ตอนที่ 618 ปัญหาใหม่

-A A +A

ตอนที่ 618 ปัญหาใหม่

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 618 ปัญหาใหม่

ตาเฒ่าวูดส่งเซี่ยเฟยออกจากห้องด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ และถึงแม้ว่าเหล่าฝูงชนที่อยู่ด้านนอกจะยังไม่ทราบผลลัพธ์ แต่ทุกคนก็ตีความไปในแนวทางเดียวกันว่าคำตอบของชายหนุ่มได้ถูกยอมรับโดยเจ้าของภาพอย่างตาเฒ่าวูดแล้ว

ปริศนานี้เคยทำให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่ปวดหัวโดยไม่สามารถหาวิธีไขปริศนาได้ แต่เซี่ยเฟยที่เป็นเพียงแค่ชายหนุ่มอายุน้อยกลับสามารถไขปริศนาได้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากเกินไป

เหตุการณ์นี้ทำให้มู่เฉียงหลิงทำได้เพียงแต่เก็บความหงุดหงิดเอาไว้ข้างในใจ เพราะถึงแม้เขาจะคิดหาวิธีจัดการเซี่ยเฟยได้หลายวิธี แต่เมื่อคำตอบของชายหนุ่มเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เขาก็ทำได้เพียงแต่เฝ้าดูเซี่ยเฟยจากไปโดยที่ไม่สามารถจะหยุดชายหนุ่มคนนี้เอาไว้ได้

หลังจากเก็บกล่องรางวัลเข้าแหวนมิติ เซี่ยเฟยก็อำลาตาเฒ่าวูดท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน

แม้ว่าจะถึงเวลาร่ำลากันแล้วแต่ตาเฒ่าวูดก็ยังคงขอให้เซี่ยเฟยมาช่วยศึกษาหาความแตกต่าง ในบทเพลงที่ลูกสาวของเขาได้ทิ้งเอาไว้พร้อม ๆ กันกับเขาก่อน

ชายหนุ่มจำเป็นจะต้องปฏิเสธคำขอของชายชราไป เพราะถึงแม้ว่าการไขปริศนานี้จะน่าสนใจแต่มันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลานาน ยิ่งไปกว่านั้นการประเมินรอบที่ 2 ของกลุ่มมังกรฟ้าก็ใกล้เข้ามาแล้ว เขาจึงจำเป็นจะต้องใช้เวลาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการประเมินที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

“ไปกันเถอะ” เฝิงซินเหนียนกล่าวขึ้นมาอย่างไม่สบายใจ ราวกับว่าเขาไม่ต้องการจะอยู่ต่ออีกสักวินาทีเดียว จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงเดินออกจากสมาคมโดยทิ้งเซี่ยเฟยกับหลางซุนเย่เอาไว้ทางด้านหลัง

“พี่ซินเหนียนกลัวตาแก่ที่ชื่อเซี่ยจงไห่มาก เพราะเมื่อประมาณเดือนก่อนพี่เขาบังเอิญไปชนะหมากรุกตาเฒ่าคนนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นเขาก็พยายามท้าประลองพี่ซินเหนียนตลอดทั้งวัน ถ้าหากว่าพี่ซินเหนียนชนะเขาก็จะบอกว่ารอบต่อไป แต่ถ้าหากว่าพี่ซินเหนียนยอมแพ้ตาแก่เอาแต่ใจคนนั้นก็จะบอกว่าพี่ซินเหนียนออมมือให้เขาทำไม” หลางซุนเย่อธิบาย

“เขาเป็นคนที่น่าปวดหัวขนาดนั้นเลยเหรอ? ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเฝิงซินเหนียนถึงอยากรีบกลับขนาดนั้น” เซี่ยเฟยกล่าว

“ใช่ไหมล่ะ?! ตาแก่นั่นเป็นคนไร้เหตุผลมากและเป็นคนที่แม้แต่ประธานสมาคมก็ยังไม่อยากจะไปยุ่งกับเขา” หลางซุนเย่บ่นพร้อมกับถอนหายใจคล้ายกับว่าเขาก็เคยโดนอิทธิฤทธิ์จากชายชราคนนี้ด้วยเช่นกัน

“เฮ้ยไอ้หนู!” ทันใดนั้นมันก็มีเสียงร้องคำรามดังขึ้นมาจากด้านหลัง จนทำให้หลางซุนเย่ตกใจจนหน้าซีด

เมื่อมองย้อนกลับไปพวกเขาก็ได้พบกับชายชราร่างอ้วนที่กำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม

“นายเห็นไอ้หนูจากตระกูลเฝิงบ้างไหม?” ชายชรากล่าวถาม

“ผู้อาวุโสเซี่ย ตอนนี้ตระกูลเฝิงกำลังยุ่งมากเพราะพวกเขากำลังจัดการงานชุมนุมมังกรฟ้าอยู่” หลางซุนเย่กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา

“นั่นสินะ” ชายชรากล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบเคราบาง ๆ ที่คางของเขา

ปั่ก!

เซี่ยจงไห่นำมือมาตบลงบนศีรษะของหลางซุนเย่โดยไม่พูดอะไรสักคำ จนทำให้ชายร่างสูงตัวกลมถึงกับเกือบทรุดตัวล้มลงไปกองกับพื้น

“นายคิดว่าฉันเป็นพวกโง่หรือยังไงที่ไม่รู้ว่าการประเมินรอบแรกมันจบลงวันนี้”

ปัง ๆ ๆ ๆ!

ภาพต่อมาคือชายชราคนนี้คล้ายกับมองว่าหลางซุนเย่เป็นลูกบาสเกตบอล และเริ่มตบหัวของเขาลงอย่างต่อเนื่องจนทำให้หลางซุนเย่รู้สึกเจ็บจนแทบจะน้ำตาไหล

เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยเผลอกลืนน้ำลายลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขาไม่คิดว่าชายชราตรงหน้าจะเป็นคนที่ไร้เหตุผลถึงขนาดนี้

“ฉันได้ยินมาว่าวันนี้ตาเฒ่าวูดเดินทางเข้ามาในสมาคมฉันเลยจะไปหาเขาก่อน แต่ถ้าหากว่าเฝิงซินเหนียนไม่มาหาฉันภายในตอนเที่ยงของวันพรุ่งนี้…ฮึ่ม!”

ทันใดนั้นเซี่ยจงไห่ก็สังเกตเห็นเซี่ยเฟยที่อยู่ใกล้ ๆ เขาจึงกล่าวถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจว่า

“ทำไมนายถึงดูหน้าคุ้น ๆ นายเป็นคนจากตระกูลไหนงั้นเหรอ?”

“ผมมาจากตระกูลหยูครับ ผู้อาวุโสน่าจะจำคนผิดเพราะเราไม่เคยพบกันมาก่อน” เซี่ยเฟยรีบตอบกลับด้วยความเคารพ

“ตระกูลหยู... ตอนนี้หยูเจียงมันยังไม่ตายใช่ไหม?”

“ผู้อาวุโสหยูเจียงยังอยู่ดีครับ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ

หลังจากสลัดเซี่ยจงไห่ได้สำเร็จเซี่ยเฟยกับหลางซุนเย่ก็ออกมาจากสมาคม ก่อนที่พวกเขาจะรีบวิ่งไปหลบยังหัวมุมของถนน

ปกติเซี่ยเฟยเป็นชายหนุ่มที่มีนิสัยกล้าหาญอยู่เสมอ แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างเมื่อเขาได้พบกับเซี่ยจงไห่ เขากลับรู้สึกกลัวชายชราคนนี้อย่างแปลกประหลาด

ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาพบกับเฝิงซินเหนียนที่ซ่อนตัวอยู่บริเวณมุมห้อง ก่อนที่พวกเขาจะถอนหายใจออกมาราวกับตัวเองเพิ่งรอดพ้นจากความตาย

“โหพี่! หนีเอาตัวรอดมาคนเดียวเลยงั้นเหรอ” หลางซุนเย่กล่าวพร้อมกับนำมือขึ้นมาจับศีรษะอันเจ็บปวด

เฝิงซินเหนียนกล่าวขอโทษอีกครั้งและสัญญาว่าจะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่เพื่อไถ่โทษความผิดในวันนี้ ส่วนเรื่องที่เซี่ยจงไห่นัดเข้าไปพบในวันพรุ่งนี้เรื่องนั้นเขาก็ไม่มีทางไปอย่างแน่นอน เพราะตราบใดก็ตามที่เขายังคงซ่อนตัวอยู่ในสำนักงานมังกรฟ้า อีกฝ่ายก็ไม่สามารถจะมาหาเรื่องเขาได้ด้วยเหมือนกัน

หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามก็กลับไปยังสำนักงานมังกรฟ้าเพื่อส่งเซี่ยเฟยไปรับชุดเกราะชาร์ปเลส

“ในกล่องของผู้อาวุโสวูดมีของรางวัลอะไรซ่อนอยู่งั้นเหรอ ฉันขอดูด้วยได้ไหม?” หลางซุนเย่โอบไหล่เซี่ยเฟยพร้อมกับกล่าวถามด้วยท่าทางสนิทสนม

เซี่ยเฟยรู้สึกลำบากใจอยู่เล็กน้อย เพราะเขายังไม่รู้ว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ในกล่องของขวัญชิ้นนั้นกันแน่ ซึ่งถ้าหากว่ามันเป็นสมบัติที่หาได้ยากจริง ๆ เขาก็ไม่ต้องการจะบอกเรื่องนี้กับคนอื่น เพราะการที่คนอื่นรู้ว่าเขาได้ครอบครองสมบัติมันก็อาจจะนำมาซึ่งอันตรายในอนาคตด้วยเช่นเดียวกัน

“หมาน้อย นายรู้จักชุดเกราะชาร์ปเลสของอาบรูซไหม?” เฝิงซินเหนียนกล่าวถามเปลี่ยนเรื่อง

“ชุดเกราะชาร์ปเลสของบริษัทฟิกส์นั่นน่ะเหรอ?”

“ใช่ ตอนนี้ชุดเกราะนั่นกลายเป็นของเซี่ยเฟยแล้วนะ นายสนใจอยากจะเห็นมันด้วยตาของนายเองไหม?”

“อยากสิ! ผมอยากดู!! ถึงแม้ว่าในตระกูลของผมจะมีชุดเกราะจากบริษัทฟิกส์อยู่เหมือนกัน แต่พวกผู้อาวุโสในตระกูลก็ไม่ยอมให้ผมดูชุดเกราะในตระกูลของตัวเองด้วยซ้ำ” หลางซุนเย่กล่าว

ระหว่างเดินทางกลับไปยังสมาคมมังกรฟ้าทั้งสามได้พูดคุยกันด้วยท่าทางสนิทสนม ทำให้เหล่าบรรดาผู้พบเห็นเริ่มเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเซี่ยเฟยกับตระกูลเฝิงและตระกูลเชฟชิฟเตออย่างลับ ๆ

“นายกับตระกูลวิทเทอร์มีความขัดแย้งอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า? วันนี้ภายในงานทำไมฉันถึงรู้สึกว่าผู้อาวุโสมู่ดูจะมุ่งเป้าไปที่นายโดยเฉพาะ” หลางซุนเย่กล่าวถามอย่างสงสัย

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เรื่องนี้ทำให้ฉันปวดหัวมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว ครั้งหนึ่งฉันเคยช่วยคุณหนูมู่ฟู่ผิงเอาไว้โดยบังเอิญ แต่หลังจากที่ฉันกลับมาจู่ ๆ ทุกคนในตระกูลวิทเทอร์ก็ทำท่าเหมือนไม่พอใจฉันซะอย่างนั้น”

“นี่นายไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริง ๆ ใช่ไหม?” เฝิงซินเหนียนกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง

“ไม่รู้น่ะสิ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ความจริงมันเป็นแบบนี้ หลังจากที่นายช่วยมู่ฟู่ผิงแล้วหายตัวไป มู่ฟู่ผิงก็พยายามขอร้องให้ทางตระกูลช่วยตามหานายอย่างสุดกำลัง แต่ทางตระกูลวิทเทอร์ย่อมไม่สนใจคนตัวเล็ก ๆ อย่างนายอยู่แล้ว มู่ฟู่ผิงเลยบอกว่าเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนาย ทางตระกูลเลยยอมเคลื่อนไหวในที่สุด”

“ความจริงแล้วเรื่องนี้นายจะโทษมู่ฟู่ผิงก็ไม่ถูก เพราะเธอไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการเข้าสังคมมากนัก เธอจึงไม่รู้ถึงผลกระทบจากคำพูดที่เธอพูดออกไป แม้ว่าคำพูดของเธอจะมีประโยชน์กับนายในตอนนั้น แต่ในระยะยาวแล้วมันก็อย่าว่าแต่คนจากตระกูลวิทเทอร์เลย เพราะคนจากตระกูลใหญ่หลาย ๆ ตระกูลที่หมายตามู่ฟู่ผิงอยู่ก็รู้สึกไม่ชอบขี้หน้านายด้วยเหมือนกัน” เฝิงซินเหนียนกระซิบเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม

ความจริงในเรื่องนี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

“พี่ซินเหนียนพูดถูกแล้ว ในดินแดนกฎมักจะใช้การแต่งงานเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลใหญ่ต่าง ๆ และการที่มู่ฟู่ผิงพูดออกมาแบบนั้น มันก็ไม่ต่างไปจากการผลักนายเข้าไปในสงครามแย่งชิงตัวเธอระหว่างตระกูลใหญ่ต่าง ๆ”

“ยิ่งไปกว่านั้นมู่ฟู่ผิงยังเป็นทายาทสายตรงของตระกูลวิทเทอร์ ซึ่งแม้แต่ตระกูลเชฟชิฟเตอร์ของฉันก็อยากจะส่งทายาทสักคนไปแต่งงานกับเธอ คุณชายในตระกูลใหญ่หลาย ๆ ตระกูลต่างก็เคยทะเลาะกันเพราะพยายามจะแย่งชิงความปลอดภัยของมู่ฟู่ผิง ดังนั้นการที่เธอออกมาพูดแบบนี้มันจึงทำให้นายกลายเป็นเป้าหมายของตระกูลต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

ยิ่งทั้งสองอธิบายผลเสียของเรื่องนี้มากเท่าไหร่เซี่ยเฟยก็ยิ่งพูดไม่ออกมากขึ้นเท่านั้น และมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมก่อนหน้านี้ผู้ชายหลาย ๆ คนถึงมองมาที่เขาด้วยแววตาอันเคียดแค้น แท้ที่จริงแล้วมันก็เป็นเพราะว่ามู่ฟู่ผิงพยายามจะช่วยเขาด้วยวิธีการอันไร้เดียงสาของเธออยู่นั่นเอง

“ช่างมันเถอะ! ฉันรู้ดีว่าคุณหนูมู่ฟู่ผิงไร้เดียงสามากแค่ไหน และถึงแม้ว่าฉันจะไปตำหนิเธอในเรื่องนี้แต่มันก็คงจะไม่สามารถแก้ไขคำพูดของเธอในก่อนหน้านี้ได้อยู่ดี” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

“ถ้านายคิดได้แบบนั้นก็ดีแล้ว ความจริงเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่ว่าไม่มีทางแก้ไข เพราะตราบใดก็ตามที่นายสามารถเข้าสู่กลุ่มมังกรฟ้าได้สำเร็จ ในวันนั้นฉันกล้ารับประกันได้เลยว่ามันจะไม่มีใครกล้ามองนายด้วยแววตาดูถูกอีกต่อไป” เฝิงซินเหนียนกล่าว

“พี่ซินเหนียนพูดถูกแล้ว ตระกูลหยูยังมีอิทธิพลไม่มากพอที่จะปกป้องนายเอาไว้ แล้วมันก็มีเฉพาะการเข้าร่วมกลุ่มมังกรฟ้าเท่านั้นที่จะทำให้นายปลอดภัย หรือไม่มู่ฟู่ผิงก็ต้องตายเพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่เข้ามาแย่งชิงตัวเธอจากนาย” หลางซุนเย่กล่าว

“นายคิดได้ดีนี่! ทำไมในการประเมินรอบหน้านายไม่ฆ่าเธอด้วยมือของนายเองเลยล่ะ” เฝิงซินเหนียนกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

ณ สวนหลังอาคารสำนักงานมังกรฟ้า

ขณะนี้เกราะที่มีความสูงประมาณ 2 เมตรค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากพื้น และมันก็ไม่ใช่ชุดเกราะอื่นใดเลยนอกเสียจากชุดเกราะชาร์ปเลส

เมื่อมีชุดเกราะจากบริษัทฟิกส์มาปรากฏขึ้นตรงหน้า หลางซุนเย่ก็ลืมเหตุการณ์ทุกอย่างในก่อนหน้านี้ไปพร้อมกับยื่นมือออกไปลูบโลหะผสมด้านหน้าอย่าลืมตัว

“ชาร์ปเลส! มันคือชุดเกราะชาร์ปเลสจริง ๆ!! เซี่ยเฟยนายรู้ตัวไหมว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ได้ครอบครองชุดเกราะที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของ 1 ใน 4 ผู้พิทักษ์มังกรฟ้า นี่ถ้าหากฉันรู้ว่าของรางวัลสำหรับการแข่งขันในรอบแรกจะเป็นชุดเกราะชุดนี้ ฉันก็คงจะลงไปแข่งขันพร้อม ๆ กับนายแล้ว” หลางซุนเย่กล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

“สมาชิกจากตระกูลใหญ่ไม่จำเป็นจะต้องเข้าร่วมการประเมินรอบแรกหรอก พูดตามตรงเซี่ยเฟยก็ต้องเสี่ยงชีวิตกว่าจะได้รับของรางวัลชิ้นนี้มา แล้วถึงแม้ว่านายจะเข้าร่วมการประเมินด้วยตัวเองแต่นายก็อาจจะไม่ได้ที่ 1 เหมือนกับเซี่ยเฟยก็ได้ นอกจากนี้ของรางวัลในการแข่งขันรอบที่ 2 ก็ไม่ได้เลวร้าย ดังนั้นนายยังพอมีโอกาสในการประเมินรอบต่อไปอยู่” เฝิงซินเหนียนกล่าว

แม้ว่าเฝิงซินเหนียนจะพยายามพูดปลอบใจ แต่หลางซุนเย่ก็ยังคงบ่นอย่างยกใหญ่ว่าทำไมสมาชิกจากตระกูลใหญ่ถึงไม่ได้มีโอกาสเข้าร่วมการประเมินรอบแรก

เซี่ยเฟยเดินเข้าไปหาชุดเกราะชาร์ปเลส ก่อนที่เขาจะกดปุ่มบนตัวแขนของชุดเกราะ

ทันใดนั้นชิ้นส่วนของชุดเกราะก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะได้ห่อหุ้มร่างทั้งร่างของชายหนุ่มเอาไว้ในพริบตา

แม้ว่าชุดเกราะนี้จะเป็นชุดเกราะแข็งแต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหลังจากที่ได้สวมใส่ชุดเกราะทั้งตัวเข้าไปเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวชุดเกราะยังถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี จนทำให้เขาไม่ได้รู้สึกติดขัดในระหว่างการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียว

“ใช้ได้เลยนี่ มันดูเหมือนจะช่วยทำให้ฉันเคลื่อนไหวได้สะดวกกว่าชุดเกราะโลหะเหลวของฉันด้วยซ้ำ” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากพยายามเคลื่อนไหวหลาย ๆ ท่า

“เครื่องยนต์ที่ติดอยู่ด้านหลังชุดเกราะทรงพลังมาก ซึ่งไม่เพียงแต่มันจะช่วยให้นายบินในอวกาศได้เท่านั้น แต่มันยังช่วยส่งเสริมการเคลื่อนไหวของนายอีกด้วย ซึ่งโดยรวมแล้วมันก็จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนายได้ประมาณ 30%” เฝิงซินเหนียนกล่าว

เซี่ยเฟยทดลองนั่งยอง ๆ ก่อนที่เครื่องยนต์ควอนตัมทั้งสองตัวที่อยู่ด้านหลังของชุดเกราะจะเริ่มทำงาน

ฟู่!

ร่างของเซี่ยเฟยบินขึ้นไปบนท้องฟ้าผ่านชั้นบรรยากาศและออกสู่จักรวาลอย่างรวดเร็ว และนี่ก็คือหนึ่งในผลลัพธ์อันน่าทึ่งของชุดเกราะชาร์ปเลสที่ทำให้คนคนหนึ่งสามารถบินไปบนท้องฟ้าได้ไม่ต่างจากการมียานประจำตัว

เซี่ยเฟยต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการทำความคุ้นเคยกับชุดเกราะชุดใหม่ ด้วยการที่ชุดเกราะนี้มีเครื่องยนต์ติดอยู่ทางด้านหลัง มันจึงทำให้เขาสามารถเคลื่อนไหวบนท้องฟ้าได้อย่างอิสระ

ตราบใดก็ตามที่ชายหนุ่มต้องการเขาก็สามารถที่จะออกเดินทางจากดาวดวงหนึ่งไปยังดาวอีกดวงหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ซึ่งอิสระจากการและครอบครองชุดเกราะชุดนี้เป็นสิ่งที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังตระกูลหยู เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมินในรอบที่ 2 ที่จะเริ่มต้นขึ้นในอีก 1 เดือนต่อมา

ชายหนุ่มมุ่งหน้ากลับไปยังสวนเสือคำรามโดยตรง แต่เขากลับได้พบว่าสวนแห่งนี้ถูกทิ้งร้างและแม้แต่ราชาสัตว์อสูรทั้งสองตัวก็ไม่ได้อยู่ในสวนนี้อีกต่อไปแล้ว

บรรยากาศอันแปลกประหลาดทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และในระหว่างที่เขากำลังรู้สึกสับสนอยู่นั้นมันก็มีเสียงของคอปเปอร์ดังขึ้นมาอย่างกังวล

“เซี่ยเฟย!! นายกลับมาแล้ว”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอครับ?”

***************

ตระกูลหยูเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.