึงหูของควินซี่ มันย่อมสามารถดึงดูดอีกฝ่ายออกมาจากที่ซ่อนได้อย่างแน่นอน

“คนต่อไป” ลูคัสกล่าวพร้อมกับเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เนื่องมาจากสภาพแวดล้อมอันอบอ้าวของดาวดวงนี้ มันจึงทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมากกว่าปกติ

โชคทีที่อาการป่วยของผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาสามารถรักษาได้อย่างง่ายดาย เพราะถ้าหากว่าเขาเจอโรคร้ายเข้าจริง ๆ เขาก็ไม่สามารถที่จะทำการรักษาได้เหมือนกัน

แต่ในทันใดนั้นเองหญิงสาวชาวบัลรอคคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในกระโจมพร้อมกับลูกชายของเธอ โดยที่อาการของเธอค่อนข้างที่จะกระสับกระส่ายอยู่เล็กน้อย

“เขามีอาการยังไง?” ลูคัสเริ่มถามอาการผู้ป่วยตามปกติ

“ไม่... เขาไม่ได้มีอาการป่วย” หญิงสาวกล่าวตอบเบา ๆ

“ถ้าไม่ป่วยแล้วจะมาที่นี่ทำไม? ทหารเอาตัวพวกมันออกไปซะ!” ลูคัสคำรามขึ้นมาด้วยความโกรธ

ทหารยามรีบเข้ามาหิ้วปีกผู้หญิงคนนั้นในทันที แต่เธอกลับรีบคุกเข่าลงกับพื้น

“พี่สะใภ้มัวทำอะไรอยู่รีบออกไปข้างนอกเร็ว ๆ เข้า!” ทหารคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างเห็นใจ เพราะสามีของเธอคนนี้ก็คือรุ่นพี่ของเขาที่ตายในเหตุการณ์ที่พวกเซธบุกเข้ามาโจมตีชาวบัลรอคเมื่อหลายปีที่แล้ว

หญิงม่ายในแดนเนรเทศมักจะมีจุดจบที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งโดยปกติอนาคตของพวกเธอก็มักจะลงเอยด้วยการถูกขับไล่ออกจากเผ่าพันธุ์หรือไม่ก็ต้องแต่งงานกับผู้ชายคนใหม่

“คุณหมอลูคัสได้โปรดช่วยเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ให้กับลูกชายของฉันด้วย ปีนี้เขาอายุ 16 ปีแล้วแต่ไม่ว่าเขาจะฝึกฝนแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถเปิดใช้งานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้ ถ้าหากเขายังไม่สามารถเป็นนักรบได้ในปีนี้พวกเราก็จะถูกขับไล่ออกจากเผ่า”

คำขอร้องจากหญิงสาวทำให้ลูคัสชะงักไปเล็กน้อย เพราะลูกชายที่เธอนำตัวเข้ามามีความสูงเพียงแค่ประมาณ 100 เซนติเมตรเท่านั้น เขาจึงดูคล้ายกับเด็กเล็กมากกว่าเด็กหนุ่มที่มีอายุ 16 ปี

“เขาเริ่มฝึกฝนตั้งแต่อายุเท่าไหร่?” ลูคัสเริ่มกล่าวถามขณะยื่นมือออกไปจับชีพจรของชายหนุ่มคนนั้น

“สามีของฉันเป็นนักรบและเขาก็ช่วยฝึกสจ๊วตตั้งแต่อายุ 6 ขวบแล้ว” หญิงสาวกล่าวตอบพร้อมกับปาดน้ำตา

“ฝึกมา 10 ปีแล้วแต่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ก็ยังไม่เปิดออกอีกงั้นเหรอ? เขาเคยดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนเข้าไปแล้วหรือยัง?” ลูคัสกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“ครอบครัวของเราพยายามทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อซื้อน้ำยาขวดเล็ก ๆ นั่นมาให้เขากินครั้งหนึ่งแล้ว แต่น่าเสียดายที่มันไม่สามารถใช้การได้”

เมื่อได้รับคำตอบลูคัสก็ทำการปล่อยกระแสจิตออกมาเข้าไปสำรวจสมองของชายคนนั้น ซึ่งทุกการขมวดคิ้วของลูกศิษย์เจ้าโอสถก็ทำให้ผู้เฝ้าดูทุกคนรู้สึกกังวลเช่นเดียวกัน

หลังจากสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง ลูคัสก็ชักแขนของตัวเองกลับมาพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนัก

“ถ้าหากว่าเขายังไม่ได้ดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนมันก็พอที่จะมีหนทางรักษาเขาได้ แต่น่าเสียดายที่น้ำยาปรับสภาพยีนที่เขาดื่มเข้าไปมีประสิทธิภาพไม่มากพอ ซึ่งไม่เพียงแต่มันไม่สามารถที่จะทำลายกำแพงที่ขวางกั้นพื้นที่สมองส่วนที่ 7 เข้าไปได้เท่านั้น แต่มันยังก่อให้เกิดตะกอนที่อุดตันพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อีกด้วย ฉันคิดว่าในชีวิตนี้ลูกชายของเธอคงจะไม่มีสิทธิ์ได้เป็นนักรบอีกต่อไปแล้ว”

คำตอบของลูคัสทำให้ชายหนุ่มกำหมัดแน่นจนทำให้เล็บแทงลึกเข้าไปในฝ่ามือ ส่วนแม่ของเขาก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมาเสียงดัง เพราะมันหมายความว่าพวกเธอจะต้องถูกขับไล่ออกจากเผ่าพันธุ์ในเวลาอีกไม่นาน

เหล่าบรรดาผู้เห็นเหตุการณ์ต่างก็ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมาเท่านั้น แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแม่ลูกคู่นี้ได้

อันที่จริงลูคัสก็ไม่ใช่นักปรุงยาคนแรกที่วินิจฉัยอาการของสจ๊วตออกมาแบบนี้ เพราะถึงแม้เผ่าบัลรอคจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ตั้งอยู่ในชนบทอันห่างไกล แต่มันก็มักจะมีนักปรุงยาแวะเวียนมาที่นี่ทุก ๆ 2-3 ปีอยู่เสมอ แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่านักปรุงยาจะเดินทางมาที่นี่สักกี่คน แต่ผลลัพธ์จากการวินิจฉัยสจ๊วตก็ยังคงออกมาเป็นแบบเดิม

“ลองไปหาอาเฟยที่อยู่กระโจมข้าง ๆ ดูไหม? บางทีเขาอาจจะช่วยลูกชายของเธอได้” ลูคัสกล่าวหลังจากที่นึกถึงป้ายรักษาได้ทุกโรคของเซี่ยเฟย

“จริงเหรอ? คุณหมออาเฟยสามารถรักษาอาการสมองอุดตันของลูกชายฉันได้งั้นเหรอ?” หญิงสาวคนนั้นกล่าวถามขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก

“แน่นอนสิ เธอไม่เห็นป้ายรักษาได้ทุกโรคบนกระโจมของเขาเหรอ?” ลูคัสกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

“วันนี้ฉันเหนื่อยแล้วขอจบการรักษาเอาไว้เพียงแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้เราค่อยกลับมาเปิดคลินิกกันใหม่ ช่วยพาแม่ลูกคู่นี้ไปที่กระโจมของอาเฟยที หวังว่าหมอมหัศจรรย์คนนั้นจะช่วยเหลือพวกเขาได้นะ” ลูคัสกล่าว

แน่นอนว่าชายคนนี้ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าอะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากจะเห็นเซี่ยเฟยขายขี้หน้าด้วยตาของตัวเองที่กล้าติดคำว่ารักษาได้ทุกโรคเอาไว้บนกระโจมอย่างโจ่งแจ้ง

“อะไรนะ? พูดอีกทีซิ” ลูคัสอุทานพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง

“ฉันบอกว่าฉันสามารถรักษาอาการของเจ้าหนุ่มคนนี้ได้” เซี่ยเฟยกล่าวซ้ำด้วยรอยยิ้ม

คำตอบของชายคนนี้เรียกเสียงฮือฮาจากฝูงชนได้ในทันที เพราะเหล่าบรรดาผู้ป่วยที่เข้าแถวในวันนี้ยังไม่ได้แยกย้ายกันออกไป เพราะพวกเขาต้องการจะดูว่าอาเฟยที่ประกาศตัวว่ารักษาได้ทุกโรคจะเก่งจริงเหมือนกับที่เขาได้อวดอ้างตัวเองเอาไว้หรือเปล่า

คนหลาย ๆ คนในเผ่าพอจะรู้ถึงอาการของสจ๊วตดีอยู่แล้ว พวกเขาจึงรู้ดีว่าอาการของเด็กชายคนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤตมากแค่ไหน แต่ถึงกระนั้นเซี่ยเฟยก็ยังประกาศออกมาว่าเขาสามารถที่จะรักษาสจ๊วตได้

“พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาอุดตันไปแล้ว ฉันขอถามหน่อยว่านายจะรักษาเขายังไง?” ลูคัสถามขึ้นมาเสียงดัง

เซี่ยเฟยเลือกที่จะนิ่งเงียบโดยไม่ตอบคำถาม ก่อนที่เขาจะนำวัตถุดิบออกมาจากแหวนมิติและวางเอาไว้บนโต๊ะมากกว่า 10 ชนิด

ตามปกติแล้วนักปรุงยาจะเข้าไปในสถานที่ลับในระหว่างที่พวกเขาเตรียมน้ำยา เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นลอกเลียนแบบการรักษาของพวกเขา แต่เซี่ยเฟยกลับนำวัตถุดิบทุกชนิดออกมาโชว์อย่างโจ่งแจ้ง ลูคัสจึงเฝ้าดูอยู่ตรงนั้นโดยไม่คิดที่จะหลบไปไหน

เซี่ยเฟยยกรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก เพราะท้ายที่สุดเขาก็รู้ดีกว่าใครว่าสูตรน้ำยาของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะสามารถลอกเลียนได้ง่าย ๆ ดังนั้นถึงแม้ว่าลูคัสจะนั่งอยู่ตรงนั้น แต่มันก็ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะลอกเลียนแบบน้ำยาของเขาได้อย่างเด็ดขาด

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากลูคัสพยายามที่จะปรุงน้ำยาลอกเลียนแบบเขาจริง ๆ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมาอีกฝ่ายก็ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถลอกเลียนน้ำยาของเขาได้เท่านั้น แต่น้ำยาที่ถูกปรุงขึ้นมาจากความไม่เข้าใจมันก็จะกลายเป็นยาพิษที่ร้ายแรงอีกด้วย

นอกจากนี้เซี่ยเฟยยังเคยมีอาการบาดเจ็บที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ด้วยเช่นกัน เขาจึงมีความเชี่ยวชาญในด้านการรักษาพื้นที่สมองส่วนที่ 7 มากกว่าอาการบาดเจ็บชนิดอื่น ๆ 

ซึ่งความสำเร็จของเขาในปัจจุบันก็คือการคิดสูตรน้ำยาเซราฟิมที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถปลดล็อคพื้นที่สมองส่วนที่ 7  ได้ด้วยอัตราความสำเร็จ 100% มันจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าเขาคนนี้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องเกี่ยวกับพื้นที่สมองส่วนที่ 7 มากแค่ไหน

อาการของสจ๊วตเกิดขึ้นมาจากการดื่มน้ำยาปรับสภาพยีนที่ไม่ได้คุณภาพ และทำให้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาเกิดอาการอุดตัน แล้วถึงแม้ว่าอาการนี้จะไม่ใช่อาการที่รักษาได้ง่าย ๆ แต่มันก็ไม่ใช่อาการที่ไม่สามารถรักษาได้เช่นเดียวกัน

เซี่ยเฟยใช้เวลาในการเตรียมน้ำยาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ซึ่งการเตรียมการของเขาผ่านไปอย่างลื่นไหล จนแม้แต่ลูคัสก็ต้องยอมรับว่าชายหนุ่มมีความเชี่ยวชาญในด้านการปรุงยามากจริง ๆ

เมื่อปรุงยาเสร็จเซี่ยเฟยก็ยื่นขวดของเหลวสีใสไปให้กับสจ๊วต

“น้ำยามีรสขมเล็กน้อยและร่างกายของนายจะเย็นตัวลงอย่างฉับพลันเมื่อยาออกฤทธิ์ ตราบใดก็ตามที่นายสามารถผ่านความทุกข์ทรมานนี้ไปได้ อาการสมองอุดตันของนายมันก็จะหายไปโดยสมบูรณ์” เซี่ยเฟยกล่าว

เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น ก่อนที่เขาจะมองไปที่แม่ของเขาด้วยแววตาอันมุ่งมั่น

เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ภายใต้สายตาของลูคัสโดยสมบูรณ์ และเขาก็สามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าส่วนผสมในน้ำยาของเซี่ยเฟยมันมีฤทธิ์ที่ขัดกันอย่างร้ายแรง

‘ยาขวดนั้นมันเป็นยาพิษชัด ๆ’ ลูคัสตะโกนภายในใจ

อึก ๆ ๆ 

สจ๊วตยกน้ำยาขึ้นดื่มทีเดียวหมดขวดและด้วยรสขมของยา มันจึงทำให้เขาขมวดคิ้วด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง

หลังจากดื่มน้ำยาจนหมดสจ๊วตก็พยายามจะยื่นมือออกไปเพื่อหยิบน้ำบ๊วยบนโต๊ะขึ้นมาดื่มเพื่อล้างปาก

“อย่าดื่ม สรรพคุณของบ๊วยไฟจะทำให้คุณสมบัติทางยาลดลง ดังนั้นจงอดทนอยู่นิ่ง ๆ ซะ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเข้มงวด

เมื่อเวลาผ่านไปใบหน้าของสจ๊วตก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างช้า ๆ ก่อนที่เขาจะใช้มือทั้งสองข้างมาจับคอด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ต่อมาริมฝีปากของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงพร้อมกับร่างกายของเขาที่เริ่มสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้

อันที่จริงน้ำยานี้ได้รับการปรับปรุงจากเซี่ยเฟยไปมากแล้ว ทำให้มันไม่ได้ออกฤทธิ์อย่างทรมานเหมือนกับที่เขาได้พบพานในอดีต แต่ถึงกระนั้นสำหรับคนอื่น ๆ สูตรน้ำยาของอันธก็ยังคงมอบความทรมานอันแสนสาหัสให้กับผู้ที่ดื่มมันเข้าไปอยู่ดี

ในที่สุดสจ๊วตก็ไม่สามารถที่จะยืนทนความเจ็บปวดเอาไว้ได้อีกต่อไป เขาจึงล้มลงไปนอนดิ้นกับพื้นพร้อมกับน้ำลายที่เริ่มฟูมปาก

ฝูงชนเริ่มมองไปที่เซี่ยเฟยด้วยแววตาอันเคียดแค้น ขณะที่แม่ของสจ๊วตก็ทิ้งตัวลงไปเพื่อพยายามกอดร่างลูกชายของเธอเอาไว้

“ทุกคนมันคือพวกโกหก! สิ่งที่เขาให้เด็กคนนั้นดื่มมันคือยาพิษ!!” เมื่อฝูงชนเริ่มมีข้อสงสัยลูคัสก็เริ่มใส่ไฟในทันที

“อะไรนะ? ยาพิษ!”

“เขาเป็นนักปรุงยาไม่ใช่เหรอ?”

“เด็กคนนั้นก็เป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าพ่อ แล้วทำไมคุณถึงจะต้องไปใจร้ายกับเขาแบบนั้นด้วย!”

ในช่วงเวลาตื่นตระหนกคือช่วงเวลาที่สภาพจิตใจของทุกคนบอบบางมากที่สุด ดังนั้นเมื่อคนที่น่าเชื่อถือในสายตาของฝูงชนอย่างลูคัสเริ่มพูดอะไรขึ้นมา มันก็สามารถชักจูงความคิดของทุกคนได้ในทันที

***************

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.